นิตยสาร I Get English เล่ม 9

16

description

ไอเก็ตอิงลิช นิตยสารเพื่อการเริ่มต้นและพัฒนาทักษะ ภาษาอังกฤษสำหรับทุกคน

Transcript of นิตยสาร I Get English เล่ม 9

37 |

วันนีเ้ราจะพาคุณผูอานไปรูจกักบัคนไทยเพยีงคนเดยีวทีส่ําเรจ็การศกึษาระดบั ปรญิญาโทเกยีรตนิิยมทางดานวทิยาการทางสมอง (Neuroscience) จาก มหาวทิยาลัยฮารวารด หากใครอยากทราบเคลด็ลบัการสรางอจัฉรยิะของเธอ หามพลาดเดด็ขาดเลยนะคะ เพราะวนันีเ้ราไดนําวิธกีารพัฒนาสมองแบบงายๆ ของเธอมาฝากกนัดวยคะ

อยากใหคุณหนดูีชวยแนะนาํตวัสกัเลก็นอย วาตอนนีท้ําอะไรอยูบาง

หนูดีทํางานหลายอยางคะ อันดบัแรกเลย หนูดีเปนเจาของโรงเรยีนชื่อโรงเรียนวนิษา โรงเรียนนีคุ้ณแมของหนูดีเปนผูกอต้ัง จริงๆ แลวคุณแมเปดใหหนดีูตอนหนูดีอายุ 3 ขวบ เพราะวาหนูดีจะเขาโรงเรียน แตหาโรงเรียนไมไดคุณแมเลยเปดใหหนูดีเอง ปจจุบันยังมีการเรียนการสอนอยูโดยมีหนูดีเปนเจาของและเปนคนดูแลหลักสูตรใหเหมาะกับการพัฒนาสมองของมนุษยคะ

งานที่ 2 หนูดีเปนเจาของบริษัทที่เพิ่งเปด ชื่อบริษัทอัจฉริยะสรางได เปนบริษัทที่เผยแพรสําหรับทุกสาขาเรื่องการทํางานของสมองคนผานทุกสื่อคะ ที่หนูดีทํามาแลวนะคะก็จะเปนการฝกอบรมใหกับองคกรและสถานศึกษาทั่วไป หรือเปดเปนการอบรมสัมมนาสําหรับบุคคลทั่วไปเก่ียวกับการพัฒนาดูแลสมองของเคา ส่ือส่ิงพิมพของบริษัทนี้ที่หนูดีไดทําคือการเขียนหนังสือเลมแรก “อัจฉริยะสรางได”ชื่อเดียวกับบริษัท กําลังจะมีเลมที่ 2 เปนเทคนิคการเรียนเกี่ยวกับการพัฒนาและดูแลสมองของเรา นอกจากนั้นหนูดีก็จัดรายการวิทยุคลื่น 100.5 และ 101.5 แลวในอนาคตก็จะมีรายการโทรทัศนเปนพิธีกรรายการโทรทัศนดวยคะ

โดย ศิริญญา ศรหีารกัษา

38 |

หลงัจากจบปรญิญาตรแีลว ทาํไมคณุหนูดจีงึสนใจทีจ่ะศกึษาตอในระดบัปริญญาโทที่มหาวทิยาลยัฮารวารดคะ

คงเริ่มมาจากการที่หนูดีสนใจเรื่องการทํางานทางสมองของคน ซึ่งหนูดีเองเรียนปริญญาตรีเรื่องครอบครัว ศึกษา แลวไดศึกษาทฤษฎีอันหนึ่งเปนทฤษฎีที่หนูดีชอบมากเลยชื่อวา Multiple intelligences หรือ ทฤษฎีพหุปญญา หรือวาอัจฉริยภาพหลายประการ แลวก็ประทับใจในผูกอต้ังทฤษฎีคือ ดร.โฮเวิรด การดเนอรมากๆ ก็เลยตัดสินใจไปตามหาดูวา ดร.โฮเวิรด การดเนอร สอนอยูที่ไหน ปรากฏวาทานเพิ่งเปดสอนหลักสูตรวาดวยเรื่องการทํางานของสมอง แทนที่เราจะเรียนวาผาตัดสมองอยางไร เราก็เรียนวา สมองทํางานอยางนี้นะ แลวทําอยางไรจะพัฒนาสมองใหไดดีขึ้น เปนโปรแกรมปริญญาโทที่มหาวิทยาลัย ฮารวารดเปดสอนที่เดียวในโลก หนูดีเลยตัดสินใจสมัครเขาไปเรียนที่นั่นเพราะวาประทับใจในตัวอาจารยคะ

การใชภาษาทีใ่ชในชีวติประจาํวัน กบัภาษาทีใ่ชในหองเรยีนตางกนัไหมคะ

ตางกันคะ ยกตัวอยางเชน สมัยที่หนูดีอยูในหองเรียนหนูดีเปนนักวิจัยและเปนนักวิจัยวิทยาศาสตรดานเซลลประสาทวิทยาหรือสมองคน เราจะมีศัพทเฉพาะของเราซึ่งเราไมไดใชกับคนขางนอกเพราะเปนศัพททางวิชาการจริงๆ ถาคนเรียนในสาขาเดียวกันจะรูและเขาใจ ยกตัวอยางเชน เวลาที่อยูในหองวิจัยหนูดีจะพูดวา Oxygen load, Temporal load, Executive Function, Hypocampus ซึ่งศัพทเหลานี้เปนศัพททางวิทยาศาสตรที่เกี่ยวกับสมอง สวนตางๆ ในสมอง ซึ่งถาเปนผูเชี่ยวชาญทางดานเดียวกับเราจะไมตองขยายคําอะไรเลย หนูดีสามารถใชคํานั้นไปตรงๆ ได ในขณะเดียวกันถาเราออกมา ทํางานนอกหองวิจัยเพื่อส่ือสารกับบุคคลทั่วไป เราก็ตองแปลความหมายของคําๆ นั้น ยกตัวอยางเชน ถาหนูดีบอกวา Hypocampus ถาใชคํานี้นอกหองเรียนหนูดีก็จะบอกวา Hypocampus เปนหนวยบันทึก ความจําจากความจําระยะสั้นสูความจําระยะยาว แลวถึงเขาเนื้อหาตอไปเพราะไมเชนนั้นคนที่ไมไดเรียน อยูในสาขาเดียวกับเราจะสับสนและไมเขาใจ อันนี้เปนเรื่องจําเปนมากนะคะในการดูแลเรื่องการใชภาษา ปจจุบันหนูดีไมใชนักวิจัยแลว หยุดหนาที่นักวิจัยชั่วคราวคะ ตอนนี้หนูดีทําหนาที่เผยแพรงานวิจัยจึงตองใชวิธีการใชภาษาที่เขาใจงายขึ้น หรือใชภาษาที่เปนสากลมากขึ้นในการอธิบายงานวิจัย ซึ่งปกติจะยากมากใหเปนภาษาที่คนทั่วไปสามารถเขาใจไดงาย

ความหมายของคําวาอจัฉรยิะทีแ่ทจรงิของคณุหนูดคีอือะไรคะ

คนที่เปนอัจฉริยะในสายตาหนูดีคงไมใชคนที่เกงแตไมรูจะเกงไปทําไม หรือคนฉลาดที่ไมรูวาจะฉลาด ไปเพือ่อะไร หนูดีวามันสําคัญมากเลยนะคะ อัจฉริยะคือคนที่ดูแลตัวเองไดเปนอยางดีมีความสามารถ ในการพัฒนาอัจฉริยภาพในชีวิตตัวเองไดครบทุกดานอยางสนุก มีความสุขและมีชีวิตสงบเรียบงาย แตในขณะเดียวกันก็สามารถที่จะดูแลโลกได สามารถสรางสรรคงานดีๆ ใหแกโลกได ดูแลคนอื่นไดดวย ตองมีครบทั้ง 2 ดาน เพราะคนมักคิดวาอัจฉริยะบุคคลก็คือคนที่สรางสรรคงานดีๆ ได แตลืมไปวา อัจฉริยะหลายคนก็ใชเวลาทั้งชีวิตสรางสรรคงานดีๆ ใหแกโลกจนลืมดูแลตัวเองลืมสรางสรรคส่ิงดีๆ ให กับชีวิตตัวเอง ในที่สุดก็ตายไปอยางเศราสรอยหรือตายไปอยางนาเสียดาย บางคนฆาตัวตายดวยซ้ํา

38 |

หลงัจากจบปรญิญาตรแีลว ทาํไมคณุหนูดจีงึสนใจทีจ่ะศกึษาตอในระดบัปริญญาโทที่มหาวทิยาลยัฮารวารดคะ

คงเริ่มมาจากการที่หนูดีสนใจเรื่องการทํางานทางสมองของคน ซึ่งหนูดีเองเรียนปริญญาตรีเรื่องครอบครัว ศึกษา แลวไดศึกษาทฤษฎีอันหนึ่งเปนทฤษฎีที่หนูดีชอบมากเลยชื่อวา Multiple intelligences หรือ ทฤษฎีพหุปญญา หรือวาอัจฉริยภาพหลายประการ แลวก็ประทับใจในผูกอต้ังทฤษฎีคือ ดร.โฮเวิรด การดเนอรมากๆ ก็เลยตัดสินใจไปตามหาดูวา ดร.โฮเวิรด การดเนอร สอนอยูที่ไหน ปรากฏวาทานเพิ่งเปดสอนหลักสูตรวาดวยเรื่องการทํางานของสมอง แทนที่เราจะเรียนวาผาตัดสมองอยางไร เราก็เรียนวา สมองทํางานอยางนี้นะ แลวทําอยางไรจะพัฒนาสมองใหไดดีขึ้น เปนโปรแกรมปริญญาโทที่มหาวิทยาลัย ฮารวารดเปดสอนที่เดียวในโลก หนูดีเลยตัดสินใจสมัครเขาไปเรียนที่นั่นเพราะวาประทับใจในตัวอาจารยคะ

การใชภาษาทีใ่ชในชีวติประจาํวัน กบัภาษาทีใ่ชในหองเรยีนตางกนัไหมคะ

ตางกันคะ ยกตัวอยางเชน สมัยที่หนูดีอยูในหองเรียนหนูดีเปนนักวิจัยและเปนนักวิจัยวิทยาศาสตรดานเซลลประสาทวิทยาหรือสมองคน เราจะมีศัพทเฉพาะของเราซึ่งเราไมไดใชกับคนขางนอกเพราะเปนศัพททางวิชาการจริงๆ ถาคนเรียนในสาขาเดียวกันจะรูและเขาใจ ยกตัวอยางเชน เวลาที่อยูในหองวิจัยหนูดีจะพูดวา Oxygen load, Temporal load, Executive Function, Hypocampus ซึ่งศัพทเหลานี้เปนศัพททางวิทยาศาสตรที่เกี่ยวกับสมอง สวนตางๆ ในสมอง ซึ่งถาเปนผูเชี่ยวชาญทางดานเดียวกับเราจะไมตองขยายคําอะไรเลย หนูดีสามารถใชคํานั้นไปตรงๆ ได ในขณะเดียวกันถาเราออกมา ทํางานนอกหองวิจัยเพื่อส่ือสารกับบุคคลทั่วไป เราก็ตองแปลความหมายของคําๆ นั้น ยกตัวอยางเชน ถาหนูดีบอกวา Hypocampus ถาใชคํานี้นอกหองเรียนหนูดีก็จะบอกวา Hypocampus เปนหนวยบันทึก ความจําจากความจําระยะสั้นสูความจําระยะยาว แลวถึงเขาเนื้อหาตอไปเพราะไมเชนนั้นคนที่ไมไดเรียน อยูในสาขาเดียวกับเราจะสับสนและไมเขาใจ อันนี้เปนเรื่องจําเปนมากนะคะในการดูแลเรื่องการใชภาษา ปจจุบันหนูดีไมใชนักวิจัยแลว หยุดหนาที่นักวิจัยชั่วคราวคะ ตอนนี้หนูดีทําหนาที่เผยแพรงานวิจัยจึงตองใชวิธีการใชภาษาที่เขาใจงายขึ้น หรือใชภาษาที่เปนสากลมากขึ้นในการอธิบายงานวิจัย ซึ่งปกติจะยากมากใหเปนภาษาที่คนทั่วไปสามารถเขาใจไดงาย

ความหมายของคําวาอจัฉรยิะทีแ่ทจรงิของคณุหนูดคีอือะไรคะ

คนที่เปนอัจฉริยะในสายตาหนูดีคงไมใชคนที่เกงแตไมรูจะเกงไปทําไม หรือคนฉลาดที่ไมรูวาจะฉลาด ไปเพือ่อะไร หนูดีวามันสําคัญมากเลยนะคะ อัจฉริยะคือคนที่ดูแลตัวเองไดเปนอยางดีมีความสามารถ ในการพัฒนาอัจฉริยภาพในชีวิตตัวเองไดครบทุกดานอยางสนุก มีความสุขและมีชีวิตสงบเรียบงาย แตในขณะเดียวกันก็สามารถที่จะดูแลโลกได สามารถสรางสรรคงานดีๆ ใหแกโลกได ดูแลคนอื่นไดดวย ตองมีครบทั้ง 2 ดาน เพราะคนมักคิดวาอัจฉริยะบุคคลก็คือคนที่สรางสรรคงานดีๆ ได แตลืมไปวา อัจฉริยะหลายคนก็ใชเวลาทั้งชีวิตสรางสรรคงานดีๆ ใหแกโลกจนลืมดูแลตัวเองลืมสรางสรรคส่ิงดีๆ ให กับชีวิตตัวเอง ในที่สุดก็ตายไปอยางเศราสรอยหรือตายไปอยางนาเสียดาย บางคนฆาตัวตายดวยซ้ํา

50 |

ใกลหนาหนาวแลว ดอกรักของหลายคนก็ผลิบานเต็มที่จน ถึงขั้นตกลงปลงใจเขาสูงานวิวาหกันในฤดูแหงความรักนี้ อาจดวยเหตผุลวา หนาวเนื้อหมเนือ้จงึหายหนาว แตหนาวใจปวดราวเสียนี่ กระไร มนุษยปุถุชนอยางเราๆ ทั้งหลายจึงเลือกที่จะมีคนหนาวดวยซึ่งนาจะดีกวาหนาวตายคนเดียวแหงๆ หลักฐานดูไดจากการดเชิญงานแตงงานกองโตบนโตะทํางานของฉนั อยางไรกข็อแสดงความยินดี กบัทุกคูรักดวยแลวกันนะ

และเมื่อพูดถึงการแตงงาน แนนอนวามันเปนพิธีกรรมท่ีเกิดขึ้นหลัง

จากการตัดสินใจครั้งใหญของชีวติหนุมสาว คิดดูซิวาเราจะตอง (ทน) อยูกับ อีกฝายไปจนตายเลยนะ ดังนั้นชีวิตหลังแตงงานมันจึงเปนอะไรที่เรนลับ ประหนึ่งชีวิตหลังความตาย (โอเวอรไปนิด) เจาบาวเจาสาวหมาดๆ จึงตองเตรียมตอบคําถามสารพันจากผูคนรอบขาง โดยเฉพาะจากคนที่ยังไมไดแตงงาน ยํ้า! คนที่ยังไมไดแตงงาน เพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะวาคุณจะกลายเปนกรณีศึกษาของพวกเขา โดยขอมูลทั้งหมดของคุณจะถูกนําไป ประมวลยังสมองซีกซายและซีกขวา เพื่อสรุปวาการแตงงานนี้มันดีหรือไมดี อยางไร คุมคาหรือไม

รูจักที่มาของคําศัพท โดย มนัญยา แสงพันธุ

51 |

หนึ่งในประเด็นฮิตที่ทุกคนใหความสนใจคือ ชวงฮันนีมูน (honeymoon) หรือดื่มน้ําผ้ึงพระจันทร ซึ่งเปนประเพณีจากฝรั่งลวนๆ หลายคนอยากรูวาคูแตงงานวางแผนจะไปฮันนีมูนที่ไหน (สงสัยอยากตามไปดวย) คงเปนเพราะการไปฮันนีมูนถือวาเปนชวงเวลาซึ่งคูบาวสาวหมาดๆ จะไปทองเที่ยวเพื่อผอนคลายหลังจากผานพนงานแตงงาน อันแสนเหน็ดเหนื่อยแถมยังเปนการใชเวลาดื่มดํ่ากับความรักอันหอมหวานปานจะกลืนกิน เอาเปนวามองไปทางไหน โลกก็เปนสีชมพู จึงไมแปลกใจเลยท่ีทุกคนตางก็อยากสัมผัสชวงเวลานี้ดวยตัวเอง หรือไมก็จินตนาการวาถาถึงคราวตัวเองบางจะไปไหนดี (ฝนน้ําลายยืดเลยนะ)

นาแปลกวาชวงฮันนีมูน หรือชวงดื่มน้ําผึ้งพระจันทร ซึง่เรารูจักกันในปจจบุันนั้นไมมีอะไรเก่ียวกับ การดื่มน้ําผ้ึงหรือพระจนัทรเหมอืนชื่อแตอยางใด ฉันชักเริ่มสงสัยวาคนสมัยกอน เปรียบความหอมหวานของการแตงงานเหมือนกับการดื่มน้ําผ้ึง (honey) ใตเงาพระจันทร (moon) หรืออยางไร? พอสงสัยมากๆ เขาจึงตองไปเปดตําราคนควาหาที่มาของคําๆ นี้มาฝากใหคุณผูอานไดความรูกันดังนี้

เม่ือยอนกลับไปเปดตํานานเกี่ยวกับประเพณี การแตงงานของแถบยุโรปตอนเหนือ ก็พบคําวา “hjunottsmanather” ในภาษานอรเวยโบราณเปนประเพณีที่เจาบาวตองลักพาตัวเจาสาวจากหมูบาน แลว พาไปหลบซอนทีไ่หนสักแหงจนแนใจวาญาติเจาสาวไม สามารถหาพบและรอจนกระทั่งเลิกคนหา จากนั้นทั้งคูจึงจะกลับมายังหมูบานอีกครั้งหนึ่ง (คลายๆ การหนีตามกันของบานเรายังไงยังงั้น) เราจึงสันนิษฐานไดวา

ความหมายแรกเริ่มของคําวา honeymoon ในปจจุบัน คือ hiding หรือการหลบซอนนั่นเอง แตถาศึกษาภาษา ในกลุมสแกนดิเนเวียน เราจะพบ honeymoon ในความหมายที่แตกตางออกไป คือ มันใชเรียกประเพณีที่คูแตงงานใหมตองดื่มเครื่องดื่มที่เรียกวา mead (เหลาชนิดหนึ่งไดจากการหมักน้ําผ้ึง) โดยตองดื่มทุกวันเปนเวลา 1 เดือน โดยพอของฝายหญิงตองเปนฝายเตรียมเครื่องดื่มชนิดนี้ใหแกลูกเขยในชวงเดอืนแรก หลังการแตงงาน และยังพบดวยวามีประเพณีที่สามีตอง ลักพาตัวภรรยาไปซอน ดวยความหวังที่จะใหภรรยาต้ังครรภในชวงทายๆ ของการ honeymoon อาจกลาวไดวาคนในสมัยกอนเชื่อวา น้ําผ้ึง ก็คือยาเพิ่มพลังทาง เพศชนิดหนึ่ง และการ honeymoon เปนประเพณีการเพิ่มประชากรนั่นเอง

สวนในภาษาอังกฤษคําวา honeymoon นั้นไดเขามาเมื่อ 400 กวาปนี้เอง คาดวาไดอิทธิพลมาจากภาษาบาบิลอน ในชวงแรกหมายถึง ประเพณีที่คูแตงงานใหมตองดื่ม mead ตลอดเดือนแรกของการ

15 |

ฉบับนี้ขอตอบรับกระแสแอบแบวดวยการนําทาเกกถายรูปสุดฮิตของสาวนอยสาวใหญมาถอดรหัส เจาทาที่วานี้ก็คือทาชู 2 นิ้ว หรือทีใ่นภาษาอังกฤษเรียก V sign ซึ่งมีตนกาํเนดิ ยอนไปไกลพอดู ออ! ลืมบอกไปวา V นั้นยอมาจาก Victory ที่หมายถึง “ชัยชนะ” แตจะเปนชัยชนะของใคร และทําไมคนถึงไดทําทานี้กนัทั่วโลกตองตามมาหาคําตอบพรอมกัน

ตามตํานาน V sign เกิดขึ้นในสงครามรอยป (The Hundred

Years’ War) ซึ่งเปนสงครามระหวางอังกฤษกับฝร่ังเศส ในสมัยนั้นทัพหนาก็คือพลธนูยาวที่มีความสําคัญในการรบมาก พวกเขาจะตองยิงธนไูปยังนักรบ ฝายตรงขามเพื่อตัดกําลังของอีกฝายใหไดเยอะที่สุดเทาที่จะทําได หากภารกิจ ของพวกเขาสําเร็จก็จะเปนการปูทางใหพลทหารหนวยอื่นๆ ทะลุทะลวงไปควาชัยชนะตอไดโดยงาย ทีนี้เนื่องดวยความสําเร็จของเหลาพลธนูอังกฤษรวมกับพลธนูชาวเวลสกอใหเกิดความเสียหายอยางมากแกทหาร

ของฝรั่งเศสในการรบที่ Agincourt ฝายหลังจึงเกิดความแคน เมื่อจับตัวพลธนูของกองทัพอังกฤษไดคราใด ก็จะจับมาตัดนิ้วกลางและนิ้วชี้ขางขวา

ออกเสีย นัยวา “หมั่นไสนัก ตองใช 2 นิ้วนี้รบใชม้ัย งั้นก็ตัดมันซะเลย” ฝายทหาร อังกฤษก็ไมนอยหนาดานความยียวน พอเห็นทหารฝรั่งเศสเมื่อไร ก็ไมลืมที่จะ

ย่ัวยุดวยการช ู2 นิ้ว เพื่อเปนการบอกกลายๆ วา “แนจริงก็มาตัดสิ 2 นิ้วของขายังอยูครบเวย” อยางไรก็ตาม บางตําราแยงวา เรื่องดังกลาวฟงดูพิลึกๆ ถาทหารฝรั่งเศส ตัดแค 2 นิ้ว ทหารอังกฤษก็จะรอดชีวิตกลับมาเปนทหารไดอีก ฆาไปเสียเลยดูจะสมเหตุสมผลกวา

รูจกัฝรัง่จากวฒันธรรม โดย ดจุเดือน

13 |

มาดูหลักฐานที่พอจะหาไดเปนชิ้นเปนอันของ V sign กันบาง V sign เกิดขึ้นมาจากความคิดของ นาย Victor De Lavelaye ทนายความชาวเบลเยี่ยม ผูล้ีภัยมาอาศัยอยูในประเทศอังกฤษ นาย De Lavelaye ผูนี้ไดเสนอผานรายการวิทยขุอง BBC วาใหผูคนหันมาใชตัวอักษรภาษาอังกฤษ V เพื่อตอตานพวกนาซีกันเยอะๆ เพราะ V เปนตัวอักษรตัวแรกของคําวา Victoire ที่แปลวา ชัยชนะ ในภาษาฝรั่งเศส และคําวา Vrijheid ที่แปลวา อิสรภาพ ในภาษาเฟลมมิช (ภาษาถิ่นภาษา หนึ่งของเบลเยี่ยม) เหตุผลท่ีตองเปน 2 ภาษานี้เพราะในขณะนั้นทั้งชาววอลลูนในฝรั่งเศสและชาวเฟลมมิชในเบลเยี่ยม กําลังเดินขบวนตอตานนาซีรวมกันอยูทนายผูนั้นยังบอกอีกดวยวา ชัยชนะและอิสรภาพ เปนส่ิงที่มาคูกัน และชัยชนะ(เหนือนาซี) ที่จะใหอิสรภาพแกพวกเขาก็คือ ชัยชนะเหนือนาซีของประเทศอังกฤษ หนึ่งในมิตรประเทศของพวกเขาที่กําลังตอตานนาซีอยู ซึ่งในภาษาอังกฤษก็มีคําวา Victory แปลวาชัยชนะ ที่ขึ้นตนดวยอักษร V เหมือนกัน ตัว V จึงเหมาะสมที่สุดที่จะนํามารณรงคตอตานพวกนาซี

จากนั้น BBC ซึ่งเปนสถานีเครือขายวิทยุและ โทรทัศนของประเทศอังกฤษ ก็นําการรณรงคนี้มาขยาย ตอจนผูคนรับรูกันในวงกวาง BBC ไดแสดงสัญลักษณ V เพื่อตอตานนาซีในหลากหลายรูปแบบ ไมวาจะเปน

การแพรเสียงรหัสมอรสของตัว V ตามดวยชวงตน ของเพลงซิมโฟนีหมายเลข 5 ของบโีธเฟน (เหตุผลที่ เปนเพลงนี้ก็เพราะชวงตนของเพลงคลายกับรหัสมอรส ของตัว V แถมหมายเลข 5 ของอักษรโรมันก็ยังหนาตาเหมือนตัว V อีกดวย) ประชาชนในประเทศที่ถูกนาซีรุกรานตางพากันขานรับการรณรงคนี้ดวยวิธีที่แตกตางกันไป ไมวาจะเปนการเขียนตัว V ไวทุกหนทุกแหงที่พวกเขาทําได เชน บนกําแพง การปูพื้นอิฐเปนรูปตัว V หรือการใชรหัสมอรสตัว V ในการสงสัญญาณในชีวิต ประจําวัน เชน เคาะประตูบานหรือโบสถ แมแตคุณครูที่สงสัญญาณเรียกนักเรียนก็ยังใชวิธีการปรบมือเปน รหัสมอรส ถึงจะไมสามารถทําอะไรฝายนาซีใหกระทบ กระเทือนไดโดยตรง แตนาย De Lavelaye เจาของความคิดไดใหเหตุผลวา อยางนอยถาพวกนาซีเห็นสัญลักษณตอตานบอยๆ จะไดรูเอาไววามีคนเฝารอวัน ลมเหลวของพวกเขาอยูเต็มไปหมด แลววันหนึ่งพวกนั้น ก็ตองแพภัยตัวเองจนไดนั่นแหละ แมตอนหลังเยอรมนั (ซึ่งเปนพวกนาซ)ี พยายามจะเอาอยางโดยการนําตัว V มาเปนสัญลักษณแหงชัยชนะบาง เพราะถือวาเยอรมัน ก็มีคําวา Victoria ที่แปลวาชัยชนะกับเขาเหมือนกัน แตความพยายามครั้งนี้ดูเหมือนจะสายไปหนอย เพราะ ชาวบานชาวชองไดพากันจดจําตัว V ในความหมายวา “ชัยชนะของพวกที่ตอตานนาซี” ไปกันหมดแลว

13 |

มาดูหลักฐานที่พอจะหาไดเปนชิ้นเปนอันของ V sign กันบาง V sign เกิดขึ้นมาจากความคิดของ นาย Victor De Lavelaye ทนายความชาวเบลเยี่ยม ผูล้ีภัยมาอาศัยอยูในประเทศอังกฤษ นาย De Lavelaye ผูนี้ไดเสนอผานรายการวิทยขุอง BBC วาใหผูคนหันมาใชตัวอักษรภาษาอังกฤษ V เพื่อตอตานพวกนาซีกันเยอะๆ เพราะ V เปนตัวอักษรตัวแรกของคําวา Victoire ที่แปลวา ชัยชนะ ในภาษาฝรั่งเศส และคําวา Vrijheid ที่แปลวา อิสรภาพ ในภาษาเฟลมมิช (ภาษาถิ่นภาษา หนึ่งของเบลเยี่ยม) เหตุผลท่ีตองเปน 2 ภาษานี้เพราะในขณะนั้นทั้งชาววอลลูนในฝรั่งเศสและชาวเฟลมมิชในเบลเยี่ยม กําลังเดินขบวนตอตานนาซีรวมกันอยูทนายผูนั้นยังบอกอีกดวยวา ชัยชนะและอิสรภาพ เปนส่ิงที่มาคูกัน และชัยชนะ(เหนือนาซี) ที่จะใหอิสรภาพแกพวกเขาก็คือ ชัยชนะเหนือนาซีของประเทศอังกฤษ หนึ่งในมิตรประเทศของพวกเขาที่กําลังตอตานนาซีอยู ซึ่งในภาษาอังกฤษก็มีคําวา Victory แปลวาชัยชนะ ที่ขึ้นตนดวยอักษร V เหมือนกัน ตัว V จึงเหมาะสมที่สุดที่จะนํามารณรงคตอตานพวกนาซี

จากนั้น BBC ซึ่งเปนสถานีเครือขายวิทยุและ โทรทัศนของประเทศอังกฤษ ก็นําการรณรงคนี้มาขยาย ตอจนผูคนรับรูกันในวงกวาง BBC ไดแสดงสัญลักษณ V เพื่อตอตานนาซีในหลากหลายรูปแบบ ไมวาจะเปน

การแพรเสียงรหัสมอรสของตัว V ตามดวยชวงตน ของเพลงซิมโฟนีหมายเลข 5 ของบโีธเฟน (เหตุผลที่ เปนเพลงนี้ก็เพราะชวงตนของเพลงคลายกับรหัสมอรส ของตัว V แถมหมายเลข 5 ของอักษรโรมันก็ยังหนาตาเหมือนตัว V อีกดวย) ประชาชนในประเทศที่ถูกนาซีรุกรานตางพากันขานรับการรณรงคนี้ดวยวิธีที่แตกตางกันไป ไมวาจะเปนการเขียนตัว V ไวทุกหนทุกแหงที่พวกเขาทําได เชน บนกําแพง การปูพื้นอิฐเปนรูปตัว V หรือการใชรหัสมอรสตัว V ในการสงสัญญาณในชีวิต ประจําวัน เชน เคาะประตูบานหรือโบสถ แมแตคุณครูที่สงสัญญาณเรียกนักเรียนก็ยังใชวิธีการปรบมือเปน รหัสมอรส ถึงจะไมสามารถทําอะไรฝายนาซีใหกระทบ กระเทือนไดโดยตรง แตนาย De Lavelaye เจาของความคิดไดใหเหตุผลวา อยางนอยถาพวกนาซีเห็นสัญลักษณตอตานบอยๆ จะไดรูเอาไววามีคนเฝารอวัน ลมเหลวของพวกเขาอยูเต็มไปหมด แลววันหนึ่งพวกนั้น ก็ตองแพภัยตัวเองจนไดนั่นแหละ แมตอนหลังเยอรมนั (ซึ่งเปนพวกนาซ)ี พยายามจะเอาอยางโดยการนําตัว V มาเปนสัญลักษณแหงชัยชนะบาง เพราะถือวาเยอรมัน ก็มีคําวา Victoria ที่แปลวาชัยชนะกับเขาเหมือนกัน แตความพยายามครั้งนี้ดูเหมือนจะสายไปหนอย เพราะ ชาวบานชาวชองไดพากันจดจําตัว V ในความหมายวา “ชัยชนะของพวกที่ตอตานนาซี” ไปกันหมดแลว

46 |

ใหมากขึน้ใหมากขึน้ ((22))

Right Writing ฉบับนี้ เราจะมาวากันตอถึงเรื่องการใช Punctuations (เครื่องหมายวรรคตอน) แบบไมตองพูดพร่ําทําเพลงกันละนะคะ ขอทบทวนยอนหลังไปในฉบับที่แลวเล็กนอย วาเราไดเรยีนรูการใชเครื่องหมายวรรคตอน 2 ตัว คือ “ . ” (full stop) และ “ , ” (comma) กันไปแลว ซึ่งโดยรวมๆ แลวก็ไมไดซับซอนยุงยากอะไร ตัวแรกใชเม่ือจบประโยค สวนอีกตัวใชค่ันชวงความคิดในประโยค สวนรายละเอียดจะเปนอยางไรนั้น คุณผูอานสามารถกลับไปทบทวนไดจาก I Get English ฉบับที่ 8 คะ

เครื่องหมายวรรคตอนตัวตอไปนี้ คงจะคุนหนาคุนตาหลายๆ คนดี เพราะเรามักจะเห็นมันในหนังสือหรือบทความกันเปนประจําอยูแลว แตถึงอยางนั้น บทจะตองเปนคนเขียนขึ้นมา เราอาจแทบไมไดนึกถึงมัน หรือไมรูเลยวาจะสามารถดึงมันมาใชประโยชนไดตรงไหนเมื่อไหร และแตกตางจาก comma ที่ใชไดงายๆ อยางไร เครื่องหมายวรรคตอนตัวดังกลาวก็คือ “ : ” (colon) นั่นเองคะ

เจาจุดบนลาง 2 จุดนี้ มีประโยชนเกินตัวมันไปมากทีเดียว จําไวใหดีเลยนะคะ คุณสมบัติของมันก็คือ

�e¡Ãiè¹¹íÒ + e¹ �¹ÂéíÒ + ·íÒãË �e» �¹ÃaeºÕº�

หนาที่หลักของ colon คือ เกริ่นนําไปสูขอมูลตางๆ ที่เราอยากนําเสนอ ซึ่งนอกจากมันจะชวยใหผูอานไดเตรียมตัวเตรียมใจรับขอมูลดังกลาวแลว ยังจะเกิดผลพลอยไดอีก 2 อยาง คือชวยเนนย้ําความสําคัญของขอมูลที่เราพูดถึง และชวยจัดระเบียบขอมูลของเราไปโดยปริยาย ลองดูตัวอยางตอไปน้ี

½ �¡Ê ืèoÊÒü �Ò¹µaÇ˹a§Êoื โดย : Auntienook

47 |

0 You could win her heart only by honesty. (นายจะสามารถเอาชนะใจหลอนไดดวยความซื่อสัตยเทานั้น) ประโยคนี้อานไมยาก แตเมื่ออานแลวไมรูสึกวาอะไรถูกเนนใหสําคัญ ใหความ รูสึกกลางๆ แตถาหากเปลี่ยนวิธีการเขียนโดยใช colon เขามาชวยแบบนี้

0 You could win her heart only by one thing: honesty. (นายจะสามารถเอาชนะใจหลอนไดดวยสิ่งเดียวเทานั้น นั่นก็คือความซื่อสัตย) colon ที่เขามาคั่นประโยค ชวยใหผูอานเตรียมตั้งสติ รอขอมูลที่จะตามมา นอกจากนี้ยังชวยผลักใหคําวา

honesty กระโดดออกมายืนเดนเปนสงาอยูเพียงลําพัง ทําใหเราไดรูวา honesty เปนกุญแจสําคัญของประโยคที่ผูเขียนใหความสําคัญมากจนถึงขนาดตองดึงออกมาไวตางหาก พรอมกันนั้นก็ยังชวยจัดระเบียบความคิดของทั้งคนเขียนและคนอานอีกดวย

oaäú �Ò§¹a ???? ·ÕèÊÒÁÒöµÒÁËÅ § cln ä´ � .

จากตัวอยางที่ยกมา เราจะเห็นไดวาสวนที่ตามหลัง colon เปนคํานามเพียงคําเดียว ดังนั้น ส่ิงแรกที่ม่ันใจไดวาเดินตามหลัง colon มาติดๆ แนนอน คือ

11.. คํานามคํานาม Ex. Students usually neglect the most important part of essays: the introduction.

(เด็กนักเรียนมักจะสะเพรากับสวนที่สําคัญที่สุดของเรียงความ นั่นก็คือบทนํา)

นอกเหนือจากคํานามคําเดียวแลว ยังมีอะไรที่สามารถวางหลัง colon ไดอีก ลองดูกันไปทีละขอเลยดีกวา 22. . วลีวลี

Ex. This novel tells the story you will like: the adventure of a humble boy and his loyal dog. (นวนิยายเลมนี้มีเนื้อเรื่องแบบที่เธอตองชอบ นั่นก็คือเรื่องการผจญภัยของเด็กชายผูตํ่าตอยกับหมาผูภักดีของเขา) สวนที่ตามหลัง colon ไมใชคําๆ เดียว แตเปนกลุมคําที่อธิบายขยายความวา story (เรื่องราว) ของนวนิยาย

เลมดังกลาวเกี่ยวกับอะไร 33. . ประโยคประโยค

Ex. There is just one problem about the painting you want to sell to me: it is a fake. (มีปญหาอยูแคอยางเดียวเทานั้นเกี่ยวกับเรื่องรูปภาพที่คุณจะขายใหผม...นั่นก็คือ...มันเปนของปลอมนะ) สวนที่ตามหลัง colon เปนประโยคทั้งประโยค มีประธาน กริยา และสวนเติมเต็มครบถวน ชวยใหความ

กระจางแจงวาปญหาที่เกิดกับรูปภาพที่วานะ คืออะไรกันแน

47 |

0 You could win her heart only by honesty. (นายจะสามารถเอาชนะใจหลอนไดดวยความซื่อสัตยเทานั้น) ประโยคนี้อานไมยาก แตเมื่ออานแลวไมรูสึกวาอะไรถูกเนนใหสําคัญ ใหความ รูสึกกลางๆ แตถาหากเปลี่ยนวิธีการเขียนโดยใช colon เขามาชวยแบบนี้

0 You could win her heart only by one thing: honesty. (นายจะสามารถเอาชนะใจหลอนไดดวยสิ่งเดียวเทานั้น นั่นก็คือความซื่อสัตย) colon ที่เขามาคั่นประโยค ชวยใหผูอานเตรียมตั้งสติ รอขอมูลที่จะตามมา นอกจากนี้ยังชวยผลักใหคําวา

honesty กระโดดออกมายืนเดนเปนสงาอยูเพียงลําพัง ทําใหเราไดรูวา honesty เปนกุญแจสําคัญของประโยคที่ผูเขียนใหความสําคัญมากจนถึงขนาดตองดึงออกมาไวตางหาก พรอมกันนั้นก็ยังชวยจัดระเบียบความคิดของทั้งคนเขียนและคนอานอีกดวย

oaäú �Ò§¹a ???? ·ÕèÊÒÁÒöµÒÁËÅ § cln ä´ � .

จากตัวอยางที่ยกมา เราจะเห็นไดวาสวนที่ตามหลัง colon เปนคํานามเพียงคําเดียว ดังนั้น ส่ิงแรกที่ม่ันใจไดวาเดินตามหลัง colon มาติดๆ แนนอน คือ

11.. คํานามคํานาม Ex. Students usually neglect the most important part of essays: the introduction.

(เด็กนักเรียนมักจะสะเพรากับสวนที่สําคัญที่สุดของเรียงความ นั่นก็คือบทนํา)

นอกเหนือจากคํานามคําเดียวแลว ยังมีอะไรที่สามารถวางหลัง colon ไดอีก ลองดูกันไปทีละขอเลยดีกวา 22. . วลีวลี

Ex. This novel tells the story you will like: the adventure of a humble boy and his loyal dog. (นวนิยายเลมนี้มีเนื้อเรื่องแบบที่เธอตองชอบ นั่นก็คือเรื่องการผจญภัยของเด็กชายผูตํ่าตอยกับหมาผูภักดีของเขา) สวนที่ตามหลัง colon ไมใชคําๆ เดียว แตเปนกลุมคําที่อธิบายขยายความวา story (เรื่องราว) ของนวนิยาย

เลมดังกลาวเกี่ยวกับอะไร 33. . ประโยคประโยค

Ex. There is just one problem about the painting you want to sell to me: it is a fake. (มีปญหาอยูแคอยางเดียวเทานั้นเกี่ยวกับเรื่องรูปภาพที่คุณจะขายใหผม...นั่นก็คือ...มันเปนของปลอมนะ) สวนที่ตามหลัง colon เปนประโยคทั้งประโยค มีประธาน กริยา และสวนเติมเต็มครบถวน ชวยใหความ

กระจางแจงวาปญหาที่เกิดกับรูปภาพที่วานะ คืออะไรกันแน

20 |

ในยุคที่เราตองการความรวดเร็วในการติดตอส่ือสารจดหมายอิเล็กทรอนิกส (Electronic mail) หรืออีเมล (e-mail) ไดกลายมาเปนทางเลือกใหมที่มีคนนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความ สะดวกสบายหลายประการ ไมวาจะเปนการประหยัดเงินเพราะไมตองเปลืองคาสงจดหมาย หรือประหยัดเวลาเพราะ

เพียงแคเสี้ยววินาทีก็สามารถสงสารที่เราตองการไปยังอีกฝายได และแมวาอีเมลจะมีรูปแบบที่ดูคลายคลึงกับจดหมาย แตก็ยังมีขอแตกตางกันกับการเขียนจดหมายหลายประการ และนี่คือส่ิงที่เราจะมาเรียนรูกัน...

e-mail headings

โดยปกติแลวหัวของอีเมลจะคลายกับ memo โดยมีสวนประกอบหลักๆ คือ To: สวนนี้ไวใสอีเมลแอดเดรส (e-mail address) ของผูรับที่เราตองการสงขอมูลหรือขอความนั้นให ซึ่งโดยทั่วไปรูปแบบของอีเมลแอดเดรส คือ [email protected] เชน [email protected] name สวนของชื่อนั้น หากใชเปน e-mail ที่ใชติดตอธุรกิจ มักอางอิงตามชื่อจริงของบุคคล แตถาเปนการใชสวนตัว มักตั้งชื่ออะไรกไ็ดตามความตองการของเจาของอีเมลแอดเดรสนั้น ชื่ออีเมลจะไมมีการเวนวรรคเด็ดขาด ถาตองการใหมีชองวางระหวางคําใดๆ ก็ตาม ใหใชเครื่องหมาย full stop (.) หรือ underscore (_) แทน เชน june.h หรือ june_h site.address หลังเครื่องหมาย @ ในอีเมล เปนชื่อของผูใหบริการอีเมล เชน hotmail.com, yahoo.com และในสวนนี้ยังสามารถบอกประเทศของผูใชอีเมลไดอีกดวย เชน ais.co.th. มาจากประเทศไทย สวน coco.co.jp มาจากประเทศญี่ปุน เปนตน

เขียนจดหมายอยางมือโปร โดย มนัญยา แสงพันธุ

e-mail heading

e-mail body

33 |

สมัยกอนคนชอบกีฬามี 2 ประเภท (ไมนับพวกชอบพนันนะ) คือคนชอบ เลนกีฬากับคนชอบชมกีฬา บางคนชอบทัง้ 2 อยางก็ถือวาไดรับประโยชน เต็มที่เพราะไดทั้งออกกาํลงักาย รูจักเพือ่นใหมและฝกการทํางานเปนทีม แถมยังไดรับความบันเทิง แตคนทีช่อบอยางใดอยางหนึง่ก็อาจจะมีโอกาส เลือกใชคาํระหวาง 2 คํานี้คะ

A : What kind of a sportsperson are you? (คุณเปนคนชอบกีฬาแบบไหน) B : I’m not an athlete/a sportsman, but

I’m a big spectator/watcher. (ฉัน/ผมไมใชนักกีฬา แตเปนผูชมกีฬาตัวยงเลย)

นอกจากคนชอบกีฬา 2 ประเภทนี้แลว สมัยนี้ยังมีเพิ่มมาอีก 1 ประเภท คือคนที่ชอบไปออกกําลังกายตามฟตเนส (fitness center) จัดวาเปนคนชอบเลนกีฬาเพื่อเนนสุขภาพเปนหลัก ซึ่งเปนทางเลือกใหมในการใชเวลาใหเปนประโยชนอีกแบบหนึ่ง ดังนั้นฉบับนี้ เราจะมาหาคําพูดอะไรที่ติดปากติดใจไปกับการกีฬากัน เผ่ือวาคุณผูอานทานใดไดเขารวมในงานหรือเตรียมตัวจะเขารวมการแขงขันกีฬาจะไดเอาไวใช ย่ิงบานเรามีการจัดการแขงขันระดับนานาชาติบอยเสียดวย เชน การแขงขันเทนนิส Thailand Open หรือการแขงขันกอลฟ LPGA Thailand ที่เพิ่งผานพนไป และจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ก็คือ ซีเกมสครั้งที่ 24 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6-15 ธันวาคมนี้ หรือหากคุณเพียงแตชอบกีฬาแลวมีโอกาสไดพบชาวตางชาติก็สามารถนําไปฝกใชในชีวิตประจําวันไดเชนกันคะ

เมื่อพบกันครั้งแรกควรจะแนะนําตัวใชไหมคะ แตแทนที่จะบอกชื่อธรรมดา เมื่ออยูในบริบทของกีฬาก็ควรจะบอกดวยวาเราเปนนักกีฬาอะไร เชน

Hi, I’m xxxx. I’m a tennis/basketball player. (สวัสดี ผม/ฉันชื่อ xxxx ผม/ฉันเปนนักเทนนิส/บาสเกตบอล)

นอกจากนี้ ยังมีวิธีพูดทักทายนักกีฬาคนอื่นๆ เพื่อชวนเขาคุยไดอีกหลายวิธี

จดจําไว พรอมใชไดทันที โดย ครูกานต

33 |

สมัยกอนคนชอบกีฬามี 2 ประเภท (ไมนับพวกชอบพนันนะ) คือคนชอบ เลนกีฬากับคนชอบชมกีฬา บางคนชอบทัง้ 2 อยางก็ถือวาไดรับประโยชน เต็มที่เพราะไดทั้งออกกาํลงักาย รูจักเพือ่นใหมและฝกการทํางานเปนทีม แถมยังไดรับความบันเทิง แตคนทีช่อบอยางใดอยางหนึง่ก็อาจจะมีโอกาส เลือกใชคาํระหวาง 2 คํานี้คะ

A : What kind of a sportsperson are you? (คุณเปนคนชอบกีฬาแบบไหน) B : I’m not an athlete/a sportsman, but

I’m a big spectator/watcher. (ฉัน/ผมไมใชนักกีฬา แตเปนผูชมกีฬาตัวยงเลย)

นอกจากคนชอบกีฬา 2 ประเภทนี้แลว สมัยนี้ยังมีเพิ่มมาอีก 1 ประเภท คือคนที่ชอบไปออกกําลังกายตามฟตเนส (fitness center) จัดวาเปนคนชอบเลนกีฬาเพื่อเนนสุขภาพเปนหลัก ซึ่งเปนทางเลือกใหมในการใชเวลาใหเปนประโยชนอีกแบบหนึ่ง ดังนั้นฉบับนี้ เราจะมาหาคําพูดอะไรที่ติดปากติดใจไปกับการกีฬากัน เผ่ือวาคุณผูอานทานใดไดเขารวมในงานหรือเตรียมตัวจะเขารวมการแขงขันกีฬาจะไดเอาไวใช ย่ิงบานเรามีการจัดการแขงขันระดับนานาชาติบอยเสียดวย เชน การแขงขันเทนนิส Thailand Open หรือการแขงขันกอลฟ LPGA Thailand ที่เพิ่งผานพนไป และจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ก็คือ ซีเกมสครั้งที่ 24 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6-15 ธันวาคมนี้ หรือหากคุณเพียงแตชอบกีฬาแลวมีโอกาสไดพบชาวตางชาติก็สามารถนําไปฝกใชในชีวิตประจําวันไดเชนกันคะ

เม่ือพบกันครั้งแรกควรจะแนะนําตัวใชไหมคะ แตแทนที่จะบอกชื่อธรรมดา เมื่ออยูในบริบทของกีฬาก็ควรจะบอกดวยวาเราเปนนักกีฬาอะไร เชน

Hi, I’m xxxx. I’m a tennis/basketball player. (สวัสดี ผม/ฉันชื่อ xxxx ผม/ฉันเปนนักเทนนิส/บาสเกตบอล)

นอกจากนี้ ยังมีวิธีพูดทักทายนักกีฬาคนอื่นๆ เพื่อชวนเขาคุยไดอีกหลายวิธี

จดจําไว พรอมใชไดทันที โดย ครูกานต

34 |

I saw you at the match/game. Great shot. I’m xxxx, by the way. (ผม/ฉันเห็นตอนที่คุณลงแขง ขวาง/ตี/ทําคะแนนไดแจวจริงๆ ออ ผม/ฉันชื่อ xxxx) คําวา shot นี้แปลไดหลายความหมายแลวแตประเภทกีฬาที่เลนคะ สวนการแนะนําชื่อตัวเองนั้นจะอยูหนา หรือหลังประโยคอื่นๆ ก็ได ในกรณีนี้ชื่ออยูหลัง จึงใสคําวา by the way (ใชสําหรับเปลี่ยนเร่ืองคุยหรือเนนใหผูฟงรูวาควรสนใจประโยคนั้นเปนพิเศษ) ไวดวย

That was a good match. (เกม/การแขงขันนั้นเปนเกมที่ดีนะ)

You are a very good swimmer/boxer. (คุณเปนนักวายน้ํา/นักมวยที่เกงมาก)

Have you been playing golf/soccer for a long time? (คุณเลนกอลฟ/ฟุตบอลมานานหรือยัง)

When did you start cycling/playing badminton? (คุณเริ่มขี่จักรยาน/เลนแบดมินตันเมื่อไร)

Snooker/volleyball is amazing! Where did you learn how to play? (สนุกเกอร/วอลเลยบอลเปนกีฬาที่นาทึ่งจริงๆ คุณเรียนมาจากที่ไหน)

นอกจากแนะนําตัวและชวนนักกีฬาคนอื่นคุยแลว เราอาจมีเรื่องอื่นๆ ที่ตองคุยกัน เชน การถาม/บอกทางไปสนามแขง หรือการถาม/บอกเวลาแขง ซึ่งวิธีการก็จะเหมือนกับการถาม/บอกทางหรือเวลาทั่วไป เชน

A : Where’s the baseball field/ice skating rink? หรือ Where is the baseball field/ice skating rink located, please? หรือ Do you know where the baseball field/ice skating rink is? (สนามแขงเบสบอล/ลานสเก็ตน้ําแข็งอยูที่ไหน) ***สังเกตวาวิธีเรียกสนามกีฬาแตละประเภทจะแตกตางกันไป

B : It’s at the xxxx stadium. (อยูที่สนามกีฬา xxxx) A : What time is the match? (มีเกม/การแขงขันกี่โมง) หรือ

What time does the match start/What time is the match over? (เกม/การแขงขันเริ่ม/จบกี่โมง)

B : It starts at 7 p.m. and is over at 9 p.m. (เริ่ม 1 ทุมและจบ 3 ทุม)

กอนจบเรื่องของนักกีฬา ขอแถมอีกนิดถึงการใชคํากริยาที่ เกี่ยวกับกีฬา สําหรับคนที่จะแนะนําตัวเองวาเปนนักกีฬาอะไร หรือชอบเลนกีฬาประเภทไหนนะคะ

34 |

I saw you at the match/game. Great shot. I’m xxxx, by the way. (ผม/ฉันเห็นตอนที่คุณลงแขง ขวาง/ตี/ทําคะแนนไดแจวจริงๆ ออ ผม/ฉันชื่อ xxxx) คําวา shot นี้แปลไดหลายความหมายแลวแตประเภทกีฬาที่เลนคะ สวนการแนะนําชื่อตัวเองนั้นจะอยูหนา หรือหลังประโยคอื่นๆ ก็ได ในกรณีนี้ชื่ออยูหลัง จึงใสคําวา by the way (ใชสําหรับเปลี่ยนเรื่องคุยหรือเนนใหผูฟงรูวาควรสนใจประโยคนั้นเปนพิเศษ) ไวดวย

That was a good match. (เกม/การแขงขันนั้นเปนเกมที่ดีนะ)

You are a very good swimmer/boxer. (คุณเปนนักวายน้ํา/นักมวยที่เกงมาก)

Have you been playing golf/soccer for a long time? (คุณเลนกอลฟ/ฟุตบอลมานานหรือยัง)

When did you start cycling/playing badminton? (คุณเริ่มขี่จักรยาน/เลนแบดมินตันเมื่อไร)

Snooker/volleyball is amazing! Where did you learn how to play? (สนุกเกอร/วอลเลยบอลเปนกีฬาที่นาทึ่งจริงๆ คุณเรียนมาจากที่ไหน)

นอกจากแนะนําตัวและชวนนักกีฬาคนอื่นคุยแลว เราอาจมีเรื่องอื่นๆ ที่ตองคุยกัน เชน การถาม/บอกทางไปสนามแขง หรือการถาม/บอกเวลาแขง ซึ่งวิธีการก็จะเหมือนกับการถาม/บอกทางหรือเวลาทั่วไป เชน

A : Where’s the baseball field/ice skating rink? หรือ Where is the baseball field/ice skating rink located, please? หรือ Do you know where the baseball field/ice skating rink is? (สนามแขงเบสบอล/ลานสเก็ตน้ําแข็งอยูที่ไหน) ***สังเกตวาวิธีเรียกสนามกีฬาแตละประเภทจะแตกตางกันไป

B : It’s at the xxxx stadium. (อยูที่สนามกีฬา xxxx) A : What time is the match? (มีเกม/การแขงขันกี่โมง) หรือ

What time does the match start/What time is the match over? (เกม/การแขงขันเริ่ม/จบกี่โมง)

B : It starts at 7 p.m. and is over at 9 p.m. (เริ่ม 1 ทุมและจบ 3 ทุม)

กอนจบเรื่องของนักกีฬา ขอแถมอีกนิดถึงการใชคํากริยาที่ เกี่ยวกับกีฬา สําหรับคนที่จะแนะนําตัวเองวาเปนนักกีฬาอะไร หรือชอบเลนกีฬาประเภทไหนนะคะ