นิตยสาร I Get English เล่ม 12

16

description

ไอเก็ตอิงลิช นิตยสารเพื่อการเริ่มต้นและพัฒนาทักษะ ภาษาอังกฤษสำหรับทุกคน

Transcript of นิตยสาร I Get English เล่ม 12

19 | www.iGetEnglish.com

สวัสดีเพื่อนๆ ชาว I Get English ผูที่มีความมุงมั่นในการพัฒนาศักยภาพทางดานภาษาองักฤษ โดยเฉพาะทักษะการเขียนจดหมาย และสําหรับผูที่กําลังหางานทําอยูหามพลาดหัวขอที่เราจะลงรายละเอียดในฉบับน้ีเด็ดขาด นั่นคือการเขียน จดหมายสมัครงานแบบที่ 2 มีชื่อวา A letter containing information about qualifications and expertise จดหมายสมัครงานประเภทนี้เหมาะสําหรับผูที่เพิ่งเรียนจบหรือพูดงายๆ วาประสบการณยังเบบี ๋ไมคอยมีสรรพคุณใดๆ ไวอวดอางวาที่นายจางมากนัก จึงตองพึ่งเทคนิคการโฆษณาแบบมวนเดียวจบ กลาวคือ เปนการบรรยายคุณสมบัติของตัวเองทั้งหมดไวในจดหมายสมัครงานเพียงอยางเดียว โดยไมตองมี resume แนบทาย (และยังเปนการแสดงทักษะทางภาษาอังกฤษและการเขียนจดหมายไปในตัว) โดยองคประกอบหรือโครงสรางของมันก็เหมือนจดหมาย ธุรกิจทั่วไปที่เคยใหตัวอยางไวในฉบับกอนๆ แตมีสวนที่ตองเนนคือ ตัว body หรือเนื้อหาของจดหมายที่ตองเขียนใหเปนสัดสวนดวยเนื้อหาที่กระชับ ไมวกวน เพื่องายตอการอานและทําความเขาใจ สําหรับผูที่มีประสบการณการทํางานมากๆ ก็สามารถเขียนจดหมายสมัครงานประเภทนี้ไดเหมือนกัน แตตองมั่นใจแลววาตัวเองมีทักษะการเขียนดีพอที่จะดึงดูดผูอานใหอานเนื้อความทั้งหมดจนจบ

เขียนจดหมายอยางมือโปร โดย มนัญยา แสงพันธุ

19 | www.iGetEnglish.com

สวัสดีเพื่อนๆ ชาว I Get English ผูที่มีความมุงมั่นในการพัฒนาศักยภาพทางดานภาษาองักฤษ โดยเฉพาะทักษะการเขียนจดหมาย และสําหรับผูที่กําลังหางานทําอยูหามพลาดหัวขอที่เราจะลงรายละเอียดในฉบับนี้เด็ดขาด นั่นคือการเขียน จดหมายสมัครงานแบบที่ 2 มีชื่อวา A letter containing information about qualifications and expertise จดหมายสมัครงานประเภทนี้เหมาะสําหรับผูที่เพิ่งเรียนจบหรือพูดงายๆ วาประสบการณยังเบบี ๋ไมคอยมีสรรพคุณใดๆ ไวอวดอางวาที่นายจางมากนัก จึงตองพึ่งเทคนิคการโฆษณาแบบมวนเดียวจบ กลาวคือ เปนการบรรยายคุณสมบัติของตัวเองทั้งหมดไวในจดหมายสมัครงานเพียงอยางเดียว โดยไมตองมี resume แนบทาย (และยังเปนการแสดงทักษะทางภาษาอังกฤษและการเขียนจดหมายไปในตัว) โดยองคประกอบหรือโครงสรางของมันก็เหมือนจดหมาย ธุรกิจทั่วไปที่เคยใหตัวอยางไวในฉบับกอนๆ แตมีสวนที่ตองเนนคือ ตัว body หรือเนื้อหาของจดหมายที่ตองเขียนใหเปนสัดสวนดวยเนื้อหาที่กระชับ ไมวกวน เพื่องายตอการอานและทําความเขาใจ สําหรับผูที่มีประสบการณการทํางานมากๆ ก็สามารถเขียนจดหมายสมัครงานประเภทนี้ไดเหมือนกัน แตตองมั่นใจแลววาตัวเองมีทักษะการเขียนดีพอที่จะดึงดูดผูอานใหอานเนื้อความทั้งหมดจนจบ

เขียนจดหมายอยางมือโปร โดย มนัญยา แสงพันธุ

20 | www.iGetEnglish.com

เนือ้หาของจดหมายสมคัรงาน (Body) ประกอบดวยสวนตางๆ ดงันี ้

1. Introduction/ Opening

คือสวนที่บอกสาเหตุของการเขียนจดหมายและบอกแหลงที่มาของประกาศ รับสมัครงาน

2. Personal Details คือสวนที่บอกเกีย่วกับประวัติสวนตัว เชน อายุ ความสูง เปนตน 3. Education คือสวนที่บอกเกีย่วกับประวัติการศึกษา เชน วุฒิการศึกษา ทักษะความชํานาญ

เปนตน 4. Work Experience คือสวนที่บอกถงึประสบการณการทํางานหรือการฝกงาน5. Closing คือสวนลงทายจดหมาย ซึ่งตองสุภาพและแสดงความมั่นใจ

โครงสรางจดหมาย

ที่อยูผูสมัคร

วัน เดือน ป ชื่อ ตําแหนง ผูรับ (ถามี) แผนก ชื่อบริษัท และที่อยู

Dear Sirs, ยอหนาที่ 1 Introduction หรือ Opening ยอหนาที่ 2 Personal Details ยอหนาที่ 3 Education ยอหนาที่ 4 Work Experience ยอหนาที่ 5 Closing Yours faithfully, ลายเซ็นผูสมัคร

35 | www.iGetEnglish.com

ชวงนี้อากาศเปลี่ยนอีกแลวนะคะ คุณๆ อาจจะเจ็บไข ไมสบายกันบาง วันนี้ครูจึงอยากจะชวนคุยเรื่องสุขภาพ

และอาการเจ็บปวย (Health and Illness) ทั้งในกรณีที่ใชพูดคุยกับเพื่อนๆ หรือไถถามคนรูจักรูใจที่เราหวงใย รวมทั้งเวลาที่คุณตองไปพบแพทยที่ (อาจจะ) ไมพูดภาษาไทย จะไดฝกไวส่ือสารใหถูกตอง มาลองทดสอบ ลองตอบดวยตัวเองกอน และเชนเคยหามเปดดูเฉลยกอนนะคะ

Situation I "At a hospital" Jane meets her friend, John

Jane : Hello, John. John : Hi! Jane. 1 ? (คุณเปนอะไรหรือ)Jane : 2 . (ฉันสบายด ีแตลูกชายฉันปวดทองมาก)

Probably, 3 . (ปลาท่ีเขากินเมือ่วานมันไมดี) John : 4 . (ผมหวังวาเขาจะดีขึ้นโดยเร็วนะ)Jane: 5 ? (แลวคุณละเปนอะไร จอหน)John : 6 . (ผมปวดศีรษะมากเลย)

7 . (ผมตองการพบหมอ)Jane: 8 . (ขอใหคุณหายปวยไวๆ เชนกันคะ)

Situation II "At Dr.Somchai's Clinic"

Receptionist : May I help you? Mr. Robert : Yes, 9 . (ผมตองการพบหมอสมชาย)Receptionist : Of course, 10 ? (คุณเปนอะไรมาคะ)Mr. Robert : 11 . (ผมมีผื่นขึ้นทีห่นา, แขน, และหลังดวย)

12 . (ผมอาจแพดอกไมและหญาก็ได) 13 . (ผมจามทั้งวนัเลย)

Receptionist : I see. Please wait here for a moment. I’ll call Dr. Somchai right now, you are due to see him next.

ภาษาอังกฤษงายๆ ที่ ใชไดจริง By Teacher Jerry

36 | www.iGetEnglish.com

<In Dr. Somchai's room> Dr. Somchai : Good Afternoon, Mr. Robert. I heard that you’ve got a rash.

Let’s see… 14 . (หมอคิดวาคุณเปนโรคภูมิแพ) Please 15 . (กินยานี้คร้ังละ 2 เมด็ทุกๆ 4 ชม.) 16 . (คุณจะรูสกึดีขึ้น) 17 . (ถาไมดีขึ้น โปรดกลับมาพบหมอใหม)

Mr. Robert : Thank you very much Doctor. Situation III "At the Central Dental Clinic"

Dentist : Good Morning, Mrs. Smith. How are you today?Mrs. Smith : Hello, Doctor, 18 ! (ฉันปวดฟนอยางมาก) Dentist : Oh! I’m sorry to hear that. 19 ? (ซี่ไหนครับ) Mrs. Smith : 20 . (ซี่หลังดานขวาคะ)Dentist : I see. Let me check… I think 21 . (คุณตองรักษารากฟน)

ประโยคตอไปน้ีเปนอาการเจบ็ปวยที่พบบอยๆ สามารถเลือกจํา และนําไปใชไดเลยนะคะ (แตถาไมจําเปน ก็ไมตองใชเลยจะดีที่สุด - คือไมปวยไงคะ) O I feel sick./I don’t feel very well. (ฉันรูสึกปวย/ฉนัรูสึกไมคอยสบาย) O I’ve got a cold/the flu. (ฉันเปนไขหวัด/ไขหวัดใหญ) O I’ve got a running nose. (ฉันมีน้ํามูกไหล) O I am coughing and sneezing. (ฉันไอและจามดวย) O I’ve got a (terrible/bad) stomachache. (ฉันปวดทอง (มาก)) O I’ve got a fever/a high temperature. (ฉันมีไข --คือเวลามีไขก็จะมีอุณหภูมิรางกายสูงขึ้น) O I’ve got a sore throat and a cough. (ฉันเจ็บคอและไอดวย) O I’ve got a headache./My head hurts. (ฉันปวดศีรษะ) O I’m in terrible pain! (ฉันเจ็บมากๆ เลย --ใชกับ arm (แขน), leg (ขา), chest (หนาอก) ก็ไดนะคะ) O I’m allergic to flowers and grass./I get allergies from flowers and grass. (ฉันแพดอกไมและหญา) O I’ve got hay fever, I keep sneezing. (ฉันเปนโรคภูมิแพเกสรดอกไม ฉันจามตลอดเลย) O I’ve (terrible/bad) toothache. I need to go to the dentist. (ฉันปวดฟน (มาก) ฉันตองไปหาหมอฟน) O I’ve got this bad pain in my neck from sleeping in the wrong position. (ฉันปวดคออยางมากจากการนอนผิดทา) O My back aches from sitting at that computer all day. (หลังของฉันปวดจากการนั่งหนาคอมพิวเตอรทั้งวัน) O I burnt my hand when I touched a hot pot of water. (ฉันมือพองเพราะไปจับหมอรอนๆ)

52 | www.iGetEnglish.com

สวัสดีมิตรรักแฟนนิตยสาร I Get English และคอลัมน Right Writing กันอีกครั้งคะ ฉบับนี้เราจะมาตอกัน

ที่เรื่อง Cleft Sentence ซึ่งไดพูดถึงกันไป (ครึ่งหนึ่ง) ในเลมที่แลว แตเพื่อใหเพื่อนๆ ที่เพิ่งมาอานในฉบับนี้พอจะปะติดปะตอเรื่องราวได ก็ขอทบทวนซักเล็กนอยนะคะ

เปนประโยคที่ใชชวยเนนยํ้าสวนที่เรารูสึกวาสําคัญ เหมือนกับเวลาที่เราพูด “เนน” เสียง ยังไงอยางงั้น โดยวิธีเขียนก็งายงาย เพียงพลิกแพลงโครงสรางประโยคของเราซัก

เล็กนอย ฉบับที่แลวเราพูดถึง Cleft Sentence Type A ที่ขึ้นตนประโยคดวย “It” ตัวอยางเชน

It is my diamond ring that has been stolen. เนนย้ําวาส่ิงที่ถูกขโมยไปคือ “แหวนเพชรของฉัน”

½ �¡Ê ืèoÊÒü �Ò¹µaÇ˹a§Êoื โดย : Auntienook

53 | www.iGetEnglish.com

Cleft Sentence Type B: ขึ้นตนดวย “What” หรือ “All”

¢ ึé¹oÂÙ�¡aºÊi觷Õèµ �o§¡Òèe¹ �¹

1. เนนกรรมหรอืสวนเติมเตม็

What + Sub. + V. + V. to be + Focus

All

2. เนนกริยาของประธาน

What + Sub. + V. to do + V. to be + Focus

All

3. เนนเหตุการณที่เกิดข้ึนอยางรวมๆ

What + V. to happen + V. to be + Focus

All

o�... อยาเพิ่งตกใจไปคะ โครงสราง 3 แบบนี้ดูเหมือนจะซับซอนซอนเงื่อน แตแทที่จริงมันทําส่ิงเดียวอันแสนจะงายกับผูอาน (หรือบางทีก็ผูฟง) ของเรา นั่นก็คือ “ก๊ัก” สวนสําคัญไวทายสุด ซึ่งจะตรงขามกับโครงสรางแบบ Type A ที่รีบบอกสวนสําคัญตั้งแตแรก ตัวอยางเชน Type A: It is love that I need. (มันคือความรัก ที่ฉันตองการ) Type B: What I need is love. (ส่ิงที่ฉันตองการ คือความรัก)

คํา, วลี, อนุประโยค

Infinitive (มี to นําหนาหรือไมมีก็ได)

อนุประโยค (มี that นําหนา หรือไมมีก็ได)

จะเห็นไดวาผลทีไ่ดมีความแตกตางกัน Type A นั้นผูเขียนอยากเนนใหผูอานทราบวา “ไมไดตองการอยางอืน่ยะ” ก็เลยบอกชัวะไปเลยวา “ความรัก” ตางหากที่ฉันตองการ สวน Type B นั้น “เกริ่น” ใหรูกอนวา “ฉันกําลังจะพูดถึงส่ิงที่ฉันตองการ จงตั้งใจฟงใหดี” แลวคอยตามดวย key word คือ “ความรัก” โดยทั้ง 2 แบบตามติดกน v. to be เหมือนกันทั้งคู (เห็นไหมคะวา เจากริยาตัวนี้มันสําคัญจริงๆ) ทั้งนี้ การจะเลือกใชแบบไหนก็ตองขึ้นอยูกับความหมายที่เราตองการจะสื่อคะ

75 | www.iGetEnglish.com

เมื่อตอนเด็กๆ ประมาณชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3 ดิฉันมักจะไดรับ

มอบหมายในการตั้งฉายาหรือชื่อเลนใหเพื่อนสนิทในกลุม (สงสัยเพื่อนๆ เห็นวามีหัวสรางสรรคทางนี้) เชน ยัยพรรณรายเพื่อนเลิฟ ปกติที่บานก็เรียกวา

นองหญิงคะ นองหญิงขา แตเมื่ออยูกับกลุมเพื่อนๆ นองหญิงของเราก็กลายเปน ยัย Piggy ซึ่งเปนชื่อที่เพื่อนๆ ทุกคน เห็นพองตองกันวาเหมาะกับหญิงที่สุด อาจเปนเพราะหุนอันอวบอั๋นของหญิงนั่นเอง ในตอนแรกหญิงก็งอนฟดฟด ไปๆ มาๆ ก็ชินแถมดูเหมือนจะชอบมากกวาชื่อเกาอีก สวนดิฉันเองก็มีฉายาเหมือนกันวา ยัยเมาท แนนอนก็สืบเนื่องมาจากลักษณะนิสัยสวนตัวที่ชอบนินทาชาวบานไดไมหยุดปากทั้งวัน

วันหนึ่งยัย Piggy บอกกับพวกเราวาทางบานจะใหไปเรียนตอมธัยมปลายที่ตางประเทศ ทําเอาเพือ่นๆ ทุกคนใจหาย ตอไปนี้ใครจะซื้อขนมอรอยๆ มาใหเราทานละ แตถึงอยางไรพวกเราก็ขออวยพรใหยัย Piggy ของเราเดินทางไปแสวงหาความรูตางบานตางเมืองโดยสวัสดิภาพ แตเอ...ยังไมรูเลยวายัย Piggy ของพวกเราจะไปเรียนตอ ณ แหงหนใด และแลวหลอนก็เฉลยวา ฉันจะไปเมืองลุงแซมจา เพื่อนๆ ก็ไดแตทําหนางงๆ ดวยความสงสัยวาเมืองลุงแซมมันอยูสวนไหนของโลกกันหนอ ยัย Piggy ไดทีก็หัวเราะเยาะวา เธอจา ไมรูจักเมืองลุงแซมจริงๆ หรือ ทําไมถึงไดเชย ขนาดนี้ ถาอยากรูก็จะบอกให ประเทศที่ฉันไปนะมีชื่อเต็มๆ วา สหรัฐอเมริกา แตมีชื่อเลนหลากหลายมาก ทั้งชาวอเมริกันเองรวมถึงผูที่มาจากประเทศอื่นๆ ยังเรียกสหรัฐอเมริกาในหลายรูปแบบ ไดแก สหรัฐอเมริกา (The United States), ยูเอส (The U.S.), ยูเอสเอ (U.S.A.), เดอะสเตทส (The States), และอเมริกา (America) จนไปถึงรูปแบบที่ส้ันมากๆ แบบท่ีชาวไทยเรียกกันก็คือ มะกัน ถาเปนชื่อในเชิงฉายาก็ตองเปน ลุงแซม หรือท่ีรูจักกันวา Uncle Sam

รูจักทีม่าของคําศัพทรูจกัทีม่าของคําศัพท โดย โดย มนญัยา แสงพนัธุมนญัยา แสงพนัธุ