เอกสารประกอบการเรียน · 2017-07-14 · 3 ตัวอย่างที่ 2 วัตถุ a มีประจุ – 4.8 x 10- 3 ไมโครคูลอมบ์
ครูพี่บิ ก -...
26
ครูพี่บิ�ก วิชา วิทยาศาสตร
Transcript of ครูพี่บิ ก -...
ครูพี่บิ�ก
วิชาวิทยาศาสต
ร�
ฟิสิกส์(Physics)
เอกส�รประกอบก�รสอนวิช�วิทย�ศ�สตร์โดยครูพี่บิ๊ก(ดร.ณัฐชัยเก่งพิพัฒน์)
ครูพี่บิ�ก
วิชาวิทยาศาสต
ร�
55
1.เมื่อนำาวัตถุAมาใส่ในนำ้าจะลอยอยู่ใต้ผิวนำ้าดังรูปก.และถ้านำาของเหลวBซึ่งไม่ละลายนำ้า
ค่อยๆเทลงในนำ้าจะเห็นแยกชั้นชัดเจนดังรูปข.
ถ้านำาวัตถุAใส่ในของเหลวBที่มีปริมาตรเท่ากับนำ้าในรูปก.วัตถุAจะอยู่ในสภาพตามข้อใด(O-NET60)
2.เหตุใดเรือเหล็กจึงลอยนิ่งที่ผิวนำ้าได้(O-NET61)
1.แรงพยุงของนำ้าเป็นศูนย์
2.แรงพยุงของนำ้ามีขนาดน้อยกว่านำ้าหนักเรือ
3.แรงพยุงของนำ้ามีขนาดมากกว่านำ้าหนักเรือ
4.แรงพยุงของนำ้ามีขนาดเท่ากับนำ้าหนักเรือ
รูปก. รูปข.
1.
3.
2.
4.
56
3.กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีที่ประกอบด้วยสายกีตาร์หลายเส้นที่มีขนาดต่างๆกันเมื่อกดสายกีตาร์
ที่ตำาแหน่งเดียวกันแล้วดีดข้อใดกล่าวถูกต้อง(O-NET60)
1.เส้นที่หนาสั่นเร็วกว่าเส้นที่บาง
2.เส้นที่หนาสั่นช้ากว่าเส้นที่บาง
3.เส้นที่หนาสั่นเท่ากับเส้นที่บาง
4.เส้นที่หนาไม่เกิดการสั่นแต่เส้นที่บางเกิดการสั่น
4.ใส่นำ้าในแก้วประมาณครึ่งแก้วจากนั้นใช้แท่งไม้เคาะแก้วและฟังเสียงที่เกิดขึ้นต่อมาเทนำ้าปริมาณครึ่งหนึ่ง
ออกจากแก้วใบเดิมจากนั้นเคาะแก้วด้วยแรงที่น้อยลงกว่าครั้งแรกและฟังเสียงที่เกิดขึ้น
จากข้อมูลเสียงเคาะที่ได้ยินในครั้งหลังจะต่างจากครั้งแรกอย่างไร(O-NET61)
1.เสียงทุ้มและค่อยกว่าเดิม
2.เสียงทุ้มและดังกว่าเดิม
3.เสียงแหลมและค่อยกว่าเดิม
4.เสียงแหลมและดังกว่าเดิม
5.ทดลองออกแรงผลักวัตถุก้อนหนึ่งให้เริ่มเคลื่อนที่ไปบนพื้นผิวที่แตกต่างกัน3ชนิดคือABและC
ผลการทดลองพบว่าบนพื้นผิวABและCต้องออกแรงผลักวัตถุ1015และ8นิวตันตามลำาดับ
เปรียบเทียบพื้นผิวที่มีค่าแรงเสียดทานเป็นไปตามข้อใด(O-NET60)
1.C<A<B2.A<B<C
3.B<A<C 4.A<C<B
57
6.ออกแรงที่เท่ากันในชุดการทดลองABCและDลากแท่งไม้ให้เคลื่อนที่บนพื้นผิวชนิดต่างๆจากจุดX
ไปยังจุดYดังภาพ
แท่งไม้
Xพื้นผิวY
พบว่าแท่งไม้ใช้เวลาในการเคลื่อนที่บนพื้นผิวแต่ละชนิดแตกต่างกันดังตาราง
แรงเสียดทานในชุดการทดลองใดมีค่ามากที่สุด(O-NET61)
1.A 2.B
3.C 4.D
7.ทำาการทดลองโดยนำาขวดที่เหมือนกัน3ใบคือขวดA,BและCมาเจาะรูเล็กๆขนาดเท่ากันที่ด้านข้าง
ของขวดขวดละ1รูและแต่ละรูอยู่สูงจากก้นขวดเท่าๆกันจากนั้นปิดรูแต่ละรูไว้ด้วยเทปแล้วเทนำ้า
ใส่ขวดแต่ละใบจนท่วมตำาแหน่งที่เจาะรูไว้ทั้ง3ขวดโดยมีระดับความสูงของนำ้าที่อยู่ในขวดแต่ละขวดไม่เท่ากัน
แล้ววางขวดทั้ง3ใบไว้ที่ระดับเดียวกันเมื่อดึงเทปที่ปิดรูไว้ออกพร้อมๆกันทั้ง3รูพบว่านำ้าในขวดB
พุ่งออกไปในแนวระดับได้ไกลที่สุดถัดมาคือCและAตามลำาดับ
จากข้อมูลข้างบนนี้ข้อใดเปรียบเทียบระดับความสูงของนำ้าในขวดก่อนที่จะดึงเทปออกได้ถูกต้อง
(เรียงจากสูงไปตำ่า)(O-NET60)
1.C>A>B 2.B>C>A
3.A>C>B 4.B>A>C
58
8.นักเรียนทำาการทดลองโดยการนำาขวดพลาสติกแข็งเจาะรูเล็กๆไว้ที่ข้างขวดที่ปากขวดใส่ลูกโป่ง
โดยพับปากลูกโป่งออกด้านนอกแล้วรัดปากลูกโป่งกับปากขวดให้แน่นจากนั้นดูดลมออกจากขวดทางรูเล็กๆ
แล้วใช้นิ้วปิดรูไว้ทันที
ผลที่จะเกิดกับลูกโป่งควรเป็นตามข้อใด(O-NET60)
1.ลูกโป่งอยู่ในสภาพเดิม 2.ลูกโป่งแตกภายนอกขวด
3.ลูกโป่งพองตัวออกภายในขวด 4.ลูกโป่งพองตัวออกนอกปากขวด
9.ใส่นำ้าลงในแก้วนำ้าแล้วใช้กระดาษแข็งปิดปากแก้วนำ้าให้สนิทดังภาพที่1จากนั้นค่อยๆเอียงแก้วนำ้าจนควำ่า
ดังภาพที่2และ3ตามลำาดับพบว่านำ้าไม่ไหลออกจากแก้วนำ้า
ภาพที่1หงายแก้วนำ้าภาพที่2เอียงแกวนำ้าภาพที่3ควำ่าแก้วนำ้า
จากภาพที่3เพราะเหตุใดนำ้าจึงไม่ไหลออกจากแก้วนำ้า(O-NET61)
1.แรงที่อากาศภายนอกแก้วกระทำาต่อกระดาษเท่ากับแรงที่นำ้าภายในแก้วกระทำาต่อกระดาษ
2.แรงที่อากาศภายนอกแก้วกระทำาต่อกระดาษมากกว่าแรงที่นำ้าภายในแก้วกระทำาต่อกระดาษ
3.แรงที่อากาศภายนอกแก้วกระทำาต่อกระดาษน้อยกว่าแรงที่อากาศภายในแก้วกระทำาต่อกระดาษ
4.แรงที่อากาศภายนอกแก้วกระทำาต่อกระดาษเท่ากับแรงที่อากาศภายในแก้วกระทำาต่อกระดาษ
รัดให้แน่น
ลูกโป่ง
ขวดรูเล็กๆ
59
10.วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายซึ่งประกอบด้วยแบตเตอรี่หลอดไฟสายไฟและวัสดุA
ถ้าต้องการให้หลอดไฟติดวัสดุAที่ใช้ควรเป็นสิ่งของทั้งหมดในข้อใด(O-NET60)
1.เข็มเย็บผ้ากระดาษ
2.ยางรัดของเข็มกลัด
3.เข็มเย็บผ้าไส้ดินสอ
4.กระดาษแผ่นอลูมินัมฟอยล์
11.ทำาการทดลอง4ชุดโดยนำาขดลวดมาพันรอบตะปูด้วยจำานวนรอบต่างกันแล้วต่อวงจรไฟฟ้า
กับถ่านไฟฉาย1ก้อนดังภาพจากนั้นนำาตะปูที่พันขดลวดของการทดลองทั้ง4ชุดมาดึงดูด
ลวดเสียบกระดาษได้จำานวนดังตาราง
“ถ้าจำานวนรอบของขดลวดที่พันรอบตะปูเพิ่มขึ้นจะทำาให้เกิดแรงแม่เหล็กมากขึ้น”
จงเรียงลำาดบัชดุการทดลองทีม่จีำานวนรอบของขดลวดทีพ่นัรอบตะปูจากมากทีส่ดุไปหาน้อยทีส่ดุ(O-NET61)
1.BADC 2.BDAC
3.CADB 4.CDAB
สายไฟ
หลอดไฟ
วัสดุA
แบตเตอรี่
60
12.ต่อวงจรไฟฟ้าดังภาพ
ขณะนี้หลอดไฟฟ้าABCDและEสว่างอยู่ถ้าหลอดไฟฟ้าต่อไปนี้ชำารุดใช้งานไม่ได้
แล้วหลอดไฟฟ้าที่เหลืออีก4หลอดยังคงสว่างอยู่ใช่หรือไม่(O-NET61)
ข้อความ ใช่หรือไม่ใช่
A.หลอดไฟฟ้าAชำารุดแต่BCDและEยังสว่างอยู่ ใช่/ไม่ใช่
B.หลอดไฟฟ้าBชำารุดแต่ACDและEยังสว่างอยู่ ใช่/ไม่ใช่
C.หลอดไฟฟ้าDชำารุดแต่ABCและEยังสว่างอยู่ ใช่/ไม่ใช่
-
61
เคมี(Chemistry)
62
13.จัดกลุ่มสารที่ใช้ในชีวิตประจำาวันออกเป็น3กลุ่มดังนี้
สารชนิดใดจัดอยู่ในกลุ่มได้ไม่ถูกต้อง(O-NET61)
1.นำ้าปลาและนำ้าขมิ้นชัน 2.ผงซักฟอกและเกลือป่น
3.นำ้าใบเตยและนำ้ายาขัดพื้น 4.นำ้ายาล้างรถและนำ้าตาลทราย
14.แก๊สที่เกิดขึ้นในข้อใดไม่ได้เกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมี(O-NET60)
1.แก๊สที่เกิดขึ้นจากสิ่งมีชีวิตในคลอง
2.แก๊สที่เกิดจากการทิ้งนำ้าแข็งแห้งลงไปในนำ้า
3.แก๊สที่เกิดจากการเน่าของสิ่งปฏิกูลในคลอง
4.แก๊สที่เกิดจากการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
15.ข้อมูลแสดงการเปลี่ยนแปลงของสารเป็นดังนี้
A.เกลือละลายในนำ้า B.นำ้ากลายเป็นไอ C.ไม้ถูกเผากลายเป็นถ่าน
D.ผลไม้ถูกบ่มจนสุกงอม E.เหล็กเกิดสนิม F.หยดนำ้าในอากาศกลายเป็นลูกเห็บ
จากข้อมูลข้อใดเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมีทั้งหมด(O-NET61)
1.ABและF 2.BCและD
3.DEและF 4.CDและE
กลุ่มที่1
นำ้ายาล้างจานสบู่ผงซักฟอกยาสีฟันนำ้ายาล้างรถนำ้าใบเตย
กลุ่มที่2
นำ้าส้มสายชูกะปินำ้าตาลทราย
เกลือป่นนำ้าปลานำ้ายาขัดพื้น
กลุ่มที่3
นำ้าดอกอัญชันนำ้าขมิ้นชันนำ้าฟักทอง
นำ้าเก๊กฮวยนำ้ากระเจี๊ยบนำ้าดอกกุหลาบ
63
16. นำาก้อนนำ้าตาลที่มีมวลเท่ากันไปละลายในของเหลว4ชนิดที่มีปริมาตรและอุณหภูมิ
เท่ากันบันทึกเวลาที่นำ้าตาลละลายจนหมดก้อนได้ผลดังแผนภูมิ
ของเหลวชนิดใดเป็นตัวทำาละลายที่ดีที่สุด(O-NET60)
1.A 2.B
3.C 4.D
17.สาร4ชนิดมีลักษณะเป็นเกล็ดของแข็งที่มีสมบัติแตกต่างกันดังตาราง
เมื่อนำาสารผสมของสาร4ชนิดไปกรองด้วยตะแกรงขนาดรู0.9มิลลิเมตรแล้วเอาสารผสม
ที่ค้างบนตะแกรงไปใส่นำ้าในอ่างนำ้าจากข้อมูลการแยกสารผสมข้างต้น
ข้อความในข้อใดถูกต้อง(เลือกตอบ2ข้อ)(O-NET60)
1.แยกสารAออกจากสารผสมได้เพราะมีความหนาแน่นสูงสุด
2.แยกสารAและสารBออกจากกันไม่ได้เพราะมีสมบัติการละลายนำ้าได้ดีเหมือนกัน
3.แยกสารAและสารDออกจากกันได้เพราะมีสมบัติการละลายนำ้าต่างกัน
4.แยกสารBและสารDออกจากกันได้เพราะมีสมบัติการละลายนำ้าต่างกัน
5.แยกสารCและสารDออกจากกันไม่ได้เพราะมีขนาดเกล็ดใกล้เคียงกันมาก
6.แยกสารCและสารDออกจากกันได้เพราะมีความหนาแน่นต่างกัน
ชนิดของของเหลวABCD
เวลาที่ใช้(นาที)
ชนิดสารสมบัติสาร
ความหนาแน่น(กรัม/ลบ.ซม.)
การละลายในนำ้า
ขนาดเกล็ด(มม.)
A
2.0
ละลายได้ดี
0.8
B
0.9
ละลายได้ดี
1.0
C
1.8
ละลายไม่ได้
1.2
D
0.8
ละลายไม่ได้
1.5
64
18.นำาสารผสมที่ประกอบด้วยเกลือป่นผงเหล็กและทรายละเอียดซึ่งอยู่ในบีกเกอร์Aไปแยกตามขั้นตอนต่อไปนี้
ก.นำาแม่เหล็กมาดูดสารผสมที่อยู่ในบีกเกอร์A
ข.เติมนำ้าลงในบีกเกอร์Aคนสารให้ผสมกันแล้วนำาไปกรองด้วยกระดาษกรอง
จะได้ของเหลวอยู่ในบีกเกอร์B
ค.นำาของเหลวที่อยู่ในบีกเกอร์Bไปให้ความร้อน
ข้อความต่อไปนี้กล่าวถูกต้องใช่หรือไม่(O-NET61)
19.นำาเทอร์โมมิเตอร์ไปแช่นำ้าที่มีอุณหภูมิ30องศาเซลเซียสแล้วใส่วัตถุร้อนที่มีอุณหภูมิ80องศาเซลเซียส
ชนิดต่างๆลงไปดังภาพ
วัตถุร้อนชนิดใดที่ทำาให้อุณหภูมิของนำ้าสูงขึ้นได้รวดเร็วที่สุด(O-NET60)
1.แก้ว 2.แท่งไม้
3.ทองแดง 4.กระเบื้องดินเผา
ข้อความ
A.เมื่อแยกสารผสมตามขั้นตอนก.–ค.สารที่เหลืออยูใ่นบีกเกอร์Bคือเกลือแกง
B.ถ้าทำาการทดลองในขั้นตอนก.–ข.แล้วจะสามารถแยกของแข็งทั้งหมดออกจากของเหลวที่อยู่ในบีกเกอร์Bได้
C. ถ้าไม่ได้ใช้วิธีการในขั้นตอนก. สารละลายที่ได้หลังการกรองจะมีผงเหล็กผสมอยู่ด้วย
ใช่หรือไม่ใช่
ใช่/ไม่ใช่
ใช่/ไม่ใช่
ใช่/ไม่ใช่
วัตถุร้อน
นำ้า
เทอร์โมมิเตอร์
65
20.พิจารณาสารในแต่ละข้อต่อไปนี้
ก.
แชมพูในขวดรูปชมพู่ แชมพูในขวดรูปดาว
ข.
อากาศในลูกโป่งรูปหัวใจ อากาศในลูกโป่งรูปกระต่าย
ค.
ก้อนยางลบในแก้วใส ก้อนยางลบในกล่องพลาสติกใส
จากข้อมูลถ้าสารในแต่ละข้อมีมวลหรือปริมาตรเท่ากัน
สารใดที่แสดงสมบัติ“สารมีรูปร่างคงที่”(O-NET61)
1.แชมพูเท่านั้น 2.แชมพูและอากาศ
3.ก้อนยางลบเท่านั้น 4.อากาศและก้อนยางลบ
66
ชีววิทย�(Biology)
67
21.เมื่อนักเรียนรับประทานอาหารประเภทแป้งและโปรตีนจะเกิดการดูดซึมสารอาหาร
มากที่สุดบริเวณใด(O-NET61)
1.ปาก 2.ลำาไส้เล็ก
3.ลำาไส้ใหญ่ 4.กระเพาะอาหาร
22.ข้อมูลแสดงลักษณะภายในและภายนอกของสัตว์มีกระดูกสันหลัง4ชนิดเป็นดังตาราง
อุณหภูมิในร่างกายของสัตว์ชนิดใดไม่เปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อม(O-NET61)
1.A 2.B
3.C 4.D
23.ในการผสมเทียมโคนมเพื่อให้ได้โคนมลูกผสมที่สามารถให้นำ้านมได้มากเกษตรกรต้องฉีดนำ้าเชื้อ
ของโคพ่อพันธุ์เข้าไปในอวัยวะสืบพันธุ์ของโคเพศเมียในระยะใดจึงจะทำาให้การผสมเทียมนี้
ประสบความสำาเร็จ(O-NET61)
1.ระยะที่ให้นม 2.ระยะที่เป็นสัด
3.ระยะที่สร้างตัวอ่อน 4.ระยะที่สร้างเซลล์ไข่
ชนิด
ของสัตว์
ABCD
อวัยวะที่ใช้หายใจ
(ตัวเต็มวัย)
ปอดและผิวหนัง
ปอด
เหงือก
ปอด
ผิวหนงั
ปกคลุมลำาตัว
เรียบ
มีขนเป็นแผง
มีเกล็ด
มีเกล็ด
การออกลูก
เป็นไข่มีวุน้ใสหุ้ม
เป็นไข่มีเปลือกแข็งหุ้ม
เป็นไข่มีวุ้นใสหุ้ม
เป็นไข่มีเปลือกแข็งหุ้ม
ลักษณะภายในและภายนอก
68
24.ตารางแสดงลักษณะบางประการของสัตว์4ชนิด
พิจารณาจากตารางปลากัดมีลักษณะเหมือนกับสัตว์ชนิดใด(O-NET60)
1.A 2.B
3.C 4.D
25.ผลการศึกษาลักษณะพฤติกรรมการปกป้องลูกของแม่ไก่ตัวหนึ่งต่อสถานการณ์ต่างๆเป็นดังตาราง
จากข้อมูลพฤติกรรมของแม่ไก่เป็นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าใด(O-NET61)
1.ตัวของลูกไก่ 2.ตัวของลูกไก่ปลอม
3.เสียงร้องของลูกไก่ 4.การกางปีกของไก่
ชนิดของสัตว์
ABCD
การปฏิสนธิ
ภายนอก
ภายนอก
ภายใน
ภายใน
สภาพการออกลกู
เป็นไข่ไม่มีเปลอืกแข็งหุ้ม
เป็นไข่ไม่มีเปลือกแข็งหุ้ม
เป็นไข่ไม่มีเปลือกแข็งหุ้ม
เป็นตัว
รูปร่างตัวอ่อนและตัวเต็มวัย
เหมือนกัน
ไม่เหมือนกัน
เหมือนกัน
เหมือนกัน
สถานการณ์
แม่ไก่เห็นลูกไก่และได้ยินเสียงลูกไก่ร้อง
แม่ไก่ไม่เห็นลูกไก่แต่ได้ยินเสียงลูกไก่ร้อง
แม่ไก่ไม่เห็นลูกไก่และไม่ได้ยินเสียงลูกไก่ร้อง
แม่ไก่เห็นลูกไก่ปลอมที่ไม่ส่งเสียงร้อง
แม่ไก่เห็นลูกไก่ปลอมที่ส่งเสียงร้อง
ผลการสังเกตพฤติกรรมของแม่ไก่
แม่ไก่กางปีกปกป้องลูก
แม่ไก่กางปีกปกป้องลูก
แม่ไก่หุบปีก
แม่ไก่หุบปีก
แม่ไก่กางปีกปกป้องลูก
69
26.ในการสำารวจพืชในโรงเรียนแห่งหนึ่งนักเรียนได้มีการแบ่งพืชออกเป็น3กลุ่มดังนี้
กลุ่มที่ 1 ได้แก่ หญ้าพุทธรักษา
กลุ่มที่ 2 ได้แก่ ทานตะวันถั่วลิสง
กลุ่มที่ 3 ได้แก่ เฟินข้าหลวงหลังลายมอส
ข้อใดคือเกณฑ์ที่ใช้ในการจำาแนกพืชเป็น3กลุ่มข้างต้น(O-NET60)
1.พืชมีดอกหรือไม่มีดอกและการมีท่อลำาเลียงหรือไม่มีท่อลำาเลียง
2.พืชมีดอกหรือไม่มีดอกและการเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวหรือใบเลี้ยงคู่
3.พืชมีดอกหรือไม่มีดอกและการมีดอกสมบูรณ์เพศหรือไม่สมบูรณ์เพศ
4.การเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวหรือใบเลี้ยงคู่และการมีท่อลำาเลียงหรือไม่มีท่อลำาเลียง
27. แผนผังแสดงการจัดกลุ่มพืช5ชนิดออกเป็น2กลุ่มดังนี้
จากแผนผังพืชชนิดในต่อไปนี้ควรจัดไว้ในกลุ่มก.(O-NET61)
1.เฟิน 2.บัว
3.มะลิ 4.ชวนชม
มอสตำ�ลึงกุหล�บพุทธรักษ�ข้�ว
กลุ่มก.มอส
กลุ่มข.ตำ�ลึงกุหล�บพุทธรักษ�ข้�ว
70
28.นำาพืชชนิดเดียวกัน2ต้นมาจัดชุดการทดลองก.และข.จากนั้นเด็ดใบพืชสีเขียวที่มีขนาดและอายุ
เท่ากันจากการทดลองแต่ละชุดมาทดสอบด้วยสารละลายไอโอดีนได้ผลการทดสอบเป็นดังภาพ
ชุดการทดลองก.ชุดการทดลองข.
จากภาพผลการทดสอบเกิดจากการจัดชุดการทดลองตามข้อใด(O-NET61)
1.ชุดการทดลองก.และข.ไว้ในที่มืดแต่ไม่ได้รดนำ้าในชุดการทดลองข.
2.ชุดการทดลองก.และข.ไว้ในที่มีแสงแต่ไม่ได้รดนำ้าในชุดการทดลองก.
3.ชุดการทดลองก.ไว้ในที่มืดชุดการทดลองข.ไว้ในที่มีแสงและรดนำ้าทั้งสองชุดการทดลอง
4.ชุดการทดลองก.ไว้ในที่มีแสงชุดการทดลองข.ไว้ในที่มืดและรดนำ้าทั้งสองชุดการทดลอง
29.วิธีการเพิ่มจำานวนพืชที่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศคือข้อใด(O-NET60)
1.การตอนกิ่งต้นส้ม 2.การติดตากุหลาบ
3.การปักชำาสะระแหน่ 4.การเพาะเมล็ดมะม่วง
30.ข้อใดกล่าวถึงการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมได้ถูกต้อง(O-NET61)
1.ลักษณะทางพันธุกรรมบางอย่างของพ่อแม่อาจไม่ปรากฏในรุ่นลูก
2.ลักษณะทางพันธุกรรมของปู่ย่าตายายจะไม่ถ่ายทอดให้รุ่นหลาน
3.พ่อถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมให้ลูกชายและแม่ถ่ายทอดให้ลูกสาว
4.ลักษณะทางพันธุกรรมของพ่อแม่ที่ปรากฏในลูกคนแรกแล้วจะไม่ปรากฏในลูกคนถัดไป
สีนำ้าเงินเข้ม สีนำ้าตาล
71
31.โซ่อาหารในนาข้าวแห่งหนึ่งเป็นดังนี้
ระหว่างฤดูทำานาถ้าชาวนาจับงูในนาข้าวแห่งนี้จนหมดเหตุการณ์ในข้อใดมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากที่สุด
(O-NET61)
1.หนูเพิ่มจำานวนมากขึ้น
2.ต้นข้าวเพิ่มจำานวนมากขึ้น
3.ต้นข้าวถูกหนูทำาลายน้อยลง
4.นกเค้าแมวเพิ่มจำานวนมากขึ้น
32.ในระบบนิเวศจะมีความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกลุ่มต่างๆและมีความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต
กับสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับแหล่งที่อยู่อาศัยแหล่งอาหารและแหล่งสืบพันธุ์เป็นต้น
แบบของความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตในข้อใดที่แตกต่างกัน(O-NET60)
1.ผึ้งทำารังบนต้นไม้และมดแดงกับต้นมะม่วง
2.พยาธิกับคนและแบคทีเรียในลำาไส้ของปลวก
3.ต้นข้าวกับต้นหญ้าในนาและวัชพืชกับต้นถั่วเหลืองในไร่
4.นกเอี้ยงกับควายและรากับสาหร่ายที่อยู่ร่วมกันเป็นไลเคนส์
33.การรณรงค์ข้อใดที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมต่างจากข้ออื่น(O-NET60)
1.การปลูกผักกางมุ้ง
2.การส่งเสริมการผลิตกระดาษรีไซเคิล
3.การใช้ปุ๋ยเคมีที่ผลิตได้เองในประเทศไทย
4.การใช้สารชีวภาพในการกำาจัดศัตรูพืช
ต้นข้�วหนูงูนกเค้�แมว
72
34.โครงการทางสิ่งแวดล้อมข้อใดช่วยลดมลพิษทางอากาศโดยตรง(เลือกตอบ2ข้อ)(O-NET60)
1.ประหยัดพลังงานไฟฟ้าโดยปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อเลิกใช้
2.การรณรงค์ให้คนใช้ระบบขนส่งมวลชนแทนรถยนต์ส่วนบุคคล
3.ใช้พลังงานนำ้าแทนพลังงานจากถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า
4.ทำาการเกษตรผสมผสานที่ปลอดสารพิษ
5.ปลูกพืชหมุนเวียนโดยใช้พืชตระกูลถั่ว
6.นำาขยะอินทรีย์ไปทำาปุ๋ยหมัก
73
ธรณีวิทย�และด�ร�ศ�สตร์(Geology&Astronomy)
74
35.นักเรียนคนหนึ่งสังเกตลักษณะเนื้อหิน3ชนิดและการเปลี่ยนแปลงของหินเมื่อหยดกรดเกลือได้ผลดังนี้
จากข้อมูลข้อสรุปใดต่อไปนี้ถูกต้อง(O-NET61)
1.หินAเกิดจากการทับถมของหินปูนหินBมีหินปูนเป็นองค์ประกอบและหินC
เกิดจากการเย็นตัวของหินที่ร้อนและหลอมเหลว
2.หินAเกิดจากการทับถมของตะกอนหินBเกิดจากการแปรสภาพของหินปูนและหินC
เกิดจากการเย็นตัวของหินที่ร้อนและหลอมเหลว
3.หินAเกิดจากการทับถมของตะกอนหินBเกิดจากการทับถมของหินปูนและหินC
เกิดจากการทับถมของหินต่างกันสามชนิด
4.หินAเกิดจากการทับถมของตะกอนหินBเกิดจากการแปรสภาพของหินปูนและหินC
เกิดจากการทับถมของหินต่างกันสามชนิด
36.ตารางระดับความแข็งของแร่ชนิดต่างๆในหินเรียงลำาดับจากน้อยไปมาก(ระดับ1ไประดับ10)
พิจารณาจากตารางข้อสรุปเกี่ยวกับความแข็งของแร่ข้อใดถูกต้อง(O-NET60)
1.แร่หินฟันม้าและแร่อะพาไทต์มีระดับความแข็งปานกลางขูดกันไม่เป็นรอย
2.แร่ทัลค์และแร่ยิปซัมขูดแร่แคลไซต์เป็นรอย
3.แร่ฟลูออไรด์ขูดแร่ยิปซัมไม่เป็นรอย
4.แร่ทัลค์ขูดแร่ควอตซ์ไม่เป็นรอย
ชนิดหิน
A
B
C
ลักษณะเนื้อหิน
แบ่งเป็นชั้นๆ
สีขาวมีลวดลาย
เป็นผลึกหยาบมีสามสี
ก�รเปลี่ยนแปลงเมื่อหยดกรดเกลือ
ไม่เปลี่ยนแปลง
เกิดฟองแก๊ส
ไม่เปลี่ยนแปลง
ชนิดแร่
หินฟันม้า
ควอตซ์
โทแพส
คอรันดัม
เพชร
ระดับคว�มแข็ง
6
7
8
9
10
ชนิดแร่
ทัลค์
ยิปซัม
แคลไซต์
ฟลูออไรด์
อะพาไทต์
ระดับคว�มแข็ง
1
2
3
4
5
75
ดาวฤกษ์B
ดาวฤกษ์Aตำาแหน่งที่วัด
จากเส้นขอบฟ้าถึงดาวฤกษ์A
ผลการวัดมุมเงยโดยใช้มือ
จากดาวฤกษ์Aถึงดาวฤกษ์B
37.ถ้านำาศรลมไปวางไว้ริมทะเลในตอนกลางวันหัวลูกศรของศรลมจะชี้ไปทางใดและเพราะเหตุใด(O-NET61)
1.ชี้ไปทางทะเลเพราะเกิดลมบกทำาให้ลมพัดจากชายฝั่งออกสู่ทะเล
2.ชี้ไปทางชายฝั่งเพราะเกิดลมบกทำาให้ลมพัดจากชายฝั่งออกสู่ทะเล
3.ชี้ไปทางทะเลเพราะเกิดลมทะเลทำาให้ลมพัดจากทะเลเข้าหาชายฝั่ง
4.ชี้ไปทางชายฝั่งเพราะเกิดลมทะเลทำาให้ลมพัดจากทะเลเข้าหาชายฝั่ง
38.เด็กชายคนหนึ่งต้องการระบุตำาแหน่งของดาวฤกษ์2ดวงซึ่งปรากฏอยู่บนซีกฟ้าเหนือในทิศตรงข้าม
กับทิศที่ดวงอาทิตย์ตกโดยใช้มือวัดมุมเงยได้ผลดังตาราง
ผลการวัดมุมเงยโดยใช้มือในข้อใดสรุปได้ถูกต้อง(O-NET61)
1.ดาวฤกษ์Aทำามุมเงย15° ทางทิศตะวันตก
2.ดาวฤกษ์Bทำามุมเงย20°ทางทิศตะวันออก
3.ดาวฤกษ์Aและดาวฤกษ์Bอยู่ห่างกัน5°ทางทิศตะวันตก
4.ดาวฤกษ์Aและดาวฤกษ์Bอยู่ห่างกัน3°ทางทิศตะวันออก
76
ด�วเคร�ะห์
โลก
A
B
C
เวล�ที่ใช้ในก�รหมุนรอบตัวเองครบ1รอบเทียบกับเวล�บนโลก
23ชั่วโมง56นาที
243วัน14นาที
10ชั่วโมง39นาที
9ชั่วโมง55นาที
เวล�ที่ใช้ในก�รโคจรรอบดวงอ�ทิตย์ครบ1รอบเทียบกับเวล�บนโลก
365วัน
224วัน
29ปี
11ปี
39.ข้อมูลเกี่ยวกับดาวเคราะห์3ดวงและโลกในระบบสุริยะเป็นดังนี้
จากข้อมูลจะเรียงลำาดับดาวเคราะห์ทั้ง4ดวงจากใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดไปไกลจากดวงอาทิตย์
มากที่สุดได้เป็นอย่างไร(O-NET61)
1.ดาวเคราะห์Cดาวเคราะห์Bดาวเคราะห์Aโลก
2.ดาวเคราะห์Aโลกดาวเคราะห์Bดาวเคราะห์C
3.ดาวเคราะห์Aโลกดาวเคราะห์Cดาวเคราะห์B
4.โลกดาวเคราะห์Aดาวเคราะห์Cดาวเคราะห์B
77
21มีนาคม
21มิถุนายน 22ธันวาคม
23กันยายน
23½
23.5°เหนือเส้นศูนย์สูตร
23.5°ใต้
ระนาบการโคจร
ดวงอาทิตย์
40.แบบจำาลองแสดงการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ในรอบ1ปีและตำาแหน่งABและC
บนพื้นผิวโลกณวันที่21มิถุนายนเป็นดังภาพ
จากภาพหากวันนี้เป็นวันที่21มิถุนายนข้อสรุปใดถูกต้อง(O-NET61)
1.ตำาแหน่งAอยู่ในช่วงฤดูหนาว
2.ตำาแหน่งAมีอุณหภูมิสูงกว่าตำาแหน่งC
3.ตำาแหน่งBมีระยะเวลากลางวันสั้นกว่ากลางคืน
4.ตำาแหน่งCช่วงเวลาเที่ยงวันดวงอาทิตย์จะอยู่เหนือศีรษะพอดี
78
เฉลยข้อสอบข้อ
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
คำ�ตอบ
4
4
2
3
1
2
2
3
2
3
1
A=ไม่ใช่,B=ใช่,C=ไม่ใช่
3
2
4
1
4,6
A=ใช่,B=ใช่,C=ไม่ใช่
3
3
ข้อ
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
คำ�ตอบ
2
2
2
1
3
2
1
4
4
1
1
2
3
2,3
2
4
3
2
3
2
79
