Foodstylist issue 63

16

description

 

Transcript of Foodstylist issue 63

Page 1: Foodstylist issue 63
Page 2: Foodstylist issue 63

words thunchanit & ratthawan photograps phaitoon boonsong

FEATUREScover story

It’s Time

to Be

the Chef

Hunter

ครบรอบวันเกิด 6 ขวบปีของนิตยสารฟู้ดสไตลิสท์ ฤกษ์งามยามดีนี้แบบนี้

ไม่มีอะไรจะเหมาะสมไปกว่าการเฉลิมฉลองไปพร้อมกับความสำเร็จของเหล่า

บรรดาเชฟนักล่า (รางวัล) ทีม Thailand Culinary Academy ที่วันนี้

พวกเขาประกาศศักดิ์ดาเชฟไทยกระหึ่มไกลไปแล้วทั่วโลก รวมทั้งการเปิดตัว

cooking series reality online ครั้งแรกของประเทศไทยจากฝีไม้ลายมือ

บรรณาธิการบริหารของพวกเรา ทั้งหมดทั้งปวงนี้รับรองว่าฟู้ดดี้ตัวจริง

อย่างคุณไม่มีผิดหวัง

Page 3: Foodstylist issue 63

18 foodstylist 19 foodstylist

เชฟวิลล์เมนต์ ลีออง การก้าวเดินด้วยหัวใจและศรัทธาของ

Thailand Culinary Academy

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

เป็นเวลากว่า 3 ปีที่ชื่อเสียงของเชฟอาชีพ และเชฟเยาวชนในนาม Thailand

Culinary Academy (TCA) ได้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทยและ

วงการอาหารไทยมากมาย ด้วยการกวาดเหรียญรางวัลถล่มทลาย และนำธงชาติไทย

ขึ้นไปโบกสะบัดบนเวทีการแข่งขันทำอาหารทั่วโลกมาแล้วหลายรายการ จวบจนวันนี้

เป็นที่รู้และยอมรับกันเป็นอย่างดีว่าฝีไม้ลายมือของเชฟไทยนั้นไม่เป็นรองใครในโลก

ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าปราศจากแม่ทัพใหญ่ผู้บุกเบิกและก่อตั้ง

Thailand Culinary Academy คนนี้... “วิลล์เมนต์ ลีออง” (Willment Leong)

ที่มาที่ไปของ Thailand Culinary Academy

TCA ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2010 โดยการรวมตัวกันของกลุ่มเชฟไทยและเชฟต่างชาติ เป็น

องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนเด็กไทยและ

อาชีพเชฟไทยทุกคนที่มีใจรักการทำอาหาร มีศรัทธา และอยากพัฒนาฝีมือตัวเอง ได้มี

โอกาสแสดงศักยภาพให้ทั่วโลกได้รู้จัก ด้วยการฝึกฝนกันอย่างหนัก และส่งพวกเขาไป

เข้าร่วมแข่งขันในเวทีอาหารระดับนานาชาติ ซึ่งแบ่งเป็นสองระดับด้วยกันครับ คือ

เชฟระดับอาชีพ และเชฟระดับเยาวชน ปัจจุบันเรามีสมาชิกในทีมทั้งหมด 77 คน ซึ่ง

ทุกคนล้วนแต่ได้เหรียญรางวัลจากการแข่งขันมาแล้วทั้งสิ้น

ร่วมทีม Thailand Culinary Academy

การคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาร่วมทีมกับเรามีหลายรูปแบบครับ รูปแบบหนึ่งเราจะจัดการ

แข่งขันขึ้นเอง คนที่ชนะเราก็จะส่งแข่งขันต่อไป นอกจากนี้ คณะกรรมการบอร์ดของ

TCA จะช่วยกันคัดเลือกเชฟเยาวชนที่ชนะการแข่งขันจากเวทีต่างๆ ในประเทศ หรือ

อาจได้รับการแนะนำมาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ แล้วเราก็ดูว่าเขาน่าจะมาอยู่กับทีมเรา

ได้ไหม หน่วยก้านเป็นอย่างไร ที่สำคัญเลยก็คือต้องมีความตั้งใจจริง สำหรับระดับ

เยาวชน นิสัยต้องดี จิตใจต้องดี มีความอดทนสูง สำหรับระดับโปรเฟชชันนอล ฝีมือ

ไม่ดีไม่เป็นไร ขอให้มีเบสิกเป็นอันใช้ได้ แต่ต้องไม่มีอีโก้ คนที่มีอีโก้สูงๆ คิดว่าตัวเอง

เก่งมาก พูดอะไรก็ไม่ฟัง เข้ามาเสร็จทุกรายครับ คนประเภทแบบนี้เราไม่เปิดรับ

เราไม่ได้แข่งเพื่อตัวเอง

เพียงอย่างเดียว

แต่เราแข่งเพื่อพ่อแม่

เพื่อประเทศไทย

เพื่อในหลวงของเรา

เราใส่เสื้อที่มีธงชาติไทย

เราต้องทำให้เต็มที่

Page 4: Foodstylist issue 63

20 foodstylist 21 foodstylist

เมื่อแม่ทัพใหญ่ถ่ายทอดประสบการณ ์

ปีแรกที่เข้ามา ผมจะสอนทุกอย่างเลย แต่จะเน้นเรื่องทีมเวิร์กเป็นสำคัญ เพราะผมว่า

ทีมไทยดีหมดทุกอย่าง ยกเว้นทีมเวิร์ก เราต้องใช้โอกาสนี้ให้ทุกคนอยู่ด้วยกัน เรียนรู้

กัน คนที่มีน้ำใจช่วยเหลือทุกคน โดยส่วนตัวแล้วจะเป็นคนที่ผมรักที่สุด ไม่ใช่คนเก่ง

คนเห็นแก่ตัว เพราะเราไม่ได้วัดคนที่เหรียญรางวัลหรือการประสบความสำเร็จใน

สนาม แต่เราดูเรื่องความสามัคคีมากกว่า สำหรับเรื่องเทคนิคการทำอาหาร ในปีแรก

เราเน้นเรื่องการผสมผสานอาหารไทยประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ปีที่สอง 30-40

เปอร์เซ็นต์ และปีนี้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ คือเราจะพยายามผสมผสานอาหารไทย

เข้าไปให้มากที่สุด เพื่อให้กรรมการทั่วโลกเข้าใจว่าอาหารไทยเป็นแบบไหน มีวิธีการ

กิน วิธีการเตรียมเป็นอย่างไร

นอกจากเรื่องของอาหารแล้ว ผมจะสอนเด็กๆ ทุกคนว่าเวลาไปแข่งขัน เราไม่ได้แข่ง

เพื่อตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่เราแข่งเพื่อพ่อแม่ เพื่อประเทศไทย เพื่อในหลวงของ

เรา เราใส่เสื้อที่มีธงชาติไทย เราต้องทำให้เต็มที่

เชฟชาวสิงคโปร์หัวใจไทย

ผมอยู่เมืองไทยมานาน จนถึงวันนี้ก็ 13 ปีแล้ว เมื่อที่บ้านพอกินพอใช้ก็อยากที่จะ

ตอบแทนเมืองไทย อยากคืนสิ่งดีๆ ให้กับสังคมบ้าง โดยการถ่ายทอดความรู้และ

ประสบการณ์ในการเป็นเชฟที่ผมมีอยู่ให้กับเด็กๆ เชฟรุ่นใหม่หรือคนที่สนใจด้านนี้ นี่

คือสิ่งที่ผมตั้งใจทำเพื่อเมืองไทยครับ

การแข่งขัน...ใบเบิกทางสู่อาชีพเชฟ

ผมเองเรียนจบแค่ ม.3 ครอบครัวยากจน สิ่งที่ทำให้ก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งนี้ได้ในปัจจุบัน

ก็คือ การเข้าแข่งขันทำอาหารในเวทีต่างๆ ทั้งในระดับประเทศและนานาประเทศ

เพราะใบประกาศนียบัตร เหรียญรางวัล และประสบการณ์ที่ได้รับเป็นเหมือนใบเบิก

ทางสู่อาชีพนี้ได้

ประสบการณ์ รางวัลอันมีค่า

ส่วนตัวผมไม่ได้เอารางวัลมาวัดผลงานของ Academy แต่ใช้นิสัยของแต่ละคนที่ไป

แข่งมาวัดมากกว่า สมมติว่าเขาแข่งได้ที่สุดท้ายกลับมา แต่เขาเต็มที่ไปแล้ว สู้เต็มที่

แล้ว สำหรับเราเขาสำเร็จไปแล้ว บางทีมได้ที่หนึ่ง ที่สองกลับมา แต่ลืมตัว ไม่สนใจ

อะไรเลย อย่างนี้ผมถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ เหรียญรางวัลราคาไม่กี่บาท สิ่งเหล่านี้

วัดอะไรไม่ได้ ประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญและมีค่ามากกว่าเยอะ

กุญแจแห่งความสำเร็จ

ความสำเร็จของพวกเราในวันนี้เกิดขึ้นจากความพยายาม ทุ่มเท ศรัทธาในสิ่งที่เรา

เชื่อมั่น และอย่าลืมว่าทำไมวันนี้เรายืนอยู่ที่จุดนี้ มาจากไหน ที่มาที่ไปเป็นยังไง เรามีที่

ไปแล้ว เราก็ต้องจดจำว่าที่มาเรามาจากไหน อย่าลืมที่มาเด็ดขาด เมื่อใดที่เราลืมที่มา

อนาคตก็จะไม่มีที่ไปอีกแล้ว สองปีสามปีที่แล้วเราอยู่ตรงไหน ทำไมวันนี้เราอยู่ตรงนี้

อย่าลืมแล้วกัน

ประวิตร เปรื่องอักษร กับ Cooking Series Reality Online

ครั้งแรกของประเทศไทย

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขึ้นแท่นเป็นเจ้าพ่อ Food Media แห่งวงการอาหารไทยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ “คุณประวิตร

เปรื่องอักษร” บรรณาธิการบริหารขวัญใจพวกเราชาว foodstylist หลังจากดำเนินธุรกิจสื่ออาหาร

ครบวงจรอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งสื่อนิตยสาร สื่อโทรทัศน์ กิจกรรมทางการตลาดด้านอาหาร และ

ล่าสุดกับการคลอดโปรเจกต์ยักษ์ Cooking Series Reality Online เป็นเจ้าแรกของเมืองไทย

คอนเฟิร์มว่าทุกตอนดุ เด็ด เผ็ด มันส์ จนห้ามกะพริบตากันเลยทีเดียว

The Chef Hunter

เราไม่ได้นำเสนอเรื่องเมนู

หรือวิธีการทำ

เพราะทุกคนสามารถ

เซิร์ชหาจากกูเกิ้ลได้

แต่ชีวิตหาจากใน

กูเกิ้ลไม่ได ้

Page 5: Foodstylist issue 63

22 foodstylist 23 foodstylist

ผู้นำทีมกับการคว้าชัยชนะ

ดีใจนะเพราะในการแข่งขันก็ต้องคาดหวังเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่เราได้มา

คือการที่ได้ไปรู้ว่าเราอยู่ตรงจุดไหนของการแข่งขันมากกว่า ไม่ว่าจะได้

เหรียญทอง เงิน หรือทองแดง เราจะรู้เสมอว่าเราอยู่ลำดับเท่าไรของ

จำนวนประเทศทั้งหมดที่ไปแข่ง ผมว่าประสบการณ์ตรงนี้มันน่าจะมาก

กว่าคำว่าชนะ

สิ่งที่คาดหวังจากการแข่งขัน

แน่นอนว่าต้องประสบการณ์เลย เวลาเราไปเราก็จะรู้จักวิธีการทำและ

มุมมองที่ต่างกันไปของเชฟแต่ละประเทศมากขึ้น เพราะขั้นตอนการทำ

เป็นสากลอยู่แล้ว แต่สิ่งที่แตกต่างคือแต่ละคนจะมีทริคที่ไม่เหมือนกัน

เราก็ไปเก็บเกี่ยวมา หลังแข่งเสร็จเราก็จะได้กลุ่มเพื่อนได้มิตรภาพ

และที่สำคัญคือชัยชนะครับ เพราะการแข่งขันเราก็ต้องการที่จะชนะ

คนที่จะไปแข่งแล้วคิดว่าจะแพ้ตั้งแต่แรก อย่าไปดีกว่า

ประทับใจสนามไหนมากที่สุด

ชอบที่ปีนังครับ เพราะโหดดี มันเป็นรายการสดจริง เตรียมมาก่อนไม่

ได้ ซ้อมมาก็ไม่มีประโยชน์ มันเป็นการแข่งกับส่วนประกอบต่างๆ ที่เขา

ให้เท่านั้น แล้วก็ไม่ได้ให้อย่างเสมอภาคด้วย ให้แค่เท่าที่พอจะทำอาหาร

ได้ แล้วทุกทีมก็ต้องแย่งกันอีก มันท้าทายตรงที่เราจะเลือกได้ไหม จะ

ไปแย่งเขามาได้หรือเปล่า หัวสมองต้องคิดตลอดเวลา

ปัญหาบนเวทีการแข่งขัน

คนไทยเราจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับวัตถุดิบหรือส่วนผสมหลักที่เราไม่เคย

เจอ ถ้าเป็นที่บ้านเรา เราก็จะรู้จักแป้งจากการเรียกชื่อยี่ห้อนั้นๆ ไม่ได้

ถูกสอนให้เรียกเป็นประเภทของแป้ง ฉะนั้นเวลาไปเจอที่ต่างประเทศก็

จะเกิดอาการงงว่า ใช่หรือเปล่า ใช้ได้หรือเปล่า บางทีผักก็รสชาติไม่

เหมือนกัน เพราะวิธีการปลูกไม่เหมือนกัน ซึ่งมันจะส่งผลต่ออาหาร

แน่นอน นี่คือสิ่งที่ต้องปรับครับ ต้องยอมรับว่าเด็กไทยเรายังเห็นโลก

น้อยกว่าประเทศอื่นนะครับ

สิ่งที่คนเป็นหัวหน้าทีมต้องมี

คนเป็นเชฟต้องใจร้อน ซึ่งผมเป็นคนใจเย็น แต่ใจร้อนในเรื่องของ

จัดการคนนะ เพราะเวลาเราอยู่ในครัว สถานการณ์มันทำให้ตึงๆ

กระตือรือร้น เราต้องใช้คำที่แรงเพื่อจะตัดสินให้เด็ดขาด เพราะเชฟใน

ครัวจะต้องมีลูกน้องเยอะ การเป็นหัวหน้าทีมเหมือนต้องมีสองอารมณ์

เวลาตัดสินใจต้องเด็ดขาดคือต้องใจร้อน แต่เวลาจะพูดให้ลูกทีมเชื่อ

เราต้องพูดให้เชื่อด้วยความใจเย็น

จตุพร จึงมีสุข-จตุพร อ่อนพรม-อำนาจ ธนสมบัติ-

บรรณ บริบูรณ์

ทีมเวิร์กนี่ละ...เวิร์ก!!

เช่นคำโบราณท่านว่าไว้ “คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย” แต่ถึง

อย่างนั้น ปริมาณก็ไม่อาจเทียบเทียมได้เท่าความเป็นหนึ่งเดียวและ

ความแข็งแกร่งพอที่จะทำให้ทีมประสบความสำเร็จและคว้าชัยชนะ --

ที่ไม่จำเป็นต้องได้เหรียญทองเสมอไป แต่เป็นการชนะด้วยความ

สามารถของทีมที่มีอยู่ เข้าถึงความคาดหวังของทีมที่ตั้งไว้ และรู้ว่า

ศักยภาพของทีมมีมากขึ้นเท่าไร – ดังที่หัวหน้าทีม Thailand Culinary

Academy บอกไว้ว่า “ถ้าคิดว่าจะแพ้ตั้งแต่แรก อย่าไปดีกว่า”

จตุพร จึงมีสุข (ปุ๊)

ตำแหน่งในการแข่งขัน : หัวหน้าทีม

ปัจจุบัน : บริษัทฯ เกี่ยวกับที่ปรึกษาทางด้านอาหาร

คติ : ผมเชื่อว่าทุกคนต้องทำ ถ้าไม่ทำมันก็ไม่ได้

เมื่อการแข่งขันทำอาหารมีมากกว่าความสวยและความอร่อย

แรงบันดาลใจในการทำเรียลิตี้ของผมต้องเล่าย้อนไปตั้งแต่ตอนที่เราจัดการแข่งขัน foodstylist

Challenge ครั้งแรก ซึ่งในการจัดอีเวนต์ คนทำอีเวนต์เรื่องอาหารจะทราบว่ามันมีปัญหาเฉพาะ

หน้าให้ต้องแก้ไขตลอดเวลา หรือบางคนดูการแข่งขันแล้วก็ถามผมว่าแข่งจบแล้วยังไงต่อ คนชนะ

แล้วไปไหน ทำอะไร ผมก็เลยตั้งคำถามกับตัวเองว่าเวลาเราแข่งขัน เราตัดสินกันที่อาหารสวยและ

อร่อยแล้วจบแค่นั้นเหรอ ทั้งๆ ที่มันเป็นการตัดสินที่ปลายทางเป็นเรื่องของความสนุกเท่านั้น ซึ่ง

แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่ในความสนุกนั้นจะสอดแทรกความรู้ด้วยกระบวนการวิธีคิดและ

การแก้ปัญหา ยกตัวอย่างเช่น ในร้านอาหารหนึ่งแห่งกว่าจะได้เป็นเมนูที่เสิร์ฟลูกค้าได้ รู้ไหมว่าข้าง

หลังมีปัญหาอะไรและแก้ยังไง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าสนุก น่าติดตามมาก ก็เลยเป็นที่มาของการ

อยากทำเรียลิตี้ขึ้นมา

ถ่ายทอดประสบการณ์เชฟทีมชาติไทย

วัตถุประสงค์หลักที่เราทำเรียลิตี้ขึ้นมาก็คือ ที่ผ่านมาเรามีทีมชาติไทยไปแข่งขันทำอาหารในต่าง

ประเทศ แล้วก็คว้ารางวัลกลับมามากมาย ซึ่งผมมองว่าเรากลับมา เราชื่นชมกับรางวัลแล้วก็จบไป

แต่สิ่งที่มีค่ามากกว่ารางวัล ผมมองว่ามันคือประสบการณ์ที่ทางทีมชาติไทยได้รับ โจทย์ก็คือว่าทำ

อย่างไรที่จะนำประสบการณ์เหล่านี้มาแบ่งปันสังคม ให้ทุกคนได้เห็นว่าวิธีการเป็นแบบนี้ ไม่ได้ง่าย

อย่างที่คิด ไม่ใช่แค่การไปทำอาหาร แต่มันมีกระบวนการอื่นๆ เข้ามาอีก

Episode แรกกับ The Chef Hunter

เรียลิตี้ตอนแรกที่เรานำเสนอก็คือ The Chef Hunter เราตั้งชื่อว่า นักล่า ท้ารางวัล เป็นเรื่องราว

ของเชฟกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีเชฟคนไทย แล้วก็เชฟวิลล์เมนต์ ชาวสิงคโปร์ทำทีม Thailand Culinary

Academy กันขึ้นมา แล้วก็ออกไปแข่งขันสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ซึ่งได้เหรียญรางวัลมา

มากมาย เพื่อให้ต่างชาติได้รับรู้ว่าเชฟไทยก็มีฝีไม้ลายมือไม่น้อย

โดยผมจะดูแลคอนเซปต์ตั้งแต่แรกเลย เนื่องจากว่าการแข่งขันครั้งนี้เป็นการเข้าไปถ่ายทำในงาน

แข่งขันของประเทศอื่น ความยากอยู่ที่ว่าเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ด้วยเนื่องว่า

เราอยู่ในสายอาหาร เราก็พอเดาได้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น เรื่องความเข้าใจก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

เพราะถึงแม้เราจะมีกล้อง มีอุปกรณ์การถ่ายทำที่ดี ก็ไม่ได้หมายความว่าเราพร้อม แต่เราต้องเข้าใจ

เนื้อหาที่จะนำเสนอด้วย ก็เลยต้องลงไปทำด้วยตัวเอง เพราะว่าน้อยคนนักที่จะเข้าใจชีวิตของเชฟ

วิธีคิดของเชฟ อย่าง The Chef Hunter เราก็ไม่ได้นำเสนอเรื่องเมนู หรือวิธีการทำ เพราะทุกคน

สามารถเซิร์ชหาจากกูเกิ้ลได้ แต่ชีวิตหาจากในกูเกิ้ลไม่ได้ และคนเหล่านี้ไม่ใช่นักแสดง มันคือเรื่อง

จริง เรื่องราวทั้งหมดเราต้องร้อยเรียงมาเพื่อให้คนได้ดูกัน นี่คือสิ่งที่ผมเข้าไปดูแล ทั้งภาพ เสียง

และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะเนื่องจากเป็น Cooking Series Reality Online ครั้งแรกของ

ประเทศไทยด้วย

ครบสาระ ครบรส

เราต้องการให้มุมมองแก่คนดูอีกมุมมองหนึ่งว่า ในการแข่งขันทำอาหาร เราไม่ได้เปรียบเทียบว่าเรา

เก่งกว่าคู่แข่ง แต่มันเป็นการแข่งกับตัวเอง อยากให้คนดูได้เห็นว่าเราอยู่ในโลกแห่งการเปรียบเทียบ

มาโดยตลอด แต่เรื่องแข่งขันทำอาหารมันไม่เกี่ยว มันเป็นเรื่องทักษะ แข่งกับเวลา แข่งกับตัวเอง

ผมว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่กลับมาย้ำเตือนคนดูว่า การแข่งขันรางวัลคือรางวัล เราไม่ได้มุ่งที่จะเอาชนะกัน

แต่เราต้องรู้จักตัวเองให้ได้มากที่สุด ส่วนเรื่องของความรู้สึก รับรองว่าดูแล้วได้ครบทุกอรรถรสครับ

ตอนที่ทำเขาก็จะมีการโกรธกัน เคืองกัน ไม่เข้าใจกัน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหมดเลย แต่พอวันแข่ง

วันสุดท้าย ทุกคนเทใจ แล้วเราก็ชนะ ได้เหรียญทองกลับมา บางทีตอนที่เราถ่ายทำกัน น้ำตาเราก็

ไหลไปกับเขาด้วย เพราะเราได้เห็นว่าคนที่มาแข่ง เขาไม่ได้รับผลตอบแทนอะไรเลย นอกจากความ

ภูมิใจ

Page 6: Foodstylist issue 63

24 foodstylist 25 foodstylist

การแข่งขันให้อะไรบ้าง

หนึ่งความรู้ สองคือเป็นการฝึกฝนและพัฒนาตัวเอง สามคือได้เป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมกันทำให้วงการ

อาหารของประเทศไทยเป็นที่รู้จัก ได้มีโอกาสไปแสดงให้ชาวต่างชาติได้เห็นว่าเราก็สามารถทำได้และ

ทำได้ดีกว่า

ปัญหาบนเวทีการแข่งขัน

แต่ละเวทีก็จะมีปัญหาที่แตกต่างกัน เพราะแต่ละที่จะมีโจทย์ที่ต่างกันออกไป อาจจะเป็นการแข่งทำ

อาหารที่มีปริมาณเยอะๆ บ้าง บางทีเป็นการแข่งทำแบบสดๆ บ้าง เปิดกล่องออกมาได้อะไรก็ทำเท่าที่

มี แต่หลักๆ มันทำให้เรารู้ว่าเราควรต้องปรับตัวอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเป็นทีมหรือการ

ทำงานคนเดียว

สิ่งที่คาดหวังในการแข่งขัน

แน่นอนว่าเหรียญหรือรางวัลมันคือผลพลอยได้ที่เราอยากได้อยู่แล้ว แต่การที่เราทำออกมาได้ดีแค่

ไหนนั่นคือรางวัลที่เราคาดหวัง เพราะมันคือชื่อเสียงของประเทศไทย เราอยากทำให้ชาวต่างชาติได้

รู้จักความเป็นไทยว่าเราไม่ได้ล้าหลังอย่างที่พวกเขาคิด เราสามารถทำอะไรต่างๆ ได้ทัดเทียม

นานาชาติและบางอย่างอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราคาดหวังมากกว่า

ประทับใจสนามไหนมากที่สุด

ประทับใจในทุกที่ที่ไปนะครับ เพราะแต่ละที่ก็จะมีเรื่องราวที่ต่างกันไป มันเป็นเหมือนการเปิดโลกใหม่

ได้เรียนวัฒนธรรม ได้ลองรสชาติอาหารท้องถิ่นนั้นๆ ไม่ใช่ว่าการแข่งขันจะเป็นการนำเอาแต่อาหาร

เราไปโชว์เพียงอย่างเดียว แต่เราต้องไปเรียนรู้ของเขาด้วย เพราะแต่ละที่มีวิถีการกินที่ต่างกัน

มุมมองของชาวต่างชาติที่มีต่ออาหารไทย

อย่างที่ไปล่าสุดที่ออสเตรเลีย เขาให้ความสนใจกับอาหารไทยเป็นอย่างมาก เพราะเราไปโชว์เมนูไทย

ด้วย แต่ละประเทศก็เอาอาหารมาโชว์โดยการเปิดโต๊ะเป็นบุฟเฟต์ให้กับชาวต่างชาติที่มาเข้าร่วมได้กิน

ซึ่งอาหารไทยก็ติดหนึ่งในสามที่คนที่นั่นให้ความสนใจ

ความสุขในการทำงาน

เวลาที่ผมเห็นคนที่ได้กินอาหารของเราแล้วเขามีความสุข แค่นี้ผมก็ดีใจและมีความสุขแล้ว

ประสบการณ์ที่ได้จากการไปแข่งขัน

ไปที่เกาหลีคือคนไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เวลาไปซื้อวัตถุดิบก็สื่อสารกันเข้าใจยากนิดหนึ่ง

ครับ เลยต้องทำภาษามือแทน แล้วตอนแข่งก็เป็นโจทย์เหมือนเป็นการทำร้านอาหาร ซึ่งผมไม่

เคยทำงานร้านอาหารจึงไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยครับ มันก็เลยเหมือนเป็นการฝึกฝนไปในตัว

ปัญหาบนเวทีการแข่งขัน

ก็มีเรื่องการทำไม่ทันกับเวลาครับ แต่ก็มีคนในทีมมาคอยช่วยเหลือกันตลอด

คาดหวังไว้กับการแข่งขันในแต่ละครั้งอย่างไรบ้าง

อืม...ผมไม่ค่อยคาดหวังอะไรมากครับ แค่ทำให้เต็มที่ก็พอครับ

ประทับใจอะไรมากที่สุดในการแข่งขันแต่ละครั้ง

ประทับใจใน Thailand Culinary Academy มากกว่าครับ เพราะว่าทุกคนมีการช่วยเหลือกัน

มีน้ำใจ เต็มใจที่จะช่วยกัน และก็มีใจสู้

เป้าหมายในการแข่งขันสำหรับตัวเอง

ผมอยากให้ชาวต่างชาติรู้จักอาหารไทยมากขึ้น รวมทั้งการนำเอาอาหารไทยไปเป็นโจทย์ในการ

แข่งขันบ้าง เพราะไม่ว่าจะเวทีไหนๆ เราก็จะเจอแต่โจทย์อาหารตะวันตกหรือชาติอื่นๆ ที่เป็นที่

รู้จัก ก็เลยคิดว่าทำไมถึงไม่มีอาหารไทยบนเวทีการแข่งขันบ้างครับ

จุดแข็งของตัวเอง

น่าจะเป็นความมีใจสู้มากกว่าครับ ฝีมือและประสบการณ์ยังไม่เท่าไรครับ ยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่า

เป็นเชฟครับ เพราะว่าคนที่เป็นเชฟ สำหรับผมแล้วต้องทำได้หลายอย่าง

ความสุขในการทำงาน

การได้เจอเชฟเก่งๆ และเรียนรู้จากเขาให้มากที่สุดครับ

จากเรื่องราวการแข่งขันของสุดยอดทีม Thailand Culinary Academy และการถ่ายทอดเรื่อง

จริงของพวกเขาชนิดเกาะติดขอบสนามผ่าน Cooking Series Reality Online พวกเราชาว

ฟู้ดสไตลิสท์เชื่อเหลือเกินว่านอกจากคุณจะได้รับความสุข ความภาคภูมิใจ และอรรถรสในการชม

เชียร์เชฟไทยของเราแล้ว สิ่งหนึ่งที่คุณจะได้รับกลับไปอย่างอิ่มเอมแน่นอนนั่นก็คือ แรงบันดาลใจ

ในการปรุงและลิ้มลองรสชาติที่ยอดเยี่ยม เหมือนกับสโลแกนของพวกเรา “Inspire to cook,

Inspire to taste” ยังไงละคะ

จตุพร อ่อนพรม (ต้อม)

ตำแหน่งในการแข่งขัน : เชฟทำขนมหวาน

ปัจจุบัน : อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์

สาขาอุตสาหกรรมอาหารและการบริการ

มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต

คติ : ทำอาหารให้ออกมาเป็นอาหาร

อำนาจ ธนสมบัติ (เอ็ม)

ตำแหน่งในการแข่งขัน : ผู้ช่วยในทีม

ปัจจุบัน : นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัย

ราชภัฎสวนดุสิต คณะวิทยาศาสตร์

สาขาอุตสาหกรรมอาหารและการบริการ

คติ : พยายามให้ถึงที่สุด

การตัดสินใจมาร่วมทีม Thailand Culinary Academy

จริงๆ แล้วเราก็อยากที่จะเรียนรู้เพิ่มขึ้นนะ เพราะเราก็ทำงานในวงการ

บันเทิงมาสี่ปีละ อยากที่จะพัฒนาตัวเอง และก็ได้มีโอกาสได้เจอกับเชฟ

วิลล์เมนต์ ก็เข้าไปขอเขาว่าขอเราไปแข่งขันด้วยได้ไหม ซึ่งเขาก็เห็น

ความตั้งใจเรา ว่าเราตั้งใจอยากจะแข่งอยากจะพัฒนา ซึ่งไม่เกี่ยวข้อง

กับธุรกิจเลย โดยเชฟวิลล์เมนต์ก็โอเค รับเข้ามาแข่งด้วยครับ

ความกดดันกับการเข้าร่วมทีม Thailand Culinary Academy

ทีมเชฟที่นี่เป็นของจริงหมดเลย ฉะนั้นความกดดันมันก็เยอะ เราต้อง

รู้ตัวเองเสมอว่าเรามาร่วมกับทาง Thailand Culinary Academy

เพราะเราอยากพัฒนา ดังนั้นถ้าอยากพัฒนา เราก็ต้องเชื่อฟัง

ปัญหาบนเวทีการแข่งขัน

คือมันมีหลายปัญหานะ เพราะผมไม่เคยไปแข่งเลย พอได้ไปแข่งปุ๊บ ก็

ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรยังไง นอกเหนือจากนั้นก็จะเป็นเรื่องทีมที่เราต้อง

เข้าไปร่วม ซึ่งเราก็เพิ่งมารู้จักกัน และการสื่อสารกันสำหรับผมแล้วก็ไม่

ค่อยดีเท่าไร ถ้าหากผมไม่ต้องทำงานในวงการบันเทิง ผมก็คงจะมีเวลา

ไปอยู่ที่อะคาเดมี ได้รู้จักเพื่อนๆ มากกว่านี้ และส่งผลให้การทำงานใน

ทีมมันสมูทกว่านี้ครับ แต่มันก็เป็นเพียงแค่ปัญหาเล็กน้อยนะ เพราะเรา

ต่างมีเป้าหมายเดียวกันคืออยากให้ผลงานออกมาดีเท่านั้นเอง

ประทับใจสนามไหนมากที่สุด

ผมชอบสนามที่เกาหลี เพราะผมชอบการทำงานที่ไม่เร่งมาก เกาหลีคือ

ให้เวลาอยู่ในห้องครัวยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย ผมก็ค่อยๆ ทำไป ไม่ต้องเร่งรีบ

แต่ผมว่าความกดดันให้เร่งรีบมันก็จำเป็นต้องมีนะสำหรับความชำนาญ

กับคนที่จะเป็นเชฟ

จุดแข็งของตัวเอง

ผมว่าผมมีความเข้าใจในอาหารในระดับหนึ่ง เพราะเด็กบางคนเวลาทำ

อาหารเขาใช้ความจำนะ แต่ผมไม่ค่อยใช้ความจำเพราะผมไม่เก่ง

การจำ ผมเลยต้องใช้ความเข้าใจ

บรรณ บริบูรณ์ (อิ๊ก)

ตำแหน่งในการแข่งขัน : ตัววิ่ง ดูเรื่องสถานการณ์ ดูเรื่อง

การเตรียมส่วนผสม และความสะอาด (ปีนัง), ดูเรื่อง

appetizer สามตัว ซุปเย็นหนึ่ง (เกาหลี)

ปัจจุบัน : พิธีกรรายการ sport kitchen และมหัศจรรย์อาหาร

คติ : เน้นทำอะไรที่ชัดเจนและทำได้ดี

Special thanks

แต่งหน้า : MTI

ทำผม : จุลพัฒน์ วัฒนาอัครพงศ์

Page 7: Foodstylist issue 63

52 foodstylist 53 foodstylist

words cheewanuan potranun photographs phaitoonboonsong

chef we loveTASTING

จงเป็นตัวของตัวเอง

เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ดี

ที่สุดแล้ว

Sisteron lamb roasted rack, saddle crust with espelette

chili, comfit shoulder By Chef Carlos Gaudencio

Page 8: Foodstylist issue 63

54 foodstylist 55 foodstylist

ท่ามกลางท้องฟ้าสีเข้ม ตึกสูงบ้างเตี้ยบ้างล้อมรอบเป็นเสน่ห์ชวนหลงใหลของเมืองในยามค่ำคืน แสง

ไฟที่แข่งกันส่องแสงจากหน้าต่าง ป้ายไฟ ดาดฟ้า ยิ่งทำให้ภาพของชั้น 33 ที่เราเพิ่งก้าวออกมาจาก

ทางเดินที่ปูหญ้าเขียวดูตระการตาจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพราะเรากำลังเดินเขาไปในแบบ

จำลองเซ็นเตอร์พาร์กที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ บนดาดฟ้าของโรงแรมเฟรเชอร์แห่งนี้ ร้าน above

eleven กำลังมีอาหารเปรูแบบไหนที่รอเราอยู่

ปรายตามองบรรยากาศเมืองใหญ่อันวุ่นวายได้ไม่เท่าไร ชามเล็กๆ ที่บรรจุอาหารที่เหมือนว่าจะคุ้นตา

มาเสิร์ฟ กลิ่นหอมแปลกที่เป็นส่วนผสมของเครื่องเทศลอยแตะจมูก ปลาเนื้อขาวสดๆ ถูกแล่เป็นชิ้น

พอดีคำส่องแสงเป็นสีเงินอมขาวเป็นประกาย ในซอสสีขาวขุ่นมีเครื่องเทศอย่างพริกและหอมแดงให้

เรายิ่งตื่นเต้นเมื่อกำลังจะได้ลิ้มลอง NIKKAI อาหารฟิวชั่นที่เก่าแก่ที่สุดในโลกจากเปรู ซึ่งเป็นส่วนผสม

ของญี่ปุ่นและเปรูเมื่อ 120 ปีที่แล้ว เมื่อตักเข้าปาก ความหอมและความหวานของเนื้อปลาที่คัด

เลือกอย่างตั้งใจกระจายในปาก ตามด้วยรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ดของซอสที่คล้ายกับน้ำยำ แต่มีความ

แตกต่างในรสสัมผัสอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่า อาหารจานนี้เกิดขึ้นจากอะไร ไม่นาน เชฟโอมาร์

แฟรงค์ มารุย ที่เป็นเจ้าของอาหารจานนี้ก็เดินมา เมื่อการพูดคุยเริ่มต้นเราถึงได้รู้ว่าความโอชะที่

ปรากฏอยู่เบื้องหน้านี้คือ cebiches (เซบิเช่) ยำอาหารทะเลสไตล์เปรู

เชฟเล่าด้วยสีหน้าภาคภูมิใจและทำเอาเราอดตื่นเต้นไม่ได้ เพราะประวัติของอาหารจานนี้ทำให้เรา

รู้สึกว่าเรากำลังได้สัมผัสวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่วัฒนธรรมหนึ่งของโลก ซึ่งไม่เคยได้พบมาก่อน อาหาร

จานนี้เป็นจานสำคัญในเปรู เขาทำ cebiches กันทุกเวลา ตั้งแต่หลังการทำงานอันยาวนานมาทั้งวัน

เพื่อใช้เวลากับคนที่เรารัก เพื่อแก้แฮงก์ เพื่อเป็นเครื่องเคียงเวลาสนุกๆ หรือแม้กระทั่งใช้หนี้เพื่อน ไม่

แปลกใจเลยว่าทำไมจานนี้ถึงได้อยู่เบื้องหลังความสุขประจำวันของคนเปรูในทุกครั้ง เพราะรสชาติที่

สดชื่น ความหอมแปลกของเครื่องปรุงที่ต่างกล่อมเกลาและเสริมเติมกันได้เป็นอย่างดี

เชฟโอมาร์เล่าเรื่องอาหารเปรูให้เราฟังอย่างหมดเปลือก และสิ่งที่อยู่ภายใต้เรื่องราวสุดวิเศษเหล่า

นั้น คือดวงตาที่มีแต่ความมุ่งมั่นของเชฟหนุ่ม พร้อมความฝันที่จะทำอาหารเปรู นิเคอิ ให้คนทั้งโลกได้

กิน และแน่นอนว่าทุกคนที่ได้ชิมล้วนตกหลุมรักกับอาหารชนิดนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น เพราะการเกิดขึ้น

มาจากการพัฒนาคอนเซปต์ของอาหารทั้งสองชาติ ทำให้อาหารลูกครึ่งของเปรูมีเสน่ห์เย้ายวน ทั้ง

เผ็ดร้อนแต่ก็เข้มข้นไปด้วยรสชาติ ซึ่งเคล็ดลับความอร่อยที่เชฟแอบกระซิบบอกกับเราก็คือ

“Ingredient is the most important.” นั่นเอง

หากจะมองอาหารเป็นภาพสักภาพหนึ่ง อาหารจานที่อยู่ข้างหน้านี้ก็คงจะเป็นภาพทิวทัศน์ของทุ่งหญ้า

สีเขียว ประพรมด้วยน้ำค้าง เหมือนเรากำลังเดินเข้าไปในผืนหญ้าสีเขียวอ่อน สูดลมหายใจเต็มปอด

ดอกไม้สีสันสดใสกระจุกกระจิกประดับอยู่ทั่วไปหมด และแกะตัวเล็กตัวใหญ่กำลังรับรู้ถึงความสุขใจ

ในทุ่งหญ้านี้ด้วยกันกับเรา หากว่าเชฟตั้งใจให้เราคิดเช่นนี้ก็คงจะต้องบอกว่า เชฟ Carlos

Gaudencio แห่งห้องอาหารฝรั่งเศส Le Normandie (เลอนอร์มังดี) โรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ล

ประสบความสำเร็จแน่นอน เพราะเนื้อแกะสีชมพูอมแดงระเรื่อที่โดดเด่นอยู่ตรงกลางจาน ล้อมรอบ

ไปด้วยกลีบดอกไม้และใบไม้สีสดของฤดูใบไม้ผลิที่ปักอยู่บนอาร์ติโช้กบดเนื้อเนียนเป็นมูสสีนวลที่ถูก

บีบเป็นรูปโดมกลมๆ เพื่อเป็นฐานให้กับครอกเกต์เนื้อแกะลูกบอลกลมๆ สีทองบ้าง ต้นกระเทียมสุก

หวานบ้าง และผลไม้แห้งลูกเล็กรสเปรี้ยว และภายหลังเราถึงรู้ว่าเชฟตั้งใจแบบนั้นจริงๆ

ซอสที่ทำจากแกะประพรมด้านบนเป็นสีน้ำตาลวาววับก็ส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ แม้อย่างนั้น

เครื่องเคราที่ถูกวางอย่างพอเหมาะก็ทำเอาแทบไม่อยากจะจรดมีดลงไปบนจานที่จัดแต่งมาอย่างดี

แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นกับบรรยากาศ คำแรกที่ลองกัด รสชาตินุ่มลิ้นของเนื้อแกะที่ยังคงติดอยู่ที่

ปลายลิ้น และรสสัมผัสเนียนละเอียดก็ยังคงอยู่ที่กระพุ้งแก้ม กลิ่นหอมอ่อนๆ ของซอสที่ถูกปรุงมา

เป็นอย่างดี เนื้อแกะที่โรยด้วยมาเจอแรมสีเขียวสดราวกับเป็นผืนหญ้าให้กับจานหอมกลิ่นเครื่องเทศ

ที่ผสมเนื้อแทรกมันรสชาติเข้มข้นทำเอาประทับใจจนพูดไม่ออก ต่อมาคือความละเมียดละไมระหว่าง

เนื้อแกะชิ้นสี่เหลี่ยมไม่ติดกระดูกซึ่งปรุงออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ ที่ให้รสสัมผัสแบบกรอบนอกนุ่มใน

และซ่าติดปลายลิ้นจากพริกที่โปรยอยู่รอบนอก กลายเป็นความกลมกล่อมที่เพียบพร้อมกว่าที่เคย

สัมผัสที่ไหนก็ตาม

อาหารจานพิเศษนี้ทำมาจากเนื้อแกะชนิดนี้ เรียกว่า sisteron ที่เป็นส่วนที่ดีที่สุด คุณภาพเป็นหนึ่งที่

เชฟเลือกสรร และส่งตรงมาจากฝรั่งเศสด้วยคุณภาพคับจาน เชฟคาร์โลสตอบทุกอย่างที่เราต้องการ

จะรู้ในจานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และมันจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้เลยถ้าเชฟไม่ได้ใส่ใจในทุกรายละเอียด

ของอาหาร เชฟบอกกับเราว่าเขาอยู่ประเทศไทยมาแล้วเจ็ดปี สำเนียงภาษาไทยเกือบชัด โดยเฉพาะ

ชื่ออาหารสุดโปรดคือ “ต้มแซ่บซี่โครงหมู และอ่อมปลาดุก” ของเชฟทำให้เราอมยิ้ม แต่อย่างนั้นก็อด

ตกใจกับเวลาที่ยาวนานไม่ได้ แต่เชฟกลับตอบง่ายว่า “มันไม่นานเลย” เพราะเขายังคงสนุกสนานกับ

การเดินทาง เที่ยว ชิม ค้นหา และค้นพบสูตรอาหารใหม่ๆ และพบเจอสิ่งใหม่ๆ ตลอดทาง เวลาที่

เหมือนจะยาวจึงสั้นไปโดยปริยาย ยิ่งคุยเรื่องอาหารเชฟก็ยิ่งยิ้มกว้าง และท่ามกลางความสวยงาม

ของอาหารที่เรารับรู้ผ่านตาของเชฟ ประโยคที่เราชอบมากที่สุดคือการที่เชฟบอกว่า อาหารทุกอย่าง

ที่ทำ เมื่อได้แรงบันดาลใจมาจากที่ใดก็ตาม สิ่งที่เชฟทำเพื่อให้เกิดเป็นจานนั้นคือการทำให้เป็นของเรา

หรือ “Make it your own” ที่เป็นเอกลักษณ์และเสน่ห์ของอาหารที่สามารถตราตรึงในปากและ

ปลายลิ้นได้

ประโยคนั้นทำให้เราซาบซึ้ง เมื่อเชฟที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์คนนี้กำลังสอนเราอย่างเรียบง่ายผ่าน

อาหารฝรั่งเศสอันหรูหราและน่าหลงใหลว่า “จงเป็นตัวของตัวเอง” เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว

Cebiches

ส่วนผสม ส่วนของน้ำยำ

เรียกว่า “leche de tigre”

น้ำมะนาว / หัวหอมใหญ่สับละเอียด / ผักชี /

พริก / กระเทียมสับละเอียด

นำส่วนผสมทั้งหมดมาปั่นรวมกัน

ส่วนประกอบอื่นๆ

ปลากะพงดิบ / กุ้งลวก / ปลาหมึกลวก /

หอยเชลล์

หรืออาจดัดแปลงโดยใช้อาหารทะเลประเภท

อื่นๆ ก็ได้ตามชอบ (เคล็ดลับคือต้องใช้ปลาและ

อาหารทะเลที่สด)

วิธีทำ

ปรุงน้ำยำ แล้วนำมาคลุกกับอาหารทะเล

โรยหน้าด้วยผักชีและหอมแดง เป็นอันเสร็จ

Sisteron lamb roasted rack,

saddle crust with espelette chili,

comfit shoulder

ส่วนผสม

เนื้อแกะส่วนบ่า 2 แพ็ก / ซี่โครงแกะ 250 กรัม

/ ต้นกระเทียม 100 กรัม / ผักรวม, เยรูซาเลม

อาร์ติโช้ก, แครอต และบีทรูต 220 กรัม /

น้ำมัน 15 กรัม / ซอสแกะ 300 กรัม / เนย

100 กรัม / เกลือและพริกไทย

วิธีทำ

1. อบเนื้อแกะและซี่โครงแกะในซอสที่ทำมาจาก

เนื้อแกะ

2. ผัดผักเครื่องเคียงในน้ำมัน ปรุงรสเกลือพริก

ไทย

3. อุ่นซอสเนื้อแกะก่อนเสิร์ฟ เติมเนยเล็กน้อย

หลังจากผัดผักกับเนยและปรุงรส

Chef Carlos Gaudencio Touch the Elegant Taste

Cebiches The Exotic Flavours of Nikkei Cuisine By Chef Omar Frank Maruy

Page 9: Foodstylist issue 63

56 foodstylist 57 foodstylist

Cebiches By Chef Omar Frank Maruy

Ingredient is the most important.

Page 10: Foodstylist issue 63

words & recipe & styling chef non photographs wannasak sirisab

COOKING chic dessert

72 foodstylist 73 foodstylist

แม้จะผ่านเดือนที่ร้อนที่สุดของปีไปแล้ว แต่

อากาศก็ไม่มีทีท่าว่าจะร้อนน้อยลงเลยนะครับ

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ผมนึกถึงของหวานคลายร้อน

ประเภท “frozen dessert” หรือของหวานที่

ต้องแช่แข็งก่อนทานขึ้นมา คนไทยรู้จักกันดีครับ

เพราะบ้านเราเป็นเมืองร้อนจึงเหมาะเจาะกับ

ของหวานประเภทนี้ เป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็น

ไอศกรีมหวานเย็นที่เป็นแท่งหลอดๆ ขายตาม

ตลาด หรือไอศกรีมตักที่เป็นลูกๆ รสชาติหวาน

มันตามร้านไอศกรีมในห้างต่างๆ หรือจะเป็น

น้ำแข็งไสใส่น้ำแดงทานกับนมข้นและขนมปัง

โอ๊ย! แค่คิดก็อยากจะปิดคอมพ์เดินออกไปซื้อมา

ทานแล้ว

ของหวานประเภท frozen dessert ถ้าแบ่งเป็น

ชนิดแล้วมีอยู่หลายตัว แตกต่างกันในเรื่องของ

ขั้นตอนในการทำให้ตัวเบสจับตัว แข็งตัว ซึ่งเป็น

ผลทำให้ผิวสัมผัสของ frozen dessert แต่ละ

ชนิดแตกต่างกัน เช่น ice-cream, sorbet (2

ชนิดนี้ เราจะต้องมีอุปกรณ์เสริมคือเครื่องทำ

ไอศกรีม มาช่วยในการกวนส่วนผสมที่เหลวๆ ให้

กลายเป็นเนื้อไอศกรีมหนานุ่มครับ ซึ่งจะทำให้

เนื้อของไอศกรีมนุ่มละมุน), granite และที่จะนำ

มาพูดถึงในวันนี้คือ “parfait” ครับ (2 ตัวหลังนี้

เป็นไอศกรีมแบบง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้เครื่องทำ

ไอศกรีม เพียงแค่เรามีพิมพ์กับช่องแช่แข็งใน

ตู้เย็นก็พอครับ เนื้อของเขาจะไม่นุ่มละมุนเท่ากับ

ไอศกรีมและซอร์เบต์ แต่ความอร่อยนี่ไม่แพ้กัน

ครับ)

parfait ถือได้ว่าเป็นไอศกรีมอย่างง่ายที่ไม่ต้อง

ใช้เครื่องทำไอศกรีมให้ยุ่งยากครับ เพียงแค่

ทำตัวเบสผสมกับวิปครีมที่ตีจนขึ้นฟูแล้วแช่แข็ง

ในพิมพ์หรือ mold รูปทรงต่างๆ ก็สามารถชื่นใจ

กับความหวานเย็นได้แล้วครับ ของดั้งเดิมเขาจะ

แช่แข็งในพิมพ์ทรงสี่ เหลี่ยมผืนผ้าที่ เรียกว่า

terrine แต่เราสามารถจะแช่ในพิมพ์ซิลิโคนรูป

ทรงต่างๆ และยังง่ายในการถอดพิมพ์ด้วยครับ

รสชาติของ parfait ก็มีมากมาย แต่ด้วยเหตุ

ที่ว่าเดินไปเจอร้านขายชาไทยอยู่ริมถนนก็เลย

เป็นที่มาของ “Thai Iced Tea Parfait” หรือ

“พาร์เฟต์ชาไทย” ซึ่งผมและทุกคนคุ้นเคยเป็น

อย่างดีครับ

ดับร้อนแบบไทยๆ ด้วย

Thai Iced Tea Parfait

Thai Iced Tea Parfait ส่วนผสม

ชาไทยตรามือแบบซอง 3 ซอง (ซองละ 4 กรัม) / น้ำร้อน 100 กรัม / เจลาตินแผ่น 3 กรัม

/ นมข้นหวาน 75 กรัม / เกลือเล็กน้อย / วิปปิ้งครีม 110 กรัม

วิธีทำ

นำซองชาไทยใส่ในน้ำร้อน (ใครจะใช้แบบชนิดเป็นผงก็ได้นะครับ แต่แบบซองจะสะดวกกว่า

เพราะจะเป็นการกักเศษชาไว้ในซอง เราจะได้เสียเวลากรองไม่มากครับ) ทิ้งไว้สักพักเพื่อ

เพิ่มกลิ่นหอมชาแล้วกรองเอาเฉพาะน้ำชา ถ้ายังเหลือเศษชาผงๆ ที่เล็กมากๆ ให้ใช้

กระดาษ coffee filter มากรองอีกทีครับ หลังจากนั้นนำน้ำชาใส่ลงในหม้อ ตั้งไฟปานกลาง

ใส่นมข้นหวานลงไปแล้วคนให้เข้ากัน ปริมาณอาจปรับได้ตามความชอบของแต่ละคนครับ

ยกลงจากเตา นำเจลาตินแผ่นที่แช่น้ำเย็นจนนิ่มมาบีบน้ำออก แล้วใส่ลงไปในน้ำชา ผสมให้

ละลายเข้ากัน จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็น นำวิปปิ้งครีมมาตีจนฟูแต่ไม่แข็งจนเกินไปแล้วนำมาผสม

กับส่วนผสมชา ค่อยๆ ตะล่อมครับ เนื้อจะได้ไม่ยุบ หลังจากนั้นจึงเทใส่พิมพ์ซิลิโคนแล้วเข้า

ช่องแช่แข็งค้างคืน

เวลาจะรับประทานก็ให้นำออกมาจากช่องแช่แข็งแล้วถอดพิมพ์ออก เสิร์ฟทันทีครับ อาจ

เพิ่มความเก๋ไก๋เวลาเสิร์ฟด้วยการนำภาชนะอีกใบมาใส่น้ำแข็งแห้ง แล้วค่อยนำ parfait มา

วางทับ ก่อนเสิร์ฟก็หาน้ำอุ่นๆ มาเทใส่ลงในน้ำแข็งแห้ง ควันที่พวยพุ่งออกมาจะสร้างความ

ประทับใจให้กับแขกคนพิเศษของเราได้อย่างแน่นอนครับ

Page 11: Foodstylist issue 63

98 foodstylist

ด้วยความสูงของชั้น 33 ของตึก Frasers Sukhumvit 11 และแรงบันดาลใจจาก

สวนเซ็นทรัลพาร์กแห่งมหานครนิวยอร์ก ทำให้ Above Eleven มีการตกแต่งที่

แปลกตา และจากความสูงทำให้สามารถมองเห็นบรรยากาศความศิวิไลซ์ของ

กรุงเทพมหานครได้ในวิสัยทัศน์แบบ 360 องศา...บอกได้ว่าราตรีนี้คงจะจบไม่ง่ายนัก

โซนนั่งมีทั้งโซฟาใกล้ริมระเบียง หรือถ้ามาเป็นหมู่คณะก็มีโซฟาขนาดใหญ่ไว้คอยรับรองเช่นกัน

เรียกว่ามานอนคุยกันได้เลยทีเดียว ส่วนคนที่ชอบความตื่นเต้นอย่างผู้เขียนขอริมระเบียงเลย

ครับ มุมนี้ถือว่าครองใจสาวกคนชอบแฮงก์เอาต์กันไม่น้อย คราวนี้ก็ได้เวลามาหาอะไรดื่มคล่อง

คอกันบ้างกับหนึ่งในซิกเนเจอร์ค็อกเทลของที่นี่อย่าง “พิสโก้ ซาวร์ (pisco sour)” ค็อกเทล

ประจำประเทศเปรู ส่วนผสมได้แก่ เหล้าพิสโก้ (บรั่นดีไร้สีกลั่นจากองุ่นของเปรู) น้ำมะนาวหรือ

เลมอน ไข่ขาว ไซรัป และเหล้าบิตเตอร์ เห็นว่ามีไข่ขาวอย่าคิดว่าจะคาวนะครับ แทบไม่มีกลิ่น

คาวเลย ต่อกันด้วย “maracuja sour” และ “sunset” ที่ดื่มแล้วเคลิ้มในรสชาติความ

กลมกล่อมลื่นคอสุดๆ ส่วนอาหารของที่นี่จะเป็นการผสมผสานระหว่างอาหารเปรูและอาหาร

ญี่ปุ่นอย่างลงตัวหรือที่เรียกว่า “นิเคอิ”

อาหารเปรูอาจจะดูใหม่สำหรับบ้านเราแต่ต้องลอง รับรองว่าสุโค่ยครับ! ไม่ว่าจะเป็นอาหาร

เรียกน้ำย่อยอย่าง beff heart anticucho หัวใจวัวเสิร์ฟพร้อมซอสสามอย่าง หรือ tuna

shisho tiradito ปลาดิบแร่บางเสิร์ฟพร้อมซอสเปรู รสชาติเข้ากับลิ้นคนไทยมากครับ ถ้าจัด

หนักก็ต้อง sudado แกงซีฟู้ดทานแกล้มด้วยหอมแดงซอย ครบรส เผ็ด หวาน มัน เลยทีเดียว

ท้ายนี้ผู้เขียนขอจิบ sunset แกล้ม tuna shisho tiradito ชมพระอาทิตย์ยามอัสดงผ่านซอก

ตึกระฟ้าของกรุงเทพมหานครก่อนนะครับ พบกันใหม่ฉบับหน้า

words leng hu chong photographs phaitoon boonsong TASTING drinking out

Enjoy Night Life

@ Above Eleven

sudado

Contact : Above Eleven

Above Eleven, Frasers Suite Sukhumvit 11

38/8 Fl . 33, Frasers Suite Sukhumvit 11

Klongtoeynua, Wattana Bangkok 10110

Open Daily : 18.00pm – 2.00am

Tel. 0-2207-9300

maracuja sour

pisco sour

beff heart anticucho

tuna shisho tiradito

Page 12: Foodstylist issue 63

105 foodstylist

TRAVELINGwords see scape photographs putta pukkawes & phaitoon boonsong

food journey

เยือนปากช่อง

ท่องมวกเหล็ก

เปิดประตูสู่

ดินแดนอีสาน

เป็นที่รู้กันว่าแหล่งที่สามารถเลี้ยงโคนมที่ ให้ ได้

ผลผลิตได้ดีอันดับต้นๆ ของประเทศจะเป็นที่ไหนไปไม่

ได้เลยนอกจากอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และ

ยังเป็นต้นกำเนิดการทำฟาร์มโคนมของไทยซึ่งปีนี้ก็

มีอายุครบ 51 ปีแล้ว องค์การส่งเสริมกิจการโคนม

แห่งประเทศไทยหรือที่เรารู้จักกันในนามฟาร์มโคนม

ไทย-เดนมาร์ค

104 foodstylist

Page 13: Foodstylist issue 63

106 foodstylist 107 foodstylist

ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค ถือกำเนิดขึ้นจาก

การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จ-

พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จ

ประภาสยุโรปเมื่อปี พ.ศ. 2503 ทรงให้ความ

สนพระทัยเรื่องกิจการการเลี้ยงโคนมของ

ประเทศเดนมาร์ก จากนั้นรัฐบาลไทยจึงได้มี

การลงนามความร่วมมือช่วยเหลือทางวิชาการ

ระหว่างรัฐบาลเดนมาร์กกับรัฐบาลไทยเมื่อวันที่

20 ตุลาคม พ.ศ. 2504 นับเป็นพระมหา-

กรุณาธิคุณของทั้งสองพระองค์ที่ทำให้คนไทย

ได้มีแหล่งผลิตนมที่มีคุณภาพราคาถูกให้ปวงชน

ชาวไทยมาจนทุกวันนี้ และปัจจุบันนอกจากจะ

เป็นแค่ฟาร์มโคนมแล้ว องค์การส่งเสริมกิจการ

โคนมแห่งประเทศไทยยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้

สิ่งที่ผมชอบมากในมวกเหล็กก็นี่แหละครับ

พวกร้าน steak house ดีๆ ราคาไม่แพงมาก

Steak House Thai Black เป็นอีกร้านหนึ่งที่

ผมโปรดปรานด้วยการตกแต่งร้านสไตล์กึ่งๆ

แม็กซิกัน และที่สุดยอดก็ต้องนี่เลยครับ Steak

Thai Black มันนุ่มอย่าบอกใคร ยิ่งทานคู่กับ

ผักโขมอบชีส ผมไม่รู้ว่าจะบรรยายยังไงให้ท่าน

ผู้อ่านได้เข้าใจถึงความหอมและความนุ่ม (ถ้า

หนังสือสามารถส่งกลิ่นและสัมผัสถึงความนุ่ม

ได้คงดี) อาจจะเป็นเพราะตัวเนื้อ Thai Black

เป็นการพัฒนาสายพันธุ์ของวัวพันธุ์แองกัส

มาฟีเจอริ่งกับวัวพันธุ์พื้นเมืองของไทยเราที่มี

ขนาดเล็กกว่า จึงทำให้เส้นใยของกล้ามเนื้อมี

ความละเอียดมากขึ้น และกรรมวิธีในการขุน

ด้วยกากวิสกี้ซึ่งอุดมไปด้วยธัญพืชที่มีคุณค่า

ทางอาหารสูง จึงทำให้เนื้อมีรสสัมผัสและ

รสชาติที่สามารถสู้กับเนื้อที่อิมพอร์ตเข้ามา

กิโลกรัมละหลายพันได้เลยทีเดียวครับ

Steak House Thai Black

เปิด 10.30-20.00 น.

160 หมู่ 1 ตำบลมิตรภาพ อำเภอมวกเหล็ก

จังหวัดสระบุรี 18180

โทร. 08-9801-7922 หรือ 08-9820-6355

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

เมื่อท้องอิ่มแล้วการเดินทางในทริปนี้ใช่ว่าจะ

จบลงครับ เป้าหมายต่อไปของผมคืออุทยาน

แห่งชาติเขาใหญ่ เดินทางออกจากรุงเทพฯ มา

ถึงขนาดนี้แล้วไปต่ออีกซักหน่อยจะเป็นไรไป

ครับ การขึ้นเขาใหญ่ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ละ

ครั้งที่ผมมาก็จะพบสิ่งแปลกใหม่ที่ เกิดขึ้น

เรื่อยๆ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อรถวิ่งเข้าสู่ถนน

ธนะรัชต์มาสักสี่กิโลฯ ก็ต้องสะดุดตากับอเวนิว

แห่งใหม่ของถนนเส้นนี้ Sheep Land เป็น

แหล่งแวะเวียนหรือนัดพบกันแห่งใหม่ มีทั้ง

ร้านค้าสินค้าแฮนด์เมด ร้านกาแฟ และสัมผัส

แกะอย่างใกล้ชิด ขอย้ำว่าใกล้ชิดจริงๆ ครับ

วิ่งกันยั้วเยี้ยเลย

Sheep Land

กม.4 ถนนธนะรัชต์ (ทางขึ้นเขาใหญ่)

ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง

จังหวัดนครราชสีมา

โทร. 08-8071-2012 หรือ 08-6786-3747

Tip

รอบการเที่ยวชมฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค

รอบเช้า 09.30 น., 10.30 น. และ 11.30 น.

รอบบ่าย 13.30 น., 14.30 น. และ 15.30 น.

ค่าใช้จ่ายในการเที่ยวชมต่อรอบ

บุคคลทั่วไป/ผู้ใหญ่ 100 บาทต่อท่าน

นิสิต/นักศึกษา 80 บาทต่อท่าน

เด็ก/นักเรียน 50 บาทต่อท่าน

เด็กเล็กสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตร

ไม่มีค่าใช้จ่าย

เข้าเยี่ยมชมกิจกรรมของฟาร์ม เพื่อสัมผัส

ประสบการณ์จริงในการทำฟาร์มและท่องเที่ยว

เชิงเกษตร โดยมีทั้งโปรแกรมแบบ 2 วัน 1 คืน

หรือ 3 วัน 2 คืน และเข้าเยี่ยมชมเป็นรอบๆ

ละ 1 ชั่วโมง 15 นาทีโดยประมาณ ภายใน

ฟาร์มจะมีทั้งสวนสัตว์ ทุ่งทานตะวัน หรือการ

ชมการรีดนมหรือจะลองรีดนมสดๆ จากเต้า

ด้วยตัวเอง แต่สำหรับผมไม่ค่อยถนัดเรื่องรีด

นมสักเท่าไร ขอเอานมไปป้อนน้องโคจะดีกว่า

นะครับ แต่ที่ผมชอบมากนอกจากเรื่องนมๆ

แล้วก็คือการโชว์บ่วงบาศโดยโคบาลตัวจริง

และสำหรับท่านที่ชอบกิจกรรมที่ต้องใช้พละ

กำลังมาก ก็จะมีจักรยานเสือภูเขาและรถ

MTV ไว้บริการเช่นกันครับ เมื่อเที่ยวชมจน

เหนี่อยแล้วเชิญทางนี้เลยจ้า ร้านของฝากของ

ที่ระลึก มีทั้งน้ำองุ่นสดๆ จากไร่ ผลไม้ต่างๆ

หรือจะเป็นผลิตภัณฑ์นมพาสเจอไรซ์ครบทุกรส

หรือไอศกรีมนมสดและโยเกิร์ตก็มีครับ หรือถ้า

จะจัดหนักก็ต้องร้านนี้เลยครับ

องค์การส่งเสริมกิจการโคนม

แห่งประเทศไทย

160 หมู่ 1 ตำบลมิตรภาพ อำเภอมวกเหล็ก

จังหวัดสระบุรี 18180

โทร. 0-3634-5188 หรือ 0-3634-4926

Page 14: Foodstylist issue 63

แต่เอ๊ะ!!! เหมือนยังขาดอะไรไป...ใช่แล้วครับ

มาถึงสระบุรีซึ่งถือได้ว่าเป็นเมืองหลวงของ

กะหรี่ปั๊บ ถ้าท่านอยากได้ต้นตำรับความอร่อย

ต้องร้านคุณจุ๋มครับ แต่ถ้าท่านอยากได้ความ

แปลกใหม่เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมของกะหรี่ปั๊บ

เลยก็ว่าได้ ด้วยแนวคิดที่ว่าทำไมต้องเหมือนใคร

ทำไมต้องเดินตามคนอื่น จึงทำให้เกิดเป็น Puff

Stick คุณต๋อย ทำให้คุณลืมกะหรี่ปั๊บแบบเดิมๆ

ไปได้เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการจัดร้านหรือจะเป็น

แพ็กเกจ ตัวแป้งที่ทำความหนานุ่ม ตัวไส้ มีทั้ง

ยำสาหร่าย ปูอัด เบคอน จนลูกค้าเรียกกัน

ติดปากว่ากะหรี่ไฮโซ ถ้าคุณมาถึงสระบุรีแล้ว

ไม่ได้ทานกะหรี่ไฮโซแสดงว่าคุณยังมาไม่ถึง

สระบุรีครับ

กะหรี่ปั๊บคุณต๋อย เปิด 6.00-21.00 น.

ตลาดเมืองสระบุรี ถนนพหลโยธิน

ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี

จังหวัดสระบุรี 18000 โทร. 08-2222-6149

108 foodstylist

มนต์เสน่ห์ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้น

นอกจากสภาพอากาศที่ดีแล้ว การที่คนเมือง

อย่างเราได้ออกมามองดูฟ้าดูป่าสีเขียวๆ แล้ว

ทำให้รู้สึกสมองว่าง เป็นการพักผ่อนที่เยี่ยมเลย

ครับ กิจกรรมที่หาพบได้ง่ายก็เช่นส่องนก ส่อง

สัตว์ และกิจกรรมแคมปิ้ง ก็ยังเป็นที่นิยมของ

ชาวนิยมไพร และครั้งนี้เราก็โชคดีที่ได้พบกับ

น้องกวางเพศผู้เขางามลงมาเล็มหญ้าพอดี พอ

บ่ายคล้อยก็ได้เวลาที่เราควรลงมาหาอะไรใส่

ท้องได้แล้ว

Loving Hut (ปากช่อง)

เอาใจคนทานมังสวิรัติกันบ้างครับ โดยปกติ

ผมเองก็ไม่ได้ทานมังสวิรัติหรือเจเป็นเรื่องเป็น

ราว จะทานก็แค่เป็นพิธีหรือเป็นบางมื้อ อาจ

เป็นเพราะรสชาติของอาหารเจนั้นไม่ค่อยจะ

ถูกปากสัก เท่ า ไรแต่พอได้มาทานที่ ร้ าน

Loving Hut แล้ว ต้องทิ้งความคิดแบบเดิม

ไปได้เลยครับ ถ้าไม่บอกคงไม่เชื่อว่าอาหารที่

กำลังทานอยู่นั้นเป็นอาหารเจร้อยเปอร์เซ็นต์

ไม่มีนมหรือไข่เป็นส่วนประกอบเลย ที่สำคัญ

ไม่มีผงชูรสครับ ความสดของผักปลอดสาร

พิษ ความกรุบกรอบอร่อยอย่าบอกใครเลย

ครับ เมนูเด็ดๆ อาทิ ส้มตำทอดกรอบ สลัด

สายรุ้ง สเต็กมีเก้น ยำเฟื่องฟู ถ้าได้น้ำละมุด

ปั่นหรือมิกซ์เบอร์รี่ด้วยก็สุดยอดครับ ถ้าใคร

ชื่นชอบอาหารบริสุทธิ์รับรองถูกใจแน่ครับ

Loving Hut (ปากช่อง)

ในเมืองปากช่อง ตรงข้ามโชว์รูมโตโยต้า

เลขที่ 334 ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง

จังหวัดนครราชสีมา 30310

เปิด 16.00-21.00 น. (จันทร์-ศุกร์)

9.00-21.00 น. (เสาร์-อาทิตย์) หยุดทุกวันเสาร์

และอาทิตย์แรกของเดือน

โทร. 0-4400-0776, 08-1721-3870

หรือ 08-1751-5227

109 foodstylist

ร้านอาหารครัวไม้งาม

หรือเรือนไม้งามรีสอร์ท

เป็นอาหารสูตรโฮมเมดของแบบนานาชาติๆ

โดยอาหารบางอย่างเป็นอาหารสูตรพิเศษของ

ครอบครัวที่หาที่อื่นไม่ได้ และที่สำคัญคือร้านนี้

ปลอดผงชูรสครับ ที่อยากแนะนำคือ เกี๊ยว

ฮ่องกง บะหมี่เกี๊ยวฮ่องกง หมูหรือเนื้อหมักผัด

ปาท่องโก๋สูตรฮ่องกง กุยช่ายเผือกทอดกรอบ

สูตรพิเศษ บะกุ๊ดเต๋หม้อไฟสไตล์สิงคโปร์ หรือ

อยากได้รสจัดๆ ก็ต้องปลาดอลลี่ลุยสวนครับ

รับรองถูกปากท่านอย่างแน่นอน

ร้านอาหารครัวไม้งาม เปิด 8.30-21.00 น.

กม. 7 ถนนธนะรัชต์ อำเภอปากช่อง

จังหวัดนครราชสีมา

โทร. 0-4436-5569, 0-4436-5229 หรือ

08-9116-9907

คุณ วัชรวีร์ รัศมีรัตน์

VAno’S Steak

ส่วนท่านที่ชื่นชอบเนื้อขอแนะนำอีกหนึ่งร้าน

ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจพ่อแม่พี่น้องครับ VAno’S

Steak เป็นสเต็กสไตล์อเมริกันแท้ๆ รสชาติ

จัดจ้านเหมือนว่าท่านได้นั่งทานอยู่ที่ประเทศ

ของต้นตำหรับเลยทีเดียว และที่สำคัญราคา

ระดับสบายกระเป๋าครับ ออร์เดิร์ฟก็ต้องนี่

ครับ ปีกไก่โคบาล ตามด้วย New York

steak หรือ lamb rack หรือสเต็กหมู ไก่

ปลา ก็มีครับ ตบท้ายด้วย crispy crepe

ก็ลุล่วงภาระกิจแล้วครับสำหรับทริปนี้

คุณรัชนัน จินตนา

คุณวรรณโน อากาศฤกษ์

VAno’S Steak เปิด 10.00-20.00 น.

349 ถนนมิตรภาพ ตำบลกลางดง

อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130

โทร. 08-5877-9192 หรือ 08-9830-5879

คุณต๋อย

Page 15: Foodstylist issue 63

70 foodstylist 71 foodstylist

words Luck Sunnyata

cover inspirationDESIGN& LIFESTYLE

ด้วยความพยายามตลอดมาของนิตยสารเราในการที่จะเป็นสื่อกลาง หรือเวทีให้กับเชฟไทย ในการแสดงความ

สามารถของตน โดยเฉพาะเล่มนี้ ที่เป็นฉบับครบรอบ 6 ปีของเรา...ทางทีมงานฟู้ดสไตลิสท์ได้ร่วมด้วยช่วยกัน

หยิบยกปรากฏการณ์ครั้งใหม่ของ Cooking Series Reality Online กับ Chapter : The Chef Hunter มา

เป็นธีมเล่มนิตยสาร foodstylist issue 63 เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเชฟไทยทีม Thailand

Culinary Academy ที่สยายปีกไปทั่วโลกมาแล้ว Cooking Reality Show ที่จัดทำขึ้นมา รวมถึงหน้าปก

จึงเป็นการสื่อสารถึงความมุ่งมั่น ความพยายาม ความเป็นทีม ความดุเดือดเผ็ดมันของการแข่งขัน และสื่อ

ออกมาด้วยภาพและแววตาแห่งความบุกบั่นถึงความสำเร็จ

กระบวนการทำงาน

ทางธีมงานต้องทำความเข้าใจว่าปกนิตยสารจะต้องใช้คนขึ้นปกอีกแล้ว ซึ่งต่างจากเล่มก่อนที่แลดูจะหวานและ

วัยรุ่น chic chic แต่เล่มนี้ไม่ได้เลย ภาพที่ออกมาต้องดูเนี้ยบเท่ เอาจริงเอาจัง เอาเป็นว่าถ้าใครดูปกให้หยิบ

ขึ้นมาแล้วเกิดคำถามว่านี่ปกนิตยสารอาหารหรือ ผมตอบให้เลยว่าใช่

ด้วยแสงดี สี มู้ด โทน ชี้นำกันไปเลยว่าคนเบื้องหลังในวงการอาหารหน้าตาต้องดูขึงขังอย่างที่เห็น ดูแล้วเกิด

อุปทานหมู่ถึงความมุ่งมั่น สะกิดต่อม กระตุ้นแรงบันดาลใจกันเลยทีเดียว นี่คือบริบทของปกที่ตกลงกันภายใน

กองบรรณาธิการ

ส่วนการถ่ายทำนั้นต้องยกเครดิตให้กับอาร์ตไดเร็กเตอร์และช่างภาพเป็นอยากมาก การถ่ายคนยากตรงรูป

หน้าและบุคลิกของเชฟที่ไม่เหมือนกันนั้น “ช่างภาพเปรยว่ายาก และการจัดแสงก็ไม่ใช่ของง่าย” ดังนั้นต้อง

อาศัยฝีมือและเทคนิคเป็นตัวช่วย

กายถ่ายภาพแนว low key และ high key จึงถูกนำมาใช้ ซึ่งผมเองก็งงๆ แต่ก็เก็ตเมื่อเห็นปก มันจะออกมา

โทนดาร์กนิส...หนึ่ง ปวดใจแทนเล่มอื่นที่คิดจะก็อป

เท่ สมใจอยาก ตามสไตล์อยากที่จะให้มันเป็น

ต้องขอปรบมือให้กับทุกคนที่ได้อยู่บนปก โดยเฉพาะหัวหอกอย่างคุณประวิตร เปรื่องอักษร (ชุดขาว) ผู้ที่ไม่

เคยหยุดคิด และหยุดทำสิ่งใหม่ๆ ให้กับวงการอาหารบ้านเรา

แต่ถ้าอยากรู้จักเขาเหล่านี้ ทั้งตัวตน แง่มุมทางความคิดในการจัดทำ The Chef Hunter หรือ

Cooking Series Reality Online อ่านได้กันเต็มๆ ใน cover story

The Issue

Page 16: Foodstylist issue 63

34 foodstylist 35 foodstylist

words witoon wongsawat photographs wannasak sirisab

drink of the monthCOOKING

ไม่รู้ว่าเป็นการจั่วหัวเรื่องที่เชยเกินไปหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นความหมายตรงๆ แล้วละ

ก็...ขอบอกได้เลยว่า โดน! คือสีสวย...อร่อย...เน้นไปทางสดชื่นแบบทรงพลังแต่กลับ

ไม่โด่งดังเอาเสียเลยว่างั้นเถอะ...ฉบับนี้เลยอยากจะขอท้าพิสูจน์ให้พวกเราลองมา

พิสูจน์กับ standard cocktail ตัวนี้กันสักหน่อย โดยมีวิธีทำที่แสนจะง่ายดายเอา

ซะเหลือเกิน...ตามนี้ครับ

JADE

ส่วนผสม

รัม (rum) 1 ออนซ์ (oz.)

เป็นเหล้าที่ทำมาจากกากน้ำตาลของอ้อย

กรีน แครม เดอ มองต์ (green crème de menth) 1/2 ออนซ์ (oz.)

ลิเคียวร์ (liquere) เหล้าหวานรสสะระแหน่สีเขียว

บลูคูราโซ่ (blue curacao) 1/2 ออนซ์ (oz.)

น้ำมะนาวสด (fresh lemon juice) 1 ออนซ์ (oz.)

น้ำเชื่อม (sugar syrup) 1 ออนซ์ (oz.)

วิธีทำ

เอาส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงไปในกระบอกเชกเกอร์ ตามด้วยน้ำแข็งทุบ (cracked

ice) เขย่าจนได้ที่แล้วเทลงในแก้วค็อกเทลที่เตรียมไว้ (ที่จริงจะต้องเคลือบปากแก้ว

ด้วยมะนาวฝาน แล้วนำไปคว่ำเกลี่ยลงในจานน้ำตาลทรายขาว ให้ติดปากแก้วขึ้น

มาได้ระดับเท่ากันพองามด้วย แต่เดี๋ยวนี้เขากลับไม่นิยมทำกันแล้วละครับ)

แล้วตกแต่งด้วยลูกเชอร์รี่สีแดง มะนาว และส้มฝาน พร้อมด้วยใบสะระแหน่

ให้สวยงาม เท่านั้นก็เป็นอันว่าจบแล้วละครับ

Witoon Wongsawat

Special thanks : โรงเรียนวิฑูรย์ค็อกเทลและไวน์

www.witooncocktailandwine.com

JADE... ดริงก์ที่โลกลืม