laan-palm 02

17
ฉบับที่ 2 : กรกฏาคม 2554 Laan-Palm วารสาร ปลูกสัมพันธ์ และ ปลุกวันคืนเก่าก่อน ชาวคณะศิลปศาสตร์ ราชมงคลธัญบุรี

description

laan-palm issue 02

Transcript of laan-palm 02

Page 1: laan-palm 02

ฉบับที่ 2 : กรกฏาคม 2554

Laan-Palm วารสาร ปลูกสัมพันธ์ และ ปลุกวันคืนเกา่กอ่น ชาวคณะศิลปศาสตร์ ราชมงคลธัญบรุี

Page 2: laan-palm 02

อยากให้...ทุกๆวัน เป็นวันหยุด ทุกๆวัน คือความอิสระ ทุกๆวัน ได้พบประสบการใหม่

365 Days Tour นำ�คุณสู่ประสบการณ์ใหม่ กับการเดินทางแสนอิสระ�ด้วยแพ็คเกจท่องเที่ยว�ตั๋วเครื่องบิน�/�ห้องพัก�/�วีซ่า�/�โปรแกรมเดินทาง�ตามใจคุณ

โทรศัพท์�:�0-2184-6426�/�089-441-9048�(อี๊ด)�/�085-900-7951�(โอ๋)�ที่อยู่������:�78�ม.�3�หมู่บ้านสินธร�แขวง�คลองจั่น�เขต�บางกะปิ�กทม.���

� ��10240� www.365daystour.com

ตารางกิจกรรมภายในคณะฯ

กิจกรรม วันที่ สถานที่

พิธีไหว้ครูคณะศิลปศาสตร์ 30มิ.ย. คณะศิลปศาสตร์มทร.ธัญบุรี

งานเฟรชชี่มหาวิทยาลัย 5ก.ค. มทร.ธัญบุรี

งานเฟรชชี่คณะศิลปศาสตร์ 8ก.ค. คณะศิลปศาสตร์มทร.ธัญบุรี

กีฬา6สถาบัน 9-10ก.ค. สนามกีฬามทร.ธัญบุรี

Page 3: laan-palm 02

จม.จากเรือจ้าง

Laan Palm Magazine

ศิลปศาสตร์เทอมหนึ่ง/ห้าสี่ ถึง ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันที่รักทุกคน เมื่อเดือนที่ผ่านมา ผมพบกับบรรณาธิการใหญ่(อดินันท์)ซึ่งท่านได้แจ้งข่าวให้ทราบว่า บัดนี้เรามีตัวกลางที่จะสื่อถึงบรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ได้อย่างทั่วถึงกันแล้ว นั่นคือ “ลานปาล์ม” ก็มีความยินดีและชื่นชมกับความคิดของเขา ในช่วงผมเป็นรองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา (2539 – 2544) อดินันท์คนนี้แหละที่ก่อให้เกิด กิจกรรมดี ๆ มากมายให้แก่คณะศิลปศาสตร์ กิจกรรมแรกคือ“ชมรมทัศนารักษ์”ของสาขาวิชาการท่องเที่ยวซึ่งเข้าใจว่า เขาตั้งขึ้นมาเพื่อเขาจะได้เป็นประธานคนแรก ก็ทำ นองนั้นแหละ(ล้อเล่น) เขาก็จะพาสมาชิกไปลงน้ำ ปีนเขา ขี่ช้าง(จับตั๊กแตน)กัน นอกจากชมรมทัศนารักษ์แล้ว กิจกรรมที่สำ คัญที่สุดของนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ คือ วัน T.H.E Time ซึ่งเป็นรวมกิจกรรมของสามสาขาวิชาคือ Tourism Hospitality และ English เป็นกิจกรรมที่น่าชื่นชมมาก ๆ เป็นกิจกรรมของนักศึกษา โดยนักศึกษา และเพื่อนักศึกษา โดยแท้ นักศึกษาแต่ละสาขาต่างแสดงศักยภาพของสาขา ซึ่งผมก็ให้เขาคิดเอง ทำ เอง ผมพูดอยู่เสมอว่า กิจกรรมของนักศึกษานักศึกษารับผิดชอบและต้องทำ กันเอง ส่วนผมเป็นเพียงที่ปรึกษาเท่านั้น T.H,E. Time ทำ ติดต่อกันหลายปี และผมก็ไม่ทราบว่า มันหายไปจากคณะเมื่อไร? อีกกิจกรรมเป็นกิจกรรมสร้างความสามัคคีระหว่างคณะที่มีนักศึกษาใหม่ ๆ มาด้วยกัน คือ กีฬาประเพณีศิลปศาสตร์ VS ศึกษาศาสตร์ มีกีฬาหลายชนิด เช่น ฟุตบอล บาสเก็ตบอล เป็นต้น ฟุตบอลยุคนั้นมีนายโจ้(อรรถพล)เป็นโค๊ชใหญ่ ดูเหมือนว่ามีการแข่งกันมาสัก 2 – 3 ปี สุดท้ายผมเห็นว่า กีฬาสามัคคีจะกลายเป็นกีฬาแตกสามัคคีกันมากกว่า เลยต้องสั่งยุติว่า ไม่เอาแล้ว เลิกดีกว่า ก็น่าเสียดายเริ่มต้นเป็นลำ ไม้ไผ่ แต่เหตุไฉนเหลา ๆ ลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา ก็เข้าทำ นองต้นตรงปลายคดนั่นแหละ กิจกรรมสุดท้ายที่อยากจะกล่าวถึงเท่าที่พอนึกขึ้นได้ภายในเวลาสั้น ๆ เพราะเจ้าของและบรรณาธิการ(อดินันท์)ทวงทุกวัน จึงต้องทำ ภายเวลาจำ กัด นั่นคือ คณะกลองยาว เป็นคณะฯมีทั้งมือกลองยาว และนางรำ เท่าที่จำ ได้ก็ดูเหมือนจะเป็นนักศึกษารุ่นที่ 3 (หากจำ ไม่ผิด) ขอไม่เอ่ยนามก็แล้วกัน เพราะเกรงว่าจะกล่าวถึงไม่หมด เดี๋ยวจะน้อยใจว่าจำ ไม่ได้ ปัจจุบันผมพยายามตามหากลองชุดกลองยาว และชุดนางรำ ไม่ทราบว่าล่องหนไป ณ หนใด ใครทราบแจ้งด้วย ขอจบก่อนนะ เรื่องที่พูดคุยมาเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ ดี ๆ ของผม ก็อยากให้พวกเรารุ่นหลัง ๆ มีส่วนรับรู้ถึงประวัติศาสตร์คณะของเราในยุคนั้น ขอให้พวกเราทุกคนมีความสุข และประสบความสำ เร็จในหน้าที่การงานและการดำ รงชีวิตทุกคน ขอให้ทุกคนตระหนักว่า คณะศิลปศาสตร์ฝากความหวังและการพัฒนาคณะไว้กับพวกเราทุกคน และอย่าลืม วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน 2554 นี้เป็นไหว้ครูของคณะ ศิษย์เก่าท่านใดประสงค์จะตั้งกองทุน หรือมอบทุนการศึกษาแก่น้อง ๆ ติดต่อได้ที่ฝ่ายพัฒนานักศึกษาทุกวัน

รักและห่วงใยพวกเราทุกคนคณบดี

Page 4: laan-palm 02

ทักทายคนอ่าน

โลกแห่งการทำ กิจกรรมของผมเริ่มต้นขึ้นพร้อมก้าวแรกี่ผ่านรั้วราชมงคล เข้ามาเป็น นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ ประสบการณ์ตั้งแต่วันแรก จน

วันที่ได้กระดาษแผ่นเดียว แผ่นนั้นมา ผมมีกิจกรรมเป็นสรณะ ไม่วายว่าเรียนจบมาแล้วตั้งเป็นสิบปี ก็ยังอยาก จะทำ กิจกรรมกับพี่น้องร่วมคณะฯ อยู่ไม่เปลี่ยน หลายคนก็เป็นเหมือนผม และนี่คือแรงดึงดูดที่พาพวกศิษย์เก่ามารวมตัวกันอีกครั้ง มาร่วมกันคิด เขียน และทำ หนังสือเล่มที่ทุกคนอ่านอยู่ (บนจอคอมฯ) นี้

“ลานปาล์ม” ฉบับแรกถูกปล่อยไปตาม E-mail เราส่งต่อกันไปเรื่อยๆ มันไปเร็วมาก แพร่กระจายไปในหมู่ชาวศิลปศาสตร์ ทุกคนที่ได้รับmail จะส่งต่อ

ไปยังเพือนอีก 7 คน และ 7 คนนั้นก็ส่งต่อไปอีก 7 ฉบับ หวังว่าเราคงไม่ได้กำ ลังสร้างปรากฏการณ์ จม.ลูกโซ่อยู่หรอกนะ งานนี้ไม่มีการขู่เรื่องเคราะห์ร้ายใดๆ ในกรณีที่ไม่ยอมส่งต่อ เราตีความจากแบบสอบถามที่ส่งกลับมาว่า การตื่นตัวกระจาย “ลานปาล์ม” ในโลกไซเบอร์นั้นมีความผูกพันธ์เป็นแรงพลักดัน ในเวลาสิบกว่าวันหลังจากปล่อยฉบับปฐมฤกษ์ออกไปแล้ว จากที่มีทีมงาน 4 ชีวิตเมื่อแรกเริ่ม เราได้ผู้ร่วมอุดมการณ์เพ่ิมขึ้นมากมาย เราได้อ่านบทความดีๆ ได้ไอเดียหลากหลาย และแน่นอน มีคำ ติ-ชมกลับมาด้วย ทั้งหมดเป็นกำ ลังใจที่คุ้มเหนื่อยซึ่งค่าจ้างให้เราไม่ได้ (ที่จริงก็ไม่มีใครจ่ายให้เราอยู่แล้ว)

ขอแค่พลิก “ลานปาล์ม” ออกอ่านซัก- 2-3คอลัมน์ ก่อนจะกดส่งต่อก็ดีใจแล้ว

อดินันท์

Laan Palm Magazine

กองบรรณาธิการ

บรรณาธิการ อดินันท์

รอง บก. อภิชิต

จัดรูปเล่ม ADi

ที่ปรึกษา อาจารย์สยาม

อาจารย์โสภณ

คอลัมนิสต์ ศศิพรรวดี

อภิชิต

ไกด์ตัวกลม

คิงคองแครง

old tiger

ขอบคุณ :

น้องๆ ในสโมฯ ที่ช่วยรวบรวมข้อมูลและ

ภาพถ่ายกิจกรรมต่างๆ / บรรดาศิษย์เก่า

ที่แนะนำาไอเดียทำาหนังสือ และคำาติชม /

คณาจารย์ที่คณะฯ คอยสั่งสอน / คณะ

ศิลปศาสตร์ที่ทำาให้มีพวกเราในวันนี้

Page 5: laan-palm 02

ด้ายมงคล“โอ้นวลน้องเอยพี่นี้ขอชื่นเชย จะมิ

เลยแรมไกล....................” เสียง

เพลงที่ดังก้องในวันสิ้นสุดการประชุมเชียร์

วันที่พี่ๆมีด้ายมงคลมาผูกรับขวัญน้องใหม่

แสดงถึงการยอมรับในความเป็นพี่ เป็น

น้องระหว่างกัน นั่นเป็นความปลาบปลื้ม

อย่างหนึ่งที่ฉันได้รับเมื่อเข้ามาเรียนที่คณะ

ศิลปศาสตร์ของเรา ความเหน็ดเหนื่อย

ความเครียดจากการประชุมเชียร์หายไป

เมื่อด้ายมงคลเหล่านั้นมาผูกอยู่ที่แขน

ดีใจและพูดได้เต็มปากที่สุดว่า “ฉันคือ

ศิลปศาสตร์”เพราะนอกจากเพื่อนๆและ

อาจารย์แล้ววันนั้นเป็นวันที่พี่ๆยอมรับฉัน

นั่นเป็นความรู้สึกของฉันตอนปีหนึ่ง แอบ

ถามจากพี่ๆ ว่าด้ายมงคลเนี่ยไปเอามาจาก

ไหน พี่ตอบว่า ซื้อมาแล้วก็เอาไปให้พระทำา

พิธี ฉันไม่แน่ใจว่าเรียกว่าปลุกเสกได้หรือ

เปล่า แต่ที่ไม่แน่ใจมากกว่าคือพี่ๆอำาหรือ

ไม่ แล้วเวลาก็ผ่านไปจนกระทั่งฉันเป็นพี่

จำาได้วันนั้นเป็นวันที่วุ่นวายมาก

เพราะเป็นวันปิดประชุมเชียร์และบายศรี

รับน้องในตอนเย็น เราเตรียมงานกันมา

เรื่อยๆ จนมั่นใจว่าเราพร้อม มีบายศรี เชิญ

อาจารย์ เชิญรุ่นพี่เรียบร้อย จนใกล้เที่ยง

จึงได้รู้ว่า ในคำาว่าเรียบร้อยนั้น เราขาด

ด้ายมงคลอยู่ เอาไงดีสำาคัญนะนั่นหน่ะแต่

ยังไงก็ต้องมี เอาหล่ะ รีบไปซื้อแล้วรีบมา

ช่วยกันทำาน่าจะเสร็จ ตลอดพักเที่ยงเราทำา

เสร็จเพียงตัดด้ายเท่านั้น ยังไม่ได้ขมวดปม

เลย เดี๋ยวช่วงบ่ายเราก็ต้องเข้าเรียนด้วย

ไม่ทันแน่เลย ก็เลยรีบแบ่งส่วนหนึ่งไปให้

เพื่อนเอกอื่นช่วยกันขมวดอย่างลับๆไม่ให้

รุ่นพี่ปี 3 ปี 4 รู้ เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่ ส่วน

ห้องฉันมีหน้าที่ต้องเรียนก็เรียนโดยที่มือเรา

ก็ยุกยิกๆอยู่ใต้โต๊ะ เราแบ่งกลุ่มนั่งหน้าไม่

ต้องทำางานให้ตั้งใจเรียนเอาหน้าเป็นพิเศษ

ให้สงสัยให้ถามอาจารย์เพื่อที่อาจารย์จะได้

ไม่มีโอกาสสนใจด้านหลังมากนัก ส่วนคน

ด้านหลังก็คอยใช้ท่าทางสนใจ พยักหน้า

หงึกหงักเวลาอาจารย์สบตา แต่มือเราต้อง

เร่งงานกันเยี่ยงโรงงานนรกต่อไป เรียก

ได้ว่า ACTING ชนะเลิศ เราผ่านการเรียน

คาบนั้นมาได้อย่างดี โดยที่อาจารย์ไม่ตัด

คะแนนความประพฤติพร้อมกับด้ายมงคล

ที่ขมวดเป็นปมออกมาอย่างสมบูรณ์ แล้ว

ก็เอาไปรวมกับของเพื่อนเอกอี่นๆที่ช่วย

กันทำา และในเย็นวันนั้นเราก็มีด้ายมงคล

แบบสมบูรณ์พร้อมที่จะนำามาให้ทุกคนผูก

รับขวัญน้องอย่างเพียงพอ

ปีต่อมาเมื่อรุ่นน้องที่รับเข้ามา

ใหม่ก้าวขึ้นมาเป็นพี่ ต้องเตรียมงานเพื่อรับ

น้องรุ่นต่อไป ฉันก็ได้รับคำาถามเดียวกับที่

ฉันได้ถามรุ่นพี่ “ด้ายมงคลเนี่ยไปเอามา

จากไหน” ฉันตอบน้องได้อย่างเต็มปาก

พร้อมแอบยิ้มกับเพื่อนข้างๆว่า “ก็ไปซื้อมา

แล้วก็เอาไปทำาพิธี เหมือนตอนของพวกเรา

นั่นแหละพี่ก็เอาไปทำาพิธีมาให้” แน่นอน

ด้ายมงคลที่ฉันเตรียมให้น้องมันได้ผ่านพิธี

มาแล้ว ไม่ใช่พิธีกรรมทางพระ แต่เป็น

พิธีกรรมแห่งความรักและความร่วมแรง

ร่วมใจที่รุ่นพี่อย่างพวกเราร่วมกันเป็นผู้

ปลุกเสก เพราะต้องการมีของมารับขวัญ

น้อง(ประกอบกับกลัวรุ่นพี่รับขวัญอีกครั้ง

ข้อหาเตรียมงานไม่พร้อม) ทุกอย่างเพื่อ

น้องของพวกเรา ฉันไม่รู้หรอกนะ

ว่ารุ่นหลังๆจะมีการนำาด้ายมงคลไปทำา

พิธีกรรมอะไรหรือไม่ แม้กระทั่งด้ายมงคล

ที่ฉันได้รับมาเองได้ผ่านอะไรมามั้ย แต่ที่

ฉันรู้คือด้ายมงคลที่ฉันได้รับมันผ่านมาจาก

มือของรุ่นพี่และเต็มไปด้วยคำาอวยพรที่พี่ๆ

มอบให้ ซึ่งเป็นความทรงจำาดีๆที่ฉันเก็บ

เอาไว้และแม้กระทั่งตัวด้ายมงคลเหล่านั้น

เองฉันก็ยังเก็บเอาไว้จนถึงทุกวันนี้

โดย:ไกด์ตัวกลม

Laan Palm Magazine

Page 6: laan-palm 02

The Cover Page

“กวางภูมิใจที่สร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย”

‘กวาง’ ฟ้ารุ่ง ยุติธรรม ชื่อแสนเพราะพริ้งนี้เคยได้รับการรู้จักจากคนไทยโดยทั่วกันด้วยการเป็นผู้หญิงซึ่งสวยที่สุดในประเทศ เจ้าของตำาแหน่งมิส

ไทยแลนด์ ยูนิเวิร์ส ปี 2550 และหากใครยังไม่รู้มาก่อน ต้องขอบอกย้ำาซ้ำาๆ ว่าเธอคือเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ๆ ของคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี

ราชมงคล ธัญบุรี โดยเรียนวิชาเอกภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล เข้าศึกษาปี 2549 และปัจจุบันยังเป็นนักศึกษาปริญญาโทที่ราชมงคลเช่นกันที่

คณะบริหารธุรกิจ

เธอสวย... แน่ล่ะ โดดเด่น มาดมั่น เปี่ยมด้วยภาพของผู้หญิงเก่งยุคใหม่ทุกประการ แต่ขณะเดียวกันเธอคงความน่ารัก ยิ้มง่าย หัวเราะง่าย

พูดจาไพเราะ อันล้วนสิ่งที่ใครก็ตามซึ่งรู้จักเธอย่อมเคยสัมผัสมาตลอด

จากเวทีประกวด ในห้องเรียน กิจกรรมนักศึกษา จนสู่การทำางานในวงการบันเทิงปัจจุบัน กวางประสบความสำาเร็จมาตลอด มันคงไม่อาจเกิด

ขึ้นได้เลยหากไม่ใช่เพราะความเก่ง ความเชื่อมั่นกล้าแสดงออกที่มีอยู่ติดตัว แต่เหนืออื่นใดเธอมีความนอบน้อม และรู้ว่าการยืนอยู่ในตำาแหน่งที่ใครต่อ

ใครล้วนจับตามองเธอนั้นเธอจำาเป็นต้องมีสิ่งที่เรียกว่าความดี

‘นางงาม’ ใครต่อใครอาจเรียกเธอเช่นนั้น แต่สำาหรับอาจารย์คณะศิลปศาสตร์ เธอยังเป็นเพียงลูกศิษย์คนเดิม และสำาหรับเพื่อนพ้อง เธอยัง

เป็นสาวกวางธรรมดาไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะวันที่เธอมีมงกุฎสวมอยู่เหนือศรีษะหรือไม่ก็ตาม...

by : Apichit

Laan Palm Magazine

Page 7: laan-palm 02

ปัจจุบันกวางทำางานอะไรอยู่บ้าง ?

“ตอนนี้ถ่ายละครอยู่ค่ะ เรื่องเสาร์ 5 ภาคสอง ตอนทับทิมสยาม ซึ่งจะออก

อากาศทางช่อง 7 แล้วก็มีงานเดินแบบที่ฮ่องกง งานนี้ต้องบินไปบินกลับ

อยู่ตลอด ที่จริงกวางเป็นผู้ประกาศข่าวบันเทิงช่อง 11 (NBT) ด้วย แต่พอดี

ช่วงนี้มีการปรับผังนิดหน่อยต้องรอดูผู้ใหญ่คุยกันก่อนว่าจะเอายังไงต่อ

ไป สำาหรับเรื่องเรียนก็กำาลังเรียนปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ การจัดการ

ทั่วไป ของราชมงคลเรานี่แหละค่ะ น่าจะใช้เวลาอีกประมาณเทอมหรือสอง

เทอม”

ตั้งแต่การเป็นดารา นางแบบ แล้วผู้ประกาศ กวางชอบงานไหนมากที่สุด ?

“พูดถึงช่วงอายุเท่านี้กำาลังไฟแรงก็ยังชอบงานนางแบบมาก ยิ่งกวางได้

ไปทำาที่ฮ่องกง ที่จีน เซี่ยงไฮ้ มาเก๊า มันก็เหมือนเราไปเที่ยวด้วย ได้เรียนรู้

วัฒนธรรมของประเทศต่างๆ กวางคิดว่างานแบบนี้มันสามารถต่อยอดให้

เราได้ในอนาคต แต่พูดถึงผู้ประกาศกวางก็โดนใจเหมือนกันนะ (หัวเราะ)

มันง่ายกว่าการเล่นละคร แถมกวางยังต้องเล่นละครบู๊อีก ต้องไปถ่ายต่าง

จังหวัด ต้องเตะ ต้องต่อย ทีมงานถ่ายละครก็คนเยอะด้วย ต้องติดต่อหลาย

ฝ่าย กว่าจะถ่ายเสร็จแต่ละฉากมันเหนื่อยกว่า ส่วนผู้ประกาศเรารับผิดชอบ

หน้าที่ของเราเองคนเดียวมากกว่า”

ย้อนกลับไปตอนเรียนกวางเป็นนักเรียนแบบไหน ?

“กวางไม่ใช่คนแบบว่าตั้งใจเรียนเท่าไหร่นะ (หัวเราะ) คือไม่ใช่ว่าเราจะ

เรียนอย่างเดียวโดยไม่ทำากิจกรรมอย่างอื่นเลย กวางพยายามแบ่งเวลาให้

เหมาะสม มีขาดเรียนบ้าง ต้องดูความสำาคัญของช่วงเวลานั้นๆ เพราะกวาง

ไม่อยากพลาดบางโอกาสไป คือการเรียนในห้องเรียนมันถือเป็นพื้นฐานอยู่

แล้ว แต่พอดีกวางเองมีโอกาสสัมผัสหรือเก็บประสบการณ์ในการทำางาน

ตั้งแต่ตอนเรียนก็เลยคิดว่าควรคว้าตรงนั้นไว้ด้วย”

Laan Palm Magazine

Page 8: laan-palm 02

เท่าที่รู้กวางทำากิจกรรมตอนเรียนค่อนข้างเยอะเหมือนกัน...

"ตั้งแต่ปีหนึ่งก็ทำามาตลอดนะ ตั้งแต่ประกวดดาวเดือน เป็น

ประชาสัมพันธ์ ถ่ายพรีเซ็นเตอร์ ประกวดมิสยูลีกให้กับมหาวิทยาลัย

ด้วย คือปีนั้นราชมงคลเปลี่ยนจากสถาบันเป็นมหาวิทยาลัยปี

แรกซึ่งกวางเข้ามาพอดีก็เลยเข้าประกวดได้ กวางชนะเลิศคว้า

ตำาแหน่งที่ 1 มา เรียกว่าไม่เคยขาดกิจกรรมทั้งกับมหา'ลัยและคณะ

เหมือนกันนะ"

พูดถึงเรื่องมิสยูนิเวิร์ส กวางเข้าไปประกวดได้อย่างไร ?

"จริงๆ มันเป็นความฝันของกวางตั้งแต่เด็กแล้วสำาหรับการประกวด

นางงาม คุณแม่เองก็คอยช่วยผลักดันคอยสนับสนุนด้วย พอหลังได้

ตำาแหน่งมิสยูลีกแล้วมีการประกวดมิสยูนิเวิร์ส กวางก็เข้าไปสมัคร

เลย คิดว่ามันถึงเวลาแล้วล่ะเพราะมีประสบการณ์มาจากมิสยูลีก

มาบ้างแล้ว ความประหม่าเวลาเข้าประกวดของเราก็ลดลง"

อาจารย์กับเพื่อนๆ ช่วยเหลือกวางอย่างไรบ้างตอนเข้าประกวด ?

"ตอนเก็บตัวก่อนประกวดค่อนข้างโชคดีที่เป็นตอนปิดเทอมเลย

ไม่กระทบเรื่องการเรียน กวางจบปีหนึ่งกำาลังขึ้นปีสอง แต่ทุกคนก็

ช่วยเหลือแล้วก็เอาใจช่วยกวางนะ ทางมหา'ลัยมีขึ้นแบนเนอร์ ขึ้น

เว็บไซต์ ติดป้ายประกาศทั่วมหาวิทยาลัยให้ช่วยกันโหวต เพราะที่

จริงมันก็ต่อเนื่องมาจากมิสยูลีกอยู่แล้วด้วยค่ะ"

มีเพื่อนๆ ตามไปเชียร์ชอบเวทีด้วยไหม ?

"ข้างเวทีนี่ไม่ได้ไปหรอกค่ะเพราะบัตรแพงมาก (หัวเราะ) เพื่อนๆ ที่

มหา'ลัยจะเชียร์เราด้วยการโหวตให้มากกว่า แล้วก็มีคุยกันติดต่อ

กันทางโซเชียลเน็ตเวิร์คบ้างหรือเอสเอ็มเอสบ้าง วันประกวดจริงมี

แต่คุณพ่อคุณแม่ค่ะที่ไปเชียร์"

แล้วหลังจากได้ตำาแหน่งล่ะ ?

"หลังได้ตำาแหน่งเป็นช่วงที่งานของกวางยุ่งมาก ก็ต้องคุยกับอาจารย์

ค่ะแต่ท่านก็ทราบดีอยู่แล้ว กวางจะคอยมาตามเก็บงานเอาทีหลัง

เพื่อนก็ช่วยลงชื่อเราใส่ในกลุ่มทำางานทั้งที่เราก็ไม่ได้มีเวลาช่วยมาก

เท่าไหร่นะ หรืออย่างถ้ากวางไม่ได้อยู่ในห้องเรียนเพื่อนๆ ก็จะคอย

บอก คอยหาทางช่วยเหลือเราตลอดแหละ"

วันที่ต้องเข้าคณะวันแรกหลังได้ตำาแหน่งเป็นอย่างไรบ้าง ?

"มีป้ายยินดีต้อนรับฟ้ารุ่งเลยค่ะ (หัวเราะ) อลังการมาก แบบมีป้าย

ผ้าเขียนชื่อฟ้ารุ่ง ขอยินดีต้อนรับเข้าสู่คณะศิลปศาสตร์ ตอนเข้า

คณะก็ตื่นเต้นแล้วก็แฮปปี้นะ อาจารย์กับเพื่อนๆ เข้ามาแสดงความ

ยินดีกับเรา กวางภูมิใจที่สร้างชื่อเสียงให้กับมหา'ลัย แล้วจากนั้นเรา

ก็ต้องไปประกวดมิสยูนิเวิร์สด้วยซึ่งชื่อมหาวิทยาลัยก็จะไปกับเรา

ด้วยเหมือนกัน ภูมิใจมากๆ"

ในการประกวดกวางเอาความรู้จากการเรียนที่คณะไปใช้หรือเปล่า

?

"มากเลยค่ะ ยิ่งตอนไปประกวดมิสยูนิเวิร์สที่เม็กซิโกต้องอยู่เป็น

เดือน ก่อนหน้านี้กวางไม่เคยเรียนโรงเรียนอินเตอร์ ไม่เคยอยู่เมือง

นอก แถมตอนม.ปลาย ก็เรียนวิทย์-คณิตมาด้วย ภาษาอังกฤษเรา

ก็ไม่เก่ง แต่เรามาคิดได้ตอนถึงช่วงต้องเข้ามหาวิทยาลัยว่าเราน่า

จะเหมาะกับด้านศิลป์ภาษามากกว่านะแล้วจับผลัดจับผลูมาอยาก

เรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งการเรียนในห้องเรียนช่วยได้มากเลยในการ

ติดต่อสื่อสารกับผู้เข้าประกวดชาติอื่นๆ เราเอาสิ่งที่เรียนมาใช้ ไม่มี

ปัญหาเลย มันช่วยให้กวางเที่ยวกับเพื่อนได้ ติดต่อสื่อสารได้ ถึงแม้Laan Palm Magazine

Page 9: laan-palm 02

ตอนนั้นภาษาอังกฤษกวางจะยังไม่ดีมาก แต่การที่เราเรียนมาโดยตรง ได้รับการสอนมาให้กล้าแสดงออก

กล้าพูดกล้าคุยก็เลยไม่มีปัญหา"

พ้นจากการประกวดมาเชื่อว่ากวางคงมีกิจกรรมในมหา'ลัยอีกเยอะ...

"ค่ะ กวางก็ช่วยทุกอย่างถ้าไม่มีคิวงานชนกันไม่ว่าจะเป็นถ่ายบิลบอร์ด สัมภาษณ์ หรือมีงานเปิดตัวสิ่ง

ประดิษฐ์อะไรสักอย่างของคณะวิศวะฯ กวางก็จะเข้าไปมีส่วนร่วมตลอด"

อาจารย์กับเพื่อนๆ เปลี่ยนไปไหมหลังเรากลายเป็นคนดังไปแล้ว ?

"ทุกอย่างเหมือนเดิมค่ะ แถมยังคอยช่วยเหลือเรามากขึ้นด้วย อาจารย์จะคอยถามตลอดว่ากวางมีปัญหา

อะไรไหมในวิชาที่บางทีเราจำาเป็นต้องขาดเรียน ซึ่งกวางก็จะพยายามจัดตารางไม่ให้ขาดเรียนแบบตามตัว

ไม่ได้เลย แล้วก็คอยตามสอบ ตามพรีเซ็นต์งาน หรือบางทีก็ต้องขออาจารย์สอบก่อนหรือไม่ก็สอบทีหลัง ก็

คุยกับอาจารย์ตรงๆ ค่ะ เพราะอาจารย์ก็รู้หน้าที่ของเราในอีกส่วนหนึ่งนอกเหนือจากการเป็นนักศึกษาดี"

แบบนี้ถือว่ามีผลกระทบต่อการเรียนมากไหม ?

"มีเหมือนกันค่ะ อย่างตอนได้ตำาแหน่งมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สใหม่ๆ ก็เกรดตกลง ตกลงไม่มากนะคะแต่ก็เคย

ทำาได้ดีกว่านั้น แต่กวางไม่อยากไปเคร่งเครียดมากเพราะเรามีหน้าที่อย่างอื่นต้องรับผิดชอบด้วย ช่วงก่อนที่

จบปีสี่เกรดก็ดีกลับมา ตอนนั้นกวางพยายามเอาใจใส่มากขึ้น อ่านหนังสือมากขึ้น แล้วเวลาเรียนก็มากขึ้น

ด้วย"

หลังจากทั้งได้เรียนภาษาตลอดสี่ปีรวมถึงมีประสบการณ์ทำางานต่างประเทศด้วย กวางคิดว่าภาษาอังกฤษ

ของตัวเองอยู่ในระดับไหน ?

"โอเคค่ะใช้ได้เลย ไม่มีปัญหาในการสื่อสาร มีบางส่วนอย่างเรื่องแกรมม่าซึ่งกวางยังไม่แม่นเท่าไหร่มีสับสน

เหมือนกัน แต่กวางให้ความสำาคัญกับการพูดคุยมากกว่า เพราะหากเราพูดได้เมื่อไหร่แล้วใช้บ่อยๆ เดี๋ยวเรา

ก็จะใช้แกรมม่าถูกและเข้าใจตามมาเอง กวางไม่อยากให้เราเน้นแกรมม่ามากจนกลายเป็นว่าเราพูดไม่ได้

ส่วนเรื่องสำาเนียงถ้าเราฝึกสำาเนียงให้ดีได้มันก็เป็นผลดีกับตัวเรา กวางรู้สึกฟังแล้วมันก็เพราะดีนะ ตอนเรียน

กวางชอบฟังเพื่อนๆ ที่พยายามเลียนสำาเนียงให้เหมือนฝรั่ง แต่สำาหรับตัวกวางเองไม่เน้นตรงนั้นมากนัก เรา

สื่อสารให้รู้เรื่องก่อนอันดับแรกแล้วทุกอย่างจะตามมาเอง"

กวางมีเคล็ดลับอะไรในการฝึกภาษาอังกฤษตอนเรียนบ้าง ?

"กวางจะใช้เพลงภาษาอังกฤษช่วยค่ะ ฟังเพลงกับเพื่อนๆ มาร้องกันเองบ้าง มาหาคำาแปล ซึ่งในเพลงต่างๆ

จะมีคำาที่เราไม่รู้หรือเป็นสำานวนใช่ไหมคะ แล้วตอนนี้กวางคิดว่าเราสามารถใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต

นะ เรามีเฟซบุ้ค มีเว็บอะไรเยอะแยะ ใช้ตรงนี้มาลองฝึกพูดคุยกับฝรั่งก็ได้ แล้วการลองฝึกพูดภาษาอังกฤษ

กับเพื่อนๆ ก็ช่วยได้เหมือนกัน กวางไม่อยากให้เราคิดว่าการพูดภาษาอังกฤษกันในกลุ่มคนไทยหรือในกลุ่ม

เพื่อนเป็นการโชว์ออฟนะ แต่มันคือการฝึกฝน การเรียนรู้ เราไม่มีอะไรต้องอายเลย"

เรื่องการทำางาน กวางมีอะไรแนะนำารุ่นน้องไหม ?

"ถ้าเป็นไปได้กวางอยากให้ทุกคนเลือกทำางานในสิ่งที่เรารัก เราจะรู้สึกเหมือนว่าเราไม่ได้ทำางานเลย อย่าง

กวางมีเพื่อนตอนมัธยมปลายที่เรียนสายวิทย์-คณิตมาแล้วและรู้สึกเสียดายเวลาที่เรียนมาสามปีก็เลยเลือก

เรียนต่อในสายนั้นแล้วปรากฎว่าไปไม่รอด กวางเลยคิดว่าเราน่าจะทำาในสิ่งที่เรารัก แล้วสำาคัญคือต้องมี

ความรับผิดชอบ พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ยิ่งเฉพาะสำาหรับคนที่เพิ่งเรียนจบมาปีเดียวหรือสองปี

กวางอยากให้ลองทำาอะไรหลายๆ อย่างเพื่อหาสิ่งที่เรารักมากที่สุดแล้วค่อยปักหลักทีหลังก็ได้ไม่เสียหาย"

กลับมาเรื่องเบาๆ ตอนเรียนมีหนุ่มๆ ในมหา'ลัยเข้ามาจีบกวางบ้างไหม ?

"ตอนเรียนเหรอ... ไม่มีเลย นั่นน่ะสิทำาไม่มีก็ไม่รู้หรือเขากลัวกันหรือเปล่า (หัวเราะ) ที่ศิลปศาสตร์หนุ่มๆ ก็

น้อยอยู่แล้ว ส่วนคณะอื่นก็ไม่ค่อยมีนะ ถ้าเป็นรุ่นพี่คณะอื่นส่วนมากก็เป็นคนรู้จักที่มาช่วยงานของมหา'ลัย

มาด้วยกันมากกว่า จริงๆ เคยมีแบบนั่งอยู่ในโรงอาหารแล้วมีคนมาขอเบอร์เหมือนกัน แปลกดีสนุกดี แต่ไม่มี

ใครมาจีบจริงจังอะไร แค่เล็กๆ น้อยๆ"

ทุกวันนี้กวางยังติดต่อกับเพื่อนอยู่ไหม แล้วตอนเรียนทำากิจกรรมอะไรกันบ้าง ?

"ยังติดต่อกันพุดคุยกันตลอดค่ะ ส่วนตอนเรียนนี่ก็ตามปกติค่ะ เลิกเรียนก็ไปกินข้าว กินไอติม เข้าไปเดินพรธิ

สารกัน ไม่อย่างนั้นก็จับกลุ่มคุยกันตามประสาผู้หญิงทั่วไปค่ะ ถึงจะเป็นนางงามแต่กวางก็เป็นนักศึกษา

ทั่วไปคนนึงนั่นแหละค่ะ"

แม้เป็นการพูดคุยเพียงคร่าวๆ กับกวาง แต่เชื่อว่าทุกคนคงเห็นถึงความเป็นผู้หญิงซึ่งทั้งเก่ง ชาญฉลาด น่ารัก และรับผิดชอบสมกับ

ตำาแหน่งอันทรงเกียรติที่เธอเคยได้รับ และคงไม่น่าประหลาดใจสักเท่าใดนักหากทุกวันนี้เมื่อเอ่ยถึงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี ให้

ใครสักคนได้ยิน แล้วใครคนนั้นจะต้องนึกถึงใบหน้าหวานๆ ของ กวาง ฟ้ารุ่ง ขึ้นมา... Laan Palm Magazine

Page 10: laan-palm 02

“ภัทร”

นวมินทราชินูทิศเบญจมราชาลัย

“ภัท”

รร.ธัญรัตน์

“ท๊อป”

รร.สุขุมนวพันธ์-อุปถัมภ์

“เฟิร์น”

รร.ฤทธิยะวรรณาลัย

“เป้ง”

รร.พนิชสันติราษฏร์

“นัท”

รร.เตรียมพัฒน์ฯรัชดา

“ขนุน”

รร.สารวิทยา

“เบน”

รร.พิบูลวิทยาลัย

“ปั๊ป”

รร.ธัญรัตน์

freshey ZooM zoom!

Laan Palm Magazine

Page 11: laan-palm 02

อบอุ่น....ใน วัน-ต้อน-รับน้อง

Laan Palm Magazine

Page 12: laan-palm 02

“แบง

ค์” กิต

ติพงษ์

ภริ

นทนัน

ท์ น

ายก

สโม’

คนท

ี่ 14

Laan Palm Magazine

Page 13: laan-palm 02

เสียงตะโกนสั่งการกำากับให้กิจกรรมรับน้องใหม่

บริเวณลานอเนกประสงค์ของตึกคณะศิลปศาสตร์เป็นไปอย่าง

เรียบร้อยดังเป็นระยะ เจ้าของเสียงคือ ‘แบงค์’ กิตติพงษ์ ภริ

นทนันท์ นักศึกษาภาควิชาการท่องเที่ยว ชั้นปีที่สาม เขาอยู่ใน

สภาพหน้าเปื้อนแป้งเปรอะสี เนื้อตัวถูกเขียนถูกวาดภาพด้วย

ปากกา ในเสื้อลำาลองสีเขียวขี้ม้าแบบทหาร กางเกงเลสีเขียว

เขาดูเหมือนน้องใหม่ปีหนึ่งซึ่งโดนรุ่นพี่กลั่นแกล้งมากกว่าเป็น

นายกสโมสรนักศึกษา

“ตอนเช้าฝนตกโปรแกรมเลยช้าไปหมดครับ คิดว่าวัน

นี้คงเลิกสายกำาหนดการสักชั่วโมง” เขาว่าถึงการรับน้องของ

คณะซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 11-12 มิถุนายน ที่ผ่าน

มา แต่นั่นไม่ใช่ความผิดของเขา และอันที่จริงหากปราศจากเขา

ย่อมไม่มีทางเลยที่กิจกรรมครั้งนี้จะลุล่วงไปอย่างเรียบร้อยด้วย

ดี

แบงค์ เป็นเด็กหนุ่มจากเกาะช้าง จังหวัดตราด เขาเกิด

และเติบโตที่นั่นก่อนย้ายมาร่ำาเรียนในกรุงเทพ เพียงมองแค่

พื้นเพก็ไม่จำาเป็นต้องอาศัยคำาอธิบายใดมาเสริมอีกว่าทำาไมเขา

ถึงเลือกร่ำาเรียนด้านการท่องเที่ยว “พอรู้ว่าที่นี่มีเรียนเรื่องท่อง

เที่ยวก็มาสอบดู สอบโควต้ารับตรงเลย การเรียนสามปีที่ผ่าน

มาสนุกดี ถึงจะยากแต่ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ เราต้องเจออะไร

ใหม่ตลอดเวลา” เขาบอก

โดยตำาแหน่ง แบงค์เป็นนายกสโมสรนักศึกษาคนที่ 14

ของคณะ นั่นเกิดขึ้นหลังจากเขาร่วมทำากิจกรรมนักศึกษามา

ตลอด และรับหน้าที่รองประธานฝ่ายกิจการพิเศษของสโมสรฯ

ตอนอยู่ปีสองซึ่งการจะก้าวมาผู้นำานั้นจำาเป็นต้องผ่านการเลือก

ตั้งจากเพื่อนร่วมคณะ และการได้รับความไว้วางใจจากคนส่วน

ใหญ่ย่อมแสดงให้เห็นถึงความสามารถและความรับผิดชอบซึ่ง

เขามี กระนั้นคุณสมบัติอีกอย่างที่ทำาให้เขาประสบความสำาเร็จ

ยังคือความเสียสละและความกล้าหาญอีกด้วย

“ผมลงสมัครรับเลือกตั้งวันสุดท้ายเลยครับ ไม่ได้ตั้งใจ

ไว้แต่แรกด้วย” แบงค์เล่า “ตอนนั้นมีคนลงสมัครแค่คนเดียว ถ้า

เป็นแบบนั้นก็คือจะไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น แบงค์เลยโอเคลง

สมัครเพื่อให้มีการเลือกตั้ง ไม่คิดด้วยว่าจะได้เพราะวันเลือกตั้ง

รุ่นพี่ท่องเที่ยวต้องออกสหกิจ (ฝึกงาน) กันหมด เหลือแค่น้องปี

หนึ่งกับปีสอง คนน้อยกว่าเอกอื่นอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ชนะมา”

หนุ่มจากเกาะช้างยอมรับว่านับตั้งแต่ขึ้นแท่นเป็น

นายกฯ สิ่งที่เขาได้รับมากที่สุดนอกเหนือจากความสนุก

ความเครียด และความเหน็ดเหนื่อย คือประสบการณ์ในการ

ทำางาน การเรียนรู้ที่จะทำางานกับคนหมู่มาก รวมถึงการแก้ไข

ปัญหาเฉพาะหน้าต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องการขอความร่วมมือ

จากเพื่อนผองน้องพี่ ซึ่งเขามีวิธีในแบบฉบับของตนเอง

“ส่วนมากแบงค์จะพยายามดึงคนรู้จักเข้ามาก่อน แล้ว

ให้เขาช่วยดึงเพื่อนของเขาเข้ามาอีกที อย่างเราสนิทกับน้องปี

สองผู้ชายเราก็ดึงเขาเข้ามา จากนั้นก็ให้เขาไปดึงเพื่อนผู้หญิง

ที่เราต้องการมาอีกต่อ แบงค์ใช้วิธีแบบนี้เป็นส่วนมาก” เขาเล่า

นอกเหนือจากประสบการณ์กิจกรรมนักศึกษา แบงค์

ยังรักการเรียนรู้นอกห้องเรียนอย่างอื่นอีก โดยเฉพาะเรื่องการ

ทำางาน ที่ผ่านมาเขามีโอกาสเป็นสต๊าฟฟ์ให้กับบริษัททัวร์

หลายแห่งทั้งที่ยังร่ำาเรียนอยู่ เริ่มจากทำางานกับบริษัทของรุ่นพี่

บัณฑิตที่คณะก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ ต่อยอดไปสู่บริษัทอื่น และ

ประสบการณ์ตรงนี้คือสิ่งที่เขาเห็นว่าสำาคัญที่สุด

“แบงค์อยากให้คณะเน้นเรื่องให้นักศึกษาได้หา

ประสบการณ์จากการทำางานจริงมากๆ แบงค์ผ่านตรงนี้มาพอ

สมควรแล้วอยากให้เพื่อนกับรุ่นน้องมีโอกาสเหมือนกัน สำาหรับ

แบงค์ถ้ามีงานเข้ามาแล้วไม่ติดเรียนเท่าไหร่ก็พยายามไปทำา

ตรงนั้น เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีสำาหรับตัวเรา” เขาว่าต่อ

พร้อมเผยด้วยว่าวางแผนอนาคตไว้หลังจากเรียนจบคือขอ

ทำางานเก็บประสบการณ์ด้านท่องเที่ยวที่อื่นสัก 4-5 ปีก่อน จาก

นั้นจึงค่อยมาคิดถึงเรื่องการกลับไปทำางานบนเกาะช้างบ้านเกิด

ต่อไป

แม้จะเป็นเพียงการพูดคุยกันระยะสั้นๆ แต่เสียงเรียก

หาแบงค์ก็แทบไม่เคยว่างเว้น ไม่ว่าใครต้องการอะไรล้วนต้อง

เปิดประตูห้องสโมฯ มาเรียกหาจากเขาเสมอ ทว่านั่นแหละ

สีหน้าของเขามีความสุข ไม่แสดงให้เห็นว่าเหน็ดเหนื่อยหรือ

ท้อถอยกับการทำางานแม้แต่น้อย

“ที่คณะตอนนี้โอเคดีทุกอย่างครับ” เขาตอบคำาถาม

ทิ้งท้ายของผมว่ามีอะไรต้องการให้คณะเพิ่มเติมหรือทำาให้

นักศึกษาอีกไหม “แต่อยากให้มีการสร้างหลังคาบังแดดบริเวณ

หน้าคณะครับ เพราะตอนกลางวันมันร้อนมากนั่งกันไม่ได้เลย

แล้วตอนนี้นักศึกษาในคณะเยอะขึ้นจนมีที่นั่งไม่พอ ตอนเปิด

เทอมวันแรกเห็นเลยว่าพวกเราไม่มีที่นั่งกัน อยากให้คณะเพิ่ม

ตรงนี้ครับ”

นอกจากไม่ห่วงตัวเอง เขาเป็นห่วงเพื่อนผองน้องๆ ชาว

ศิลปศาสตร์ทั้งหลายอีกด้วย นั่นแหละคงเป็นเหตุผลว่าทำาไม

เขาถึงได้รับการเลือกตั้งให้มาเป็นนายกสโมสรนักศึกษา... ใช่

ไหม ?

“นอกเหนือจากความสนุก ความเครียด และความเหน็ดเหนื่อย คือประสบการณ์”

Laan Palm Magazine

Page 14: laan-palm 02

นอกร ั ้วมหาล ัย’

เอ้า ! ตั้งใจเรียนนะลูก โตขึ้น จะได้

เป็น เจ้าคน นายคน....

..คำาคำานี้ เราคงเคยได้ยิน ได้ฟัง มาตั้งแต่

เด็ก เป็นคำาที่ใช้ปลูกฝังเยาวชนให้ตั้งใจเรียน

อยู่ในรั้วในกรอบของการศึกษามาตลอด

ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ตั้งใจบ้าง ไม่ตั้งใจ

บ้าง เพื่อเรียนให้จบตามมาตรฐานบังคับของ

สังคม(ซึ่งสูงกว่าระดับการศึกษาที่บังคับของ

รัฐบาลโดยกฎหมาย) จากประถม สู่มัธยม

จากมัธยมต้นสู่ทางแยกสายอาชีพและสาย

สามัญ ..จากนั้น ก็เดินทางเข้าศึกษาต่อยังรั้ว

อุดมศึกษา โดยหวังว่า วันหนึ่ง เราจะได้เป็น

เจ้าคน นายคน (แต่ก็แอบสงสัยมาตลอดว่า

ในเมื่อทุกคนก็เรียนมาเหมือนๆกัน เราจะไป

ได้เป็นเจ้าคน นายใครตอนไหน? ได้อย่างไร?

) จนกระทั่ง เรา เดินทางออกจากรั้วมหาลัย

ที่เหมือนเป็นหลักหมุดสุดท้ายที่ปักป้ายว่า

“เขตสิ้นสุดความเป็นเด็ก” แล้ววันนั้นเอง ที่

เราเริ่มมองหา คำาว่า เจ้าคน นายคน ที่พ่อ

แม่ พร่ำาสอนเสมอมา แต่ทำาไม! ทำาไมเวลา

ที่เราเดินเข้า - ออก ไปสมัครงานในแต่ละ

ที่นั้น ไม่ได้ดูใกล้เคียงกับคำาว่าการ เจ้าคน

นายคนของใครเลย..จนต่อมาก็มีบริษัทหนึ่ง

ที่คงอยากได้เจ้าคน นายคน จึงมาเรียกไป

สัมภาษณ์และได้ทำางานที่นั่น(แต่กว่าจะได้ก็

ต้องลุ้นอยู่หลายที่เหมือนกัน) และพอได้เริ่ม

ทำางาน..(ใจ)ก็พยายามมองหาว่า ไหนนะ!

ตำาแหน่ง เจ้าคน นายคน ที่ถูกพร่ำาสอนมา

ในเมื่อวันๆ มีแต่ให้ทำางาน ส่งแฟกซ์ ซีร็อกซ์

เอกสาร พอทำางานไปนานวันเข้า สถานะใน

องค์กรก็ถูกเปลี่ยนจาก เด็กใหม่ ที่เหมือน

คนพิเศษในออฟฟิศ ให้กลายเป็นผู้ร่วมงาน

คนนึง แต่ก็ยังไม่ได้ใกล้เคียงกับ การได้เป็น

เจ้าคน นายคนเลย...จนผ่านคลื่นของกาล

เวลามาระยะหนึ่ง ก็เริ่มเกิดคำาถามว่า หรือ

จริงๆ การศึกษาไม่ได้ช่วยให้เรา ได้เป็น เจ้า

คน นายใครหรอก? หากแต่เป็นบันไดก้าว

หนึ่งเพื่อไต่ไปในระบบทางสังคมอันซับซ้อน

เท่านั้นเอง การจะได้เป็นเจ้าคน นายคน มัน

มีเงื่อนไขมากกว่าแค่การศึกษา ซึ่งอาจต้อง

รวมถึงระยะเวลาในการเดินอยู่บนทางแห่ง

ความเพียรด้วย การอยู่ในระบบองค์กรใหญ่

บันไดสู่การไปเป็นเจ้าคน นายคน แต่ละก้าว

ย่างช่างเป็นเรื่องยากเย็น เสียเหลือเกิน ก็เลย

ลองออกมาอยู่องค์กรเล็ก จึงได้รู้ว่าในระบบ

องค์กรเล็กนั้่น ที่มีเจ้านายเป็นเจ้าของบริษัท

การจะเป็นเจ้าคน นายคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

เลย สุดท้ายก็เลยต้องมองหาวิธีการเป็นเจ้า

คน นายคนกันต่อไป แต่จะทำาอย่างไรดี?

ระหว่างนั้นที่ใช้ชีวิตอยู่ไปวันวัน จนมาสะดุด

ใจกับคำาๆหนึ่ง นั้นคือ “จงเป็นนายใจของตัว

เอง อย่าให้คนอื่นชักพาไป” ก็เลยเกิดคำาถาม

และคำาตอบพร้อมกันไปว่า ทำาไมเราต้องเป็น

นายของคนอื่น ทำาไมเราไม่เป็นนายของ(ใจ)

ตัวเอง..ทำาไมเราต้องวิ่งตาม(ระบบของ)คน

อื่น ทำาไม เราไม่สร้างระบบขึ้นมาเอง พอ

คิดได้ดังนั้น ก็เลยเกิดความรู้สึกว่า เราควร

จะหยุดอยู่ที่ตัวเอง คิดกับตัวเอง ไม่ใช่ไปวิ่ง

วุ่นตามระบบ ระบอบของสังคมที่เป็นไป จะ

ว่าไป ก็คงคล้ายๆ พุทธพจน์ขององค์พระ

ศาสดา ที่สอนให้ ”พึงอยู่กับที่นี่ และเดี๋ยวนี้”

ไม่ใช่ไปฝัน ไปหวังไกลถึงความเป็น เจ้าคน

นายคน ที่ยังมาไม่ถึง

สุดท้าย การเลือกใช้ชีวิตในแบบที่เป็น

ของเรา ไม่ว่ามันจะช้า หรือจะเร็ว ก็คงดีกว่า

การเลือกใช้ชีวิตในแบบที่คนอื่น จัดหา จัด

สร้างมาให้แน่นอน การเรียนรู้ที่จะอยู่กับใจ

ตนเอง ไม่ว่าเราจะอยู่ในองค์กรเล็ก องค์กร

ใหญ่ หรือที่ไหนก็ตาม หากเราอยู่กับใจตัว

เอง เป็นนายแห่งใจตน ที่แห่งนั้นก็พร้อมเป็น

ที่ของเราเสมอ จงเป็น เจ้าใจ นายตน(เอง)

เถิด แล้วโลกใบเดิมจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อ

ไป

By : คิงคองแครง เจ้าใจ�+�นายตัว

Laan Palm Magazine

Page 15: laan-palm 02

ความรักมีวันหมดหรือไม่

ฉันปลงไม่ตกจริงๆกับคำาถามนี้ หลังจากได้ดูหนังเรื่อง Blue

Valentine คำาถามที่ก้องอยู่ในใจท้าท้ายความเชื่อที่ฉันมีอยู่ว่า

ความรักไม่มีวันหมด มีแต่การแปรสภาพ..

คนๆหนึ่งดำาเนินชีวิตอยู่ด้วยความรัก ยึดมั่นต่อคำาสัญญาที่

ได้ให้สัคย์ไว้ รัก อย่างไร้เงื่อนไข แต่อีกคน อยู่ดีๆ ความรักก้หมดลง

ไปเรื่อยๆ เหลือแต่ความอดทน สุดท้ายทุกอย่างมันก็หมดสิ้น ไม่เหลือ

แม้กระทั่งความรัก และไม่เหลือแม้กระทั่งความอดทน

ฉันกำาลังคิดอยู่ว่า เมื่อเราดูละคร แล้วมามองย้อนดูตัว ฉันเป็นใครกัน

แน่ในหนังเรื่องนี้..เป็นคนที่หมุนโลกด้วยความรัก หรือเป็นคนที่หมุน

โลกด้วยความจริง

นี่คือสิ่งที่ฉันคงต้องหาคำาตอบอันเป็นที่พอใจที่สุดให้กับ

ตนเอง..

หนังทำาออกมาได้ค่อนข้างดีมากสำาหรับฉัน ฉันไม่ริจะ

วิจารณ์หนังเพราะฉันเห็นใจคนทำา และฉันก็ไม่เก่งเรื่องวิจารณ์ หาก

แต่ฉันชอบที่จะเขียนถึงหนัง เรื่องที่ทำาให้ฉันรู้สึกว่าฉันได้คิดมองย้อน

ดูตัว

ณ จุดนี้ ฉันคิดว่า หากฉันได้รักใครสักคนแล้ว ฉันจะเรียนรู้

ที่จะอยู่กับคนที่ฉันรัก และทำาความสัมพันธ์ให้ดีที่สุด ทุกอย่างจะอยู่

บนพื้นฐานของการสื่อสาร เพราะเมื่อใดที่สองคนไม่สื่อสารกัน เมื่อ

นั้น ความรักก็จะไม่ถูกถ่ายทอด ในหนัง ผู้เป็นภรรยาไม่ต้องการที่จะ

สื่อสาร ถึงแม้เธอจะย้อนคิดถึงวันดีๆ วันที่ทั้งสองดำาเนินชีวิตแต่ละวัน

เต็มไปด้วยความรัก แต่เธอเองก็ยอมรับความจริงกับตนเองว่า เธอไม่

สามารถทนต่อไปได้แล้ว ความรักสำาหรับเธอมันเหือดแห้งไปกับกาล

เวลา เหือดแห้งไปกับอาการเกรี้ยวกราด และเจ้าอารมณ์ของผู้เป็น

สามี (ซึ่งฉันค่อนข้างโอนเอียงไปทางสามีซะส่วนใหญ่) ผู้ซึ่งให้ความ

รัก แต่ ไม่ได้รับความ “รู้สึกซาบซึ้ง” ตอบจากผู้เป็นภรรยา มีฉากหนึ่ง

เขาพูดขึ้นว่า ‘ I deserve some affection, I love you’ แสดงให้เห็น

ถึงความน้อยใจที่นับวันผู้เป็นภรรยาตอบแทนด้วยความเย็นชา ความ

เมินเฉย ความมืนตึง และความอดทนที่เริ่มน้อยลงทุกวัน เธอผิดไหม

เธอไม่ผิด ฉันไม่คิดว่าเธอผิด ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรของเธอเหมือน

กัน (ขอกล่าวอีกครั้งว่าโอนเอียงไปทางผู้เป็นสามีเพราะเห็นใจผู้ชาย

เป็นอย่างมาก)

ถ้าหากความรักมีวันหมด แล้วความรักที่คุณให้พ่อแม่ หรือ

พ่อแม่ให้คุณล่ะ มันคืออะไร สิ่งใดที่ทำาให้มันยังอยู่เหมือนเดิมไม่

เปลี่ยนแปลง หรือว่ามันมีคำาๆอื่นที่แตกต่างกว่านี้

เหตุใดความรักที่พ่อแม่ให้เราจึงไม่มีเงื่อนไข แม้ว่าเราจะ

เกรี้ยวกราด เจ้าอารมณ์ หรือผ่านช่วงเวลาที่ดีหรือร้ายในชีวิต เหตุใด

ความรักมันจึงยังคงอยู่ เราควรอ้างอิงถึงสิ่งใดดี ความผูกพัน สายใย

แห่งรัก นามธรรมที่จับต้องไม่ได้

หรือความรักระหว่างคู่รักเกี่ยวข้องกับความเสน่หาและ

ความหลงใหลในตัวตนในเมื่อแรกรัก เมื่อนานไป คุ้นเสียง คุ้นกลิ่น

คุ้นสัมผัส สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นตัวแปรทำาให้รักมันน้อยลง ทำาไม

มันจึงทำางานอย่างแตกต่างกันนักจากความรักที่ได้กล่าวมาแล้วใน

เบื้องต้น

ฉันเองก็ไม่เข้าใจ หรือมันไม่ได้มีไว้ให้เข้าใจและหาข้อสรุป

บางอย่างไม่ควรมีข้อสรุปใช่หรือไม่

หรือความรักไม่ได้มีไว้เพื่อหาคำาตอบ ไม่ว่ามันจะเพิ่ม หรือ

จะลด รักก็ยังคือรัก

Laan Palm Magazine

By : Sasipanwadee

Page 16: laan-palm 02

most wanted

ลักษณะเฉพาะ�� เรียนไม่มากีฬาไม่ขาด� � ,� ต้องนอนอย่างน้อยวันละ� 8� ชั่วโมง� (ซึ่งเวลาส่วนใหญ่ใน� 8�ชั่วโมงเป็นตอนกลางวัน� ,� � สามารถหาตัวได้ตามสนามฟุตบอล�,�มีข้าวมันไก่เป็นอาหารหลัก�

หลังจบการศึกษาทุกแหล่งข่าวยืนยันว่า� แอมกลับไปใช้ชีวิตที่� ภูเก็ต� บ้านเกิด� เพื่อช่วยกิจการของครอบครัว��

ทุกคนล้วนยินดีกับแอมที่กลับเนื้อกลับตัวทำาเพื่อครอบครัวซักที���ถ้ามีใครแสดงตัวว่าจะไปหาแอมที่ภูเก็ต�แอมจะดีใจมาก�แต่เมื่อไปถึงภูเก็ตแล้ว�แอมจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย� � ไม่สามารถติดต่อและไม่สามารถสืบหาได้� � ยังความฉงนใจแก่ทุกคนว่าตกลงทุกวันนี้ในเบอร์ในโทรศัพท์ที่บันทึกชื่อว่าแอม� ใช่แอมหรือไม่�

ชื่อ� � วรรณภูม������สมนามชื่อเล่น� เพื่อนเรียก�แอม��แต่แม่เค้าบอกว่าชื่อ�เอ็ม��เพราะ�� � มีพี่ชื่อ�เอส�(ที่จริงเป็นความเข้าในผิดอันเนื่องมา�� � จากสำ�เนียงบ้านเกิดเราเลยเข้าใจกันว่าชื่อ�แอม)สาขา�� การท่องเที่ยว��รุ่น�7อายุ� � ประมาณ���28��ปีรูปร่าง� เตี้ย�สั้น�ส่วนสูง� 170��(เฉพาะในบัตรประชาชน��แต่จากสายตาทุก��� � คนการันตีว่า�ไม่เกิน�165�ซม.�ชัวร์)สีผิว� � ขาว

Page 17: laan-palm 02

¢ÍàªÔÞËÇÁᢋ§¢Ñ¹âºÇ�ÅÔ觡ÒáØÈÅ à¾×èͷع¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¹ŒÍ§ LAA Bowling Master 2011 ¾º»ÐÊѧÊÃä� à¾×è͹ ¾Õè ¹ŒÍ§ ªÒÇÈÔÅ»ÈÒʵÃ�

ªÔ§µÓá˹‹§ Bowling Master »ÃÐàÀ··ÕÁ 3 ¤¹ ¤¹ÅÐ 3 à¡Á

ࢋ§¢Ñ¹áºº ¤Ù‹ÊäµÃ�¤ ¤ÕèÊá»Ã�

¶ŒÇÂÃÒ§ÇÑÅ áÅÐÃÒ§ÇÑÅÍ×è¹æ ÁÒ¡ÁÒÂÃͤسÍÂÙ‹

organized by

“ศลิปศา สตร รวม!”

µÔ´µ‹Í«×éͺѵÃä´Œ·Õè

àºÅ 089-1306817 / facebookªÁÃÁ

·ÕÁ VIP 3,000 ºÒ·

·ÕÁ ·ÑèÇä» 1,500 ºÒ·

ºÑµÃࢌҧҹ 200 ºÒ·

(ÃÇÁ¤‹ÒÍÒËÒÃáÅÐà¤Ã×èͧ´×èÁ)

¹Ñ´ÃÇ

ÁµÑÇ

: Ç

ѹàÊ

ÒÃ�·Õè 2

3 ¡

á¯Ò

¤Á¹Õé

³ Å

Ò¹âº

Ç�ÅÔè§á

Ë‹§Ë

¹Öè§

/ Reg

iste

r 09 :

30

นัดรว

มตัว

: อาทิ

ตย์ที่

24 กค.

54 ณ

เมเจอ

ร์โบว

ล์รังส

ิต เวลา

09.30

- 14.00

น.

Laan Palm Magazine