การอนุรักษ์และฟื้นฟูคูเต่า
-
Upload
arsom-silp -
Category
Documents
-
view
218 -
download
2
description
Transcript of การอนุรักษ์และฟื้นฟูคูเต่า
ผลงานชิ้นที่ ๗
การอนุรักษ์ และฟื้นฟูวัดคูเต่า
อาศรมสถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อมสถาบันอาศรมศิลป์
รางวัลอาคารอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น ปี ๒๕๕๔สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์
รางวัลพัฒนาดีเด่น ด้านเศรษฐกิจพอเพียงมูลนิธิพลเอกเปรม ติณสูลานนท์
รางวัลเเพื่อการอนุรักษ์วัฒนธรรม ทางภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ปี ๒๕๕๔
องค์การการศึกษา วัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO)
รางวัลชนะเลิศวัดพัฒนาดีเด่น ด้านเศรษฐกิจพอเพียงในระดับจังหวัด
ปี ๒๕๕๒
ผลงานชิ้นที่ ๗
โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูวัดคูเต่า
ชื่อโครงการ โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูวัดคูเต่า
ประเภทของงาน การอนุรักษ์สถาปัตยกรรมด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม
ที่ตั้งโครงการ วัดคูเต่า เลขที่ ๑ บ.หัวนอนวัด ต.แม่ทอม อ.บางกล่ำา จ.สงขลา
พื้นที่โครงการ ๗๕ ตารางเมตร (เฉพาะพื้นที่ศาลา)
พื้นที่ใช้สอย ๑๒ยูนิต (๙๖๐ ตารางเมตร)
ปีที่แล้วเสร็จ พ.ศ.๒๕๕๓
งบประมาณ ๓๕๐,๐๐๐ บาท
๑. แนวความคิดเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ผลงาน (เป้าหมายเชิงคุณค่าของโครงการ) โครงการนีเ้กดิขึน้จากการทีส่ถาบนัอาศรมศลิปไ์ดไ้ปทศันศกึษาเพือ่เรยีนรูว้ถิชีวีติ วฒันธรรมภาคใตข้องประเทศไทย ทำาใหไ้ดพ้บ
กับศาลาเก่าริมคลองขุดที่หมอบตัวราบอยู่บนลานทรายใต้ต้นฉำาฉาใหญ่ เป็นความงดงามบริสุทธิ์ที่ได้พบในวัดคูเต่า หลังจากที่ได้สอบถาม
ความคดิเหน็พบวา่ชมุชนตอ้งการดำาเนนิการอนรุกัษซ์อ่มแซมเพือ่ใหศ้าลาไดใ้ชป้ระโยชนแ์ละเพือ่ใหล้กูหลานไดด้ไูดศ้กึษาถงึอดตีของทอ้งถิน่
ตนเอง แตเ่นือ่งจากทางวดัขาดงบประมาณ และไมม่คีวามรูค้วามชำานาญในการอนรุกัษอ์ยา่งถกูตอ้งจงึยงัไมด่ำาเนนิการใดๆ ซึง่ทางสถาบนัฯ
และแกนนำาชมุชนเหน็วา่ควรดำาเนนิการซอ่มแซมศาลาหลงันีเ้ปน็อนัดบัแรกกอ่น เนื่องจากมอีายกุวา่รอ้ยป ีและอยูใ่นสภาพทรดุโทรมมาก
ซึง่ศาลาหลงันีม้คีณุคา่ทางดา้นจติใจตอ่คนทอ้งถิน่ เพราะเปน็อาคารเรยีนหลงัแรกในทอ้งถิน่และเปน็ศนูยร์วมเพือ่รองรบังานประเพณตีา่งๆ
ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อและวิถีชีวิต
ด้วยเงื่อนไขและบริบทดังกล่าว จึงได้กำาหนดเป้าหมายเชิงคุณค่าในการดำาเนินโครงการไว้ ๔ ประการได้แก่
๑. ใหก้ารอนรุกัษส์ถาปตัยกรรมเปน็เครือ่งมอืในการฟืน้ฟวูถิวีฒันธรรมของชมุชน ใหว้ดัคเูตา่เปน็ “ขวญั” ของชมุชน
เช่นในอดีต
ที่ผ่านมา
๒. สร้างโอกาสให้ลูกหลานได้เรียนรู้สืบสานภูมิปัญญาบรรพบุรุษ ด้วยกระบวนการอนุรักษ์อย่างมีส่วนร่วม
๓. สรา้งแบบอยา่งในการอนรุกัษส์ถาปตัยกรรมรว่มกบัชมุชน ใหก้บัวดัเกา่ทัว่ประเทศในการรกัษาและสบืสานมรดก
สถาปัตยกรรมท้องถิ่นของตนเอง
๒. เทคนิคและขั้นตอนในการสร้างผลงาน โปรดดูเอกสาร แบบเสนอข้อมูลประวัติและผลงาน ข้อ ๔ การสร้างสรรค์ผลงาน ประกอบ
กระบวนการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์
สามารถแบ่งออกเป็น ๕ ระยะ ได้แก่
๑. ทำ�คว�มเข้�ใจภ�พรวมของชุมชน และประเมินคว�มเป็นไปได้ในก�รอนุรักษ์อย่�งมีส่วนร่วม
เริ่มต้นจากทีมงานได้กระจายตัวอยู่อาศัยกับชาวชุมชนเหมือนลูกหลาน หลังจากนั้นจึงเริ่มสำารวจข้อมูล และเปิดเวที
เสวนากับชาวชุมชน ทำาให้ทราบว่าวัดนี้เคยรุ่งเรืองมากในอดีต แต่ปัจจุบันศรัทธาดังกล่าวกลับเสื่อมถอยลง เกิดการย้ายถิ่นของคนวัยหนุ่ม
สาว อันเนื่องมาจากผลของพัฒนาแบบทุนนิยม และปัญหาจากการบริหารงานในท้องถิ่น
๒. กระตุ้นให้เกิดก�รมีส่วนร่วมและเห็นคุณค่�ของศ�ล�ในฐ�นะที่เป็นพื้นที่ศูนย์รวมของชุมชน
เมื่อพบกับปัญหาดังกล่าว ทางสถาบันฯ จึงได้จัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้ชาวชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่นเกิดสำานึก
รักษ์มากขึ้น เพื่อให้ศาลาหลังนี้ได้รับการฟื้นฟูอย่างมีคุณค่า เป็นพื้นที่แห่งขวัญ ที่เสริมสร้างให้คนเป็นคนดี ให้ชุมชนเห็นประโยชน์ของการ
อนรุกัษส์ถาปตัยกรรมทีเ่กดิขึน้เชือ่มโยงเขา้กบัประโยชนข์องตน ไมเ่ปน็การอนรุกัษท์ีห่ลดุลอยจากบรบิทและวถิชีวีติในปจัจบุนั กจิกรรมดงั
กล่าวประกอบด้วย แผนที่คนดี นิทรรศการภาพเก่าเล่าเรื่องที่จัดขึ้นในตลาดนัด กิจกรรมศิลปะเด็ก และรวมถึงการทำาแผนที่สัมพันธ์เครือ
ญาติ (Family Tree) เป็นต้น
๓. สื่อส�รคุณค่�คว�มง�มท�งสถ�ปัตยกรรม
ทีมงานได้จัดกิจกรรมค่าย Kutao Vernadoc Camp ร่วมกับสถาบันการศึกษาท้องถิ่นสองแห่งเพื่อปลูกจิตสำานึกใน
คุณค่าศิลปะสถาปัตยกรรม นักศึกษาที่ร่วมกิจกรรมทุกคนประทับใจและเห็นคุณค่าของมรดกวัฒนธรรม ส่งผลให้นักศึกษาส่วนหนึ่งแสดง
ความต้องการที่จะเข้าร่วมบูรณะศาลาหลังนี้ด้วย
๔. ก�รออกแบบบูรณะ
ทีมงานได้ทำาการศึกษาศาลาพื้นถิ่นภาคใต้ รวมถึงลักษณะภูมิศาสตร์ของวัด เนื่องจากสภาพศาลาและพื้นที่แวดล้อม
กอ่นดำาเนนิการบรูณะนัน้ มปีญัหาน้ำาทว่มขงัเพราะเคยมกีารขดุลอกดนิในคลองเพือ่ถมพืน้ทีโ่ดยรอบใหส้งูขึน้ ทำาใหก้ารระบายน้ำาไมด่เีทา่ที่
ควร ความชืน้ทีเ่กดิขึน้ทำาใหโ้ครงสรา้งศาลาเสยีหายกอ่นเวลาอนัควร เพราะฉะนัน้ทมีงานจงึไดอ้อกแบบทางเลอืกทีจ่ะนำามาใชใ้นการบรูณะ
ศาลาพร้อมทั้งสรุปข้อดี ข้อแตกต่างใช้ชุมชนได้พิจารณาคัดเลือก เป็นจำานวนทั้งหมด ๔ รูปแบบ คือ
๑) ซ่อมแซมโดยให้ศาลาอยู่ในระดับเดิม ปรับระดับผิวทรายใต้ฐานออกให้เหมือนภาพถ่ายศาลาที่เคยปรากฏในอดีต
๒) ขุดพื้นรอบฐานรากทั้ง ๔ ด้านและทำาการบูรณะ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงระดับที่เคยเป็นระดับเดียวกับอดีต
๓) ดีดยกศาลาขึ้นจากพื้นให้ได้ระยะห่างเท่ากับระยะห่างตามระดับเดิม และมีการขุดพื้นรอบฐานรากบางฐาน
เพื่อเป็นข้อมูลแสดงร่องรอยทางประวัติศาสตร์
๔) รักษาสภาพ เสริมตอม่อ และดีดยกศาลาขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงระดับพื้นรอบศาลาให้ความสูงของพื้นและ
ใต้ถุนศาลามีระยะเท่ากับสมัยก่อน
๕. สรุปรูปแบบก�รบูรณะและก�รห�งบประม�ณเพื่อซ่อมแซม
ทมีงานไดน้ำาเสนอทางเลอืกในการอนรุกัษส์ีร่ปูแบบเพือ่ใหช้มุชนเลอืกรปูแบบทีเ่หมาะสมทีส่ดุ ซึง่ชมุชนไดล้งความเหน็
เป็นมติเอกฉันท์ในรูปแบบที่สี่ ซึ่งเป็นการเสริมความแข็งแรง (Consolidation) และยกศาลาให้สูงขึ้นเท่ากับระดับความสูงในอดีต หลังจาก
นัน้ทางแกนนำาวดัไดจ้ดังานทอดผา้ปา่ขึน้ ชาวบา้นมจีติศรทัธาเปน็อยา่งมาก รวมไดง้บประมาณถงึ หกแสนกวา่บาท เกนิกวา่ทีป่ระเมนิเอา
ไว้มาก การบูรณะศาลาจึงได้เริ่มต้นขึ้น
๖. ก�รศึกษ�คว�มรู้เชิงช่�งโบร�ณ
ในระหวา่งการออกแบบทางทมีงานไดท้ำาการศกึษาความรูเ้ชงิชา่งโบราณรว่มกบัชา่งทอ้งถิน่ โดยการไปดงูานทีศ่าลา
วัดต่างในบริเวณใกล้เคียง เพื่อศึกษาองค์ความรู้เชิงช่างท้องถิ่น เช่น การเข้าไม้ เข้าเดือยแบบโบราณ เช่นกลอนลูกสัก (เดือยไม้สัก)ที่ใช้ยึด
แปหลงัคาแทนการใชต้ะป ูหรอืการศกึษาวธิกีารเขา้เฝอืกหนา้บนัจากชา่งกรมศลิปากรทอ้งถิน่ และรวมถงึการศกึษาวธิกีารทำาปนูหมกัปนู
ตำาจากช่างปูนเมืองเพชร เพื่อให้งานบูรณะศาลาหลังแรกนี้เป็นงานตัวอย่างในการอนุรักษ์โบราณสถานต่างๆ ของวัดต่อไป
๗. ก�รบูรณะซ่อมแซม
การบรูณะไดเ้ริม่ตน้ขึน้ดว้ยการฟืน้ฟพูธิกีรรมบชูาสิง่ศกัดิส์ทิธิเ์พือ่ขอขมาในการบรูณปฏสิงัขรณศ์าลา โดยมหีลกัการ
ในการซ่อมแซมไว้ว่า “จะไม่จัดจ้างผู้รับเหมามาดำาเนินการซ่อมแซม แต่จะให้ช่างท้องถิ่นเป็นทีมหลัก ส่วนใดที่ทำาเองไม่ได้ก็ให้เชิญผู้เชี่ยว
มาดำาเนนิการเฉพาะสว่น” นอกจากนีท้างวดัไดม้แีผนงานประจำาสปัดาหท์ีใ่หช้าวบา้นไดเ้ขา้มามสีว่นรว่มในการซอ่มแซมศาลาของพวกเขา
เริ่มตั้งแต่การรื้อถอนศาลา ตลอดจนถึงการร่วมขัดล้างกระเบื้องหลังคาทีละแผ่น เป็นต้น
ผลงานชิ้นที่ ๗ โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูวัดคูเต่า
๓. การเผยแพร่และการนำางานออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน โปรดดูเอกสาร แบบเสนอข้อมูลประวัติและผลงาน ข้อ ๖ การเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะ ประกอบ
• แสดงผลงานในนิทรรศการ “รวมมิตรอนุรักษ์ REMIX Anurak” ที่หอศิลป์วัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร ธันวาคม ๒๕๕๒
• แสดงผลงานในนิทรรศการของอาศรมสถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อม สถาบันอาศรมศิลป์ ในงานสถาปนิก ของสมาคม
สถาปนิกสยาม พ.ศ.๒๕๕๒
• เสนอผลงานผ่านเวทีเสวนาวิชาการอิโคโมส-ไทย ครั้งที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
• การประชุมสถาปนิกชุมชนในระดับเอเชีย Community Architect Meeting (ACHR) ณ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มช.
มิถุนายน ๒๕๕๓
• สื่อวิทยุท้องถิ่น มอ. สงขลา FM ๙๖.๕ MCOT
• หนังสือพิมพ์ทั่วไป และหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เช่น เดลินิวส์ คมชัดลึก สมิหลาไทม์ ภาคใต้โพกัส เป็นต้น
• นิตยสาร และจุลสาร เช่น TALA vol.๑๒ จดหมายข่าวมูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธ์ จุลสารลุ่มน้ำาทะเลสาบสงขลา DACO
(Japan Free Copy) เป็นต้น
• กำาลังอยู่ระหว่างการดำาเนินการจัดทำาหนังสือรวบรวมผลงานของอาศรมสถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อม สถาบันอาศรมศิลป์
๔. การถ่ายทอดผลงานให้ผู้อื่น • ถ่ายทอดผลงานผ่านเวทีเสวนาต่างๆ
• ถ่ายทอดผลงานผ่านการบรรยายเชิงวิชาการให้นักศึกษา ภาคการวางผังและออกแบบเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
• จัดทำาหนังสือ “วัดคูเต่า ก้าวแรกของการอนุรักษ์อย่างมีส่วนร่วม”
• การศึกษาดูงานของสถาบันการศึกษาต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นต้น
๕. ความโดดเด่น ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตนของผลงาน • ก�รรักษ�คว�มเป็นของแท้ดั้งเดิมผ่�นกระบวนก�รอนุรักษ์สถ�ปัตยกรรมอย่�งมีส่วนร่วม
การรักษาความเป็นของแท้ดั้งเดิม (Authenticity) หรือการรักษาในเชิงคุณค่าเป็นหัวใจสำาคัญในการอนุรักษ์ ซึ่งการรักษา
ความดั้งเดิมนี้จำาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาทั้งในเชิงรูปธรรมและนามธรรม หรือความหมายเชิงสัญลักษณ์ (Symbolic Meaning) ในการ
อนุรักษ์ศาลาเรียนวัดคูเต่าได้ใช้กระบวนการมีส่วนร่วมเป็นเงื่อนไขสำาคัญในการรักษาความดั้งเดิมและคุณค่าดังกล่าว กล่าวคือ การรักษา
ความเป็นของแท้ดั้งเดิมในเชิงนามธรรม หรือความหมายเชิงสัญลักษณ์นั้น เริ่มขึ้นตั้งแต่การฟื้นฟูพิธีกรรมทางด้านจิตวิญญาณก่อนท่ีจะ
ทำาการบรูณะศาลา เนือ่งจากเปน็พธิกีรรมดัง้เดมิเพือ่เปน็การบอกกลา่วและขอขมาตอ่สิง่ศกัดิส์ทิธิต์ามทีว่ดัเคยทำามาแลว้ในอดตี นอกจาก
นี้ในอดีตที่อาคารต่างๆ ภายในวัดก็ถูกร่วมกันสร้างโดยพระและชาวชุมชน ดังนั้นการที่ชุมชนมีส่วนร่วนกันรื้อศาลาตลอดจนร่วมกันบูรณะ
ศาลาในทุกขั้นตอน จึงเป็นกระบวนการที่สร้างความทรงจำาร่วม (Collective Memory) ให้แก่ชาวชุมชน เป็นการส่งต่อคุณค่าและปลูกฝัง
ความทรงจำาสู่คนรุ่นใหม่บนรากฐานวัฒนธรรมเดิม
ในส่วนของการรักษาความเป็นของแท้ดั้งเดิมในเชิงรูปธรรมเกิดขึ้นจากการที่ชาวชุมชนร่วมกันขัดล้างกระเบื้องหลังคาเก่าที่
ละแผ่นเพื่อนำากลับไปใช้ใหม่ โดยใช้กระเบื้องใหม่เพียง ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ส่วนกลอนลูกสักที่ใช้เพื่อรับแปหลังคาก็ยังคงเทคนิคการก่อสร้าง
แบบเดมิไวเ้พือ่ใหค้นรุน่หลงัไดเ้รยีนรูถ้งึภมูปิญัญาเชงิชา่งทอ้งถิน่ นอกจากในสว่นโครงสรา้งหลกักย็งัคงรกัษาชิน้สว่นชิน้เสรมิเพยีงบางจดุ
เพือ่ความแขง็แรง มเีพยีงตอมอ่เทา่นัน้ทีเ่ปน็ของใหมเ่พือ่ยกระดบัอาคารใหเ้ทา่กบัความสงูในอดตี จงึทำาใหศ้าลาหลงันีเ้มือ่ไดร้บัการบรูณะ
แลว้ยงัคงเหน็ถงึความคล่ำาของอาคารทีผ่า่นกาลเวลา (Patina of Age) เนือ่งจากใชช้ิน้สว่นและองคป์ระกอบเดมิเกอืบทัง้หมดแตเ่สรมิความ
แข็งแรงเพื่อรองรับประโยชน์ใช้สอยในปัจจุบันและอนาคต
ผลงานชิ้นที่ ๗ โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูวัดคูเต่า
• บทบ�ทของสถ�ปนิกอนุรักษ์
บทบาทของทีมงานออกแบบที่ไม่ได้จำากัดขอบเขตการทำางานไว้เฉพาะการออกแบบสถาปัตยกรรม แต่ใช้กระบวนการมีส่วน
ร่วมเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการอนุรักษ์มรดกสถาปัตยกรรม ส่งผลให้การบูรณะศาลาเรียนหลังนี้ สามารถรักษาและฟื้นฟูคุณค่า
ทั้งในเชิงรูปแบบและเชิงนามธรรม ของสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นในฐานะของการเป็นพื้นที่แห่งขวัญที่รองรับวิถีชุมชนไว้ได้อย่างครบถ้วน
๖. ความมุ่งหวัง คุณค่า ประโยชน์ และความสำาคัญของผลงาน โครงการนี้สำาเร็จได้ด้วยการมีส่วนร่วมและความร่วมมือของหลายฝ่าย เช่น ชาวบ้าน นักวิชาการ สถาบันท้องถิ่น องค์กรท้องถิ่น
ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงเยาวชนและปราชญ์ท้องถิ่น ดังนั้นทีมงานจึงมีความคาดหวังว่าโครงการนี้จะเป็นแบบอย่างในการอนุรักษ์ที่
สามารถพึ่งพาตนเองได้ให้กับวัดเก่าอื่นๆ ในท้องถิ่นของประเทศไทย
จากการทำางานอนุรักษ์ศาลาหลังนี้ ส่งผลให้ชาวชุมชนเกิดจิตสำานึกในความเป็นเจ้าของ เกิดความรักความหวงแหนมรดก
วัฒนธรรมที่มีคุณค่า จนเกิดเป็นความร่วมมือในการทำางาน ร่วมจัดกิจกรรม และหางบประมาณเพื่อการอนุรักษ์โดยไม่รองบประมาณจาก
ภาครัฐและการบูรณะศาลาหลังแรกนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ส่งผลให้ทางคณะกรรมการวัดและชุมชนสามารถดำาเนินการบูรณะศาลาบาตรที่
ตั้งอยู่คู่กันจนแล้วเสร็จ จึงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองในการปกปักรักษามรดกวัฒนธรรมของตนได้ และยังคงดำาเนินต่อ
ไปด้วยแรงใจ ศรัทธา และความเคารพภูมิปัญญาบรรพบุรุษ
ตำ�แหน่งอ�ค�ร๑.ตล�ด ๒.หอฉัน ๓.ศ�ล�บ�ตร ๔.ศ�ล�เรียน ๕. สะพ�นแขวน ๖.ประตูวัด ๗.กุฏิ ๘. โรงแรม
๙.ศ�ล�ริมน้ำ� ๑๐.มณฑปอนุส�วรีย์หลวงพ่อหอม ๑๑.ห้องสมุด + เก็บของ ๑๒. อ�ค�รอเนกประสงค์
๑๓.กุฏิเจ้�อ�ว�ส ๑๔.โบสถ์ ๑๕. ห้องน้ำ� ๑๖.เมรุ ๑๗.ประตูวัด๒ (ประตูเต่�) ๑๘. อ�ค�รอเนกประสงค์
๑๙.โรงครัว ๒๐. ห้องน้ำ� ๒๑.แทงค์น้ำ�