Epilepsy Syndromes

101
Epilepsy syndromes นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน, นนนนนนนนน นนนนนนนนนนน, นนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนน (epilepsy syndromes) นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน, นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน International classification of epilepsies and epilepsy syndromes นนนนนนนนนนนนนนนนน - Localization-related นนนน focal epilepsies - Generalized epilepsies นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน syndromes นนนนนน นนนนนนนนนนนนนนน - Idiopathic นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน - Symptomatic นนนนนนนน - Cryptogenic นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนน นน epilepsy syndrome นนนนนนนนนนนนนนนนนนน Benign rolandic epilepsy นนนน benign childhood epilepsy with centrotemporal spikes นนนนนนนนนนนน 3-13 นน นนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน high-amplitude midtemporal-central spikes นนน sharp waves นนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนน นนนนนนนนนนนนนนนน Carbamazepine (CBZ), Valproate (VPA), benzodiazepine นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนน Juvenile myoclonic epilepsy (JME) นนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนน นนนนน นนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนน absence นนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนน นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

Transcript of Epilepsy Syndromes

Page 1: Epilepsy Syndromes

Epilepsy syndromes                       นอกจากการจ�ดกลุ่�มชน�ดการช�กแลุ่�วยั�งม�การจ�ดกลุ่�มอ�กแบบตามลุ่�กษณะอายัที่��เป็�น ป็ระว�ต�ครอบคร�ว ชน�ดการช�กแลุ่ะอาการที่างระบบป็ระสาที่โดยัอาศั�ยัการตรวจเช�นคลุ่$�นสมอง,

เอกซ์&เรยั&คอมพิ�วเตอร&, คลุ่$�นแม�เหลุ่)กไฟฟ,า การว�น�จฉั�ยัโรคลุ่มช�กตามกลุ่�มแบบน�. (epilepsy

syndromes) ช�วยัให�แพิที่ยั&สามารถบอกการพิยัากรณ&โรค, ให�ค1าป็ร2กษาที่างพิ�นธุกรรมแลุ่ะเลุ่$อกยัาก�นช�กที่��เหมาะสม                      International classification of epilepsies and epilepsy syndromes สามารถแบ�งได�เป็�น                     - Localization-related หร$อ focal epilepsies                      - Generalized epilepsies                     แลุ่ะอาศั�ยัสาเหตของการเก�ด syndromes สามารถแบ�งยั�อยัอ�กเป็�น                      - Idiopathic อาจม�สาเหตจากพิ�นธุกรรม                     - Symptomatic ม�สาเหต                     - Cryptogenic น�าจะม�สาเหตแต�ยั�งไม�พิบสาเหตแน�ช�ด                      ม� epilepsy syndrome ที่��อาจพิบได�บ�อยัเช�น            Benign rolandic epilepsy หร$อ benign childhood epilepsy with

centrotemporal spikes พิบในช�วงอายั 3-13 ป็5 ม�กม�อาการช�กตอนกลุ่างค$นแลุ่ะคลุ่$�นสมองม�ลุ่�กษณะ high-amplitude midtemporal-central spikes แลุ่ะ sharp waves โดยัเแพิาะเวลุ่าหลุ่�บไม�ลุ่2ก คนไข�ม�กม�สต�ป็7ญญาป็กต� ตรวจร�างกายัไม�ม�ความผิ�ดป็กต�ที่างระบบป็ระสาที่ อาการช�กอาจเป็�ฯแบบเฉัพิาะที่��แลุ่ะบางคร�.งม�เกร)งกระตกแบบที่ต�ยัภู<ม� อาการช�กกลุ่างค$นจะเห)นม�น1.าลุ่ายัไหลุ่ เส�ยังคร$ดคราดในคอ อาจม�กระตกที่��ป็าก อาการช�กกลุ่างว�นม�การกระตกของร�างายัซ์�กหน2�งโดยัเฉัพิาะใบหน�า อาจม�การหยัดพิ<ดแต�คนไข�ร< �ส2กต�วด�           การพิยัากรณ&โรคโดยัที่��วไป็ด� อาการช�กม�กคมได�ด�วยัยัาก�นช�ก ยัาที่��ใช�บ�อยัเช�น Carbamazepine (CBZ), Valproate (VPA), benzodiazepine อยั�างไรก)ตามเด)กที่��ม�อากรช�กไม�บ�อยัหร$อไม�รนแรงอาจไม�จ1าเป็�นต�องใช�ยัาก�นช�ก ส�วนมากเม$�อโตเข�าว�ยัหน�มสาวก)หายัไป็            Juvenile myoclonic epilepsy (JME) ม�กม�ป็ระว�ต�ที่างพิ�นธุกรรม พิบในเด)กอายัช�วงว�ยัร �น ม�ลุ่�กษณะอาการกระตกกลุ่�ามเน$.อที่�นที่� อาการช�กเกร)งกระตก หร$อช�กแบบกระตก เกร)ง กระตกแลุ่ะบางที่�อาจม�ช�กแบบ absence ด�วยั ม�กเก�ดช�วงเพิ��งต$�นนอน เป็�นไม�รนแรงแลุ่ะเป็�นสองข�าง เก�ดก�บแขนมากกว�าโดยัไม�เส�ยัการร< �ส2กต�ว คนไข�อาจจะที่1าของหกหร$อที่1าของตกระหว�างกระตก ไม�บ�อยัน�กที่��อาการช�กเก�ดก�บส�วนขาที่1าให�หกลุ่�ม              คลุ่$�นสมองจะม�ลุ่�กษณะ spike-and-wave pattern ความถ�� 3.5-6 Hz แลุ่ะ multiple spike-and-wave complexes ซ์2�งกระต�นโดยัการใช�ไฟส�อง (photic

stimulation) หร$ออดนอน             ยัาก�นช�กที่��ใช�ค$อ  VPA ยัาอ$�นที่��ใช�ได�เช�น Lamotrigine (LTG), topiramate

(TPM), zonisamide (ZNS), levetriracepam (LEV) ส�วนการใช�ยัา Phenytoin

(PHT), CBZ, Oxcarbamazepine (OXC) gabapentin (GBP) อาจที่1าให�อาการช�กเป็�นมากข2.น อาการช�กตอบสนองด�ต�อยัาแต�ม�กจะเก�ดถ�าหยัดยัา ด�งน�.นจ2งแนะน1าให�ที่านยัาไป็ตลุ่อดช�ว�ต

Page 2: Epilepsy Syndromes

            Febrile convulsions พิบบ�อยัในเด)กอายั 3 เด$อน- 5 ป็5 อาจม�ป็ระว�ต�ลุ่มช�กในครอบคร�ว ม�อบ�ต�การณ&เก�ดป็ระมาณ 4% พิบว�า 1 ใน 3 ของเด)กที่��เป็�นจะม�อาการเก�ดซ์1.าเม$�อม�ไข� ถ2งแม�อาการช�กเม$�อม�ไข�จะไม�รนแรงแต�พิบว�า ป็ระมาณ 5% ของเด)กที่��เป็�นต�อมาจะเก�ดโรคลุ่มช�ก            การพิยัากรณ&โรคที่��ไม�ด�ได�แก� ม�ลุ่�กษณะช�กเฉัพิาะที่��, ช�กนานกว�า 15 นาที่�, ม�ความผิ�ดป็กต�ที่างระบบป็ระสาที่เฉัพิาะที่��แลุ่ะม�ป็ระว�ต�ครอบคร�วช�กแบบไม�ม�ไข� เด)กบางคนจะเก�ดม�แผิลุ่เป็�นที่��สมองด�านข�างซ์2�งด$.อต�อยัาก�นช�กได�            การร�กษาอาการช�กจากไข�ม�กเป็�นการร�กษาตามอาการ เช�นเช)ดต�ว ให�ยัาลุ่ดไข� แพิที่ยั&บางที่�านแนะน1าให�ใช�ยัาเหน)บก�น diazepam ในเด)กที่��ม�ป็ระว�ต�เป็�นมาก�อน ป็7จจบ�นกมารป็ระสาที่แพิที่ยั&ไม�แนะน1าการให�ยัาก�นช�กในเด)กที่��ม�ช�กจากไข�ที่��เป็�นแบบธุรรมดา (เช�นช�กส�.นกว�า 15 นาที่�)           Infantile spasms  เป็�นอาการช�กแบบที่�นที่� ส�.นๆ ม�กม�อาการเกร)งกลุ่�ามเน$.อในการงอของเอว, แขนขา, คอ ม�กพิบในส�วนหน2�งของ West syndrome ที่��ป็ระกอบด�วยั infantile

spasms, คลุ่$�นสมองเป็�นแบบ hypsarrhythmic ค$อไม�เป็�นคลุ่$�นที่��เป็�นระเบ�ยับ แลุ่ะม� encephalopathy ก�บสต�ป็7ญญาอ�อน           infantile spasms ม�อ�ตราตายัป็ระมาณ 20% ซ์2�งม�กเป็�นผิลุ่จากโรคด�.งเด�มที่��เป็�นอยั<� ในพิวกที่��รอดช�ว�ต 75% ม�กม�ป็7ญญาอ�อนแลุ่ะมากกว�า 50% ยั�งม�อาการช�กไป็ตลุ่อดช�ว�ต           สาเหตของโรคอาจที่ราบเช�นม�ความผิ�ดป็กต�แต�ก1าเน�ดของสมอง (มากกว�าคร2�งของคนไข�ที่��เป็�น tuberous sclerosis เก�ดอาการ infantile spasms) ม�สมองกระที่บกระเที่$อนหลุ่�งคลุ่อดหร$อระหว�างต�.งครรภู&หร$ออาจไม�ที่ราบสาเหต อาการเกร)งม�กเร��มป็ระมาณก�อนอายั 12 เด$อน พิบบ�อยัช�วงอายั 4-6 เด$อน อาการช�กอาจเป็�นส�บหร$อเป็�นร�อยัต�อว�น นอกจากกลุ่�ามเน$.อเกร)งงอแลุ่�วอาจม�แขนกางหร$อหบแลุ่ะคลุ่�ายัก�บอาการกอดต�วเองแลุ่ะกลุ่�ามเน$.อคอแลุ่ะลุ่1าต�วเหยั�ยัดให�เห)นได�           คลุ่$�นสมองส�วนมากผิ�ดป็กต�ม�ลุ่�กษณะเป็�น diffuse high-voltage spikes and

slow waves ป็นก�บ disorganized, slow background (hyparrhythmia)

           การร�กษาม�กควบคมได�ยัาก ส�วนมากยัาที่��ใช�ค$อ adrenocortictropic hormone

(ACTH), corticosteroid, VPA แลุ่ะ nitrazepam ป็7จจบ�นม�ที่��ได�ผิบลุ่ค�อนข�างด�ค$อ vigabatrin (VGB)

           Lennox-Gastaut syndrome เป็�นกลุ่�มที่��ป็ระกอบด�วยัอาการช�กหลุ่ายัแบบแลุ่ะเด)กม�สต�ป็7ญญาอ�อน คลุ่$�นสมองม�ลุ่�กษณะ slow (<2.5 Hz) spike-and-wave patterns อยั<�ป็นก�บ abnormal, slow background

           อาการช�กเป็�นที่กว�น เป็�นส�บหร$อร�อยัแลุ่ะม�อาการเกร)งลุ่1าต�วม เกร)งกระตก, atypical

absence, myoclonic, atonic seizures ซ์2�งม�กที่1าให�เก�ดการบาดเจ)บ อาการช�กแบบ tonic

ม�กเก�ดกลุ่างค$น บางคร�.งเป็�นชด  ส�วนอาการช�กแบบ atonic ม�ต�.งแต�ห�วผิงกลุ่งจนถ2งลุ่�มอยั�างรนแรง          เชาว&ป็7ญญาอาจด�อยัลุ่งก�อนเก�ดอาการช�กแลุ่ะร�วมก�บการม�ป็7ญหาที่างด�านพิฤต�กรรม ส�วนมากเด)กม�กม�ความผิ�ดป็กต�ที่างระบบป็ระสาที่

Page 3: Epilepsy Syndromes

          การพิยัากรณ&โรคไม�ด� ม�กไม�ค�อยัตอบสนองต�อยัาก�นช�ก ยัาที่��ช�วยัลุ่ดอาการช�กเช�น VPA, LTG, TPM, felbamate (FBM)          Mesial temporal sclerosis Hippocampal sclerosis เป็�นพิยัาธุ�สภูาพิที่��พิบบ�อยัที่��สดใน temporal lobe epilepsy ที่��ด$.อต�อยัา อาการช�กม�กเก�ดก�อนช�วงว�ยัร �น อาจม�ป็ระว�ต�อาการช�กตอนม�ไข�เป็�นเวลุ่านานตอนเด)ก อาการช�กม�กม�อาการเต$อนเช�น มวนที่�อง ลุ่มในกระเพิาะ กลุ่�ว ภูาพิหลุ่อนต�อมาม�อาการช�กแบบ complex partial seizure เช�น เหม�อ ม$อที่1าอะไรไม�ร< �ส2กต�ว หลุ่�งช�กอาจม�อาการส�บสน อาจม�เกร)งกระตกต�อมาได�           การว�น�จฉั�ยัโดยัการที่1าคลุ่$�นสมอง อาจเห)น spikes ที่��ตรง anterior temporal ในการถ�ายัภูาพิ MRI จะเห)น hippocampal atrophy แลุ่ะม� signal เป็ลุ่��ยัน           การร�กษา คนไข�อาจตอบสนองต�อยัาก�นช�ก แต�คนไข�บางรายัเร��มด$.อต�อยัาเม$�อเข�าว�ยัผิ<�ใหญ� ป็ระมาณ 80% ในคนไข�ที่��เลุ่$อกมาอยั�างด�อาจหายัจากการช�กได�หลุ่�งการผิ�าต�ด temporal lobectomyป็ระว�ต� ตรวจร�างกายั โรคลุ่มช�กไม�ใช�โรคเพิ�ยังโรคเด�ยัว แต�เป็�นกลุ่�มของสภูาวะหลุ่ายัอยั�างซ์2�งม�ความแตกต�างก�นที่�.งสาเหต พิยัาธุ�สภูาพิหลุ่ากหลุ่ายั แต�ที่1าให�เก�ดม�ลุ่�กษณะอาการเหม$อนก�นค$อ อาการช�กที่��เก�ดข2.นซ์1.าๆ การว�น�จฉั�ยัโรคลุ่มช�กต�องตอบค1าถามให�ได�ว�า                         - อาการที่��เก�ดน�.นเป็�นอาการช�กจากโรคลุ่มช�ก?

                         -ชน�ดของอาการช�กเป็�นชน�ดไหน?

                         -อาการช�กอยั<�ใน epilepsy syndrome ไหน?

                        การวิ�นิ�จฉัยแยกโรค                       ม�สาเหตหลุ่ากหลุ่ายัที่��ที่1าให�เก�ดอาการคลุ่�ายัอาการช�กแลุ่ะจ1าเป็�นต�องว�น�จฉั�ยัแยักโรคให�ได� เช�นคนไข�ที่��เป็�นลุ่ม (syncope attack) อาจม�อาการกระตก, ป็7สสาวะราดคลุ่�ายัก�นได� นอกจากน�.อาการช�กเที่�ยัม (pseudoseizures หร$อ non-epileptic psychogenic

seizures) ซ์2�งอาจพิบได�ถ2ง 45% ของคนไข�ที่��ส�งต�อมาที่��ศั<นยั&โรคลุ่มช�กใหญ�ๆ การวน�จฉั�ยัโรคลุ่มช�กผิ�ดพิลุ่าดอาจที่1าให�เก�ดการร�กษาที่��ไม�จ1าเป็�น เก�ดอ�นตรายัจากการใช�ยัาแลุ่ะที่1าการร�กษาที่��เหมาะสมลุ่�าช�า การที่��จะพิยัายัามบอกว�าเป็�นโรคลุ่มช�กในรายัที่��ม�ป็7ญหา ไม�แน�ใจถ2งแม�จะตรวจอยั�างลุ่ะเอ�ยัดแลุ่�ว ควรที่��จะรอเวลุ่าก�อนที่��จะสรป็แน�นอน นอกจากน�.ที่��ที่�าที่ายัค$อในคนไข�ที่��เก�ดม�อาการช�กเที่�ยัมร�วมก�บช�กจร�ง แลุ่ะอาการช�กจร�งสามารถควบคมได�ด�แลุ่�ว                          โรคที่��ควรว�น�จฉั�ยัแยักออกจากโรคลุ่มช�ก

                     ระบบป็ระสาที่เช�น Transient ishemic attack,Transient global

amnesia, ไมเกรน,Nacrolepsy

                     ระบบห�วใจแลุ่ะหลุ่อดเลุ่$อดเช�น ความด�นต1�า, ห�วใจเต�นผิ�ดป็กต�, vasovagal syncope, reflex anoxic seizure, sick sinus syndrome                     ระบบต�อมไร�ที่�อเช�น น1.าตาลุ่ต1�า, เกลุ่$อโซ์เด�ยัมต1�า, โป็แตสเซ์�ยัมต1�า                     การนอนหลุ่�บผิ�ดป็กต�เช�น obstructive apnea, benign neonatal sleep myoclonus, REM sleep disorder                     จ�ตเวช non-epileptic psychogenic seizures

Page 4: Epilepsy Syndromes

                   การว�น�จฉั�ยัโรคลุ่มช�กอาศั�ยัที่างคลุ่�น�กเป็�นหลุ่�กโดยัการซ์�กเก��ยัวก�บเหตการณ& รายัลุ่ะเอ�ยัด ก�อน ระหว�างแลุ่ะหลุ่�งช�ก การม�พิยัานที่��เห)นเหตการณ&ช�วยัในการว�น�จฉั�ยั รวมที่�.งเหตการณ&ที่��อาจกระต�นให�เก�ดอาการช�กเช�นการอดนอน, การขาดเหลุ่�า, ยัาบางอยั�าง, การต�ดเช$.อ, การบาดเจ)บที่��ศั�รษะ, ป็ระจ1าเด$อน, การขาดยัาก�นช�ก, แสงไฟกระต�น, อาหาร, การอดอาหาร,

ความเคร�ยัด, ออกก1าลุ่�งกายัมากเก�น                  การตรวจร�างกายัม�กไม�พิบความผิ�ดป็กต� นอกจากบางรายัที่��อาจม�ความผิ�ดป็กต�เฉัพิาะที่��เน$�องจากม�รอยัโรคในสมอง การตวจค�นม�กม�งไป็หาส��งที่��ที่1าให�เก�ดการช�กข2.น การเจาะเลุ่$อด อ�เลุ่คโตรลุ่�ยัต& คลุ่$�นห�วใจเพิ$�อด<การเต�นของห�วใจ การตรวจสารเสพิต�ด ส�วนการเจาะน1.าไขส�นหลุ่�งไป็ตรวจควรที่1าในรายัที่��สงส�ยัว�าม�ต�ดเช$.อในระบบป็ระสาที่จ1าเป็�นต�องตรวจด�วยั MRI 3 T หร$อไม�

Magnetic resonance imaging (MRI) หร$อการตรวจด�วยัแม�เหลุ่)กไฟฟ,า ที่1าให�การว�น�จฉั�ยัหาสาเหตของโรคลุ่มช�กได�ด�กว�าในสม�ยัอด�ต ที่1าให�การผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กได�ผิลุ่ด�มากข2.นในป็7จจบ�น ความแรงของสนามแม�เหลุ่)กที่��มากกว�าหร$อเที่�าก�บ 3 Tesla (T) จ�ดเป็�นป็ระเภูที่ High

field ส�วน 1.0-2.0 Tesla เป็�นป็ระเภูที่มาตรฐานในป็7จจบ�น ม�ค1าถามว�าการใช� High filed MRI

ช�วยัในการตรวจพิบสาเหตโรคลุ่มช�กมากกว�า 1.0-1.5 Tesla ที่��ใช�ก�นที่��วไป็ในป็7จจบ�นหร$อไม� คนไข�ที่��ตรวจ MRI ด�วยั 1.5 Tesla แลุ่�วไม�พิบอะไรควรตรวจด�วยั 3 T หร$อไม�

ม�การศั2กษาจากแคนาดาโดยัศั2กษาผิ<�ป็@วยัโรคลุ่มช�กที่��ด$.อต�อยัาก�นช�ก แลุ่ะที่1าการตรวจด�วยั MRI 1.5 T แลุ่�วไม�พิบความผิ�ดป็กต� แลุ่ะที่1าการตรวจใหม�ด�วยั MRI 3 T ในช�วงเด$อนพิฤศัจ�กายัน 2006- ส�งหาคม 2009 ม�ผิ<�ป็@วยัที่�.งหมดที่��ศั2กษา 36 คน แลุ่ะที่กคนได�ผิ�านการป็ระเม�นส1าหร�บผิ�าต�ดตามมาตรฐานค$อการที่1า EEG, SPECT, PET นอกจากน�.ม� 10 คนที่��ได�ที่1า invasive EEG, ผิ<�ป็@วยั 16 รายัเป็�น frontal lobe epilepsy, 15 รายัเป็�น temporal lobe

epilepsy, 3 รายัเป็�น parietal lobe epilepsy แลุ่ะ 2 รายัเป็�น occipital epilepsy

ผิลุ่การศั2กษาพิบว�าการตรวจด�วยั MRI 3 T ช�วยัในการตรวจพิบความผิ�ดป็กต�เพิ��ม 2

รายัจากผิ<�ป็@วยั 36 รายั (5.6%) โดยัผิ<�ป็@วยั 1 รายัพิบ mild left hippocampal atrophy ซ์2�งการตรวจที่างไฟฟ,าช�.ว�าเป็�น mesial temporal lobe epilepsy แลุ่ะก1าลุ่�งรอการผิ�าต�ด อ�ก 1

รายัพิบ mild right hippocampal atrophy ซ์2�งการตรวจที่างไฟฟ,าช�.ว�าเป็�น mesial

temporal lobe epilepsy ผิ<�ป็@วยัได�ร�บการผิ�าต�ดแลุ่ะป็7จจบ�นไม�ม�อาการช�ก ที่1าให�ไม�ต�องที่1า invasive EEG

โดยัสรป็ของการศั2กษาน�. ถ2งแม�การตรวจด�วยั MRI 3 T ในผิ<�ป็@วยัโรคลุ่มช�กด$.อยัาที่��ไม�พิบความผิ�ดป็กต�จากการตรวจด�วยั MRI 1.5 T จะพิบความผิ�ดป็กต�เพิ��มน�อยั แต�ก)ม�ความส1าค�ญในการร�กษาคนไข� การตรวจซ์1.าด�วยั MRI 3 T ยั�งม�ป็ระโยัชน&ในผิ<�ป็@วยัที่��ด$.อยัา แต�จ1าเป็�นที่��ต�องม�การศั2กษาเพิ��มเต�มแบบ prospective แต�ในผิ<�ป็@วยัที่��ไม�ด$.อต�อยัาก�นช�ก ไม�แนะน1าให�ที่1าซ์1.าที่��มา: Nguyen DK, Rochette E, Leroux JM, Beaudoin G, Cossette P, Lassonde M, Guibert F. Value of 3.0 T MR imaging in refractory partial epilepsy and negative 1.5 MRI. Seizure 2010; 19:475-8. การผ่�าตัดการตรวจคลุ่$�นสมองหลุ่�งผิ�าต�ดโรคลุ่มช�ก

Page 5: Epilepsy Syndromes

ม�การศั2กษาพิบว�าการตรวจพิบคลุ่$�นไฟฟ,าผิ�ดป็กต�ในสมองหลุ่�งผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กม�ความส1าค�ญต�อผิลุ่การผิ�าต�ด แต�การศั2กษาเหลุ่�าน�.ม�ข�อจ1าก�ดในเร$�องจ1านวนผิ<�ป็@วยัผิ�าต�ด ชน�ดของการผิ�าต�ด การจ1าแนกชน�ดการช�ก แลุ่ะว�ธุ�การแป็ลุ่ผิลุ่คลุ่$�นสมอง การตรวจคลุ่$�นสมองเป็�นระยัะหลุ่�งผิ�าต�ดสามารถช�วยัเพิ��มการที่1านายัโอกาสการช�กกลุ่�บซ์1.ามากกว�าการตรวจคลุ่$�นสมองคร�.งเด�ยัวหร$อไม�ไม�เป็�นที่��ที่ราบ Rathoe แลุ่ะคณะได�ที่1าการศั2กษาการตรวจคลุ่$�นสมองเป็�นระยัะหลุ่�งผิ�าต�ดต�พิ�มพิ&ในวารสาร Neurology เด$อนพิฤษภูาคม 2011

การศั2กษาน�.ได�ที่1าการศั2กษาคณค�าของการตรวจคลุ่$�นสมองหลุ่�งผิ�าต�ดสมองด�านข�าง (Anterior temporal lobectomy; ATL) ในผิ<�ป็@วยัโรคตลุ่มช�กจากแผิลุ่เป็�นสมองด�านข�าง (Mesial temporal lobe epilepsy with hippocampal sclerosis; MTLE-HS) โดยัได�รวบรวมข�อม<ลุ่ผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บการผิ�าต�ด ATL ระหว�างเด$อนมกราคม 1996- ธุ�นวาคม 2002 แลุ่ะต�ดตามหลุ่�งการผิ�าต�ดอยั�างน�อยั 5 ป็5 โดยัรวมเฉัพิาะผิ<�ป็@วยัที่��ได�ที่1าการตรวจคลุ่$�นสมองหลุ่�งผิ�าต�ดที่�� 3 เด$อน, 1 ป็5, 2 ป็5 แลุ่ะ 3 ป็5 แลุ่ะจ1าแนกผิลุ่การร�กษาผิ<�ป็@วยัเป็�น 2 ป็ระเภูที่ค$อ favorable

outcome 1 ค$อไม�ม�อาการช�กแลุ่ะอาการเต$อนตลุ่อดระยัะเวลุ่าหลุ่�งผิ�าต�ด แลุ่ะ favorable

outcome 2 ค$อไม�ม�อาการช�กแลุ่ะอาการเต$อนใน 1 ป็5สดที่�ายัที่��ต�ดตามผิลุ่จากการรวบรวมม�ผิ<�ป็@วยั 262 คนจาก 327 คน (84.5%) ที่��ม�การตรวจคลุ่$�นสมองเป็�น

ระยัะด�งกลุ่�าว อายัเฉัลุ่��ยั 27.4 ป็5แลุ่ะระยัะเวลุ่าที่��เป็�นโรคลุ่มช�กเฉัลุ่��ยัก�อนผิ�าต�ด 18.2 ป็5 พิบว�าผิ<�ป็@วยัที่��ม�คลุ่$�นไฟฟ,าสมองผิ�ดป็กต� (IED) ที่��ระยัะเวลุ่าการต�ดตามผิลุ่ 3 เด$อนม� 55 (21%), 1 ป็5 43 (16.4%), 2 ป็5 40 (15.3%), 3 ป็5 45 (17.2%) ม�ผิ<�ป็@วยัที่��ม�คลุ่$�นสมองผิ�ดป็กต�อยั�างน�อยั 1 คร�.ง 106 คน (40.5%) โดยัม� 65 คนม�ผิ�ดป็กต� 1 คร�.ง, 20 คนม�ผิ�ดป็กต� 2 คร�.ง , 6 คนม�ผิ�ดป็กต� 3 คร�.ง แลุ่ะ 15 คนม�ผิ�ดป็กต�ที่�.ง 4 คร�.ง

การม�คลุ่$�นสมองผิ�ดป็กต�หร$อ IED หลุ่�งจากผิ�าต�ดที่��เวลุ่าใดเวลุ่าหน2�งหลุ่�งผิ�าต�ดม�ส�วนเก��ยัวข�องก�บผิลุ่การผิ�าต�ด เม$�อเที่�ยับก�บผิ<�ป็@วยัที่��ไม�ม� IED ผิ<�ป็@วยัที่��ม� IED หลุ่�งผิ�าต�ด 1 ป็5ม�โอกาส 3

เที่�าที่��จะม�ผิลุ่การผิ�าต�ดที่��ไม�ด� (unfavorable outcome 1) แลุ่ะ 7 เที่�าที่��จะม� unfavorable

outcome 2 แลุ่ะเม$�อเที่�ยับก�บผิ<�ป็@วยัที่��ม�คลุ่$�นสมองป็กต�หลุ่�งผิ�าต�ด ผิ<�ป็@วยัที่��ม�คลุ่$�นสมองม� IED 4

คร�.งม�โอกาส 9 เที่�าที่��จะม� unfavorable outcome 1 แลุ่ะ 26 เที่�าที่��จะม� unfavorable

outcome 2 การที่��ม� IED ที่�.ง 4 คร�.งในการตรวจคลุ่$�นสมองม� specificity 98% ที่��จะม�ผิลุ่การผิ�าต�ดที่��ไม�ด�

ในการศั2กษาน�.ม�ผิ<�ป็@วยัที่��ม�อาการช�กกลุ่�บซ์1.า 61 (23.3%) คน , ผิ<�ป็@วยัที่��ม� IED ม�ช�กกลุ่�บซ์1.า 12/56 คน (21.4%) ในขณะที่�� 15/162 (9.3%) ที่��ไม�ม� IED ม�ช�กกลุ่�บซ์1.า (p=0.03)

ผิ<�ป็@วยัส�วนใหญ�ที่��ช�กกลุ่�บซ์1.าม�กม�คลุ่$�นไฟฟ,าผิ�ดป็กต�ข�างเด�ยัวก�บที่��ผิ�าต�ด ซ์2�งบ�งช�.ว�าจดช�กม�กอยั<�ต1าแหน�งใกลุ่�หร$อบร�เวณที่��ผิ�าต�ด การศั2กษาน�.ช�วยัให�สามารถให�ค1าป็ร2กษาแก�ผิ<�ป็@วยัในการลุ่ดยัาก�นช�กแลุ่ะโอกาสเก�ดการช�กกลุ่�บซ์1.าได�ที่��มา: Rathore C, Sarma S, Radhakrishnan K. Prognostic importance of serial postoperative EEGs after anterior temporal lobectomy. Neurology 2011; 76:1925-31.การช�กกลุ่�บซ์1.าหลุ่�งผิ�าต�ดโรคลุ่มช�ก

Page 6: Epilepsy Syndromes

ผิลุ่การผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กระยัะยัาวในผิ<�ป็@วยัที่��ม�อาการช�กกลุ่�บในป็5แรกหลุ่�งผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กเป็�นอยั�างไร Ramesha แลุ่ะคณะได�ที่1าการศั2กษาในผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บการผิ�าต�ดจ1านวนมากแลุ่ะต�ดตามผิลุ่ระยัะยัาวเป็�นเวลุ่า 2-11 ป็5 ในวารสาร Epilepsia เด$อนพิฤษภูาคม 2554 ซ์2�งม�ป็ระโยัชน&ในการให�ค1าป็ร2กษาแลุ่ะการลุ่ดยัาก�นช�กหลุ่�งผิ�าต�ด

Ramesha แลุ่ะคณะได�ที่1าการรวบรวมผิ<�ป็@วยัจ1านวน 492 รายัที่��ได�ร�บการผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กที่��ม�จดก1าเน�ดจากสมองด�านข�าง (Temporal lobe resective epilepsy surgery)

ระหว�างเด$อนม�นาคม 1995- ธุ�นวาคม 2005 ผิ<�ป็@วยัม�การต�ดตามผิลุ่การร�กษาอยั�างน�อยั 2 ป็5 โดยัในสถาบ�นน�.จะเร��มลุ่ดยัาก�นช�กอยั�างช�าๆป็ลุ่ายัเด$อนที่�� 3 หลุ่�งผิ�าต�ดในผิ<�ป็@วยัที่��ก�นยัาก�นช�กมากกว�า 2 ชน�ด แลุ่ะเม$�อครบ 1 ป็5ในผิ<�ป็@วยัที่��ก�นยัาก�นช�กต�วเด�ยัว ซ์2�งจะที่1าให�หยัดยัาก�นช�กเม$�อป็ลุ่ายัป็5ที่�� 2 หลุ่�งผิ�าต�ด โดยัการศั2กษาน�.ได�จ�ดผิ<�ป็@วยัที่��ม�อาการช�กกลุ่�บซ์1.าเป็�น immediate (น�อยักว�าหร$อเที่�าก�บ 24 ช��วโมง), acute (น�อยักว�าหร$อเที่�าก�บ 7 ว�น), early (น�อยักว�าหร$อเที่�าก�บ 28 ว�น)

แลุ่ะ late (จากว�นที่�� 29-ป็ลุ่ายัป็5แรก) หลุ่�งผิ�าต�ด ผิลุ่การศั2กษาพิบว�าอายัเฉัลุ่��ยัผิ<�ป็@วยั 28.6 ป็5 ม�อาการช�กกลุ่�บมาหลุ่�งผิ�าต�ด อยั�างน�อยั 1

คร�.ง 227 (46.1%) ในช�วงที่��ต�ดตามการร�กษา แลุ่ะ 171 คน (75.3%) ม�อาการช�กกลุ่�บมาภูายัใน 1 ป็5หลุ่�งผิ�าต�ด 90% ของผิ<�ป็@วยัที่��ไม�ม�อาการช�กภูายัในป็5แรกหลุ่�งผิ�าต�ดยั�งคงไม�ม�อาการช�กเม$�อครบ 2 ป็5หลุ่�งผิ�าต�ดในขณะที่�� 48.5% ของผิ<�ป็@วยัที่��ม�อาการช�กในป็5แรกหลุ่�งผิ�าต�ด ไม�ม�อาการช�กในป็5ที่�� 2 หลุ่�งผิ�าต�ด (p<0.0005) ผิ<�ป็@วยัที่��ผิลุ่พิยัาธุ�สภูาพิที่��ต�ดออกมาเป็�นป็กต�ม�การช�กกลุ่�บซ์1.ามากที่��สดเม$�อเที่�ยับก�บกลุ่�มอ$�นแลุ่ะน�อยัที่��สดในกลุ่�มที่��ม�พิยัาธุ�สภูาพิเป็�นเน$.องอก ในผิ<�ป็@วยัที่��ม�อาการช�กกลุ่�บซ์1.าในป็5แรก 48.5% ม�อาการช�กภูายัใน 6 เด$อนแรกของป็5ที่�� 2 หลุ่�งผิ�าต�ด เที่�ยับก�บ 5.3% ในผิ<�ป็@วยัที่��ไม�ม�อาการช�กในป็5แรก (p<0.0005) แต�ไม�ว�าอาการช�กกลุ่�บซ์1.าจะเป็�นอยั�างไร ผิลุ่การผิ�าต�ดระยัะยัาวในผิ<�ป็@วยัที่��ม�อาการช�กกลุ่�บในป็5แรกหลุ่�งผิ�าต�ดจะแยั�กว�ากลุ่�มที่��ไม�ม� 4-6 เที่�า ยักเว�นในกลุ่�มที่��ม�แต�อาการเต$อนอยั�างเด�ยัวหลุ่�งผิ�าต�ดซ์2�งม�แนวโน�มที่��จะผิลุ่ระยัะยัาวจะไม�ด�แต�ไม�ม�ยั�ยัส1าค�ญที่างสถ�ต� นอกจากน�.อาการช�กแบบไม�ร< �ส2กต�วแลุ่ะเกร)งกระตก (CPS with GTC) ในป็5แรกหลุ่�งผิ�าต�ดแลุ่ะอาการช�กที่��มากกว�า 3 คร�.งบ�งบอกถ2งผิลุ่ระยัะยัาวที่��ไม�ด�ที่��มา : Long-term seizure outcome and its predictor in patients with recurrent seizures during the first year after temporal lobe resective epilepsy surgery. Epilepsia 2011; 52:917-924.การส�งต�อผิ<�ป็@วยัมาผิ�าต�ดโรคลุ่มช�ก

การส�งต�อผิ<�ป็@วยัโรคลุ่มช�กมาผิ�าต�ดหลุ่�งจากม�แนวที่างในการร�กาที่��ออกโดยัสมาคมป็ระสาที่ว�ที่ยัาอมเร�กาเป็�นอยั�างไร ในวารสาร Neurology 2010 ได�ม�ผิ<�ศั2กษาเก��ยัวก�บเร$�องน�.เอาไว� แต�ในป็ระเที่ศัไที่ยัผิมยั�งไม�ที่ราบว�าม�แพิที่ยั&ที่��วๆไป็ที่ราบแค�ไหนว�าม�การผิ�าต�ดร�กษาโรคลุ่มช�ก

ในผิ<�ป็@วยัโรคลุ่มช�ก จะม�ป็ระมาณ 20-40% ที่��ด$.อต�อยัาก�นช�กแลุ่ะการผิ�าต�ดร�กษาสามารถก1าจ�ดอาการช�กได� เร$�องน�.ม�ความส1าค�ญเพิราะว�าโรคลุ่มช�กที่��ด$.อต�อยัาก�นช�กค�ดเป็�น 80%

ของค�าร�กษาโรคลุ่มช�กในสหร�ฐอเมร�กา แต�การผิ�าต�ดเพิ$�อร�กษาโรคลุ่มช�กยั�งใช�ก�นน�อยั แลุ่ะเม$�อม�การศั2กษาเม$�อต�นที่ศัวรรษน�.เป็�นแบบ Class 1 แสดงให�เห)นว�าการผิ�าต�ดได�ผิลุ่ด�กว�าการร�กษาด�วยัยัาก�นช�กในผิ<�ป็@วยั temporal lobe epilepsy (TLE) จากการศั2กษาน�.เอง ในป็5 2003 สมาคม

Page 7: Epilepsy Syndromes

ป็ระสาที่ว�ที่ยัาอเมร�การ�วมก�บสมาคมโรคลุ่มช�กอเมร�กาแลุ่ะสมาคมป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัศัาสตร&อเมร�กาได�แนะน1าแนวที่างการร�กษาผิ<�ป็@วยัโรคลุ่มช�กแบบ TLE ที่��ไม�ตอบสนองต�อยัาก�นช�กแบบ first-lined

ให�แนะน1าส�งต�อมายั�งศั<นยั&โรคลุ่มช�กในวารสาร Neurology 2010; 75:699-704 Dr. Haneef แลุ่ะคณะได�เป็ร�ยับ

เที่�ยับลุ่�กษณะการส�งต�อผิ<�ป็@วงยัก�อนแลุ่ะหลุ่�งการม�แนวที่างการร�กษาด�งกลุ่�าวว�าได�เป็ลุ่��ยันแป็ลุ่งอยั�างไร โดยัที่1าการศั2กษายั�อนหลุ่�งผิ<�ป็@วยัที่��เข�ามาตรวจคลุ่$�นสมอง 24 ช��วโมงที่�� UCLA center

ระหว�างเด$อนมกราคม 1995- ก�นยัายัน 1998 ก�บอ�กช�วงค$อ มกราคม 2005- ก�นยัายัน 2008

โดยัศั2กษาผิ<�ป็@วยัที่��อายัมากกว�า 16 ป็5 ม�อาการช�กแบบ TLE

การศั2กษาพิบว�าม�ผิ<�ป็@วยั 435 คนช�วง 1995-1998 (กลุ่�ม 1) แลุ่ะ 562 คนช�วง ป็5 2005-2008 (กลุ่�ม 2) พิบว�าไม�ม�ความแตกต�างในค�าอายัที่��ส�งต�อผิ<�ป็@วยัมาร�กษา แลุ่ะ ระยัะเวลุ่าการร�กษาด�วยัยัาก�นช�ก ในที่�.ง 2 กลุ่�ม แต�การกระจายัในกลุ่�มที่�� 2 ม�มากที่�.งที่��เป็อร&เซ์นต&ไตลุ่&น�อยัแลุ่ะมาก ที่1าให�ค�าเฉัลุ่��ยัไม�ต�างก�น ผิลุ่การศั2กษาอาจเป็�นไป็ได�ว�าในกลุ่�ม 2 ม�การส�งต�อผิ<�ป็@วยัเร)วข2.น แลุ่ะผิ<�ป็@วยัที่��อายัมาก เม$�อเที่�ยับก�บกลุ่�มที่�� 1 เน$�องจากม�รายังานในป็7จจบ�นที่��จะผิ�าต�ดผิ<�ป็@วยัที่��อายัมาก แลุ่ะตระหน�กถ2งที่างเลุ่$อกในการร�กษาด�วยัการผิ�าต�ดในผิ<�ป็@วยัอายัมาก แต�การส�งต�อผิ<�ป็@วยัเร)วข2.นยั�งม�จ1านวนน�อยั แลุ่ะอาจเป็�นเพิราะที่�� UCLA ม�ก1าลุ่�งม�การศั2กษาการผิ�าต�ดในระยัะเร��มแรก ที่1าให�ม�คนไข�อายัน�อยัเข�ามา แต�ค�าเฉัลุ่��ยัของระยัะเวลุ่าในการร�กษาด�วยัยัาก�นช�กก�อนส�งผิ<�ป็@วยัมาผิ�าต�ดยั�งอยั<�ที่�� >17 ป็5 แสดงให�เห)นว�าที่�.งๆที่��ม�การศั2กษาที่��ด�แลุ่ะม�แนวที่างการร�กษา แต�ยั�งม�ความไม�เข�าใจของแพิที่ยั&ผิ<�ส�งต�อผิ<�ป็@วยัเก��ยัวก�บความป็ลุ่อดภู�ยัแลุ่ะป็ระส�ที่ธุ�ภูาพิในการผิ�าต�ดร�กษาแต�ระยัะแรกในผิ<�ป็@วยัโรคลุ่มช�ก TLE เหตผิลุ่อ�กอยั�างค$อความไม�ช�ดเจนของค1าจ1าก�ดความว�าด$.อต�อยัาก�นช�ก ป็ระสาที่แพิที่ยั&ส�วนมากม�กใช�เม$�อยัาก�นช�ก 2 ต�วไม�ได�ผิลุ่ แลุ่ะม�การสน�บสนนจาก ILAE

การศั2กษาน�.ม�ข�อจ1าก�ดใมนแง�ที่��เป็�นการศั2กษาในสถาบ�นเด�ยัว แต�ม�ความพิยัายัามที่��จะตรวจสอบการเป็ลุ่��ยันแป็ลุ่งหลุ่�งจากม�แนวที่างการร�กษาออกมาใน 5 ป็5 การผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กได�ผิลุ่ด�ในผิ<�ป็@วยั TLE ที่��ด$.อต�อยัาก�นช�ก แลุ่ะการผิ�าต�ดระยัะเร��มแรกช�วยัที่1าให�หลุ่�กเลุ่��ยังผิลุ่เส�ยัที่��ไม�กลุ่�บค$น ถ2งแม�การศั2กษาน�.จะบ�งถ2งแนวโน�มที่��อาจม�การส�งต�อผิ<�ป็@วยัมาผิ�าต�ดเร)วข2.น แต�การใช�เวลุ่าด�วยัการร�กษาด�วยัยัาก�นช�กเร��มแรกถ2งการป็ระเม�นก�อนผิ�าต�ดด�วยัเวลุ่านานถ2ง 18 ป็5 ยั�งเป็�นเวลุ่าที่��นานเก�นไป็ที่��มา:Haneef Z, Stern J, Dewar S, Engel J. Referral pattern for epilepsy surgery after evidence-based recommendations. A retrospective study. Neurology 2010; 75:699-704.การช�กที่��นานไม�ม�ผิลุ่ต�อการผิ�าต�ดโรคลุ่มช�ก

ระยัะเวลุ่าการเป็�นโรคลุ่มช�กเป็�นป็7จจ�ยัอบ�างหน2�งซ์2�งยั�งเป็�นที่��ถกเถ�ยังก�นว�าม�ผิลุ่ต�อการหายัหลุ่�งผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กหร$อไม� Lowe แลุ่ะคณะได�รายังานในวารสาร Seizure เด$อนม�ถนายัน 2010 สรป็ว�าระยัะเวลุ่าในการเป็�นโรคลุ่มช�กชน�ด temporal lobe epilepsy (TLE) ไม�ม�ผิลุ่ต�อผิลุ่การผิ�าต�ดโรคลุ่มช�ก ในผิ<�ป็@วยั TLE ชน�ด nonlesional รวมถ2ง hippocampal sclerosis

ผิลุ่การผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กในระยัะยัาวจะม�เป็อร&เซ์)นต&ลุ่ดลุ่ง ไม�ที่ราบสาเหตเป็�นที่��แน�ช�ด แต�อาจเก�ดจากว�าอาการช�กที่��ยั�งเป็�นอยั<�ที่1าให�เก�ดการช�กน1าจดช�กอ$�นเก�ดข2.น (kindling process)

Page 8: Epilepsy Syndromes

หร$อเก�ดจดช�กด�านที่��เป็�นเงาสะที่�อน (mirror foci) ระยัะเวลุ่าการช�กที่��นานม�โอกาสที่��จะที่1าเก�ด mirror foci ที่1าให�ลุ่ดการหายัช�กหลุ่�งผิ�าต�ดได�

การศั2กษาน�.ได�รวบรวมผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บการผิ�าต�ดเฉัพิาะ anterior temporal

lobectomy ระหว�างป็5 1996-2004 พิบว�าที่��ระยัะเวลุ่า 1 ป็5หลุ่�งผิ�าต�ด ผิ<�ป็@วยัที่��หายัช�กหร$อม�อาการช�ก <2 คร�.งต�อป็5 (Engel I, II) ม� 67% แลุ่ะระยัะเวลุ่าการช�กก�อนผิ�าต�ดเฉัลุ่��ยั 23 ป็5 (2.9-46.9 ป็5) พิบว�าไม�ม�ความแตกต�างของระยัะเวลุ่าการเป็�นลุ่มช�กในกลุ่�มที่��ม�ผิลุ่การผิ�าต�ดที่��ด� (22.4 ป็5) ก�บ กลุ่�มที่��ผิลุ่การผิ�าต�ดไม�ด� (24.2 ป็5) ในกลุ่�มที่��ม� good outcome จะม�ระยัะเวลุ่าการเป็�นโรคลุ่มช�กส�.นกว�าแต�ไม�ม�ความแตกต�างอยั�างม�น�ยัส1าค�ญ ค$อ ระยัะเวลุ่าที่��เป็�นโรคลุ่มช�ก <10

ป็5ม� 75%, 10-19 ป็5 71%, 20-29 ป็5 65%, 30-39 ป็5 62% 40-49 ป็5 60%, p=0.95)

โดยัสรป็จากการศั2กษาน�.ระยัะเวลุ่าที่��เป็�นโรคลุ่มช�กที่��นานไม�เป็�นข�อห�ามในการผิ�าต�ดโรคลุ่มช�ก ที่��มา: Lowe NM, Eldridge P, Varma T, Weishmann UC. The duration of temporal lobe epilepsy and seizure outcome after epilepsy surgery. Seizure 2010; 19:261-3.ป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&โรคลุ่มช�กควรผิ�าต�ดเส�นเลุ่$อดในสมองที่��ที่1าให�ช�ก

ม�ค1ากลุ่�าวที่��ว�า เลุ่$อดที่��ไหลุ่ในที่��สดก)จะหยัด แต�ในคนไข�เม$�อไม�ม�เลุ่$อดในร�างกายัในที่��สด“ ”

ก)ไม�ม�เลุ่$อดจะออก เช�นเด�ยัวก�บการผิ�าต�ดโรคลุ่มช�ก ถ�าเอาสมองออกอยั�างเพิ�ยังพิอ โรคลุ่มช�กก)จะ“

หยัด น��นเป็�นค1ากลุ่�าวในผิ<�ป็@วยัโรคลุ่มช�กที่��ได�ร�บการผิ�าต�ดแลุ่�วยั�งไม�หายัเน$�องจากยั�งเอาจดก1าเน�ด”

การช�กออกไม�เพิ�ยังพิอ Shwartz ได�ว�จารณ&ถ2งการศั2กษาการผิ�าต�ดเส�นเลุ่$อดผิ�ดป็กต�ในสมองที่��ต�พิ�มพิ&ในวารสาร J Neurosurgery 2009 ถ2งบที่บาที่ของป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&โรคลุ่มช�กในการผิ�าต�ดเส�นเลุ่$อดผิ�ดป็กต� cavernous malformation

การผิ�าต�ดเส�นเลุ่$อดผิ�ดป็กต� cavernous malformation ซ์2�งม�ที่�.งป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&โรคลุ่มช�ก (epilepsy neurosurgeons) แลุ่ะป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&โรคหลุ่อดเลุ่$อดสมอง (vascular neurosurgeons) โดยัที่��วไป็ vascular neurosurgeons จะที่1าการผิ�าต�ดพิวกเส�นเลุ่$อดโป็@งพิอง (Aneurysms), เส�นเลุ่$อดผิ�ดป็กต� (AVM) ม�กจะร< �ส2กว�าการผิ�าต�ด cavernous malformation จะอยั<�ในพิวกเด�ยัวก�น ถ2งแม�จะไม�ม� active blood flow ใน cavernous malformation

ป็7ญหาเก�ดเม$�อ cavernous malformation มาด�วยัเร$�องช�กซ์2�งพิบ 40-70% หร$อเม$�ออาการช�กด$.อต�อยัาก�นช�ก ซ์2�งพิบ 35-40% ในขณะที่��การผิ�าต�ดเอาพิยัาธุ�สภูาพิออก (lesionectomy) เพิ�ยังพิอต�อการร�กษาภูาวะเลุ่$อดออกแลุ่ะป็,องก�นการเก�ดเลุ่$อดออก แต�ว�ตถป็ระสงค&ของการผิ�าต�ด cavernous malformation ที่��มาด�วยัเร$�องช�กค$อการที่1าให�หายัช�ก ถ2งแม� vascular surgeon จะเถ�ยังว�าพิวกเขาพิยัายัามป็,องก�นการเก�ดเลุ่$อดออกในอนาคต แต�ในความเป็�นจร�ง ความเส��ยังของการเก�ดเลุ่$อดออกใน superficial cavernous

malformation ที่��ไม�เคยัม�เลุ่$อดออกอยั<�ที่�� 0.00-0.6% ต�อป็5การฝึBกอบรมแลุ่ะป็ระสบการณ& ป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&ที่��สามารถหยัดการช�กได�ค$อ ป็ระสาที่

ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&โรคลุ่มช�ก (epilepsy surgeons) อยั�างไรก)ตามยั�งม�ข�อถกเถ�ยังเก��ยัวก�บว�าการผิ�าต�ดตามสร�รว�ที่ยัา (tailored epilepsy surgery) โดยัใช� ECoG, functional

Page 9: Epilepsy Syndromes

mapping, Wada test, implant จ1าเป็�นหร$อไม�เม$�อเที่�ยับก�บการผิ�าต�ดตามกายัว�ภูาคหร$อ anatomic resection ถ�าผิ�าต�ดแบบหลุ่�งเพิ�ยังพิอ การผิ�าต�ดโดยั vascular surgeon ก)น�าจะเพิ�ยังพิอซ์2�งจร�งๆแลุ่�วอยั�างหลุ่�งการผิ�าต�ดโดยัป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&เน$.องอก (tumor surgeon)

น�าจะด�กว�า ด�งน�.นจ2งเป็�นที่��เร$�องที่��ม�ป็ระโยัชน&ส1าหร�บผิ<�ป็@วยัแลุ่ะป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&ลุ่มช�กในการต�ดส�นว�าการผิ�าต�ดโยักายัว�ภูาคไม�เพิ�ยังพิอ เพิราะว�าจะที่1าให�ผิลุ่การผิ�าต�ดไม�ด�เที่�าที่��ควร

ด�งน�.นรายังานจากวารสารต�างๆจ2งพิยัายัามที่��จะหาป็7จจ�ยัที่��ม�ผิลุ่ต�อผิลุ่การผิ�าต�ด เช�น ระยัะเวลุ่าการเป็�นโรคลุ่มช�ก ความถ��ของการช�ก ต1าแหน�งสมองด�านข�าง แลุ่ะการม�ช�กเกร)งกระตกร�วมด�วยั, ขนาดที่��ใหญ�, อายัน�อยัเม$�อผิ�าต�ด, ต1าแหน�งช�กหลุ่ายัจด, การผิ�าต�ดเอาออกหมด รวมถ2ง hemosiderin รอบๆ

ในรายังานของ Van Gompel การตรวจคลุ่$�นสมอง (Intraoperative ECoG) ในผิ<�ป็@วยัโรคลุ่มช�กสมองด�านข�าง ที่1าให�หายัช�ก (Engel I) 91%ที่��เวลุ่า 1 ป็5แลุ่ะ 83% เม$�อเวลุ่า 2 ป็5เม$�อเที่�ยับก�บการผิ�า lesionectomy อยั�างเด�ยัวม� Engel I 79% จากรายังานน�.แนวโน�มการร�กษาบางที่�อาจจะเป็ลุ่��ยันไป็โดยัควรจะค�ดว�า cavernous malformation ควรเป็�น epileptogenic lesion มากกว�า hemorrhagic vascular lesions แลุ่ะการร�กษาเพิ$�อจะที่1าให�หายัช�ก ยักเว�นแต�ว�าผิ<�ป็@วยัมาด�วยัอาการของเลุ่$อดออกหร$อต1าแหน�งอยั<�ที่�� posterior fossa,

brainstem ซ์2�งอาจใช�ยัที่ธุว�ธุ�ที่��ต�างออกไป็เพิราะว�าม�โอกาสเลุ่$อดออกมากกว�าแลุ่ะอยั<�ต1าแหน�งที่��เข�าถ2งลุ่1าบาก ซ์2�งหลุ่�กเด�ยัวก�นน�.อาจใช�ได�ก�บพิวกเน$.องอกแบบไม�ร�ายัแรงเช�น ganglioglioma,

DNET ซ์2�งผิ�าต�ดแบบ lesionectomy โดยั tumor surgeon ซ์2�งการผิ�าต�ดโดยั epilepsy

surgeon ม�โอกาสหายัมากกว�าโดยั oncologic lesionectomy surgery

ม�ค1ากลุ่�าวว�า “the enemy of the good is the better” เม$�อพิ<ดถ2งการหายัจากโรคลุ่มช�กหลุ่�งผิ�าต�ดสามารถน1าไป็ใช�ได�เช�นก�น แลุ่�วจะหาส��งที่��น�อยักว�าที่1าไมที่��มา: Schwartz T. Epilepsy Currents 2010; 10:59-60.

การผิ�าต�ดกระต�นสมองร�กษาโรคลุ่มช�กการกระต�นสมองเพิ$�อร�กษาโรคลุ่มช�กไม�ใช�เร$�องใหม� แต�การศั2กษาที่��เป็�นแบบ

randomized trial ไม�ม�มาก�อน ม�รายังานการศั2กษาแบบ multicenter ในป็ระเที่ศัสหร�ฐอเมร�กาแลุ่ะผิลุ่การศั2กษาที่��น�าสนใจในวารสาร Epilepsia เด$อนพิฤษภูาคม 2010

โดยัการศั2กษาน�.เป็�นการศั2กษาแบบ double-blind, randomized trial ในโรงพิยัาบาลุ่หลุ่ายัแห�งในสหร�ฐอเมร�กา โดยัการผิ�าต�ดฝึ7งเคร$�องกระต�นสมองที่��ต1าแหน�ง anterior

thalamus ในผิ<�ป็@วยัโรคลุ่มช�กแบบเฉัพิาะที่��จ1านวน 110 รายั ผิ<�ป็@วยัม�อาการช�กเฉัลุ่��ยั 19.5/เด$อน โดยัหลุ่�งผิ�าต�ดแบ�งผิ<�ป็@วยัเป็�น 2 กลุ่�ม กลุ่�มแรกไม�ได�ร�บการกระต�นเป็�นเวลุ่า 3 เด$อน (N=55) อ�กกลุ่�มได�ร�บการกระต�นเป็�นเวลุ่า 3 เด$อน (N=54) โดยัผิ<�ป็@วยัที่�.ง 2 กลุ่�มไม�ที่ราบว�าได�ร�บการกระต�นหร$อไม� หลุ่�งจากน�.นผิ<�ป็@วยัที่�.งหมดได�ร�บการกระต�นสมองต�.งแต�เด$อน 4-13 โดยัไม�ม�การป็ร�บยัา แลุ่ะหลุ่�งจากน�.นเป็�นการต�ดตามผิลุ่โดยัสามารถป็ร�บค�าต�างๆ ได�

ผิลุ่การศั2กษาพิบว�าในช�วงแรกที่��ผิ<�ป็@วยัไม�ที่ราบว�าได�ร�บการกระต�นหร$อไม� อาการช�กแบบ complex partial seizure ในกลุ่�มที่��ได�ร�บการกระต�นด�ข2.นกว�าในกลุ่�มที่��ไม�ได�ร�บการกระต�นอยั�างม�น�ยัส1าค�ญที่างสถ�ต� (36.3% vs 12.1%) อาการช�กแบบรนแรงด�ข2.น 40% ในกลุ่�มที่��ได�ร�บการก

Page 10: Epilepsy Syndromes

ระต�นเที่�ยับก�บกลุ่�มที่��ไม�ได�ร�บการกระต�น 20% ผิ<�ป็@วยัที่��ม�จดช�กในส�วน temporal lobe ม�ค�าเฉัลุ่��ยัการช�กลุ่ดลุ่ง 44.2% ในกลุ่�มที่��ได�ร�บการกระต�นเที่�ยับก�บกลุ่�มที่��ไม�ได�ร�บการกระต�น 21.8%

ในการต�ดตามการร�กษาระยัะยัาว 2 ป็5 ผิ<�ป็@วยัม�ค�าเฉัลุ่��ยัความถ��ของการช�กลุ่ดลุ่ง 56%

แลุ่ะผิ<�ป็@วยั 54% ม�จ1านวนช�กลุ่ดลุ่งอยั�างน�อยั 50% แลุ่ะผิ<�ป็@วยั 14 คนไม�ม�อาการช�กอยั�างน�อยั 6

เด$อนม�ผิ<�ป็@วยั 5 เส�ยัช�ว�ตระหว�างการศั2กษาแต�ไม�เก��ยัวก�บการผิ�าต�ดแลุ่ะการกระต�นผิลุ่การศั2กษาสรป็ว�าการกระต�นสมอง anterior thalamic ที่1าให�อาการช�กลุ่ดลุ่ง แลุ่ะ

ม�ภูาวะแที่รกซ์�อนการผิ�าต�ดน�อยั ม�ป็ระโยัชน&ในผิ<�ป็@วยัโรคลุ่มช�กเฉัพิาะที่�� ที่��ด$.อต�อยัาที่��มา :Fisher R, et al. Electrical stimulation of the anterior thalamic nucleus of thalamus for treatment of refractory epilepsy. Epilepsia 2010; 51:899-908.การผิ�าต�ดด�กว�าก�นยัาก�นช�ก

ในวารสาร Archive of neurology เด$อนธุ�นวาคม 2009 Van Ness จาก University of Texas Southwestern Medical Center ได�ว�จารณ&บที่ความเร$�องการผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กในผิ<�ป็@วยัที่��ด$.อต�อยัาก�นช�กของ Choi ที่��ต�พิ�มพิ&ใน JAMA 2008; 300:2497-2505.

Choi ได�ต�พิ�มพิ&บที่ความเร$�อง Epilepsy surgery for pharmacoresistant

temporal lobe epilepsy: a decision analysis โดยัที่1าการศั2กษาป็ระโยัชน&ของการผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กในผิ<�ป็@วยัที่��ด$.อต�อยัาก�นช�กก�บผิ<�ป็@วยัที่��ยั�งคงร�กษาด�วยัยัาก�นช�ก แลุ่ะเป็�ฯการศั2กษาโดยัใช� Monte Carlo model ผิลุ่การศั2กษาพิบว�าในผิ<�ป็@วยัที่��อายั 35 ป็5แลุ่ะม�จดก1าเน�ดการช�กที่�� temporal lobe การผิ�าต�ด anterior temporal resection จะช�วยัเพิ��ม survival 5 ป็5 (95% CI, 2.1-9.2) แลุ่ะเพิ��ม quality-adjusted life expectancy 7.5 quality-

adjusted life-years (95%, CI, -0.8-17.4) เน$�องจากการผิ�าต�ดที่1าให�เพิ��มป็5ที่��ม�ช�ว�ตโดยัไม�ม� disabling seizures ด�งน�.นจ2งไป็ลุ่ด seizure-related excess mortality แลุ่ะเพิ��มคณภูาพิช�ว�ต

Van Ness ได�ว�จารณ&ว�ายั�งคงต�องการข�อม<ลุ่หลุ่�งผิ�าต�ดจากศั<นยั&โรคลุ่มช�กที่��ที่1าการผิ�าต�ดมากว�า 20 ป็5หร$อมากกว�า นอกจากน�.ถ�าม�ยัาก�นช�กมห�ศัจรรยั&ที่��สามารถหยัด intractable

seizures ได� ผิลุ่การศั2กษาก)จะเป็ลุ่��ยัน แต�ก)ยั�งสงส�ยัว�าจะม�ยัาก�นช�กที่��สามารถแที่นที่��การผิ�าต�ดในผิ<�ป็@วยัที่��ด$.อต�อยัาก�นช�ก 2 ต�วหร$อมากกว�าหร$อไม�

ป็ระสาที่แพิที่ยั&ควรที่��จะส�งต�อผิ<�ป็@วยัไป็ยั�งที่��ที่��สามารถด<แลุ่ผิ<�ป็@วยัที่��ยั�งม�อาการช�กคงอยั<�หลุ่�งจากได�ร�กษาด�วยัยัาก�นช�ก เป็�นเวลุ่า 1 ป็5หร$อ ยัาก�นช�ก 2 ต�ว

การส�งต�อผิ<�ป็@วยัในระยัะเร��มแรกน�.เป็�นไป็ได�ยัากด�วยัหลุ่ายัเหตผิลุ่ ผิ<�ป็@วยัที่��อายัน�อยัม�กถ<กมองว�าส<ญเส�ยัสมรรถภูาพิน�อยัเม$�อเขายั�งม�อายัไม�มากพิอที่��จะข�บรถ, ที่1างาน, แต�งงาน แต�กลุ่ายัเป็�ฯส<ญเส�ยัสมรรถภูาพิไป็เม$�อม�นเป็�นที่��ป็ระจ�กษ&เม$�อไป็คาดหว�งต�อความช1านาญ(2nd GTC) อาจที่1าให� hippocampal atrophy มากข2.น แลุ่ะที่1าให�ความจ1าแยั�ลุ่ง, ม�ซ์2มเศัร�า, แลุ่ะโรคจ�ต แลุ่ะต�อมาต�องส�งต�อผิ<�ป็@วยั

ในการป็ระสบการณ&ของ Van Ness ผิ<�ป็@วยัม�กจะถ<กส�งต�อเม$�อเก�ดอบ�ต�เหต, ม� psychosocial morbidity, ไม�สามารถที่1าป็ระก�นได� แลุ่ะหมอที่��ด<แลุ่ผิ<�ป็@วยัไม�มารถด<แลุ่ผิ<�ป็@วยัต�อ

Page 11: Epilepsy Syndromes

เพิราะว�าไม�ม�ป็ระก�น เม$�อไม�ม�ฐานะการเง�นข�.นพิ$.นฐานจ2งไม�เป็�นเวลุ่าที่��เหมาะสมที่��จะไป็ที่1าการป็ระเม�นก�อนผิ�าต�ดอยั�างลุ่ะเอ�ยัด โรงพิยัาบาลุ่บางแห�งไม�สามารถให�บร�การไป็ยั�งศั<นยั&ลุ่มช�ก แลุ่ะอาจต�องใช�เวลุ่านานกว�าจะได�การร�บรองว�าส<ญเส�ยัสมรรถภูาพิจากส1าน�กงานป็ระก�นส�งคม หร$อ Medicare

อ�กป็7จจ�ยัที่��ที่1าให�การส�งผิ<�ป็@วยัช�าค$อ การรายังานการช�กน�อยักว�าความจร�งเพิ$�อที่��จะได�สามารถข�บรถ ที่1างานได� บางที่�ก)ไม�ได�ตระหน�กถ2งอาการช�ก หร$อแพิที่ยั&อาจค�ดว�ายัอมร�บได�ถ�าผิ<�ป็@วยัม� complex partial seizures แลุ่ะไม�ว�น�จฉั�ยัว�าเป็�น intractable epilepsy

นอกจากน�.เราควรที่1าอยั�างไรในผิ<�ป็@วยัที่��ด$.อยัาก�นช�กแลุ่�วไม�ได�ผิ�าต�ด ที่�� University

of Texas Southwestern Medical Center ม�ผิ<�ป็@วยันอนในโรงพิยัาบาลุ่ป็ระมาณ 1000

คนในป็5 2008 แต�ม�การผิ�าต�ดโรคลุ่มช�ก 61 รายั ที่1าไมถ2งม�การผิ�าต�ดน�อยั แลุ่ะการศั2กษาที่างระบาดว�ที่ยัาใน MTLE ควรจะม�ผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บการผิ�าต�ดมากกว�าน�.

ที่�� U Texas Sothwestern Center ม�ผิ<�ป็@วยั 25% ที่��เป็�น psychogenic

nonepileptic seizures, 25% ไม�ช�กหลุ่�งจากเข�ามา monitor ที่��เหลุ่$อบางรายัไม�สามารถผิ�าต�ดได� หร$อบางรายัมา monitor เพิ$�อยั$นยั�นการว�น�จฉั�ยั บางรายัที่��เป็�นการช�กเฉัพิาะที่��ก)ไม�สามารถบอกข�างหร$อ ไม�สามารถบอกจดช�กได�เม$�อใช�เที่คโนโลุ่ยั�ในป็7จจบ�น บางรายัป็ฏิ�เสธุที่��จะที่1า invasive monitoring บางรายัยัาก�นช�กต�วสดที่�ายัที่1าให�อาการช�กลุ่ดลุ่งมาก

ป็7ญหาใหญ�ในการผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กโดยัเฉัพิาะ MTLE (Mesial temporal lobe

epilepsy) ยั�งคงเป็�นเร$�องการส�งต�อผิ<�ป็@วยัไป็ยั�งศั<นยั&โรคลุ่มช�กในระยัะเร��มแรก ถ2งแม�ผิ<�ป็@วยัอาจไม�ได�ร�บการผิ�าต�ด แต�อาจม�โอกาสได�ร�บการร�กษา ได�ยัาก�นช�กต�วใหม�ที่��ด�กว�า หร$อได�ร�บการศั2กษาแลุ่ะจ�ดการ epilepsy comorbidities

ที่��มา:Van Ness. Surgery is the best option for intractable unilateral mesial temporal epilepsy. Arch Neurol 2009; 66:1554-6.การผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กป็ลุ่อดภู�ยัจร�งหร$อ?

การผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กป็ลุ่อดภู�ยัแค�ไหน เน$�องจากการผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กต�างจากการผิ�าต�ดที่างศั�ลุ่ยักรรมป็ระสาที่อ$�นๆ เพิราะว�าเป็�นการผิ�าต�ดสมองหร$อต�ดกระแสไฟฟ,าในสมองที่��ป็กต�ซ์2�งอาจที่1าให�ม�ภูาวะแที่รกซ์�อนที่างด�านพิฤต�กรรม ความค�ด ด�งน�.นผิ<�ป็@วยัอาจต�องการการว�น�จฉั�ยัเพิ$�อหาข�างแลุ่ะต1าแหน�งของสมองที่��จะผิ�าต�ด ซ์2�งอาจเก�ดภูาวะแที่รกซ์�อนได� ด�งน�.นผิ<�ป็@วยัแลุ่ะญาต�ควรได�ร�บข�อม<ลุ่จากศั�ลุ่ยัแพิที่ยั& ในวารสาร Journal of neurosurgery เด$อนม�ถนายัน 2009 ได�รายังานภูาวะแที่รกซ์�อนในการผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กน�.

ในรายังานน�.เป็�นการรวบรวมผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บการผิ�าต�ดที่�� Montreal Neurological

Institute, Canada โดยัเป็�นการรวบรวมการผิ�าต�ดร�กษาโรคลุ่มช�กโดยัป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&ที่�านเด�ยัว (Andre Olivier) ต�.งแต�ค.ศั.1976-2006 โดยัได�ที่1าการผิ�าต�ดผิ<�ป็@วยัที่�.งหมด 491 รายัที่��ได�ร�บการใส�ข� .วไฟฟ,าในสมอง (invasive montiroing) โดยัว�ธุ� stereoEEG ที่�.งส�.น 6415 อ�เลุ่คโตรด แลุ่ะที่1าการผิ�าต�ดลุ่มช�ก 1905 รายัรวม 2449 การผิ�าต�ด

ผิลุ่การศั2กษาที่��รวบรวมไม�ม�ผิ<�ป็@วยัเส�ยัช�ว�ตเลุ่ยั ในการใส�ข� .วไฟฟ,าในสมองม�การต�ดเช$.อ 1.8%, เลุ่$อดออกในสมอง 0.8% ภูาวะแที่รกซ์�อนที่��เก�ดม�ความส�มพิ�นธุ&ก�บจ1านวนอ�เลุ่คโตรดที่��ใส�แลุ่ะจ1านวนกลุ่�บสมองที่��ใส�ครอบคลุ่ม โดยัสมองส�วนหน�า (frontal lobe) ความเส��ยังมากที่��สดในการเก�ด

 

Page 12: Epilepsy Syndromes

เลุ่$อดออกในการผิ�าต�ดลุ่มช�ก ไม�ม�ภูาวะแที่รกซ์�อนร�ายัแรงเก�ดข2.น ส�วนมากเป็�นภูาวะแที่รกซ์�อนไม�

รนแรง โดยัพิบการต�ดเช$.อ 1%, เลุ่$อดออกในสมอง 0.7% ความเส��ยังเก�ดในรายัที่��ต�องที่1าการผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กซ์1.า ผิ<�ป็@วยัอายัมาก อ$�นๆที่��พิบได�แก� ม�ไข� เส�นเลุ่$อดด1าที่��ขาอดต�น เยั$�อห�มสมองอ�กเสบแบบไม�ม�เช$.อ

ส�วนภูาวะแที่รกซ์�อนที่างระบบป็ระสาที่พิบได� 3.3% ที่��พิบบ�อยัค$อแขนขาอ�อนแรงคร2�งซ์�ก (1.5%) โดยัในรายัที่��ม�ภูาวะแที่รกซ์�อนที่างระบบป็ระสาที่แลุ่ะหายัภูายัใน 1 ป็5ม� 2.7% ส�วนที่��เป็�นถาวรม� 0.5% พิบมากเม$�อที่1าการต�ดสมองหลุ่ายักลุ่�บ (multilobar resections)> corpus callosotomy> extratemporal resections> temporal resections

ในรายังานน�.เป็�นรายังานที่��มาจากป็ระสบการณ&ของศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&เพิ�ยัง 1 ที่�านที่1าให�รายัผิลุ่การผิ�าต�ดไม�ม�ป็7จจ�ยัที่��แตกต�างก�นในด�านสถาบ�น, ป็ระสบการณ&ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&มาเก��ยัวข�อง นอกจากน�.เที่คน�คการใส�ข� .วไฟฟ,าในสถาบ�นน�.น�ยัมการที่1า stereoEEG ซ์2�งต�างจากบางแห�งที่��ม�กใส�แบบ subdural strip หร$อ grid electrode แต�ก)ม�ภูาวะเลุ่$อดออกน�อยั แต�ในรายังานน�.ผิ<�ป็@วยัส�วนมากน�าจะเป็�นผิ<�ใหญ� แลุ่ะไม�ม�การผิ�าต�ด hemispherectomy ซ์2�งเป็�นการผิ�าต�ดที่��น�าจะม�ภูาวะแที่รกซ์�อนมากกว�า แต�อยั�างไรก)ตาม พิบว�าการผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กม�ความเส��ยังที่��ต1�าโดยัเฉัพิาะในม$อศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&ที่��ม�ป็ระสบการณ&

ในป็ระสบการณ&ผิ<�เข�ยันเว)บ จากการผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กเก$อบ 400 รายัพิบว�าไม�ม�อ�ตราตายัเช�นก�น ส�วนภูาวะแที่รกซ์�อนจากการผิ�าต�ดแลุ่ะที่างระบบป็ระสาที่ก)พิบว�าม�ต1�าเช�นก�น การผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กจ2งม�ป็ระโยัชน&แลุ่ะค�มค�าเม$�อเที่�ยับก�บการร�บป็ระที่านยัาก�นช�กเม$�อม�อาการด$.อยัาก�นช�ก ยัาก�นช�กในการผิ�าต�ดสมอง PHT หร$อ LEV

อาการช�กหลุ่�งผิ�าต�ดสมองระยัะแรกเป็�นเหตการณ&ที่��เก�ดข2.นได�ป็ระมาณ 15-20% แต�ข2.นก�บพิยัาธุ�สภูาพิแลุ่ะชน�ดของการผิ�าต�ด ในแนวที่างการใช�ยัาก�นช�กของสมาคมป็ระสาที่อเมร�กาในผิ<�ป็@วยัอบ�ต�เหตบาดเจ)บที่��ศั�รษะลุ่ะผิ�าต�ดเน$.องอกในสมองแนะน1าให�หยัดยัาก�นช�กหลุ่�ง 1 ส�ป็ดาห&หลุ่�งผิ�าต�ดหร$อบาดเจ)บ แต�ไม�ม�การแนะน1าในสภูาวะอ$�นแลุ่ะแนวที่างที่��ม�อาจไม�ได�ใช�หร$อใช�แตกต�างก�นในที่างคลุ่�น�ก นอกจากน�.ม�บางรายังานพิบว�าการให�ยัาก�นช�กป็,องก�นเป็�นป็ระจ1าไม�ม�ป็ระโยัชน&ในการลุ่ดอาการช�ก

การป็,องก�นการช�กในผิ<�ป็@วยัที่��ม�ความเส��ยังม�เหตผิลุ่ด�แต�ต�องอยั<�ในเหตผิลุ่ที่��ภูาวะแที่รกซ์�อนจากการใช�ยัาน�อยักว�าโอกาสที่��จะม�อ�นตรายัจากการช�ก ในการผิ�าต�ดสมองการช�กเพิ�ยัง 1

คร�.งหลุ่�งผิ�าต�ดอาจเป็�นอ�นตรายัเพิราะที่1าให�ความด�นในกะโหลุ่กศั�รษะส<ง ยัาก�นช�กที่��ใช�ป็,องก�นที่��ม�ค$อ phenytoin, Phenobarbital, valproate, carbamazepine, zonizamide, oxcarbazepine แต�ม�หลุ่�กฐานจ1านวนน�อยัที่��พิบว�ายัาสามารถป็,องก�นแลุ่ะสามารถที่1าให�ไม�เก�ดจดช�กได� (antiepileptogenic)

ในที่างป็ฏิ�บ�ต�ป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&จ2งน�ยัมให� phenytoin (PHT) ป็,องก�นหลุ่�งผิ�าต�ด แต�ป็7ญหาที่��พิบบ�อยัค$อ phenytoin ม�กที่1าให�เก�ดอาการไม�พิ2งป็ระสงค&เช�น แพิ�ยัา, ผิ$�นค�น, ผิ�วหน�งไหม�หร$อเน$.อตายัเม$�อยัาออกมานอกเส�นเลุ่$อด ยัา levetiracetam (LEV) เป็�นยัาก�นช�กที่��เร��มน1ามาใช�ป็,องก�นการช�กในที่างป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัศัาสตร& ยัา LEV ม�ผิลุ่ข�างเค�ยังน�อยั ม�เภูส�ชจลุ่นศัาสตร&ที่��ตรงไป็ตรงมา แลุ่ะม�ในร<ป็แบบฉั�ด (ในป็ระเที่ศัไที่ยัยั�งไม�ม�) ซ์2�งจากลุ่�กษณะของยัา LEV ที่��ม�ผิลุ่ข�างเค�ยังไม�

Page 13: Epilepsy Syndromes

มากที่1าให�ป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&น1ามาใช�เพิ��มข2.นหลุ่�งผิ�าต�ด แต�ข�อม<ลุ่เก��ยัวก�บป็ระส�ที่ธุ�ภูาพิยั�งม�น�อยัในการใช�ลุ่�กษณะน�.

Milligan TA แลุ่ะคณะ (1) ได�ศั2กษายั�อนหลุ่�งในการใช�ยัา PHT เที่�ยับก�บ LVT ในการป็,องก�นอาการช�กหลุ่�งผิ�าต�ดสมอง พิบว�าม�ผิ<�ป็@วยั 1/105 รายัที่��ได�ยัา LEV แลุ่ะ ผิ<�ป็@วยั 9/210 รายัที่��ได� PHT ม�อาการช�กภูายัใน 7 ว�นหลุ่�งผิ�าต�ด (p=0.17) ม�ผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บ PHT ม�อาการช�กระยัะแรกมากกว�าผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บ LEV เลุ่)กน�อยั; ในผิ<�ป็@วยั primary brain tumor ม�ผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บ PHT ม�อาการช�กระยัะแรกมากกว�าผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บ LEV เลุ่)กน�อยั (3.6% vs 2.3%); ในผิ<�ป็@วยัที่��ไม�ใช�เน$.องอกในสมอง ม�ผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บ PHT ม�อาการช�กระยัะแรกมากกว�าผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บ LEV เลุ่)กน�อยั (4.6% vs 0%)

ภูาวะไม�พิ2งป็ระสงค&ที่��ที่1าให�ต�องเป็ลุ่��ยันการร�กษาในโรงพิยัาบาลุ่เก�ดใน 1/105 ของผิ<�ป็@วยัที่��ได� LEV แลุ่ะ 38/210 ในผิ<�ป็@วยัที่��ได� PHT; แลุ่ะจากการต�ดตามเป็�นเวลุ่า 12 เด$อน 11/42 (26%)

ผิ<�ป็@วยัที่��ได� LEV vs 42/117 (36%) ผิ<�ป็@วยัที่��ได� PHT เก�ดเป็�นโรคลุ่มช�ก (p=0.34); 64% ของผิ<�ป็@วยัยั�งคงใช� LEV ขณะที่�� 26% ผิ<�ป็@วยัยั�งคงใช� PHT (p=0.03)

ซ์2�งผิ<�ศั2กษาได�สรป็ว�าที่�.ง LEV แลุ่ะ PHT ม�ความเส��ยังต�อการช�กหลุ่�งผิ�าต�ดน�อยั แลุ่ะความเส��ยังต�อการช�กระยัะหลุ่�งป็านกลุ่าง LEV ที่1าให�เก�ดอาการไม�พิ2งป็ระสงค&ระยัะแรกน�อยักว�า PHT

แลุ่ะม�การใช�ยัาต�อไป็ที่��ส<งกว�าในผิ<�ป็@วยัที่��เก�ดโรคลุ่มช�กที่��ระยัะเวลุ่า 1 ป็5Fountain (2) ได�ว�จารณ&ว�าการศั2กษาน�.เป็�นการศั2กษายั�อนหลุ่�ง แลุ่ะผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บยัา

PHT ม�อายัเฉัลุ่��ยัส<งกว�า ม� primary brain tumor น�อยักว�าแลุ่ะส�ดส�วนที่��ม�อาการช�กก�อนผิ�าต�ดน�อยักว�าที่1าให�ผิลุ่การศั2กษาอาจเบ��ยังเบนได� จ1าเป็�นต�องม�การศั2กษาแบบ case-control design

เที่�ยับระหว�าง LEV ก�บ PHT แต�อยั�างไรก)ตามการศั2กษาน�.ได�รายังานป็ระโยัชน&ที่างคลุ่�น�กของ LEV ว�าสามารถใช�แลุ่ะ better tolerated กว�า PHT ในการใช� prophylaxis ในการผิ�าต�ดสมองที่��มา:

1. Milligan TA, Hurwitz M, Bromfield EB. Efficacy and tolerability of levetiracetam versus phentoin after supratentorial neurosurgery. Neurology 208; 71:665-9.

2. Fountain NB. Should levetiracetam replace phenytoin for seizure prophylaxis after neurosurgery? Epilepsy currents 2009; 9:71-2.การผิ�าต�ด cavernoma ด�วยั intraop ECoG

การผิ�าต�ด cavernoma เพิ$�อร�กษาโรคลุ่มช�กเป็�นที่��ถกเถ�ยังก�นมานานว�าการผิ�าต�ดเฉัพิาะ cavernoma แลุ่ะ hemosiderin รอบๆ ก�บการใช� intraoperative

electrocorticography (ECoG) เพิ$�อด<คลุ่$�นสมองบนผิ�วสมองช�วยัในการผิ�าต�ด อยั�างไหนจะม�ผิลุ่การผิ�าต�ดให�หายัช�กด�กว�าก�น ในวารสาร J neurosurgery ฉับ�บบกมภูาพิ�นธุ& โดยั Van Gompel J.

แลุ่ะคณะได�ศั2กษาเป็ร�ยับเที่�ยับการผิ�าต�ด cavernoma ด�วยัว�ธุ�ที่�.งสองเป็ร�ยับเที่�ยับก�นโดยัเป็�นการศั2กษายั�อนหลุ่�งในผิ<�ป็@วยั cavernoma ที่��เมโยัคลุ่�น�กระหว�างป็5 1971-

2006 โดยัม�ผิ<�ป็@วยั temporal cavernoma 61 รายั ต1าแหน�งที่��พิบ mesial temporal lobe

35 รายัแลุ่ะ neocortical 26 รายั พิบว�าผิลุ่การผิ�าต�ด cavernoma ในต1าแหน�ง temporal แลุ่ะ extratemporal ไม�แตกต�างก�น โดยัม�ผิ<�ป็@วยัหายัช�ก 88% (Engel I)

Page 14: Epilepsy Syndromes

ในผิ<�ป็@วยั temporal lobe cavernoma ที่��ใช� intraoperative ECoG ช�วยัในการผิ�าต�ดม�กจะม�การต�ดที่��กว�างขวางกว�าการที่1า lesionectomy แลุ่ะแนวโน�มที่��จ1านวนผิ<�ป็@วยัหายัจากการช�กมากกว�า แต�ไม�ม�น�ยัส1าค�ญที่างสถ�ต� กลุ่�าวค$อจ1านวนผิ<�ป็@วยัที่��หายัช�กที่�� 6 เด$อน, 1 ป็5 แลุ่ะ 2

ป็5ใน lesionectomy 79%, 77%, 79% vs EcoG guided resection 91%, 90%, 83%

ด�งน�.นข�อม<ลุ่ด�งกลุ่�าวสน�บสนนว�าการผิ�าต�ด intraoperative ECoG ม�ส�วนช�วยัเพิ��มการม�โอกาสหายัช�ก แต�จ1าเป็�นต�องช��งก�บความเส��ยังในรายัที่��ต�องต�ดเน$.อสมองที่��กว�าง โดยัเฉัพิาะในสมองข�างเด�นป็ระว�ต�การผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กป็ระเที่ศัไที่ยัป็ระว�ต�การผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กในป็ระเที่ศัไที่ยัอาจแบ�งออกได�เป็�น 3 ช�วงใหญ�ๆกลุ่�าวค$อ               ช่�วิงแรก (2505-2539) ในช�วงน�.เป็�นการเร��มต�นของการก�อต�.งป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัศัาสตร&ในป็ระเที่ศัไที่ยัโดยัป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&ร �นบกเบ�กเช�น ศั.นพิ.จร�ส สวรรณเวลุ่า, ศั.นพิ.ส�ระ บณยัร�ตเวช,

ศั.นพิ.ร �งธุรรม ลุ่�ดพิลุ่� การผิ�าต�ดสมองส�วนใหญ�เป็�นการผิ�าต�ดเพิ$อร�กษาโรค การผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กเป็�นการผิ�าต�ดโรคที่��ที่1าให�เก�ดอาการช�กเช�น อบ�ต�เหต, เน$.องอก, ฝึ5ในสมอง, พิยัาธุ�ในสมอง การตรวจว�น�จฉั�ยัโรคยั�งไม�ก�าวหน�ามากเช�นป็7จจบ�น โดยัในช�วงแรกการหาต1าแหน�งรอยัโรคใช�การตรวจเช�น ventriculography, pneumoencephalography, angiography แลุ่ะต�อมาม�การใช� CT

scan ที่1าให�เห)นการว�น�จฉั�ยัโรคด�ข2.น การผิ�าต�ดร�กษาโรคลุ่มช�กที่��ม�บ�นที่2กไว�เช�น hemispherectomy ม�การผิ�าต�ดคร�.งแรกโดยั ศั.นพิ. ส�ระ บณยัร�ตเวชในผิ<�ป็@วยั Sturge-Weber

syndrome, ม�การผิ�าต�ดอ$�นๆเช�น stereotactic amygdalotomy

                ช่�วิงที่��สอง (2540-2546) ในช�วงเวลุ่าน�.ม�แพิที่ยั&ร �นใหม�ที่��ม�ความสนใจด�านโรคลุ่มช�กแลุ่ะได�ศั2กษาเฉัพิาะที่างด�านโรคลุ่มช�กได�กลุ่�บมาจากต�างป็ระเที่ศั ม�การก�อต�.งคลุ่�น�กร�กษาโรคลุ่มช�กแบบครบวงจรคร�.งแรกในป็ระเที่ศัไที่ยัที่��โรงพิยัาบาลุ่จฬาลุ่งกรณ& การตรวจว�น�จฉั�ยัโรคด�ข2.นม�การตรวจหาสาเหตโรคลุ่มช�กด�วยั MRI ที่1าให�หาสาเหตของโรคลุ่มช�กได�ด�ข2.น, ม�การก�อต�.งการตรวจคลุ่$�นสมอง 24 ช��วโมงเพิ$�อหาสาเหตการช�ก, ม�การพิ�ฒนาการที่ดสอบวาดาส1าหร�บคนไที่ยัโดยัเฉัพิาะ, ม�การตรวจ SPECT scan, เร��มม�การผิ�าต�ดร�กษาโรคลุ่มช�กที่��ด$.อต�อยัาเช�น hippocampal sclerosis,

tumor การผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กที่��ม�ผิ�าต�ดในช�วงน�.เช�น temporal lobectomy, lesionectomy, hypothalamic hamartoma                ช่�วิงที่��สาม (2547- ปั�จจ�บันิ) ในช�วงน�.ม�การพิ�ฒนาการผิ�าต�ดร�กษาโรคลุ่มช�กที่��ก�าวหน�ามากข2.นม�ป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&ที่��ศั2กษาการผิ�าต�ดที่างด�านโรคลุ่มช�กจากต�างป็ระเที่ศัในป็ระเที่ศัไที่ยัมากข2.นม�การพิ�ฒนาการผิ�าต�ดมากข2.นเช�นการผิ�าต�ด hemispherectomy, extratemporal lobectomy, multilobar resection, vagal nerve stimulation, , multiple subpial transection, การที่1า invasive monitoring นอกจากน�.การตรวจว�น�จฉั�ยัก)ม�การใช� PET scan,

fMRI ใช�ในการตรวจว�น�จฉั�ยั จนกลุ่�าวได�ว�าการผิ�าต�ดร�กษาโรคลุ่มช�กในป็ระเที่ศัไที่ยัได�เจร�ญก�าวหน�าที่�ดเที่�ยัมก�บป็ระเที่ศัที่างตะว�นตกแลุ่ะผิลุ่การร�กษาก)ไม�ต�างก�น(รายละเอ�ยดหาอ�านิได$จากหนิงส%อ Text book of epilepsy 2008 (Luders,editor)

chapter 19: Epilepsy surgery inThailand โดย T Srikijvilaikul, C Locharernkul, A Boongird) การเลุ่$อกผิ<�ป็@วยัก�อนผิ�าต�ด

การเลุ่$อกผิ<�ป็@วยัมาผิ�าต�ดเพิ$�อร�กษาโรคลุ่มช�กควรพิ�จารณาในคนไข�ที่��ด$.อต�อยัาก�นช�ก

Page 15: Epilepsy Syndromes

เพิราะว�าคนไข�ที่��ควบคมอาการช�กไม�ได�ม�อ�ตราตายัมากกว�าคนที่��วไป็แลุ่ะที่1าให�ความจ1า ภูาวะที่างส�งคมม�ป็7ญหา ถ2งแม�ค1าว�าด$.อยัาจะยั�งไม�เป็�นที่��ตกลุ่งก�นว�าขนาดไหนค$อด$.อยัา แต�โดยัที่��วไป็เราด<ว�าถ�าคนไข�ด$.อต�อยัาร�กษาโรคลุ่มช�กมาตรฐาน 2 ต�วที่��ใช�ร�กษาด�วยัยัาต�วเด�ยัวหร$อ ใช�ยัาก�นช�กต�วเด�ยัวหน2�งคร�.งแลุ่ะยัาก�นช�กร�วมอ�กคร�.งไม�ได�ผิลุ่ ก)ควรที่��จะส�งต�อไป็ยั�งศั<นยั&ร�กษาโรคลุ่มช�กที่��สามารถผิ�าต�ดร�กษาโรคลุ่มช�กได�                         ในเด)กที่��ม�ช�กมากควรร�บส�งต�อเน$�องจากการผิ�าต�ดร�กษาที่��เร)วช�วยัลุ่ดโอกาสความพิ�การที่างส�งคม แลุ่ะพิ�ฒนาการได� ส�วนมากการป็ระเม�นคนไข�แต�ลุ่ะรายัจะด<เป็�นรายัๆไป็ นอกจากน�.คนไข�แลุ่ะครอบคร�วจ1าเป็�นต�องร�บร< �แลุ่ะเข�าใจว�าอาการช�กขณะน�.รนแรงที่�.งๆที่��ร �กษาด�วยัยัาที่��เหมาะสม แลุ่ะป็ร2กษาก�บแพิที่ยั&ถ2งความคาดหว�งในการผิ�าต�ดร�กษา เพิ$�อช�วยัในการต�ดส�นใจการป็ระเม�นก�อนผิ�าต�ดการป็ระเม�นผิ<�ป็@วยัก�อนผิ�าต�ดหร$อ presurgical evaluation เป็�นข�.นตอนที่��เตร�ยัมข�อม<ลุ่คนไข� เพิ$�อที่��จะหา epileptogenic zone หร$อขอบเขตของจดก1าเน�ดการช�ก แบ�งเป็�นข�.นตอนด�งน�.                                                ขั้'นิตัอนิที่�� 1

                                        การซ์�กป็ระว�ต� ตรวจร�างกายัเหม$อนในผิ<�ป็@วยัที่างระบบป็ระสาที่ แต�ต�องซ์�กรายัลุ่ะเอ�ยัดเก��ยัวก�บป็ระว�ต�การช�ก ชน�ดของการช�ก ป็ระว�ต�อ$�นๆที่��อาจม�ส�วนที่1าให�เก�ดอาการช�กเช�นอบ�ต�เหต ป็ระว�ต�ครอบคร�ว การผิ�าต�ดสมอง ป็ระว�ต�การใช�ยัาก�นช�กแลุ่ะผิลุ่ข�างเค�ยัง                                        การตรวจคลุ่$�นสมองที่��วไป็ (Routine EEG) ที่1าเป็�นแบบคนไข�นอก                                        การตรวจสมอง 24 ช��วโมง (24-hour video-EEG

monitoring) ผิ<�ป็@วยัต�องเข�ามานอนในห�องครวจคลุ่$�นสมอง ซ์2�งจะม�กลุ่�องว�ด�โอจ�บภูาพิตลุ่อด 24

ช��วโมงแลุ่ะต�ดข�.วไฟฟ,าที่��หน�งศั�รษะตลุ่อดเวลุ่าเพิ$�อด<คลุ่$�นสมองขณะที่��ไม�ช�กแลุ่ะขณะช�กแลุ่ะด<ภูาพิลุ่�กษณะการช�กเป็ร�ยับเที่�ยับก�บคลุ่$�นสมอง ม�กจะต�องลุ่ดยัาก�นช�กขณะที่1าเพิ$�อให�ผิ<�ป็@วยัม�อาการช�ก โดยัที่��วๆไป็ต�องนอนโรงพิยัาบาลุ่ป็ระมาณ 1 อาที่�ตยั&ข2.นก�บข�อม<ลุ่ที่��ได� โดยัที่��วไป็แพิที่ยั&ต�องการด<อาการช�กป็ระมาณ 3-5 คร�.ง บางคร�.งอาจที่1าการตรวจ SPECT ระหว�างอยั<�โรงพิยัาบาลุ่ด�วยั                                       การตรวจคลุ่$�นแม�เหลุ่)กไฟฟ,าสมอง (MRI) เป็�นการตรวจเพิ$�อด<ภูาพิสมองอยั�างลุ่ะเอ�ยัดซ์2�งเป็�นมาตรฐานในป็7จจบ�น ส�วนมากเราไม�ที่1าเอกซ์&เรยั&คอมพิ�วเตอร&เน$�องจากภูาพิที่��ได�ไม�ลุ่ะเอ�ยัดพิอ การตรวจแม�เหลุ่)กไฟฟ,าส1าหร�บโรคลุ่มช�กต�องต�ดภูาพิลุ่ะเอ�ยัดอยั�างน�อยั 2 ม�ลุ่ลุ่�เมตรเพิ$�อจะได�เห)นควมผิ�ดป็กต�ได�ด�แลุ่ะต�องที่1าภูาพิเที่คน�ค  FLAIR (Fluid attenuated inverson

recovery)  เน$�องจากความผิ�ดป็กต�เพิ�ยังเลุ่)กน�อยัจะเห)นได�ช�ดในการตรวจแบบน�.                                       PET scan เพิ$�อด<ความผิ�ดป็กต�ของเมตาบอลุ่�สมขณะที่��ผิ<�ป็@วยัไม�ช�ก ที่��ใช�ก�นที่��วๆไป็ค$อ fluorodeoxy glucose ในรายัที่��ม�เมตาอลุ่�สมต1�าบร�เวณใดของสมองเช$�อว�าม�ความส�มพิ�นธุ&ก�บจดก1าเน�ดการช�ก ม�ป็ระโยัชน&ในรายั temporal lobe epilepsy

                                      SPECT เป็�นการฉั�ดสารก�มม�นตร�งส�ขณะที่��ผิ<�ป็@วยัช�ก ในขณะที่��ม�อาการช�กจะม�เลุ่$อดไป็เลุ่�.ยังบร�เวณที่��เป็�นจดก1าเน�ดการช�กมาก การฉั�ดต�องฉั�ดด�วยัความรวดเร)ว จ1าเป็�นต�องม�พิยัาบาลุ่ที่��ด<แลุ่ที่��สามารถตรวจพิบอาการช�กได�ที่�นที่�วงที่�แลุ่ะฉั�ดภูายัในไม�เก�น 20 ว�นาที่�ของการช�กเพิ$�อให�ได�ข�อม<ลุ่ที่��แน�นอน แลุ่�วน1าผิ<�ป็@วยัไป็ถ�ายัภูาพิด�วยัเอกซ์&เรยั&คอมพิ�วเตอร&

Page 16: Epilepsy Syndromes

                                     Functional MRI เป็�นการตรวจด�วยัแม�เหลุ่)กไฟฟ,าแต�เป็�นการหาต1าแหน�งสมองที่��ที่1าหน�าที่�� แลุ่�วแต�ว�าจะตรวจหาอะไรเช�นหาสมองที่��ควบคมการเคลุ่$�นไหวก)อาจให�คนไข�เคลุ่$�อนไหวม$อ หร$อด<สมองเก��ยัวก�บภูาษาก)ให�คนไข�พิ<ด อ�านหน�งส$อ ข�อด�ค$อเป็�นว�ธุ�ที่��ไม�เจ)บต�วแต�ความจ1าเพิาะของภูาพิที่��ได�อาจไม�ด�เที่�าการตรวจด�วยัการกระต�นสมองโดยัตรง นอกจากน�.ป็7จจบ�นม�การตรวจคลุ่$�นสมองด�วยัแม�เหลุ่)กไฟฟ,าหร$อ fMRI-EEG เพิ$�อด<คลุ่$�นสมองที่��ผิ�ดป็กต�ว�ามาจากสมองตรงต1าแหน�งใด                                    การที่ดสอบจ�ตป็ระสาที่ เพิ$�อด<ว�าผิ<�ป็@วยัม�ป็7ญหาที่างด�านจ�ตใจหร$อไม�เน$�องจากบางส�วนของคนไข�เม$�อที่ดสอบจะพิบความผิ�ดป็กต�ได� นอกจากน�.ยั�งม�ารที่ดสอบสต�ป็7ญญา ความจ1ารวมถ2งที่ดสอบด<ว�าจดก1าเน�ดการช�กว�าน�าจะม�ความบกพิร�องสมองส�วนใด การผิ�าต�ดม�โอกาสที่1าให�เก�ดการส<ญเส�ยัที่างด�านใดได�บ�าง การตรวจโดยัลุ่ะเอ�ยัดจ1าเป็�นต�องใช�ผิ<�เช��ยัวชาญที่างด�านน�.โดยัเฉัพิาะแลุ่ะช1านาญด�านโรคลุ่มช�ก ซ์2�งในป็ระเที่ศัไที่ยัหาได�ยัาก                           ขั้'นิตัอนิที่�� 2    

                                       หลุ่�งจากได�ข�อม<ลุ่จากข�.นตอนที่�� 1 แพิที่ยั&จะป็ระชมเพิ$�อสรป็ว�าผิ<�ป็@วยัสามารถผิ�าต�ดได�หร$อไม� หร$อข�อม<ลุ่ที่��ได�ยั�งไม�เพิ�ยังพิอ อาจต�องที่1าการตรวจเพิ��มข2.น ในข�.นตอนที่�� 2 น�.ได�แก�การที่ดสอบสมองเด�นด�านภูาษาแลุ่ะความจ1าโดยัการที่ดสอบที่��เร�ยักว�า Wada test หร$อ Intracarotid amytal test เป็�นการที่ดสอบโดยัน1าผิ<�ป็@วยัไป็ห�องสวนหลุ่อดเลุ่$อดเพิ$�อใส�สายัสวนที่��ขาหน�บแลุ่�วแยังสายัไป็ในเส�นเลุ่$อดสมองข�างใดข�างหน2�งแลุ่�วฉั�ดสารในกลุ่�ม barbiturates ซ์2�งเสม$อนเป็�นการที่1าให�สมองข�างที่��ฉั�ดไม�ที่1างานแลุ่ะระหว�างน�.แพิที่ยั&จะที่1าการที่ดสอบก1าลุ่�งแขนขา ที่ดสอบความจ1า การพิ<ดของผิ<�ป็@วยั ที่1าให�สามารถบอกข�างสมองเด�น แลุ่ะความจ1าได�                           ขั้'นิตัอนิที่�� 3                                       ถ�าข�อม<ลุ่ที่��ได�ยั�งไม�เพิ�ยังพิอในการผิ�าต�ดแพิที่ยั&จะใช�ว�ธุ�ข� .นส<งข2.นเพิ$�อให�ได�ข�อม<ลุ่ในการผิ�าต�ดจดก1าเน�ดการช�กเช�นการที่1า                                     Intraoperative electrocorticography เป็�นการตรวจด<คลุ่$�นสมองระหว�างผิ�าต�ด แลุ่ะเป็�นแนวที่างในการต�ดจดก1าเน�ดการช�ก บางคร�.งอาจที่1าในผิ<�ป็@วยัที่��ไม�ดมยัาสลุ่บเพิ$�อด<สมองที่��ที่1าหน�าที่��เก�ยัวก�บภูาษา การเคลุ่$�อนไหว                                              Invasive monitoring เป็�นการผิ�าต�ดฝึ7งข�.วไฟฟ,าเพิ$�อด<จดก1าเน�ดการช�กโดยัตรงแลุ่ะสามารถด<ต1าแหน�งสมองที่��ม�หน�าที่��ที่��ส1าค�ญ การผิ�าต�ดต�องใช�ที่�มงานที่��ม�ความพิร�อม      ชน�ดของการผิ�าต�ดผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กแบ�งได�ด�งน�.                                    1. Resective surgery เป็�นการต�ดจดก1าเน�ดการช�ก เพิ$�อว�ตถป็ระสงค&ให�หายัขาดจากโรคลุ่มช�ก การผิ�าต�ดชน�ดน�.เช�น การที่1า temporal lobectomy หร$อต�ดสมองด�านข�าง, การต�ดรอยัโรคเช�น เน$.องอก, เส�นเลุ่$อดผิ�ดป็กต�ในสมอง                                    2. Palliative surgery เป็�นการผิ�าต�ดเพิ$�อให�อาการช�กที่เลุ่าลุ่งเน$�องจากจดก1าเน�ดการช�กม�ที่��วๆไป็หร$อหลุ่ายัแห�งหร$อการต�ดจดก1าเน�ดการช�กอาจที่1าให�พิ�การได� การผิ�าต�ดชน�ดน�.เช�นการที่1า Vagal nerve stimulation (VNS), การต�ดที่างเช$�อมสมองสองข�างหร$อ

Page 17: Epilepsy Syndromes

Corpus callosotomy                                   นอกจากน�.เรายั�งอาจแบ�งกลุ่�มของการผิ�าต�ดออกเป็�นผิ<�ใหญ�แลุ่ะเด)กเน$�องจากสาเหตของการช�กที่��พิบบ�อยัอาจแตกต�างก�นแลุ่ะแบ�งตามกายัว�ภูาคเป็�น Temporal lobe

surgery ซ์2�งเป็�นการผิ�าต�ดที่��ที่1าบ�อยัในผิ<�ใหญ�แลุ่ะ extratemporal lobe surgery ซ์2�งเป็�นการผิ�าต�ดที่��บ�อยัในเด)ก การต�ดสมองด�านข�างสมองด$านิขั้$างหร%อ  Temporal lobe surgery

                  Temporal lobe epilepsy เป็�นโรคลุ่มช�กที่��ด$.อต�อยัาที่��พิบบ�อยัแลุ่ะเป็�นสาเหตที่��ผิ<�ป็@วยัมาร�บการผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กมากที่��สด การผิ�าต�ดสมองบร�เวณน�.ข2.นก�บสาเหตของโรคลุ่มช�ก แต�สาเหตที่��พิบบ�อยัที่��ผิ<�ป็@วยัมาผิ�าต�ดค$อ Hippocampal sclerosis หร$อแผิลุ่เป็�นสมองด�านข�างส�วนใน การผิ�าต�ดในโรคน�.โดยัหลุ่�กค$อการเอาส�วนสมองด�านในค$อ  Hiippocampus, amygdala,

parahippocampus, uncus ออกซ์2�งเที่คน�กการผิ�าต�ดข2.นก�บศั�ลุ่ยัแพิที่ยั& ความถน�ด สถาบ�น แต�ว�ธุ�ที่��น�ยัมค$อการต�ดเอาสมองด�านข�างบร�เวณผิ�วออกส�วนหน2�งแลุ่�วเอาสมองส�วนที่��เป็�นแผิลุ่เป็�นออกหร$อที่��น�ยัมเร�ยักว�า anterior temporal lobectomy

                 การผิ�าต�ด Temporal lobectomy ชน�ดต�างๆม�ด�งน�.              1. Standard anterior temporal lobectomy ด�งที่��กลุ่�าวมาแลุ่�วค$อการต�ดเอาสมองส�วนผิ�วด�านนอกออกส�วนหน2�งซ์2�งป็กต�ในสมองข�างไม�เด�นจะต�ดป็ระมาณ 4-5 cm แลุ่�วจ2งเอาส�วน amugdalohippocampus ออกต�อมา ส�วนในสมองข�างที่��เด�นอาจเอาสมองส�วนผิ�วหร$อ temporal cortex ออกป็ระมาณ 3-4 cm

             2. Tailored temporal lobectomy ว�ธุ�น�.เป็�นการต�ดสมองคลุ่�ายัก�บว�ธุ�ข�างต�นแต�การขอบเขตการต�ดสมองใช�การตรวจด<คลุ่$�นสมองในห�องผิ�าต�ด Intraoperative

electrocorticography นอกจากน�.ในสมองข�างเด�นอาจใช�ไฟฟ,ากระต�นเพิ$�อด<ต1าแหน�งของภูาษาซ์2�งเช$�อว�าสมองแต�ลุ่ะคนไม�เหม$อนก�น ว�ธุ�น�.ไม�ค�อยัได�ร�บความน�ยัมในป็7จบ�นเน$�องจากใช�เวลุ่าในการผิ�าต�ดมากแลุ่ะผิ�าต�ดโดยัว�ธุ� awake craniotomy

            3.  Selective amygdalohippocampectomy การผิ�าต�ดว�ธุ�น�.เน$�องจากเช$�อว�าการเอาเฉัพิาะพิยัาธุ�สภูาพิส�วน hippocampal sclerosis  ออกก)เพิ�ยังพิอแลุ่ะผิลุ่การผิ�าต�ดไม�ต�างจากการผิ�าต�ดว�ธุ� Standard anterior temporal lobectomy แลุ่ะอาจที่1าให�ม�ผิลุ่ที่างด�าน neuropsychological น�อยักว�า การผิ�าต�ดม�หลุ่ายัว�ธุ�เช�น transulcal, transcortical, transylvian, transparahippocampal selective amygdalohippocampectomy              นอกจากการผิ�าต�ดข�างต�นแลุ่�วถ�าพิยัาธุสภูาพิเป็�นสาเหตอ$�นเช�น เน$.องอก (Tumor),

เส�นเลุ่$อดผิ�ดป็กต� (AVM, Cavernoma), เซ์ลุ่ลุ่&ผิ�ดป็กต�แต�ก1าเน�ด (Corical dysplasia)  การผิ�าต�ดข2.นก�บผิลุ่การป็ระเม�นก�อนผิ�าต�ดแลุ่ะสมองด�านที่��เป็�นเช�น อาจเอาเฉัพิาะพิยัาธุ�สภูาพิออก (lesionectomy), เอาพิยัาธุ�สภูาพิออกร�วมก�บสมองส�วนใน (lesionectomy &

amygdalohippocampectomy), เอาพิยัาธุ�สภูาพิออกร�วมก�บการด<คลุ่$�นสมองขณะผิ�าต�ด (Lesionectomy & intraoperative EcoG), การฝึ7งข�.วไฟฟ,าในสมองเพิ$�อหาขอบเขตของจดช�กแลุ่ะกระต�นด<สมองที่��ส1าค�ญ (Invasive monitoring)

Page 18: Epilepsy Syndromes

             การผิ�าต�ดบร�เวณน�.ในป็7จจบ�นค�อนข�างป็ลุ่อดภู�ยัม�อ�ตราการเส�ยัช�ว�ตน�อยัมาก (<1%),

ภูาวะแที่รกซ์�อนที่��อาจเก�ดได�เช�น แขนขาอ�อนแรง, อ�มพิาตถ�าเก�ดภูยั�นตรายัต�อเส�นเลุ่$อดแดง anterior choroidal , ลุ่านสายัตาด�านตรงข�ามส�วนบนเส�ยัไป็บางส�วน (asymptomatic

superior quadrantanopsia) ซ์2�งป็กต�ม�กไม�รบกวนช�ว�ตป็ระจ1าว�น, เยั$�อห�มสมองอ�กเสบแบบต�ดเช$.อแลุ่ะไม�ต�ดเช$.อ (septic & chemical meningitis), เลุ่$อดออกในสมองบร�เวณที่��ผิ�าต�ดหร$อห�างจากที่��ผิ�าต�ด (remote hematoma) แต�ส�วนมากแลุ่�วภูาวะแที่รกซ์�อนพิวกน�.พิบได�ไม�มากแลุ่ะเป็�นช��วคราว  การต�ดสมองคร2�งซ์�กการผิ�าต�ดสมองคร2�งซ์�กหร$อ Hemispherectomy เป็�นการผิ�าต�ดที่��ม�มานานแลุ่�วโดยัป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัแพิที่ยัที่�านแรกที่��ผิ�าต�ดค$อ Dandy แต�เป็�นการผิ�าต�ดในคนไข�ที่��เป็�นเน$.องอกร�ายัแรงในสมอง ต�อมาป็ระมาณป็5 1938 McKenzie ได�ที่1าผิ�าต�ดชน�ดน�.ในคนไข�ผิ<�หญ�งที่��เป็�นโรคลุ่มช�ก หลุ่�งจากน�.ก)ม�รายังานการผิ�าต�ดในผิ<�ป็@วยัโรคลุ่มช�กเร$�อยัมา แต�ต�อมาม�รายังานว�าเม$�อต�ดตามผิลุ่ระยัะยัาวพิบว�าผิ<�ป็@วยัเส�ยัช�ว�ตหร$อม�ภูาวะแที่รกซ์�อนหลุ่�งผิ�าต�ดที่��เร�ยักว�า cerebral hemosiderosis ที่1าให�การผิ�าต�ดลุ่ดความน�ยัมลุ่งไป็                          ต�อมาเม$�อม�ความก�าวหน�าในที่างการแพิที่ยั&แลุ่ะการผิ�าต�ด ม�เคร$�องม$อที่��ด�ข2.น การดมยัาสลุ่บที่��ป็ลุ่อดภู�ยัข2.น แลุ่ะม�การด�ดแป็ลุ่งว�ธุ�การผิ�าต�ดที่1าให�เส�ยัเลุ่$อดน�อยัลุ่งแต�สามารถต�ดการเช$�อมต�อระหว�างสมองข�างที่��ไม�ด�ก�บสมองข�างที่��ด�ซ์2�ง Rasmussen ป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&ชาวแคนาดาเป็�นผิ<�พิ�ฒนาเที่คน�คน�. ที่1าให�ม�เน$.อสมองเหลุ่$ออยั<�แต�กระแสไฟฟ,าไม�สามารถข�ามไป็อ�กข�างได�ที่��เราเร�ยักว�า Functional hemispherectomy ซ์2�งต�อมาก)ม�ผิ<�ด�ดแป็ลุ่งเที่คน�คอ�กหลุ่ายัว�ธุ� แต�โดยัหลุ่�กการแลุ่�วค$อการต�ดการเช$�อมต�อภูายัในสมองเองแลุ่ะระหว�างสมองที่�.งสองข�าง ป็7จจบ�นการผิ�าต�ดค�อนข�างป็ลุ่อดภู�ยัมากข2.น อ�ตราการเส�บช�ว�ตจากการผิ�าต�ดน�อยัมาก แต�ก)ยั�งเป็�นการผิ�าต�ดที่��ใหญ�เน$�องจากผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บการผิ�าต�ดม�กเป็�นเด)กเลุ่)ก น1.าหน�กต�วน�อยัการเส�ยัเลุ่$อดมากที่1าให�ม�ความเส��ยัง แต�ผิลุ่การผิ�าต�ดโดยัที่��วไป็ค�อนข�างด�มาก                         ขั้$อบั�งช่�'ในิการผ่�าตัดค$อ ผิ<�ป็@วยัโรคลุ่มช�กที่��ด$.อต�อยัาแลุ่ะม�พิยัาธุ�สภูาพิของสมองข�างหน2�ง ผิ<�ป็@วยัส�วนมากม�กจะม�แขนขาอ�อนแรงข�างหน2�ง ในสม�ยัก�อนเราม�กจะรอให�ผิ<�ป็@วยัอ�อนแรงจนไม�สามารถม�การใช�งานของน�.วม$อข�างที่��อ�อนแรงได� แต�ป็7จจบ�นเราอาจที่1าการผิ�าต�ดให�เร)วข2.นเน$�องจากถ�ารอจนม$อข�างที่��อ�อนแรงใช�งานไม�ได�อาจที่1าให�ผิ<�ป็@วยัเส�ยัโอกาสที่��จะหายัจากการช�กโดยัเร)ว เน$�องจากเด)กเลุ่)กโอกาสที่��สมองอ�กข�างสามารถที่1าหน�าที่��ที่ดแที่นได� แต�ยั�งไม�ม�การศั2กษาที่��แน�ช�ดว�าการผิ�าต�ดเม$�อคไข�อายัน�อยัมากจะด�กว�าเม$�อรอให�โตข2.นหร$อไม� คงต�องช��งน1.าหน�กระหว�างความเส��ยังในการผิ�าต�ดในเด)กเลุ่)กมากก�บโอกาสหายัช�กเร)ว ข�อบ�งช�.ในการผิ�าต�ดที่��พิบบ�อยัค$อใน                             1. Hemimegalencephaly เป็�นความผิ�ดป็กต�แต�ก1าเน�ดของสมองซ์2�งพิบว�าสมองข�างหน2�งใหญ�กว�าอ�กด�านหน2�งมาก เด)กม�กม�อาการช�กต�.งแต�อายัน�อยัๆหร$อบางรายัต�.งแต�ในครรภู& เม$�อที่1า MRI จะพิบสมองม�ลุ่�กษณะใหญ�มากเหม$อนเน$.องอกแลุ่ะอาจเบ�ยัดสมองไป็อ�กข�างหน2�ง               

                          2. Diffuse cortical dysplasia เป็�นความผิ�ดป็กต�แต�ก1าเน�ดของสมองข�าง

Page 19: Epilepsy Syndromes

หน2�งเช�นเด�ยัวก�บ hemimegalencephaly แต�ลุ่�กษณะสมองอาจด<ไม�ใหญ�มากเที่�า แต�เม$�อที่1า MRI

จะพิบความผิ�ดป็กต�ของสมองข�างหน2�งซ์2�งลุ่�กษณะของร�องสมองจะมองไม�เห)นช�ด บางคนอาจม�พิยัาธุ�มากส�วนใดส�วนหน2�งของสมองเช�นด�านหน�า หร$อด�านหลุ่�งแต�ความผิ�ดป็กต�เป็�นที่�.งสมอง                                          3. Rasmussen's encephalitis เป็�นการอ�กเสบของสมองข�างหน2�งที่1าให�ผิ<�ป็@วยัม�อาการช�กเฉัพิาะที่�� ยั�งไม�ที่ราบสาเหตที่��แน�ช�ด แต�ม�รายังานว�าไวร�สอาจม�ส�วนเก��ยัวข�องหร$อเก��ยัวก�บพิวก autoimmnue เม$�อผิ�านไป็ระยัะหน2�งผิ<�ป็@วยัจะม�พิ�ฒนาการแยั�ลุ่ง แขนขาจะเร��มอ�อนแรงลุ่งเร$�อยัๆ อาการช�กเป็�นมากข2.นบางรายัม�อาการช�กเฉัพิาะที่��อยั<�ตลุ่อดเวลุ่า (Epilepsia partialis continua)เม$�อที่1า MRI ต�ดตามเป็�นระยัะจะพิบว�าสมองจะฝึ@อลุ่งข�างหน2�ง                        4. Sturge-Weber syndrome เป็�นโรคที่��ผิ<�ป็@วยัม�ความผิ�ดป็กต�ที่างผิ�วหน�งที่��เราจะเห)นป็านแดงตรงใบหน�าตามที่��เส�นป็ระสาที่สมองเส�นที่�� 5 มาเลุ่�.ยังใบหน�าร�วมก�บม�เส�นเลุ่$อดผิ�ดป็กต�ของเยั$�อห�มสมอง (pial angiomatosis) ต�อมาพิบว�าม�สมองฝึ@อข�างหน2�ง ซ์2�งเป็�นสาเหตที่1าให�ผิ<�ป็@วยัช�ก                        5. Porencephalic cyst สมองม�แผิลุ่เป็�นเก�ดได�หลุ่ายัสาเหตที่��พิบบ�อยัเก�ดจากความผิ�ดป็กต�ตอนต�.งครรภู& ตอนคลุ่อดหร$อหลุ่�งคลุ่อดที่1าให�เก�ดการขาอเลุ่$อดไป็เลุ่�.ยังสมองที่��เราพิบบ�อยัค$อการขาดเลุ่$อดของเส�นเลุ่$อด middle cerebral artery ที่1าให�สมองบร�เวณน�.นฝึ@อกลุ่ายัเป็�นถงน1.า นอกจากน�.อาจเก�ดจากสาเหตอ$�นเช�นอบ�ต�เหตได� Functional hemispherectomy                     การผ่�าตัดแบ�งออกได�เป็�น 2 แบบใหญ�ๆค$อ                     1. Anatomical hemispherectomy เป็�นการต�ดเน$.อสมองข�างที่��ม�พิยัาธุ�สภูาพิออกหมดเหลุ่$อเฉัพิาะบร�เวณส�วนกลุ่าง (basal ganglia)การผิ�าต�ดว�ธุ�น�.เป็�นว�ธุ�ที่��แน�นอนว�าสมองที่��ม�พิยัาธุ�สถาพิได�ถ<กเอาออก แต�เป็�นการผิ�าต�ดที่��ม�โอกาสเส�ยัเลุ่$อดมากกว�าแลุ่ะโอกาสกาสที่��จะเก�ดผิลุ่แที่รกซ์�อนระยัะยัาวเช�น hemosiderosis ถ2งแม�ในป็7จจบ�นที่��ม�การผิ�าต�ดชน�ดน�.จะไม�ม�รายังานผิลุ่แที่รกซ์�อนชน�ดน�.จากการผิ�าต�ดชน�ดน�.ก)ตาม                     2. Functional hemispherectomy เป็�นการผิ�าต�ดที่��ด�ดแป็ลุ่งมาโดยัการต�ดเน$.อสมองตรงกลุ่างให�ม�ช�องว�างแลุ่�วเข�าไป็ต�ดเส�นป็ระสาที่ที่��เช$�อมต�อสมองอ�กข�างผิ�านที่างโพิรงสมอง ว�ธุ�น�.ยั�งม�แบ�งยั�อยัอ�กหลุ่ายัเที่คน�คแต�โดยัหลุ่�กการค$อการต�ดการเช$�อมต�อของสมอง โดยัที่��เน$.อสมองที่��ม�พิยัาธุ�สภูาพิยั�งคงอยั<�แต�ไม�สามารถส�งกระแสไฟฟ,าไป็ข�างที่�ด�ได� ข�อด�ค$อลุ่ดระยัะเวลุ่าการผิ�าต�ดแลุ่ะเส�ยัเลุ่$อดแลุ่ะการเหลุ่$อเน$.อสมองไว�ที่1าให�ลุ่ดการเก�ดผิลุ่แที่รกซ์�อนเช�น hemosiderosis, การม�น1.าค��งในสมอง, การที่��สมองข�างที่��ด�เคลุ่$�อนไป็ด�านตรงข�ามเน$�องจากไม�ม�เน$.อการต�ดที่างเช$�อมสมองสองข�างการตัดการเช่%�อมตั�อสมองที่'งสองขั้$างหร%อ Corpus callosotomy

                  ในคนป็กต�สมองสองข�างเช$�อมต�อก�นด�วยัใยัป็ระสาที่ซ์2�งม�เส�นป็ระสาที่เช$�อมต�อหลุ่ายัต1าแหน�งแต�ที่��ส1าค�ญค$อส�วนที่��อยั<�ตรงกลุ่างเหน$อโพิรงสมองซ์2�งเช$�อมต�อสมองที่�.งสองข�างที่��เร�ยักว�า  corpus callosum โดยัการร�บข�อม<ลุ่จากสมองข�างหน2�งจะส�งต�อไป็อ�กข�างหน2�งผิ�านที่างน�.เพิ$�อที่1าให�ร�างกายัสองข�างที่1างานป็ระสานงานก�น ในผิ<�ป็@วยัโรคลุ่มช�กที่��ไฟฟ,ากระจายัอยั�างรวดเร)วที่�.งสองข�าง

Page 20: Epilepsy Syndromes

ที่1าให�ผิ<�ป็@วยัช�กเกร)งหร$อไม�ม�แรงลุ่�อมลุ่งอยั�างรวดเร)ว เป็�นอ�นตรายัต�อผิ<�ป็@วยั ซ์2�งเราม�กพิบผิ<�ป็@วยัพิวกน�.ในกลุ่�มคนไข�โรคลุ่มช�ก  Lennox-Gastuat syndrome ผิ<�ป็@วยัอาจม�อาการลุ่�มลุ่งว�นลุ่ะหลุ่ายัคร�.ง บางรายัม�หน�งศั�รษะโน ม�เลุ่$อดออกใต�หน�งศั�รษะ เลุ่$อดออกในกะโหลุ่กศั�รษะบ�อยั ที่1าให�ต�องสวมหมวกก�นน)อกป็,องก�นการบาดเจ)บที่��ศั�รษะ                  การผิ�าต�ดต�ดการเช$�อมสมองน�.หร$อ corpus callosotomy เป็�นว�ธุ�ที่��จะลุ่ดการกระจายัของกระแสไฟฟ,าอยั�างรวดเร)ว ที่1าให�ลุ่ดอาการช�กลุ่งได� การผิ�าต�ดน�.ส�วนมากไม�ได�ม�งให�ผิ<�ป็@วยัหายัจากการช�กแต�เพิ$�อบรรเที่าอาการช�กแลุ่�วลุ่�ม แต�ผิ<�ป็@วยัยั�งม�อาการช�กร<ป็แบบอ$�นอยั<� การผิ�าต�ด corpus

callosotomy โดยัมาน�ยัมที่1าการต�ดบร�เวณส�วนหน�า 2/3 ก�อนเหลุ่$อบร�เวณส�วนหลุ่�งเพิ$�อป็,องก�นการเก�ด  disconnection syndrome  ซ์2�งเก�ดจากข�อม<ลุ่ไม�สามารถผิ�านข�ามจากสมองข�างหน2�งไป็ยั�งอ�กข�างหน2�งได�ที่1าให�ร�างกายัสองข�างที่1างานไม�ป็ระสานก�น ถ�ายั�งม�อาการช�กเพิ��มจ2งค�อยัมาต�ดส�วนหลุ่�งอ�กหลุ่�งจากผิ�าต�ดคร�.งแรกป็ระมาณ 6 เด$อน-1 ป็5                  การผิ�าต�ดชน�ดน�.ค�อนข�างป็ลุ่อดภู�ยั แผิลุ่ผิ�าต�ดอยั<�บร�เวณกลุ่างศั�รษะ หลุ่�งจากเป็Fดกะโหลุ่กศั�รษะแลุ่ะเยั$�อห�มสมองแลุ่�ว จะที่1าการด�นสมองซ์2�งสวนมากข�างขวาออกแลุ่�ว เข�าไป็บร�เวณกลุ่างสมอง จะม�เส�นเลุ่$อดว��งขนานค<�ไป็ก�บส�วน  corpus callosum  ซ์2�งม�ลุ่�กษณะขาวม�นเป็�นแวว จากน�.นแพิที่ยั&จะเลุ่าะให�ได�ขอบเขตที่��จะต�ดแลุ่�วจ2งใช�เคร$�องด<ดที่1าลุ่ายัเส�นป็ระสาที่จนถ2งผิน�งด�านบนของโพิรงสมอง การผิ�าต�ดจะไม�ได�ยั�งก�บเน$.อสมองมาก ใช�เวลุ่าในการผิ�าต�ดป็ระมาณ 2-3 ช��วโมงแลุ่ะพิ�กฟG. นในโรงพิยัาบาลุ่ 2-3 ว�นถ�าไม�ม�โรคแที่รกซ์�อน                 ภูาวะแที่รกซ์�อนที่��อาจเก�ดจากการผิ�าต�ดได�เช�น สมองช1.าจากการด�นสมองที่1าให�ขาอ�อนแรง กลุ่�.นป็7สสาวะไม�ได�ส�วนมากเป็�นช��วคราวก)จะกลุ่�บมาเป็�นป็กต�น�อยัรายัมากที่��อาจม�ขาข�างตรงข�ามก�บสมองช1.าอ�อนแรง, บาดเจ)บต�อเส�นเลุ่$อดที่��เลุ่�.ยังสมองอาจเก�ดได�แต�น�อยัมากเช�นก�นที่1าให�ขาด�านตรงข�ามอ�อนแรง, โพิรงสมองอ�กเสบจากการที่��ผิ�าต�ดไป็เข�าโพิรงสมองม�เลุ่$อดไป็ระคายัเค$องที่1าให�ม�ไข�หลุ่�งผิ�าต�ด ป็วดศั�รษะส�วนมากการให�สเต�ยัรอยัด&จะด�ข2.นหร$อบางรายัอาจต�องเจาะเอาน1.าไขส�นหลุ่�งออก, การต�ดเช$.อถ�าม�ก)ต�องนอนโรงพิยัาบาลุ่นานข2.น, ภูาวะแที่รกซ์�อนต�างๆเหลุ่�าน�.เก�ดข2.นได�แต�โอกาสน�อยั ผิลุ่การผิ�าต�ดด�มากในการลุ่ดการบาดเจ)บจากการช�ก การช�กแบบลุ่�มจะลุ่ดลุ่งแต�การช�กแบบอ$�นยั�งคงอยั<� เม$�อเที่�ยับก�บการฝึ7งเคร$�องกระต�นเส�นป็ระสาที่เวก�สแลุ่�วในป็ระเที่ศัไที่ยัการผิ�าต�ดแบบน�.ยั�งม�ป็ระโยัชน&มาก ได�ผิลุ่ที่�นที่�แลุ่ะค�าใช�จ�ายัน�อยักว�าก�นมากการใส�ข� .วไฟฟ,าในสมอง

การผ่�าตัดฝั�งขั้'วิไฟฟ,าในิสมอง (Invasive monitoring)

                             การผิ�าต�ดฝึ7งข�.วไฟฟ,าในสมองหร$อ invasive monitoring เป็�นการผิ�าต�ดโรคลุ่มช�กที่��ที่1าในศั<นยั&โรคลุ่มช�กที่��ม�ความพิร�อมเน$�องจากต�องใช�ที่�มงานที่��ม�ความพิร�อมที่�.งบคลุ่ากรแลุ่ะเคร$�องม$อ การผิ�าต�ดฝึ7งข�.วไฟฟ,าม�หลุ่ายัแบบเช�น                             1. Foramen ovale elctrode                             2. Epidural electrode                             3. Subdural electrode                             4. Depth electrode                             5. Stereoelectroencephalography (StereoEEG)

Page 21: Epilepsy Syndromes

                             ที่��น�ยัมที่1าก�นในป็7จจบ�นค$อว�ธุ�ที่�� 3,4 ซ์2�งน�ยัมที่1าในอเมร�กา, ส�วนว�ธุ�ที่�� 5

น�ยัมที่1าก�นในที่างยัโรป็                              ขั้$อบั�งช่�'ในิการที่-า Invasive monitoring ค$อ              1.จดก1าเน�ดการช�กไม�ช�ดเจนว�าอยั<�ข�างซ์�ายัหร$อขวา              2. จดก1าเน�ดการช�กไม�ช�ดเจนว�าอยั<�สมองส�วนไหน              3. จดก1าเน�ดการช�กอยั<�ใกลุ่�เค�ยังหร$อที่�บซ์�อนสมองส�วนที่��ม�หน�าที่��ส1าค�ญเช�นการพิ<ด,

การเคลุ่$�อนไหว              4. ต�องการขอบเขตของจดก1าเน�ดการช�กที่��จะต�ด              5. ภูาพิสมองไม�เห)นม�พิยัาธุ�สภูาพิแต�จดก1าเน�ดการช�กม�เฉัพิาะที่��                                         การจะฝึ7งข�.วไฟฟ,าว�ธุ�ไหนข2.นก�บสมมต�ฐานที่��เราค�ดไว�จากข�อม<ลุ่เบ$.องต�นที่��ที่1าการตรวจ เราไม�อาจที่��จะใส�ข� .วไฟฟ,าจ1านวนมากในสมองได�หมดเน$�องจากอาจม�ภูาวะแที่รกซ์�อนได�แลุ่ะเป็�นเหม$อนการข��ช�างจ�บต�Hกแตน เราจ2งต�องม�การป็ระชมร�วมก�นระหว�างอายัรแพิที่ยั&ลุ่มช�ก ป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั& ร�งส�แพิที่ยั&ก�อนเพิ$�อวางแผินในการผิ�าต�ด นอกจากน�.ยั�งข2.นก�บความช1านาญของศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&ด�วยัว�าช1านาญในการผิ�าต�ดแบบใดเน$�องจากอาจได�ร�บการฝึBกอบรมในสถาบ�นที่��ม�ความถน�ดไม�เหม$อนก�น                        การผิ�าต�ดฝึ7งข�.วไฟฟ,าจ2งเป็�นการผิ�าต�ดเพิ$�อหาข�อม<ลุ่ด�งน�.นผิ<�ป็@วยัจะได�ร�บการผิ�าต�ด 2 คร�.งแน�นอนอยั�างน�อยัค$อการผิ�าต�ดคร�.งแรกเป็�นการใส�ข� .วไฟฟ,าในสมองซ์2�งก)เป็�นการผิ�าต�ดชน�ดหน2�งหลุ่�งจากน�.นผิ<�ป็@วยัจะนอนที่��ห�องตรวจสมอง 24 ช��วโมงเพิ$�อด<อาการช�กแลุ่ะเม$�อได�ข�อม<ลุ่ที่��เพิ�ยังพิอก)อาจจ1าเป็�นต�องตรวจหน�าที่��สมองเพิ$�อหาสมองส�วนที่��ส1าค�ญด�วยัการที่ดสอบด�วยัการกระต�นด�วยัไฟฟ,า แพิที่ยั&จะป็ร2กษาก�นเพิ$�อตกลุ่งว�าจะผิ�าต�ดข�.นที่�� 2 อยั�างไร อาจผิ�าต�ดได�ที่�.งหมด, บางส�วนหร$อผิ�าต�ดไม�ได�เลุ่ยัแต�ผิ<�ป็@วยัก)จ1าเป็�นต�องได�ร�บการผิ�าต�ดข�.นที่�� 2 อยั�างน�อยัเพิ$�อเอาข�.วไฟฟ,าออกแลุ่ะหร$อต�ดจดก1าเน�ดการช�กออก                      ผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บการผิ�าต�ดว�ธุ�น�.ม�กเป็�นกลุ่�มโรคลุ่มช�กที่��ยัากต�อการร�กษาที่�.งที่างยัาแลุ่ะผิ�าต�ด จ2งม�โอกาสที่��จะหายัจากการช�กน�อยักว�ากลุ่�มที่��ไม�จ1าเป็�นต�องผิ�าต�ดว�ธุ�น�. แต�ไม�ได�หมายัความว�าโอกาสหายัจากการช�กไม�ม�                    ภาวิะแที่รกซ้$อนิที่��พบัจากการผ่�าตัดวิ�ธี�นิ�'เช�น                 - น1.าหลุ่�อเลุ่�.ยังสมองร��วในกรณ�ที่��ใส�ข� .วไฟฟ,าจ1านวนมาก ที่1าให�ป็Fดเยั$�อห�มสมองได�ไม�สน�ที่แต�ส�วนมากการเยั)บแผิลุ่ที่��ด�, นอนศั�รษะส<งม�กจะหยัดเองในไม�ก��ว�นแต�ก)ที่1าให�ม�ความเส��ยังตอการต�ดเช$.อ                 - สมองบวม ในรายัที่��ใส�ข� .วไฟฟ,าจ1านวนมากอาจที่1าให�สมองบวมได�ที่1าให�ผิ<�ป็@วยัม�อาการแขนขาอ�อนแรง, พิ<ดไม�ช�ด, ป็วดศั�รษะ, ซ์2ม, ไม�ร< �ส2กต�วได� การร�กษาส�วนมากให�ยัาลุ่ดสมองบวมหร$อถ�าจ1าเป็�นอาจต�องผิ�าต�ดเอาข�.วไฟฟ,าออก                 - เลุ่$อดออกในสมอง ม�โอกาสพิบในรายัที่��ใส� depth electrode, StereoEEG

มากกว�า, แต�การใส� subdural electrode ก)อาจเก�ดม�เลุ่$อดออกใต�เยั$�อห�มสมอง, เหน$อเยั$�อห�มสมองได�                 - ได�ข�อม<ลุ่ไม�เพิ�ยังพิอเน$�องจากใส�ข� .วไฟฟ,าครอบคลุ่มไม�พิอ จ1าเป็�นต�องผิ�าต�ดใส�ข� .ว

Page 22: Epilepsy Syndromes

ไฟฟ,าเพิ��มก)ที่1าให�ผิ<�ป็@วยัต�องร�บการผิ�าต�ดเพิ��ม                 - ไม�สามารถต�ดสมองได�เน$�องจากจดก1าเน�ดการช�กที่�บซ์�อนก�บสมองส�วนส1าค�ญ การผิ�าต�ดอาจที่1าให�พิ�การได�หร$อผิ�าต�ดออกได�ไม�หมดที่1าให�ไม�หายัช�กหร$อผิ�าต�ดไม�ได�จ1าเป็�นต�องเอาข�.วไฟฟ,าออก ที่1าให�ผิ<�ป็@วยักลุ่�บมาส<�สภูาพิเด�มก�อนผิ�าต�ดการกระต�นเส�นป็ระสาที่เวก�สการผ่�าตัดฝั�งเคร%�องกระตั�$นิปัระสาที่เวิกส                     การผ่�าตัดฝั�งเคร%�องกระตั�$นิเส$นิปัระสาที่เวิกสหร%อเส$นิปัระสาที่สมองค2�ที่�� 10

ด$านิซ้$ายเปั3นิการรกษาโรลมช่กแบับับัรรเที่าอาการช่กค%อไม�ม�วิตัถุ�ปัระสงค6ที่��จะที่-าให$หายขั้าดจากอาการช่กเนิ%�องจากจ�ดก-าเนิ�ดช่กม�ที่�วิๆไปัหร%อม�หลายตั-าแหนิ�งหร%ออย2�ในิสมองส�วินิที่��ส-าคญหร%อการตัดสมองส�วินินิ'นิที่-าให$เก�ดควิามพ�การขั้9'นิได$จ9งมาใช่$การผ่�าตัดวิ�ธี�นิ�' เช่�นิในิรายที่��เปั3นิโรคลมช่กแบับัที่�วิๆไปั Generalized epilepsy, Multiregional epilepsy ในิกล��มโรค Lennox-Gastaut syndrome, Bitemporal lobe epilepsy, หร%อพวิกที่��ที่-าการผ่�าตัดจ�ดก-าเนิ�ดการช่กไปัแล$วิยงม�อาการช่กอย2�ไม�สามารถุผ่�าตัดได$อ�ก                    การใช่$ไฟฟ,ากระตั�$นิสมองเพ%�อรกษาอาการช่กม�เปั3นิเวิลานิานิแล$วิ แตั�อ�ปักรณ์6ช่นิ�ดนิ�'ได$รบัการศึ9กษาและที่ดลองในิสตัวิ6ที่ดลองและตั�อมาในิคนิแล$วิได$รบัการพ�ส2จนิ6วิ�าปัลอดภยและในิกล��มคนิไขั้$ที่��ได$รบัการศึ9กษาพบัวิ�าม�ผ่ลในิการลดอาการช่กมากกวิ�า 50% ได$อย�างม�นิยส-าคญเม%�อเที่�ยบักบักล��มควิบัค�มซ้9�งขั้$อบั�งช่�'ในิการศึ9กษาคร'งแรกค%อคนิไขั้$ที่��ม�อาการช่กเฉัพาะที่��และอาย�มากกวิ�า 18 ปั< ตั�อมาก=เร��มนิ-ามาใช่$ในิเด=กและกล��มอาการช่กที่�วิไปั                   กลไกการที่-างานิยงไม�เปั3นิที่��แนิ�ช่ด แตั�ส�วินิมากจะที่-าการฝั�งอ�เลคโตัดที่��เส$นิปัระสาที่เวิกสด$านิซ้$ายเนิ%�องจากเส$นิปัระสาที่เวิกสด$านิขั้วิาไปัเล�'ยงหวิใจส�วินิที่��ที่-าหนิ$าที่��ควิบัค�มการเตั$นิมากกวิ�าขั้$างซ้$ายจ9งปัลอดภยกวิ�า เม%�อกระแสไฟฟ,าผ่�านิเขั้$าไปัยงเส$นิปัระสาที่ซ้9�งม�เส$นิปัระสาที่แบับัรบัสญญาณ์มากจะส�งไปัที่��ก$านิสมองแล$วิม�เส$นิที่างการตั�ดตั�อกบัสมองใหญ�หลายส�วินิ ซ้9�งกระแสไฟฟ,านิ�'อาจไปัที่-าให$กระแสไฟฟ,าที่��ผ่�ดปักตั�ลดลงหร%ออาจม�การปัล�อยสารเคม�บัางอย�างออกมาที่-าให$อาการช่กลดลง

                     การผ่�าตัดช่นิ�ดนิ�'เปั3นิการผ่�าตัดที่��ค�อนิขั้$างปัลอดภย ในิตั�างปัระเที่ศึสามารถุกลบับั$านิได$เลยหลงผ่�าตัด จะม�แผ่ลที่�บัร�เวิณ์คอ เม%�อดมยาสลบั แพที่ย6จะเปั>ดผ่�วิหนิงเขั้$าไปัหาเส$นิเล%อดแดงใหญ�และเส$นิเล%อดด-าใหญ�แล$วิเลาะเย%�อที่��ห�$มเส$นิเล%อดเพ%�อหาเส$นิปัระสาที่เวิกส จากนิ'นิจะเปั>ดผ่�วิหนิงที่รวิงอกเหนิ%อตั�อกล$ามเนิ%'อแล$วิผ่�านิสายตั�อไปัเช่%�อมกบัแบัตัเตัอร���แล$วิวิางแบัตัเตัอร�ที่��ผ่นิงที่รวิงอกแล$วิเย=บัปั>ดแผ่ล ใช่$เวิลาในิการผ่�าตัดปัระมาณ์ 1 ช่�วิโมง อ�เลคโตัรดพนิเส$นิปัระสาที่                    หลงผ่�าตัดสามารถุกลบับั$านิได$ ด2แลแผ่ลอย�าให$เปั<ยกนิ-'า ไม�ออกแรงยกขั้องหนิกในิช่�วิงเด%อนิแรกเนิ%�องจากสายอาจเคล%�อนิได$ ส�วินิมากแพที่ย6จะเย=บัไหมละลายไม�ตั$องตัดไหม จากนิ'นิปัระมาณ์ 2-4 อาที่�ตัย6แพที่ย6จะนิดมาเปั>ดเคร%�องและที่-าการตั'งค�ากระแสไฟ,า ผ่2$ปั?วิยตั$องมาปัรบักระแสไฟฟ,าเปั3นิระยะ พร$อมที่'งจดปัฏิ�ที่�นิการช่กเพ%�อเปัร�ยบัเที่�ยบัด2วิ�าอาการช่กลดลงหร%อไม� ส�วินิมากผ่2$ปั?วิยไม�สามารถุลดยากนิช่กลงได$ หลงเปั>ดเคร%�อง เคร%�องจะที่-างานิ

Page 23: Epilepsy Syndromes

เปั>ดปั>ดโดยอตัโนิมตั�เปั3นิเวิลา บัางที่�านิอาจม�อาการไอ เจ=บัที่��ล-าคอ เส�ยงแหบัช่�วิงที่��เคร%�องที่-างานิเปั>ด แตั�ส�วินิมากจะเปั3นิช่�วิคราวิหร%อช่�นิกบัเคร%�อง                     เนิ%�องจากอ�ปักรณ์6ม�ราคาแพงจ9งจะที่-าการผ่�าตัดเฉัพาะในิรายที่��จ-าเปั3นิและไม�ม�ที่างเล%อกอย�างอ%�นิ อ�ปักรณ์6เปั3นิส��งแปัลกปัลอมเม%�อเก�ดการตั�ดเช่%'อก=จ-าเปั3นิตั$องเอาออก หร%อถุ$าไม�ได$ผ่ลในิการรกษาก=อาจจะขั้อให$เอาออกได$ แตั�ส�วินิมากแพที่ย6จะรอด2ผ่ล 2 ปั<เพราะบัางคร'งอาจเห=นิผ่ลหลงจากการผ่�าตัดหลายเด%อนิ บัางคนิหลงใส�อาจม�อารมณ์6ด�ขั้9'นิ ม�การตั%�นิตัวิด�ขั้9'นิ ช่กส'นิลง ถุ9งแม$ควิามถุ��การช่กจะเที่�าเด�มแตั�ค�ณ์ภาพช่�วิ�ตัด�ขั้9'นิ ปั�จจ�บันิในิตั�างปัระเที่ศึม�การนิ-ามาใช่$ในิคนิไขั้$ที่��เปั3นิโรคซ้9มเศึร$า                   การผ่�าตัดนิ�'ผ่2$ปั?วิยตั$องเขั้$าใจวิ�าไม�ใช่�การที่-าให$หายจากการช่ก แตั�ก=ม�จ-านิวินินิ$อยที่��ไม�ม�อาการช่กเลยหลงผ่�าตัด เราไม�ม�ปั�จจยที่��สามารถุบัอกได$วิ�าผ่2$ปั?วิยรายใดจะตัอบัสนิองตั�อการรกษาวิ�ธี�นิ�'          ผ่ลการผ่�าตัด

ผ่ลการผ่�าตัดรกษาโรคลมช่กในิระยะยาวิม�ควิามส-าคญเพราะวิ�าการผ่�าตัดเปั3นิการกระที่-าที่��ไม�สามารถุย$อนิกลบัมาได$โดยเฉัพาะสมองในิโรคที่��เปั3นิเร%'อรงมานิานิ ผ่ลการผ่�าตัดรกษาโรคลมช่กระยะส'นิม�รายงานิผ่ลการผ่�าตัดวิ�าด� แตั�ผ่ลในิระยะยาวิควิรจะเปั3นิส��งที่��ตั$องนิ9กถุ9ง                           จากรายงานิการศึ9กษารวิบัรวิมผ่ลการผ่�าตัดรกษาโรคลมช่กในิระยะยาวิจากงานิวิ�จยตั�างๆ 1 ที่��ม�รายงานิคนิไขั้$ที่��ได$รบัการผ่�าตัดมากกวิ�า 20  รายและตั�ดตัามผ่ลการผ่�าตัดมากกวิ�า 5 ปั<พบัวิ�าในิการผ่�าตัดเพ%�อรกษาโรคลมช่ก                           การผ่�าตัดสมองด$านิขั้$าง (Temporal lobe resection) ม�การหายจากการช่ก  66%

                           การผ่�าตัดสมองคร9�งซ้�ก (Hemispherectomy ) ม�การหายจากการช่ก 61%

                           การผ่�าตัดสมองส�วินิหลง (Occipital & parietal lobe

resection) ม�การหายจากการช่ก  46%

                           การผ่�าตัดสมองส�วินิหนิ$า (Frontal lobe resection) ม�การหายจากการช่ก  27%

                           การผ่�าตัดแยกสมองสองขั้$าง (Corpus callosotomy) ม� 35%

ที่��ที่�เลาจากการช่กอย�างร�นิแรง                            การผ่�าตัด (Multiple subpial transection) ม� 16% การหายจากการช่ก                             การศึ9กษานิ�'เปั3นิการศึ9กษาแบับั metaanalysis โดยรวิบัรวิมผ่ลการผ่�าตัดจากหลายๆรายงานิมาวิ�เคราะห6 ปัระช่ากรแตั�ละอย�างอาจแตักตั�างกนิ รวิมที่'งสาเหตั�ขั้องโรคลมช่กม�หลายแบับั แตั�ก=ที่-าให$เห=นิในิภาพรวิมวิ�าผ่ลการผ่�าตัดในิระยะยาวิคล$ายกบัผ่ลการผ่�าตัดในิระยะส'นิและการผ่�าตัด temporal resection และ hemispherectomy

ม�โอกาสหายจากการช่กมากกวิ�าการผ่�าตัดแบับัอ%�นิ

Page 24: Epilepsy Syndromes

1. Tellez-Zenteno J, Dhar R, Wibe S. Long-term seizure outcomes following epilepsy surgery: a systematic review and meta-analysis. Brain 2005; 128:1188-1198.การรกษาที่างยาValproic ช่�วิยย%ดอาย�ในิผ่2$ปั?วิยเนิ%'องอกสมอง glioblastoma?

Valproic acid ช่�วิยย%ดอาย�ในิผ่2$ปั?วิยเนิ%'องอกสมอง Glioblastoma ในิการศึ9กษา EORCT/NCIC พบัอาการช่กปัระมาณ์ 30-50% ในิผ่2$ปั?วิยเนิ%'องอกสมองร$ายแรง gliobalstoma ผ่2$ปั?วิยเนิ%'องอกสมองร$ายแรง gliobalstoma ที่��ไม�ม�อาการช่ก ไม�จ-าเปั3นิที่��จะได$รบัยากนิช่ก ในิผ่2$ปั?วิยเนิ%'องอกที่��ช่กมกได$รบัยากนิช่กมาตัรฐานิ ถุ9งแม$ยงไม�เปั3นิที่��แนิ�ช่ดวิ�าควิรจะใช่$ยากนิช่กตัวิไหนิ การศึ9กษาขั้อง North Central Cancer Treatment

Group (NCCTG) บั�งบัอกวิ�าผ่2$ปั?วิยที่��ได$รบัการวิ�นิ�จฉัยใหม�วิ�าเปั3นิเนิ%'องอก gliobalstoma ที่��ได$รบัยากนิช่กปัระเภที่ cytochrome P450 enzyme-inducing

(EIAED) ม�ผ่ลการรกษาที่��ด� ในิปั�จจ�บันิผ่2$ปั?วิยเนิ%'องอกในิสมองส�วินิมากได$รบัยากนิช่กที่��ไม�ใช่� EIAED (non-EIAEDs) เช่�นิ levetiracetam ซ้9�งยาในิกล��มนิ�'ไม�ม�ผ่ลตั�อเมตัาบัอล�สมขั้องยาตั$านิเนิ%'องอกและสเตั�ยรอยด6และม�ผ่ลนิ$อยตั�อเม=ดเล%อด

มาตัรฐานิการรกษาเนิ%'องอกสมองร$ายแรง gliobalstoma หลงผ่2$ปั?วิยได$รบัการผ่�าตัดค%อการฉัายแสงและให$ยา temozolamide 6 เด%อนิ Weller และคณ์ะได$ที่-าการศึ9กษาย$อนิหลงในิผ่2$ปั?วิยที่��ได$เขั้$ารบัการศึ9กษา ในิการศึ9กษา The European Organization for Research and Treatment of Cancer (EORCT) 26981-222981/National Cancer Institute of Canada (NCIC) CE.3 ในิการศึ9กษาที่างคล�นิ�กขั้องผ่2$ปั?วิยที่��ได$รบัการวิ�นิ�จฉัยวิ�าเปั3นิ Glioblastoma เปั3นิคร'งแรกด$วิยการฉัายแสงร�วิมกบัการให$หร%อไม�ให$ยา temozolomide (TMZ) โดยด2ผ่ลกระที่บัขั้องปัฏิ�ก�ร�ยาระหวิ�าง ยากนิช่กและการให$ยาเคม�และฉัายแสงตั�อการรอดช่�วิ�ตั และปัรบัขั้$อม2ลตัามปั�จจยที่��ที่ราบัแนิ�ช่ดวิ�าม�ผ่ลตั�อการรกษา

เม%�อที่-าการศึ9กษาม�ผ่2$ปั?วิย 175 (30.5%) คนิที่��ไม�ได$รบัยากนิช่ก 277 (48.3%)

ก-าลงได$รบัยากนิช่กที่��เปั3นิ enzyme-inducing (EIAED) และ 135 (23.4%) ก-าลงได$ยากนิช่กที่��ไม�ใช่� EIAED (ค%อ Valproate)(non-EIAED)พบัวิ�าผ่2$ปั?วิยที่��ได$รบัยากนิช่กม�การรอดช่�วิ�ตัไม�แตักตั�างจากกล��มที่��ไม�ได$รบัยากนิช่ก แตั�พบัวิ�าผ่2$ปั?วิยที่��ได$รบัยากนิช่ก valproic acid (VPA) 97 รายม�การรอดช่�วิ�ตัเพ��มขั้9'นิ (ค�าเฉัล��ย 17.3 เด%อนิ) เม%�อเที่�ยบักบักล��มที่��ได$ EIAED อย�างเด�ยวิ (14.4 เด%อนิ) หร%อ กล��มที่��ไม�ได$รบัยากนิช่กเลย (14.0

เด%อนิ) การได$ยากนิช่ก VPA อย�างเด�ยวิไม�ช่�วิยเพ��มการรอดช่�วิ�ตัในิกล��มที่��ได$รบัการฉัายแสงอย�างเด�ยวิแตั�ไม�ได$รบัยา temozolomide และเปั3นิที่��คาดไวิ$ค%อการได$ยา VPA พบัวิ�าม�พ�ษที่างโลห�ตัวิ�ที่ยาค%อ เกล=ดเล%อดและเม=ดเล%อดขั้าวิตั-�ากวิ�าในิกล��มที่��ไม�ได$รบัยากนิช่ก หร%อได$ยา EIAED อย�างเด�ยวิ

เหตั�ผ่ลในิการได$ปัระโยช่นิ6จาก VPA ยงไม�เปั3นิที่��แนิ�ช่ด ผ่2$วิ�จยค�ดวิ�า VPA อาจเพ��ม bioavailability ขั้อง temozolomide ที่��เปั3นิ histone deacetylase (HDAC)

inhibitor หร%อช่กนิ-า autophagy ในิ vivo VPA ลด temozolomide

 

Page 25: Epilepsy Syndromes

clearance และอาจเพ��มการเขั้$าถุ9งยาเคม�บั-าบัด แตั�อย�างไรก=ตัาม VPA ลด temozolomide clearance 5% จ9งเปั3นิไปัไม�ได$ที่��จะเพ��มปัระส�ที่ธี�ภาพในิการรกษา เหตั�ผ่ลที่��นิ�าจะเปั3นิไปัได$ค%อ VPA ไปัยบัย'ง HDAC และเพ��มฤที่ธี�Cในิการยบัย'งเนิ%'องอกขั้องการฉัายแสงและ temozolomide ในิขั้ณ์ะที่��ควิามสนิใจม��งไปัที่�� HDAC inhibitor ที่��เปั3นิ radiosensitizers การที่�� VPA ร�วิมกบัการฉัายแสงอย�างเด�ยวิไม�ช่�วิยย%ดอาย�ในิผ่2$ปั?วิยบั�งช่�'วิ�าถุ$าม� synergistic antitumoral effect มนิอาจเก�ดจากตัวิ temozolomide

เอง นิอกจากนิ�' VPA ม�ศึกยภาพในิการกระตั�$นิ autophagy และเพ��มควิามไวิขั้องเซ้ลล6 glioblastoma ตั�อ cytotoxic agents

แพที่ย6ที่��รกษาผ่2$ปั?วิย Glioblastoma ควิรที่��จะใช่$ยา VPA เปั3นิปัระจ-าหร%อไม� ถุ9งแม$ผ่ลการศึ9กษาจะนิ�าสนิใจ การแปัลผ่ลควิรระมดระวิงและนิ�าจะได$ขั้$อม2ลมากกวิ�านิ�' ผ่ลการศึ9กษานิ�'เปั3นิการศึ9กษาแบับัย$อนิหลงที่��ไม�ได$วิางแผ่นิ การศึ9กษานิ�'ม� underpowered และไม�ม�การส��มอาจที่-าให$ม�อคตั�ได$ การที่��พบัวิ�าอาย�เฉัล��ยในิการม�ช่�วิ�ตัในิกล��มที่��ได$รบัการฉัายแสงอย�างเด�ยวิในิกล��มที่��ได$ VPA (10.1 เด%อนิ) แย�กวิ�าในิ EIAED (12.5 เด%อนิ) และในิผ่2$ปั?วิยที่��ไม�ได$รบัยากนิช่ก (12.0 เด%อนิ) เปั3นิที่��นิ�าแปัลกใจและที่-าให$เก�ดควิามสงสยวิ�าปัระโยช่นิ6ขั้อง VPA ในิผ่2$ปั?วิยที่��ได$รบัการฉัายแสงและ temozolomide อาจเก�ดโดยบังเอ�ญ VPA ยงม�ผ่ลตั�อระบับัโลห�ตัขั้ณ์ะได$รบัการรกษาด$วิยยา temozolomide และผ่2$ปั?วิยเก%อบัสองเที่�าที่��ตั$องช่ะลอการให$ยาในิรอบัตั�อไปั ขั้$อม2ลเหล�านิ�'จะได$จากการศึ9กษาในิอนิาคตัที่��เพ��งที่-าการศึ9กษาเสร=จ ซ้9�งในิปั�จจ�บันิขั้$อม2ลที่��ได$มายงไม�ช่ดเจนิวิ�าปัระโยช่นิ6ในิการย%ดอาย�ขั้อง VPA ค�$มค�ากบัการเพ��มขั้องพ�ษตั�อโลห�ตัวิ�ที่ยาขั้อง VPA

ที่��มา: <!--[if !supportLists]-->1. <!--[endif]-->Wen P, Schiff D. Valproic

acid as the AED of choice for patients with glioblastoma? Editorial. Neurology 2011; 77:1114-1115.

<!--[if !supportLists]-->2. <!--[endif]-->Weller M, Gorlia T, Cairncross JG, van den Bent MJ, Mason W, Belanger K, et al. Prolonged survival with valproic acid use in the EORCT/NCIC temozolomide trial for glioblastoma. Neurology 2011;; 77:1156-1164.โฟล�คช่�วิยลดภาวิะเหง%อกบัวิมจากยากนิช่ก

ภาวิะเหง%อกบัวิมเปั3นิภาวิะแที่รกซ้$อนิที่��ส-าคญในิผ่2$ปั?วิยที่��ได$รบัยากนิช่ก Phenytoin (PHT) ซ้9�งพบัได$ปัระมาณ์คร9�งหนิ9�งขั้องผ่2$ปั?วิยที่��ได$รบัยา Arya และคณ์ะได$ที่-าการศึ9กษาการใช่$โฟล�คในิการปั,องกนิเหง%อกบัวิม Phenytoin-induced gingival

overgrowth (PIGO) ในิผ่2$ปั?วิยเด=กที่��เปั3นิโรคลมช่กอาย� 6-15 ปั<ที่��ได$รบัยากนิช่ก phenytoin ตัวิเด�ยวิ ในิวิารสาร Neurology ฉับับัเด%อนิเมษายนิ 2011

ยากนิช่ก PHT ถุ2กนิ-ามาใช่$ในิการรกษาโรคลมช่กตั'งแตั�ปั< ค.ศึ. 1938 และภาวิะเหง%อบัวิมเปั3นิผ่ลขั้$างเค�ยงที่��พบัได$บั�อย ม�การศึ9กษาพบัวิ�าเก�ดได$ 25-40%, 50-60% ม�หลกฐานิการศึ9กษาเบั%'อตั$นิพบัวิ�าโฟล�คม�ผ่ลในิการรกษา PIGO

ในิปัระเที่ศึก-าลงพฒนิา PIGO เปั3ฯปั�ญหาส-าคญเพราะวิ�าม�ผ่ลตั�อควิามสวิยงามและ

Page 26: Epilepsy Syndromes

อตัลกษณ์6 และยาม�ราคาถุ2กและใช่$บั�อยและยงม�ผ่ลตั�อส�ขั้ภาพฟ�นิ การศึ9กษานิ�'ม�วิตัถุ�ปัระสงค6ที่��จะศึ9กษาวิ�าการก�นิโฟล�คสามารถุปั,องกนิ PIGO ได$ในิเด=กอาย� 6-15 ปั<

การศึ9กษานิ�'เปั3นิการศึ9กษาแบับั randomized, double-blind, placebo-

controlled ในิโรงพยาบัาลระดบั 3 ระหวิ�างเด%อนิพฤษภาคม 2008- ม�ถุ�นิายนิ 2009 ในิเด=กอาย� 6-15 ปั<ที่��ได$รบัยากนิช่ก PHT ตัวิเด�ยวิ โดยกล��มที่��ศึ9กษาจะส��มเล%อกระหวิ�างผ่2$ได$รบัโฟล�ก 0.5 mg/วินิ กบัที่��ได$รบัยาหลอก และวิดผ่ลการศึ9กษาหลงจากได$รบัยา 6 เด%อนิ วิ�าม�การเก�ด PIGO มากนิ$อยแค�ไหนิ และอ�บัตั�การณ์6ขั้อง A&G grade 2 หร%อมากกวิ�าเที่�าไร โดย A&G grade เปั3นิการวิดระดบัขั้อง gingival hyperplasia ในิรายที่��เกรด 2 ก=จะม� hyperplasia 1/3 ขั้องฟ�นิ (anatomic crown) และเกรดมากก=ย��งม�มาก

ผ่ลการศึ9กษาในิเด=ก 120 คนิ ได$รบัโฟล�ก 68 คนิ ได$ยาหลอก 58 คนิ พบัวิ�า ผ่2$ปั?วิยที่��ได$รบัโฟล�ก 21% เก�ด PIGO เม%�อเที่�ยบักบั 88% ที่��ได$รบัยาหลอก (ม�นิยส-าคญที่างสถุ�ตั�) และพบัวิ�าการได$รบัโฟล�กม� absolute risk reduction PIGO 67%, relative

risk reduction 0.76 ไม�พบัควิามแตักตั�างขั้องขั้นิาดหร%อระดบัยา PHT ในิผ่2$ปั?วิยที่��ได$รบัโฟล�คและเก�ด PIGO แตั�ในิกล��มที่��ได$รบัยาหลอกพบัวิ�าระดบัยา PHT ในิคนิที่��เก�ด PIGO

ส2งกวิ�าในิคนิที่��ไม�เก�ดถุ9งแม$ขั้นิาดยา PHT จะไม�แตักตั�างกนิ ซ้9�งอาจเปั3นิไปัได$วิ�าในิกล��มคนิที่�วิไปัระดบัยา PHT ม�ผ่ลตั�อการเก�ด PIGO แตั�การให$โฟล�คม�ผ่ลในิการลดภาวิะนิ�'

ระยะเวิลาที่��เก�ด PIGO พบัวิ�า เก%อบั 16% ในิกล��มได$โฟล�ค และ 67% ในิกล��มได$ยาหลอกเก�ด PIGO หลงจากตั�ดตัาม 2 เด%อนิ และเม%�อระยะเวิลา 4 เด%อนิ 21% ในิกล��มโฟล�ค และ 83% ในิกล��มยาหลอกเก�ด PIGO

ซ้9�งจากการศึ9กษานิ�'สร�ปัวิ�าการก�นิโฟล�กช่�วิยลดการเก�ดภาวิะเหง%อกบัวิมจาก PHT

ที่��มา Arya R, Gulari S, Kabra M, Sahu JK, Kalra V. Folic acid supplementation prevents phenytoin-induced gingival overgrowth in children. Neurology 2011; 76:1338-1343ปั�จจยที่��ม�ผ่ลตั�อผ่ลขั้$างเค�ยงขั้องยากนิช่ก

ผ่ลขั้$างเค�ยงขั้องยากนิช่กเปั3นิส��งที่��ผ่2$ปั?วิยกงวิลเม%�อเร��มใช่$ยากนิช่ก Perucca และคณ์ะได$ที่-าการศึ9กษาขั้อบัเขั้ตัขั้องผ่ลขั้$างเค�ยงในิผ่2$ปั?วิยที่��เพ��งได$รบัการวิ�นิ�จฉัยวิ�าเปั3นิโรคลมช่กที่��เร��งใช่$ยากนิช่ก โดยศึ9กษาถุ9งผ่ลจากตัวิยาเองและปั�จจยอ%�นิๆที่��ม�ส�วินิที่��ที่-าให$เก�ดผ่ลขั้$างเค�ยง

ควิามจ-าที่��ลดลง, การที่รงตัวิไม�ด�, ง�วิงนิอนิมาก และอารมณ์6แปัรปัรวินิอาจม�ได$ถุ9ง 60% ในิผ่2$ปั?วิยที่��รบัปัระที่านิยากนิช่ก และม�ผ่ลกระที่บัตั�อช่�วิ�ตัปัระจ-าวินิ และการแพ$ยาแบับั idiosyncratic พบัได$บั�อยในิยากนิช่กมากกวิ�ายาแบับัอ%�นิๆ การให$ค-าปัร9กษาเก��ยวิกบัควิามปัลอดภยขั้องยากนิช่กขั้9'นิกบัขั้$อม2ลที่��มาจากการศึ9กษาแบับัส��มและการศึ9กษาแบับัสงเกตั� แตั�ส�วินิมากการศึ9กษานิ'นิออกแบับัมาให$ตัรงกบัขั้$อบังคบัที่��ตั$องการ และผ่ลการศึ9กษานิ-าไปัใช่$ในิการปัฏิ�บัตั�ไม�ค�อยได$ เพราะใช่$ขั้$อยกเวิ$นิ กฏิเกณ์ฑ์6ในิการเล%อก ม�การศึ9กษานิ$อยที่��ใช่$วิ�ธี�ให$ผ่2$ปั?วิยรายงานิเองเพ%�อที่��จะบัอกและหาจ-านิวินิภาวิะที่��เปั3นิพ�ษขั้องยากนิช่กในิผ่2$ปั?วิยที่��เพ��งได$รบัการวิ�นิ�จฉัยวิ�าเปั3นิโรคลมช่ก

ผ่2$วิ�จยได$รวิบัรวิมขั้$อม2ลจากการศึ9กษาแบับัไปัขั้$างหนิ$า 2 แหล�งค%อ Multicenter

Page 27: Epilepsy Syndromes

Study of Early Epilepsy and Single Seizures และ Northern

Manhattan Study of incident unprovoked seizures และเปัร�ยบัเที่�ยบัโปัรไฟล6ขั้องผ่ลขั้$างเค�ยง (adverse event profile; AEP) และปั�จจยตั�างๆในิผ่2$ใหญ�ที่��ได$รบัยากนิช่กและกล��มควิบัค�ม

ผ่ลการศึ9กษาพบัวิ�าม�ผ่2$ปั?วิย 212 รายและกล��มควิบัค�ม 206 ราย ซ้9�งผ่2$ปั?วิยส�วินิมากรบัปัระที่านิยากนิช่กขั้นิาดไม�ส2ง คะแนินิผ่ลขั้$างเค�ยง (AEP) ไม�ม�ควิามแตักตั�างกนิระหวิ�างที่'งสองกล��ม ภาวิะซ้9มเศึร$าเปั3นิปั�จจยที่��ส-าคญที่��ส�ด, เพศึหญ�ง, การม�สาเหตั�โรคลมช่ก (symptomatic etiology), อาย�นิ$อยที่��เร��มช่ก, ม�ปัระวิตั�ม�ไขั้$แล$วิช่ก ม�ควิามสมพนิธี6กบัคะแนินิผ่ลขั้$างเค�ยงที่��ส2ง คะแนินิผ่ลขั้$างเค�ยงที่��ส2งในิที่'งกล��มผ่2$ปั?วิยและกล��มควิบัค�มเพ��มเม%�อม�จ-านิวินิช่กมากขั้9'นิโดยเฉัพาะในิกล��มผ่2$ปั?วิย

ภาวิะซ้9มเศึร$าเปั3นิปั�จจยที่��ม�ส�วินิกบัการเก�ดคะแนินิผ่ลขั้$างเค�ยงมากที่��ส�ด และคะแนินิแย�ที่��ส�ดในิปั�จจย 3 อย�างค%อ cognition/coordination, การนิอนิหลบั และผ่�วิหนิง และเคยม�รายงานิแบับันิ�'เช่�นิเด�ยวิกนิ อาจแปัรผ่ลได$วิ�าม�การที่บัซ้$อนิกนิระหวิ�าง ภาวิะซ้�มเศึร$าที่��เก�ดในิโรคลมช่กและจากพ�ษขั้องยากนิช่ก และบัางคร'งอาการก=แยกยากวิ�าเก�ดจากอะไร และในิกรณ์�ที่��ไม�ได$เปั3นิมากอาจค�ดวิ�าเก�ดจากยากนิช่ก ซ้9�งบัางที่�อาจเปั3นิโรคลมช่กร�วิมกบัภาวิะซ้9มเศึร$าเอง ดงนิ'นิอาจตั$องที่-าการส-ารวิจด$านิอารมณ์6ก�อนิร�วิมกบัศึ9กษาผ่ลจากยากนิช่ก ส�วินิอาย�นิ$อยที่��เร��มช่กม�ส�วินิเก��ยวิกบัผ่ลขั้$างเค�ยงยงไม�ที่ราบัสาเหตั�แนิ�ช่ด แตั�อาจเปั3นิวิ�าคนิที่��อาย�นิ$อยเม%�อม�ผ่ลขั้$างเค�ยงเล=กนิ$อยก=สามารถุรายงานิได$ การช่กที่��ม�สาเหตั� (symptomatic

epilepsy) ม�ผ่ลขั้$างเค�ยงมากกวิ�าการช่กจากสาเหตั�อ%�นิ อาจเนิ%�องจากการช่กปัระเภที่นิ�'ตั$องใช่$ยากนิช่กขั้นิาดส2ง หร%อม�ผ่ลที่างระบับัปัระสาที่ที่-าให$เก�ดการรบัร2$ผ่ลขั้$างเค�ยงจากยากนิช่กมากขั้9'นิ

กล�าวิโดยสร�ปัเม%�อให$การรกษาโรคลมช่กด$วิยยากนิช่กขั้นิาดไม�ส2งในิผ่2$ปั?วิยที่��เพ��งได$รบัการวิ�นิ�จฉัยวิ�าเปั3นิโรคลมช่ก คะแนินิผ่ลขั้$างเค�ยงจากยากนิช่กไม�แตักตั�างจากในิคนิที่��ไม�ได$รบัปัระที่านิยากนิช่ก การด2ปั�จจยที่��อาจม�ผ่ลตั�อผ่ลขั้$างเค�ยงขั้องยากนิช่กอาจช่�วิยที่-าให$สามารถุรบัยากนิช่กได$ด�ขั้9'นิ ที่��มา: Perucca P, Jacoby A, Marson AG, Baker GA, Lane, Benn EKT, Thurman DJ, Hauser WA, Gilliam FG, Hesdorffer DC. Adverse antiepileptic drug effects in new-onset seizures. A case-control study. Neurology 2011; 76:273-9.การให$นิมบั�ตัรในิหญ�งที่��ก�นิยากนิช่ก

เปั3นิที่��ที่ราบักนิด�วิ�าการให$นิมบั�ตัรเปั3นิปัระโยช่นิ6ตั�อที่'งแม�และเด=ก การให$นิมบั�ตัรช่�วิยลดควิามเส��ยงตั�อการตั�ดเช่%'อที่างเด�นิหายใจส�วินิล�าง ผ่�วิหนิงอกเสบั ห%ด การตั�ดเช่%'อห2ส�วินิกลาง ล-าไส$อกเสบั โรคอ$วินิ เบัาหวิานิ มะเร=งเม=ดเล%อดขั้าวิในิเด=ก การตัายโดยไม�ที่ราบัสาเหตั�ในิที่ารก ม�การศึ9กษาหลายคร'งที่��แสดงให$เห=นิวิ�าการให$นิมบั�ตัรอาจม�ผ่ลบัวิกตั�อการพฒนิาควิามจ-า (cognitive) แตั�ยงไม�เปั3นิที่��สร�ปัแนิ�นิอนิ แตั�ม�ควิามวิ�ตักกงวิลในิการให$นิมบั�ตัรขั้ณ์ะที่��ก�นิยากนิช่กวิ�าอาจม�อนิตัรายตั�อการพฒนิา cognitive หร%อไม�

Meadow และคณ์ะได$ที่-าการศึ9กษาโดยเปั3นิกล��ม The

Page 28: Epilepsy Syndromes

Neurodevelopmental Effects of Antiepileptic Drugs (NEAD) โดยการเฝั,าสงเกตั�ไปัขั้$างหนิ$าถุ9งผ่ลที่างด$านิพฤตั�กรรมขั้องยากนิช่ก โดยศึ9กษาหญ�งตั'งครรภ6ที่��เปั3นิโรคลมช่ก ซ้9�งรบัปัระที่านิยากนิช่กตัวิเด�ยวิ อย�างใดอย�างหนิ9�งในิ 4 ตัวิได$แก� Carbamazepine, lamotrigine, phenytoin, valproate ระหวิ�างตั�ลาคม 1999-มกราคม 2004 ในิศึ2นิย6โรคลมช่ก 25 แห�งในิสหรฐอเมร�กาและสหราช่อาณ์าจกร และเพ��งได$รายงานิผ่ลการศึ9กษาเบั%'องตั$นิขั้องผ่ลตั�อควิามจ-าในิเด=กอาย� 3 ปั<เม%�อไม�นิานิมานิ�' ในิการศึ9กษานิ�'ศึ9กษาหญ�งตั'งครรภ6ที่��ที่านิยากนิช่ก 1 ตัวิในิ 4 ตัวิ ไม�รวิมพวิกที่��ที่านิยากนิช่กหลายตัวิ ไม�รวิมแม�ที่��ม�ไปัค�วิตั-�ากวิ�า 70 และม�โรคอ%�นิๆเช่�นิซ้�ฟ>ล�ส HIV seropositive เบัาหวิานิ ได$รบัยาที่��อาจม�ผ่ลตั�อเด=กอ%�นิๆ

การวิ�เคราะห6ขั้$อม2ลม�เด=กที่'งหมด 199 คนิซ้9�งได$ที่-าการปัระเม�นิ cognitive ที่��อาย� 3 ปั<และขั้ณ์ะที่��ที่-าการให$นิมบั�ตัร การวิ�เคราะห6อย�างแรกค%อเปัร�ยบัเที่�ยบัเด=กที่��ได$รบันิมแม�ที่��ได$รบัการกนิช่กที่�กตัวิกบัเด=กที่��ไม�ได$รบันิมแม�ที่��อาย� 3 ปั< การวิ�เคราะห6ขั้'นิที่�� 2 ด2ผ่ลขั้องยาแตั�ละตัวิในิเด=กที่��ได$รบัการเล�'ยงด$วิยนิมแม�

ผ่ลการศึ9กษาพบัวิ�าการให$นิมบั�ตัรขั้ณ์ะที่��ได$ยากนิช่กไม�ม�ควิามแตักตั�างด$านิ IQ ในิเด=กที่��ได$รบัการเล�'ยงด$วิยนิมแม�กบัเด=กที่��ไม�ได$นิมแม� และในิยากนิช่กแตั�ละตัวิก=ไม�ม�ควิามแตักตั�างขั้อง IQ ขั้องเด=กที่��ได$นิมแม� และสอดคล$องกบัรายงานิก�อนิหนิ$านิ�'วิ�า IQ ขั้องเด=กที่��อาย� 3

ปั<ที่��เก�ดจากหญ�งที่��ได$ยากนิช่กม�ควิามสมพ�นิธี6กบั IQ ขั้องแม� อาย�แม�ที่��ตั'งครรภ6 อาย�ครรภ6 การใช่$โฟล�คก�อนิที่$อง และช่นิ�ดขั้องยากนิช่กที่��สมผ่ส ในิเด=กที่��ได$รบัยากนิช่ก valproate ม�ควิามเส��ยงตั�อควิามพ�การตั�อก-าเนิ�ดและ cognitive impairment สมาคมปัระสาที่วิ�ที่ยาสหรฐอเมร�กาแนิะนิ-าให$หล�กเล��ยง valproate ในิช่�วิงตั'งครรภ6 3 เด%อนิแรกเพ%�อลดควิามพ�การที่��ร�นิแรงและตัลอดการตั'งครรภ6เพ%�อลดการลดลงขั้อง cognitive

อย�างไรก=ตัามในิการตั�ควิามขั้องการศึ9กษานิ�'ตั$องระมดระวิง เพราะขั้นิาดการศึ9กษาที่��กล��มตัวิอย�างเล=ก ม�ม�กล��มควิบัค�มที่��ไม�ได$รบัยากนิช่ก ไม�ม�ปัร�มาณ์นิมแม�ที่��ก�นิ ไม�ม�ระดบัยากนิช่กในินิ-'านิมแม�และเล%อดที่ารกและอาย�เด$กยงนิ$อยขั้ณ์ะแปัลผ่ลการศึ9กษา และไม�ได$ม�การศึ฿กษาผ่ลขั้องยากนิช่กในินิ-'านิมในิที่ารกที่��ไม�ได$สมผ่สยากนิช่กขั้ณ์ะแม�ตั'งครรภ6 ไม�ได$เปั3นิการศึ9กษาแบับั randomized trial ซ้9�งในิกล��มเด=กที่��ได$รบันิมแม�จะม� IQ ขั้องแม�ส2งกวิ�าและได$รบั folate มากกวิ�าในิกล��มที่��ไม�ได$รบันิมแม�

นิอกจากนิ�'ผ่ลกระที่บัขั้องยากนิช่กขั้ณ์ะได$รบัจากนิ-'านิมตั�อเด=กอาจนิ$อยมากเม%�อเที่�ยบักบัขั้ณ์ะอย2�ในิครรภ6ที่��ได$รบัยากนิช่ก ที่-าให$บัดบังผ่ลอ%�นิๆขั้ณ์ะที่��ได$รบันิ-'านิม จ-าเปั3นิตั$องม�การศึ9กษาเพ��มเตั�มตั�อไปั และศึ9กาในิยากนิช่กตัวิอ%�นิและในิหญ�งที่��ได$รบัยากนิช่กหลายตัวิด$วิย ที่��มา: Meador KJ,Baker GA, Browning N, Clayton-Smith J, Combs-Cantrell DT, Cohen M, et al. Effects of breastfeeding inchildren of women taking antiepileptic drugs. Neurology 2010; 75:1954-1960.Statin กบัโรคลมช่ก

Statins (Reductase inhibitor) เปั3นิยาที่��ใช่$บั�อยในิกล��มโรคหวิใจและหลอดเล%อด ม�การศึ9กษาแสดงให$เห=นิวิ�า statins ม�ฤที่ธี�Cปั,องกนิโรคอ%�นิๆรวิมที่'งโรคที่างระบับั

Page 29: Epilepsy Syndromes

ปัระสาที่เช่�นิ Multiple sclerosis (MS), ไขั้สนิหลงได$รบับัาดเจ=บั โดยไปัลดการอกเสบั ปั�จจ�บันิม�รายงานิเพ�ยงรายงานิเด�ยวิที่��แสดงวิ�า atorvastatin ลดการช่กและเซ้ลล6สมองตัายในิหนิ2 แตั�ไม�รายงานิที่��เปั3นิแบับั randomized ที่��แสดงวิ�า statins ไปัปัรบัเปัล��ยนิอาการช่ก Etminan ได$รายงานิการศึ9กษาแบับั phamacoepidemiology ในิวิารสาร Neurology เด%อนิตั�ลาคม 2010

ในิรายงานินิ�'เปั3นิการศึ9กษาในิปัระช่ากรที่��ม�โรคหลอดเล%อดและหวิใจในิควิ�เบัค แคนิาดาที่��ด$รบัการที่-า coronary revascularization หร%อขั้ยายหลอดเล%อดหวิใจระหวิ�างปั< 1995-2004 โดยปัระช่ากรนิบัตั'งแตั�ได$รบัการขั้ยายหลอดเล%อดหวิใจจนิถุ9ง วินิที่��จบัการศึ9กษา หร%อ เส�ยช่�วิ�ตั หร%อหมดระยะค�$มครองส�ขั้ภาพ case หร%อปัระช่ากรที่��ศึ9กษาค%อสมาช่�กที่��ม�การวิ�นิ�จฉัยคร'งแรกวิ�าเปั3นิโรคลมช่ก

ผ่ลการศึ9กษาม�ปัระช่ากร 150,555 คนิ ม�ปัระช่ากรที่��เปั3นิกล��มศึ9กษา 217 คนิ กล��มควิบัค�ม 2170 คนิ กล��มที่��เปั3นิ cases มกม�โรคปัระจ-าตัวิอ%�นิๆมากกวิ�ากล��มควิบัค�มยกเวิ$นิการม�หวิใจขั้าดเล%อดและการใช่$ยา tricyclic antidepressant พอๆกนิ อ�บัตั�การณ์6ขั้องโรคลมช่กในิปัระช่ากรเที่�ากบั 3.6 ในิ 10,000 person-years อ�บัตั�การณ์6โรคลมช่กในิกล��มที่��ใช่$ statins 5.18 ในิ 10,000 person-years

Adjusted rate ratio (ARR) ในิพวิกที่��ใช่$ statins อย2� (ในิ 30 วินิ) เที่�ากบั 0.65 แตั�ไม�พบัปัระโยช่นิ6ในิพวิกที่��เคยใช่$ (ก�อนิ 30 วินิ) และไม�พบัปัระโยช่นิ6ในิกล��มควิบัค�มที่��ใช่$ยาอ%�นิๆเช่�นิ nonstatin cholesterol lowering drugs, beta-blockers,

ACE-Is และพบัวิ�า statins ลดควิามเส��ยงลมช่ก 5% ที่�กๆกรมขั้อง atorvastatin

แตั�ละปั<การศึ9กษานิ�'แสดงหลกฐานิเบั%'องตั$นิวิ�าการใช่$ statins ในิการปั,องกนิโรคลมช่ก แตั�

เปั3นิการศึ9กษาแบับั observational จ-าเปั3นิที่��จะตั$องศึ9กษาแบับั randomized

controlled trials เพ%�อย%นิยนิและตัดส�นิวิ�าขั้นิาดและช่นิ�ดขั้อง statins แบับัไหนิที่��ได$ผ่ลที่��มา: Etminan M, Samii A, Brophy JM. Statin use and risk of

epilepsy. Neurology 2010; 75:1496-1500.ยากนิช่กกบัการฆ่�าตัวิตัาย

ผ่2$ปั?วิยโรคลมช่กม�ควิามเส��ยงตั�อการเส�ยช่�วิ�ตัก�อนิวิย และการฆ่�าตัวิตัายก=เปั3นิสาเหตั�หนิ9�ง การวิ�จยเม%�อไม�นิานิมานิ�'แบับั Meta-analysis คาดการณ์6วิ�า อตัราตัาย (Standardized mortality ratio; SMR) จากการฆ่�าตัวิตัายปัระมาณ์ 3.3 FDA

ขั้องสหรฐอเมร�กาได$ออกค-าเตั%อนิเก��ยวิกบัควิามเส��ยงการฆ่�าตัวิตัายในิผ่2$ปั?วิยที่��รบัปัระที่านิยากนิช่กเม%�อปั< 2551 และได$ให$บัร�ษที่ยาระบั�ค-าเตั%อนิในิฉัลากเก��ยวิกบัควิามเส��ยงนิ�'ด$วิย แตั�การศึ9กษานิ'นิรวิมยากนิช่กหมดที่�กตัวิ ม�การศึ9กษาขั้อง Anderson และคณ์ะในิวิารสาร Neurology เด%อนิกรกฎาคมเก��ยวิกบัยากนิช่กและการฆ่�าตัวิตัาย

โดยในิการศึ9กษานิ�'ได$แยกยากนิช่กแตัละตัวิเปั3นิ 4 กล��มโดยกล��มที่�� 1 ค%อ Barbiturates, กล��ม 2 ยากล��มมาตัรฐานิ ยากล��ม 3 ยากนิช่กใหม�ที่��ม�ควิามเส��ยงภาวิะซ้9มเศึร$านิ$อย (lamotrigine, gabapentin, pregabalin, oxcarbazepine) ยาก

Page 30: Epilepsy Syndromes

ล��ม 4 ยากนิช่กใหม�ที่��ม�ควิามเส��ยงภาวิะซ้9มเศึร$าส2ง (levetiracetam, tiagabine,

topiramate, vigabatrin) โดยอาศึยการศึ9กษาที่��พบัควิามถุ��ขั้องการเก�ดภาวิะซ้9มเศึร$าในิที่างคล�นิ�กมากกวิ�า หร%อ นิ$อยกวิ�า 1% ขั้องยากนิช่กตัวินิ'นิ

การศึ9กษานิ�'เปั3นิการเก=บัขั้$อม2ลล�วิงหนิ$าในิฐานิขั้$อม2ลผ่2$ปั?วิยมากกวิ�า 6.4 ล$านิคนิจากคล�นิ�กในิสหราช่อาณ์าจกร 450 แห�ง (United Kingdom General Practice

Research Database; GPRD) โดยเปั3นิการศึ9กษาแบับั neasted case-control

study ในิผ่2$ปั?วิยที่��ได$รบัยากนิช่กอย�างนิ$อย 1 ตัวิระหวิ�าง 1 มกราคม 2543- 30 กนิยายนิ 2548

ผ่ลการศึ9กษาพบัวิ�าการใช่$ยากนิช่กที่��ม�ควิามเส��ยงภาวิะซ้9มเศึร$าในิปั�จจ�บันิม�ควิามเส��ยงเพ��ม 3 เที่�าตั�อ การที่-าร$ายตัวิเองและพฤตั�กรรมฆ่�าตัวิตัาย ขั้ณ์ะที่��ยากนิช่กตัวิอ%�นิไม�เพ��มควิามเส��ยง การใช่$ยากนิช่กเม%�อไม�นิานินิ�'หร%อในิอด�ตัไม�เพ��มควิามเส��ยงดงกล�าวิ ในิการวิ�เคราะห6ยากนิช่กแตั�ละตัวิพบัวิ�ายา levetiracetam ม�ควิามเส��ยงเพ��มขั้9'นิ แตั�ในิการศึ9กษาขั้อง FDA พบัวิ�ายา lamotrigine, topiramate เพ��มควิามเส��ยง แตั�การวิ�จยนิ�'ตั$องสเกตั�วิ�าม�จ-านิวินิคนิไขั้$นิ$อย (2 ตั�อ ยากนิช่กที่��ม�ควิามเส��ยง) , ยากนิช่กที่��ม�ควิามเส��ยงมากได$ขั้9'นิที่ะเบั�ยนิเปั3นิยากนิช่กเสร�ม (add-on) ส-าหรบัการช่กเฉัพาะที่�� ซ้9�งผ่2$ปั?วิยที่��ได$รบัยากล��มนิ�'จะได$รบัยากนิช่กหลายตัวิ และรายละเอ�ยดขั้องช่นิ�ดขั้องการช่ก ภาวิะที่างจ�ตัเวิช่ที่��ม�อย2�แล$วิไม�ได$ระบั�ไวิ$

การศึ9กษานิ�'เปั3นิตัวิอย�างขั้องการศึ9กษาเร��มตั$นิ แตั�ปัระเด=นิจร�งๆม�ควิามซ้บัซ้$อนิกวิ�าที่��เห=นินิ�' ที่��มา Andersohn F, Schade R, Willich SN, Garbe E. Use of antiepileptic drugs in epilepsy and the risk of self-harm or suicidal behavior. Neurology 2010; 75:335-40.Mula M, Sander JW. Antiepileptic drugs and suicidality. Much ado about very little? Editorial. Neurology 2010; 75:300-1. ยาที่างระบับัปัระสาที่กบัอาการช่ก

ขั้$อม2ลจาก WHO adverse drug reactions database ในิเร%�องผ่ลขั้อยาที่��ม�ผ่ลตั�อระบับัปัระสาที่ กบัควิามเส��ยงที่��จะม�โอกาสช่ก โดย Kumlien E และ Lundberg

PO ได$ที่-าการศึ9กษาขั้$อม2ลย$อนิหลงในิวิารสาร Seizure เด%อนิม�นิาคม 2010

 WHO program ในิการเฝั,าะวิงยาได$จดตั'งขั้9'นิหลงจากผ่ลเส�ยขั้องยา thalidomide ที่��เก�ดขั้9'นิในิช่�วิงที่ศึวิรรษ 1960 โดยม�วิตัถุ�ปัระสงค6ที่��จะรวิบัรวิมและเก=บัภาวิะไม�พ9งปัระสงค6จากยา (ADR; adverse drug reaction) ที่��ม�รายงานิในิฐานิขั้$อม2ลนิานิาช่าตั� (Vigibase)

ADR หมายถุ9งการตัอบัสนิองตั�อยาที่��ไม�ได$ตั'งในิและม�ผ่ลเส�ย ในิขั้นิาดยาที่��ใช่$ตัามปักตั�ในิผ่2$ปั?วิยเพ%�อการปั,องกนิ การวิ�นิ�จฉัย หร%อรกษาโรค หร%อส-าหรบัปัรบัเปัล��ยนิหนิ$าที่��ที่างสร�รวิ�ที่ยา โดยการรายงานิภาวิะไม�พ9งปัระสงค6เองไปัยงศึ2นิย6รบัเร%�องเพ%�อปัระเม�นิและให$โค$ดในิ 79 ปัระเที่ศึ และขั้$อม2ลที่��ได$อาจไม�เหม%อนิกนิหมดในิแง�ที่��ตั$นิก-าเนิ�ดขั้อง ADR, หร%อควิามนิ�าจะเปั3นิที่��ยาตัวินิ'นิจะที่-าให$เก�ดภาวิะไม�พ9งปัระสงค6 แตั�การที่-ารายงานินิ�'ก=พบัวิ�าม�ปัระโยช่นิ6ในิแง�ที่��

Page 31: Epilepsy Syndromes

วิ�าสามารถุตัรวิจพบัสญญานิขั้องผ่ลขั้$างเค�ยงขั้องยาที่��ไม�ตั$องการได$ผ่ลการศึ9กษาจากฐานิขั้$อม2ลม� ADR 7,375,325 คร'งจากจ-านิวินิ 3.6 ล$านิราย

และม�อาการช่กเก�ดขั้9'นิ 71,471 คร'งค�ดเปั3นิ 0.97% ขั้อง ADR และ 1.99% ขั้องคนิไขั้$ที่��รายงานิ

ผ่2$ปั?วิยโรคลมช่กที่��ม�อาการที่างจ�ตัม�มากกวิ�าปัระช่ากรที่�วิไปั ม�ควิามเส��ยง 6-12 เที่�า ดงนิ'นิการใช่$ยารกษาที่างจ�ตั (antipsychotic) จ9งพบับั�อยในิผ่2$ปั?วิยโรคลมช่ก ในิรายงานินิ�'พบัวิ�า first-generation antipsychotic ค%อ Chlorprothiexene ม�รายงานิการเก�ดอาการช่กส2ง 8.89% ขั้อง ADR ที่'งหมด ส�วินิ atypical antipsychotic ในิรายงานินิ�'สอดคล$องกบัการศึ9กษาอ%�นิโดย clozapine เปั3นิยาที่��พบัร�วิมกบัการเก�ดอาการช่กบั�อยที่��ส�ด พบัการเก�ด 3.5% ในิการศึ9กษาก�อนิจ-าหนิ�ายยาในิตัลาด ส�วินิ risperidone ม� ADR ที่��ม�อาการช่กนิ$อยกวิ�า clozapine

ยาตั$านิอาการซ้9มเศึร$าปักตั�ม�ฤที่ธี6ไปัที่างสนิบัสนิ�นิอาการช่ก (proconvulsant)

โดยออกฤที่ธี�Cไปัห$ามการ reuptake monoamines และอาการที่างอารมณ์6ก=พบับั�อยในิผ่2$ปั?วิยโรคลมช่ก ในิรายงานินิ�'พบั 1.3-14.43% โดยพบัอาการช่กบั�อยในิ maprotilene, amoxapine, imipramine, buproprion, escitalopram

อาการปัวิดศึ�รษะไมเกรนิกบัผ่2$ปั?วิยโรคลมช่กพบัร�วิมกนิบั�อย ม�รายงานิอาการช่กมากขั้9'นิจากยาตั$านิไมเกรนินิ$อย (0.11-5.48%) เพราะวิ�ายามกออกฤที่ธี�Cตั�อ receptor ในิเส$นิเล%อดนิอกสมอง

ยารกษาโรคพาร6ก�นิสนิม�รายงานิวิ�าอาจลดหร%อกระตั�$นิอาการช่กหร%อไม�เปัล��ยนิแปัลงระดบัขั้องการช่ก ยกเวิ$นิ bromocriptine (5.48%) ยาตัวิอ%�นิม�ผ่ลที่-าให$เก�ดการช่กนิ$อย

ในิพวิกอลไซ้เมอร6ที่��ม�การใช่$ยา cholinomimetic ในิรายงานินิ�'พบัวิ�า donepezil (8.4%), rivastigmine (6.41%) ม�ส�วินิเก��ยวิขั้$องกบัอาการช่ก แตั�ไม�พบัม�รายงานิขั้องภาวิะไม�พ�งปัระสงค6ขั้องยา 2 ตัวินิ�'ในิ literature

จากการศึ9กษานิ�'บั�งช่�'วิ�าการใช่$ยารกษาโรคจ�ตัเวิช่ ยาตั$านิอาการซ้9มเศึร$า และ ยารกษาอาการอลไซ้เมอร6อาจไปัลดระดบั threshold ขั้องการช่กได$ และกระตั�$นิให$เก�ดอาการช่ก แตั�อย�างไรก=ตัามการศึ9กษานิ�'เปั3นิรายงานิที่��ไม�ได$ควิบัค�ม และย$อนิหลง ในิผ่2$ปั?วิยที่��อาจม�อาการเส��ยงอย�างอ%�นิตั�อการช่ก แตั�สามารถุใช่�ในิการเตั%อนิเก��ยวิกบัควิามปัลอดภยได$ที่��มา: Seizure risk associated with neuroactive drugs: Data from WHO adverse drug reactions database. Seziure 2010; 19:69-73.การกลบัมาช่กหลงก�นิยากนิช่กแล$วิหาย

การศึ9กษาก�อนิหนิ$านิ�'พบัวิ�า การรกษาด$วิยยากนิช่กที่-าให$ไม�ม�การการช่กในิระยะยาวิปัระมาณ์ 70% ที่��เหล%ออ�ก 30% ด%'อตั�อยากนิช่กและยงคงม�อาการช่กถุ9งแม$จะให$ยากนิช่กที่��เหมาะสมก=ตัาม แตั�ม�ขั้$อม2ลอย2�ไม�มากเก��ยวิกบัการพยากรณ์6ในิระยะยาวิในิผ่2$ปั?วิยโรคลมช่กที่��ก�นิยากนิช่กแล$วิไม�ม�อาการในิระยะยาวิวิ�าเปั3นิอย�างไร

วิารสาร Archive of Neurology เด%อนิตั�ลาคม 2009 รายงานิผ่ลการศึ9กษาในิผ่2$ปั?วิยโรคลมช่กที่��ก�นิยากนิช่กแล$วิไม�ม�อาการช่กตัอนิระยะแรก และผ่ลตั�อมาในิระยะ

Page 32: Epilepsy Syndromes

ยาวิในิผ่2$ปั?วิย 566 ราย และเหล%อผ่2$ปั?วิยที่��ที่-าการศึ9กษา 481 ราย ในิจ-านิวินินิ�' 256 ราย (53%) ไม�ม�อาการช่กมากกวิ�า 1 ปั< และ ผ่2$ปั?วิย 225 ราย (47%) ยงคงม�อาการช่ก

ในิผ่2$ปั?วิย 256 รายที่��ไม�ม�อาการช่ก ผ่2$ปั?วิย 64 ราย (25%) เปั3นิ generalized epilepsy, 71 รายเปั3นิ cryptogenic partial epilepsy, 91

รายเปั3นิ symptomatic partial epilepsy

ในิผ่2$ปั?วิย 256 รายนิ�' 154 ราย(60%) ยงคงไม�ม�อาการช่ก 25 ราย (10%)

ม�อาการช่กจากสาเหตั�ที่��แก$ได$เช่�นิขั้าดยา อดนิอนิ อ�ก 77 ราย (60%) ม�อาการช่กกลบัมาโดยไม�ม�สาเหตั�ที่��พบัและในิจ-านิวินินิ�' 41 ราย (53%) ด%'อตั�อยากนิช่ก หร%ออาจกล�าวิได$วิ�าผ่2$ปั?วิยที่��ไม�ช่กมากกวิ�า 1 ปั<หลงจากก�นิยากนิช่ก ปัระมาณ์คร9�งหนิ9�งม�อาการช่กกลบัมาได$และจ-านิวินิ 1 ในิ 4 ด%'อตั�อยากนิช่ก และส�วินิมากอาการช่กและด%'อตั�อยากนิช่กเก�ดในิ 4-5 ปั<หลงจากที่��ไม�ม�อาการช่ก ปัระวิตั�การตัอบัสนิองตั�อยากนิช่ก(จ-านิวินิการรกษาด$วิยยากนิช่กที่��ได$ผ่ล)

เปั3นิปั�จจยที่��บั�งบัอกการเก�ดการด%'อตั�อยากนิช่ก และควิามถุ��ขั้องการช่กก�อนิได$รบัการรกษาและระยะเวิลาในิการเปั3นิโรคลมช่กเปั3นิปั�จจยเส��ยงที่��ส-าคญแตั�ไม�ม�นิยส-าคญที่างสถุ�ตั�

ที่��มา: Schiller Y. Seizure relapse and development of drug resistance following long-term seizure remission. Arch Neurol 2009; 66:1233-1239.ยากนิช่กและการฆ่�าตัวิตัายการฆ่�าตัวิตัาย (suiside) เปั3นิปั�ญหาสาธีารณ์ะที่��ปั,องกนิได$ suiside เปั3นิสาเหตั�อนิดบั 3

ขั้องการเส�ยช่�วิ�ตัในิคนิอาย� 15-44 ปั< suiside เปั3นิเหตั�การณ์6ดาย 1.3% ในิสหรฐอเมร�กาในิปั< 2005 และมากกวิ�า 90% ขั้องคนิที่��ฆ่�าตัวิตัายส-าเร=จม�ปั�ญหาที่างด$านิจ�ตัใจหร%อตั�ดสารเสพตั�ด ในิผ่2$ปั?วิยโรคลมช่กม�ควิามเส��ยง 3.5-5 เที่�าที่��จะกระที่-า suiside มากกวิ�าปัระช่ากรที่�วิไปั ผ่2$ปั?วิยโรคลมช่กมกม�การเจ=บัปั?วิยที่างจ�ตัใจร�วิมด$วิยเช่�นิ anxiety, depression, bipolar disorderเม%�อ 31 มกราคม 2008 US FDA หร%อองค6การอาหารและยาสหรฐอเมร�กาได$ออกค-าเตั%อนิเก��ยวิกบัยากนิช่กและควิามค�ดในิการฆ่�าตัวิตัาย Shneker BF ได$ส-ารวิจควิามเห=นิขั้องปัระสาที่แพที่ย6โรคลมช่กเก��ยวิกบัเร%�องนิ�'ในิวิารสาร Neurology ฉับับัเด%อนิม�นิาคม 2009

US FDA ได$เตั%อนิให$เฝั,าระวิงผ่2$ปั?วิยที่��รบัปัระที่านิยากนิช่กหร%อเร��มที่านิยากนิช่กเก��ยวิกบัการาจม�พฤตั�กรรมเปัล��ยนิแปัลงหร%อควิามค�ดในิการฆ่�าตัวิตัาย ควิามเส��ยงม�มากในิผ่2$ปั?วิยที่��รบัปัระที่านิยากนิช่กเพ%�อรกษาโรคลมช่ก, โรคที่างจ�ตัเวิช่ และอ%�นิๆเม%�อเที่�ยบักบัยาหลอก และควิามเส��ยงนิ�'ส2งกวิ�าผ่2$ปั?วิยกล��มอ%�นิที่��ไม�ใช่�โรคลมช่กในิการส-ารวิจด$วิยแบับัสอบัถุามขั้อง Shneker และคณ์ะพบัวิ�าม�ผ่2$ตัอบัแบับัสอบัถุาม 175

จาก 780 คนิที่��เปั3นิสมาช่�กสมาคมโรคลมช่กอเมร�กา ส�วินิมาก (60%) อย2�ในิสถุาบันิที่��ม�การเร�ยนิการสอนิ และในิจ-านิวินินิ�' 74% เปั3นิศึ2นิย6โรคลมช่กครบัวิงจร และผ่2$ตัอบัแบับัสอบัถุามเปั3นิผ่2$ที่��ปัฏิ�บัตั�งานิมามากกวิ�า 10 ปั< และส�วินิมาก (58%) รกษาแตั�โรคลมช่กผ่ลการส-ารวิจพบัวิ�าค-าเตั%อนิขั้อง US FDA ได$คะแนินินิ$อยในิเร%�องควิามช่ดเจนิ ควิามเหมาะสมและผ่ลกระที่บัตั�อการรกษา ในิค-าถุามปัลายเปั>ด ผ่2$ตัอบัได$กงวิลเก��ยงกบัการวิ�เคราะห6ขั้$อม2ลขั้อง FDA, ผ่2$ปั?วิยโรคลมช่กมกม�ปั�ญหาที่างจ�ตัเวิช่ร�วิมด$วิยและอาจไม�เก��ยวิกบัยากนิช่ก, ค-า

Page 33: Epilepsy Syndromes

เตั%อนินิ�'อาจที่-าให$ผ่2$ปั?วิยที่านิยาไม�สม-�าเสมอ, หร%อม�ควิามร2$ส9กวิ�าอตัราการฆ่�าตัวิตัายในิผ่2$ปั?วิยโรคลมช่กไม�ส2งและไม�ใช่�ปั�ญหาใหญ�ในิโรคลมช่ก ถุ9งแม$ม�ควิามสมพนิธี6ที่��มากระหวิ�างโรคลมช่กและโรคซ้9มเศึร$า โรคซ้9มเศึร$าอาจไม�ได$รบัควิามใส�ใจมากในิผ่2$ปั?วิยโรคลมช่ก ถุ9งแม$การที่-าแบับัที่ดสอบัอาการซ้9มเศึร$าเปั3นิมาตัรฐานิอย�างหนิ9�งในิการวิ�นิ�จฉัยแตั� การที่��ผ่2$ปั?วิยรายงานิอาการซ้9มเศึร$าเองก=ช่�วิยในิ screening ในิการส-ารวิจนิ�'พบัวิ�า 62% ขั้องผ่2$ตัอบัแบับัสอบัถุามไม�ได$ screen ภาวิะซ้9มเศึร$าเปั3นิตัวิเลขั้เปั3นิปัระจ-า อาจเนิ%�องจาก ไม�ม�เวิลาขั้ณ์ะตัรวิจผ่2$ปั?วิย, ม�ได$ตัระหนิกควิามส-าคญขั้องภาวิะที่างปัระสาที่จ�ตัวิ�ที่ยาในิผ่2$ปั?วิยโรคลมช่ก, ไม�ได$พ�จารณ์าวิ�าโรคซ้9มเศึร$าเปั3นิปั�ญหาใหญ�ในิผ่2$ปั?วิยโรคลมช่ก หร%ออาจไม�สบัายใจถุ$าพ2ดถุ9งภาวิะซ้9มเศึร$าโดยที่��ผ่2$ปั?วิยไม�ได$เอ�ยขั้9'นิมาเองผ่2$ตัอบัแบับัสอบัถุามส�วินิใหญ� (98%) ได$เตั%อนิผ่2$ปั?วิยโรคลมช่กเก��ยวิกบัผ่ลขั้$างเค�ยงที่างด$านิพฤตั�กรรมเม%�อเร��มให$ยากนิช่ก แตั�อย�างไรก=ตัามม�เพ�ยง 44% ได$เตั%อนิเร%�องพฤตั�กรรมหร%อควิามค�ดเร%�องการฆ่�าตัวิตัายโดยเฉัพาะเจาะจง การให$ค-าปัร9กษาส�วินิมากมกจะไม�ส�งจดหมายแตั�จะค�ยกนิตัวิตั�อตัวิ อาจเนิ%�องจากการส�งจดหมายอาจที่-าให$เก�ดควิามกลวิเก�นิสาเหตั�การศึ9กษานิ�'ก=ม�ขั้$อจ-ากดในิแง�ที่��วิ�า แพที่ย6โรคลมช่กอาจไม�ได$มองม�มเด�ยวิกนิกบัแพที่ย6อ%�นิๆที่��จ�ายยากนิช่ก ค-าถุามที่��ใช่$ยงไม�ได$ validated และผ่2$ตัอบัแบับัสอบัถุามม�เพ�ยง 22% ซ้9�งค�อนิขั้$างตั-�าแตั�อย�างไรก=ตัาม ค-าเตั%อนิขั้อง FDA เปั3นิเพ�ยงบัที่เร��มตั$นิขั้องเร%�องการฆ่�าตัวิตัายและยากนิช่ก และยงตั$องม�การศึ9กษาตั�อไปัในิอนิาคตั ตั$องม�การศึ9กษาควิามเส��ยงการฆ่�าตัวิตัายในิระยะยาวิในิผ่2$ปั?วิยโรคลมช่กและด2วิ�าตัวิโรคลมช่กเอง, ภาวิะที่างจ�ตัเวิช่ร�วิมด$วิย หร%อ การรกษาที่��ม�ส�วินิเก��ยวิขั้$อง แตั�อย�างไรก=ตัามไม�ม�เหตั�ผ่ลที่��ผ่2$ปั?วิยหร%อแพที่ย6ที่��รกษาจะไม�ใช่$ยากนิช่กเพราะวิ�าควิามเส��ยงเร%�องการฆ่�าตัวิตัาย การพ2ดค�ยเร%�องนิ�'กบัผ่2$ปั?วิยโรคลมช่กไม�ได$เพ��มควิามเส��ยงในิการฆ่�าตัวิตัาย แพที่ย6ควิรที่��เสาะหาหร%อวิ�ธี�การตัรวิจพบัอาการแสดงขั้องควิามค�ดในิการฆ่�าตัวิตัายและให$ค-าปัร9กษาแก�ผ่2$ปั?วิยขั้$อม2ลจาก Shneker BF, Cios JS, Elliott JO. Suicidality, depression screening, and antiepileptic drugs: reaction to the FDA alert. Neurology 2009; 72:987-91.Phenobarbitalขั้$อบั�งช่�' Adjunctive หร%อ first-line therapy ในิ partial หร%อ generalized

seizures (ไม�รวิม myoclonic, absence seizures), ยงใช่$ในิ status epilepticus, Lennox-Gastaut syndrome, benign childhood epilepsy, febrile seizures, neonatal seizuresร2ปัแบับั Tablets 30, 60 mg; Syrup 20 mg/5 ml; Injection 200

mg/ml ขั้นิาด 30 mg/day Maintainance 30-180 mg/day ในิผ่2$ใหญ�; 5-8

mg/kg/day ในิเด=ก; 3-4 mg/kg/day ในิ neonatal ผ่ลขั้$างเค�ยง ง�วิงซ้9ม, ในิเด=กที่-าให$ Hyperactive ได$ช่%�อการค$า Phenobarbitone sodium

บัร�ษที่ผ่ล�ตั Atlantic

Page 34: Epilepsy Syndromes

PhenytoinPhenytoin (FEN-ih-toe-in) ขั้$อบั�งช่�' First line หร%อ adjunctive therapy ในิ partial  และ generalized seizures (

myoclonic และ absence epilepsy)

ยงใช่$ในิ status epilepticus, Lennox-Gastaut syndrome, Benign childhood epilepsy

ร2ปัแบับัยา Capsule: 100 mg; infa tab 50 mg; liquid suspension 30 mg/5 ml;

injection 250 mg/5 ml (ผ่สม normal saline) เพ%�อไม�ให$ตักตัะกอนิและไม�ฉั�ดเขั้$ากล$าม เพราะการด2ดซ้9มไม�แนิ�นิอนิและอาจเก�ดฝั<ได$)ขั้นิาดที่��ใช่$ ผ่2$ใหญ� เร��มแรก 100-200g/day, Maintainance 100-600 mg/day 

เด=ก เร��มแรก 5 mg/kg, Maintainance 4-8 mg/kg

ช่%�อการค$า Dilantin

ผ่ลขั้$างเค�ยง Cognitive, hepatotoxicity, ขั้นิขั้9'นิ, ส�วิ, เหง%อกบัวิม, แพ$ยาจนิถุ9งขั้'นิร�นิแรงได$บัร�ษที่ที่��ผ่ล�ตั Pfizer

ValproateValproate ขั้$อบั�งช่�' First-line และ adjunctive therapy ในิ generalized seizures รวิมที่'ง และ absence และยงใช่$ได$ในิ partial seizures, Lennox-Gastaut syndrome

เปั3นิ first choice ในิ primary generalized epilepsy

ร2ปัแบับัยา Enteric-coated tablets: 200, 500 mg; Liquid 200 mg/ml; Chrono 500 mgขั้นิาดยา ผ่2$ใหญ� เร��มแรก 400-500 mg/day, Maintainace 500-2500 mg/day

เด=ก เร��มแรก 20 mg/kg/day, Maintainance 40 mg/kg/day

ผ่ลขั้$างเค�ยง นิ-'าหนิกขั้9'นิ, ผ่มร�วิง, ม%อส�นิ, cognitive effects, อาจเปั3นิพ�ษตั�อตับัและตับัอ�อนิได$ รวิมที่'งเกร=ดเล%อดตั-�าในิรายที่��ใช่$ขั้นิาดส2งช่%�อการค$า Depakine

บัร�ษที่ที่��ผ่ล�ตั Sanofi-SynthelaboCarbamazepineCarbamazepine ขั้$อบั�งช่�' First-line หร%อ adjunctive therapy partial และ generalized seizures (

absence, myoclonic seizures) ยงใช่$ได$ในิ Lennox-Gastaut syndrome, benign childhood epilepsy syndromeร2ปัแบับั Tablets 200 mg; Slow-release formula (CR) 200, 400 G

ขั้นิาด 100 MG, Maintainance 400-1200 mg/day, (maximum 2400 mg) (Slow-

release ขั้นิาดส2งกวิ�า)ผ่ลขั้$างเค�ยง Hyponatrema, เกร=ดเล%อดตั-�า

Page 35: Epilepsy Syndromes

ช่%�อการค$า Tegretol

บัร�ษที่ผ่ล�ตั NovatisGabapentinขั้$อบั�งช่�' Primary genearlized seizures, partial seizures ไม�ได$ผ่ลในิ abence seizures

ร2ปัแบับั 100,300,400 mg

ขั้นิาด เร��มตั$นิ 300 mg x day1, 300 mg BID x day 2; 300 mg TID x day 3

แล$วิเพ��มขั้นิาดจนิปัระมาณ์ 800-1800 mg/day ลดขั้นิาดลงในิคนิไขั้$ม�โรคไตัหร%อล$างไตั

เภสช่วิ�ที่ยา ไม�ถุ2ก metabolized, 93% ถุ2กขั้บัโดยไม�เปัล��ยนิแปัลงที่างไตั โดยระดบัยาเปั3นิสดส�วินิกบั Cr clearance

              - Antacids ลด bioavialbility ปัระมาณ์ 20% ดงนิ'นิให$ที่านิหลงก�นิ antacids>2 ช่�วิโมงเภสช่วิ�ที่ยา Half-life 5-7 ช่�วิโมง, peak levels 2-3 ช่�วิโมง, steady state 1-2 

วินิ ผ่ลขั้$างเค�ยง ง�วิงซ้9ม, เด�นิเซ้, อ�อนิเพล�ย, แตั�อาการลดลงหลงได$ที่านิยา 2-3 อาที่�ตัย6, ก�นิเก�งขั้9'นิช่%�อการค$า Neurontin

บัร�ษที่ผ่ล�ตั PfizerLevetiracetamขั้$อบั�งช่�'    1. Add-on in partial seizure in patients from 4 years old.   2. Monotherapy in partial seizure , patients from 16 years old.   3. Myoclonic seizure   4. Primary Generalized Tonic Clonnic Seizure from 16 years old.ร2ปัแบับั Tablets: 250, 500, 750 mg

ขั้นิาด เร��มตั$นิ 1000 mg, Maintainance: 1000-3000 mg

ช่%�อการค$า Keppra

บัร�ษที่ผ่ล�ตั UCB PharmaTopiramateขั้$อบั�งช่�' Adjunctive therapy ในิ partial และ generalized epilepsy และยงใช่$ในิ Lennox-Gastaut syndrome

Monotherapy ในิ newly onset diagnosed epilepsy, refractory partial epilepsy, generalized epilepsyร2ปัแบับั Tablets 25, 50, 100 mg

ขั้นิาด เร��มแรก 25 mg/day เพ��มช่$าๆ 50 mg/ อาที่�ตัย6 ขั้นิาดที่�วิไปัปัระมาณ์ 200-400

mg/day; ถุ$าขั้นิาด>600 mg/day ไม�ค�อยม�ปัระโยช่นิ6Half-life 19-25 ช่�วิโมง, steady state 5-7 วินิ ขั้บัออกที่างไตัส�วินิมากDrug interactions ระดบัยาลดเม%�อใช่$ร�วิมกบั carbamazepine, phenytoin,

Page 36: Epilepsy Syndromes

valproic acidผ่ลขั้$างเค�ยง cognitive impairment, นิ-'าหนิกลด, ม9นิงง, เซ้, มองภาพซ้$อนิ,ช่า, เหง%�อออกนิ$อย, 1.5% เก�ดนิ��วิในิไตัซ้9�งมกออกไปัเองช่%�อการค$า Topamax

บัร�ษที่ผ่ล�ตั Jassen-Cilag

Lamotrigine ขั้$อบั�งช่�' Adjunctive therapy ในิ partial และ generalized epilepsy ยงใช่$ได$ในิ Lennox-Gastaut syndrome

           Monotherapy  ในิ partial และ secondarily generalized epilepsyร2ปัแบับั Tablets: 25, 50, 100 mg

ขั้นิาด ผ่2$ใหญ�ที่��ได$ยา enzyme inducing AEDs (PHT,CBZ,PB) เร��มตั$นิ 50

mg/day x 2 อาที่�ตัย6,ตั�อไปั 50 mg BID x 2 อาที่�ตัย6และเพ��มตั�อไปั 100mg/day ที่�กสปัดาห6จนิ  Maintainance: 200-700 mg/day (แบั�งให$ 2 เวิลา)          ในิรายที่��ได$ก-าลงที่านิยา valproic acid ขั้นิาด maintainance 100-200

mg/day และระดบัยา valproate ลดลงปัระมาณ์ 25% หลงได$เร��ม lamotrigine ในิไม�ก��สปัดาห6         ในิรายที่��ได$รบัที่'งยา valproic acid, enzyme inducing AEDs 25 mg วินิเวิ$นิวินิ x 2 สปัดาห6, ตั�อไปัให$ 25 mg/day x 2 สปัดาห6, แล$วิเพ��ม 25-50 mg/d ที่�ก 1-

2 สปัดาห6จนิขั้นิาด maintainance 100-150 mg/day (แบั�งให$ 2 เวิลา)เภสช่วิ�ที่ยา Half-life 24 ช่�วิโมง; peak levels 1.5-5 ช่�วิโมง; steady state 4-

7 วินิผ่ลขั้$างเค�ยง ง�วิงซ้9ม, ม9นิงง, มองภาพซ้$อนิ, Rash มกพบั 2 อาที่�ตัย6หลงได$ยาตั$องเพ��มยาช่$าๆ และด2การใช่$ยาตัวิอ%�นิร�วิมด$วิยอาจม�ผ่ลตั�อระดบัยาโดยเฉัพาะ valproate

Drug interactions ระดบัยาจะลดเม%�อใช่$ร�วิมกบั Phenytoin, carbamazepine,

phenobarbital, และ enzyme-inducing drugs

ระดบัยาเพ��มเม%�อใช่$ร�วิมกบั Sodium valproate

ช่%�อการค$า Lamictal

บัร�ษที่ที่���ผ่ล�ตั Glaxo SmithKline

โรคระบับัปัระสาที่อ�บัตั�เหตั�   ( 10 Articles )

โรคหลอดเล%อดสมอง   ( 3 Articles )

เนิ%'องอกสมอง   ( 9 Articles )

การเคล%�อนิไหวิผ่�ดปักตั�   ( 8 Articles )

ก�มารปัระสาที่ศึลยศึาสตัร6   ( 3 Articles )

โรคตั�ดเช่%'อ   ( 1 Article )

Page 37: Epilepsy Syndromes

อาการช่กและเล%อดออกใตั$เย%�อห�$มสมองอาการช่กกบัภาวิะเล%อดออกใตั$เย%�อห�$มสมอง เปั3นิภาวิะที่��ม�ควิามสมพนิธี6และ

ที่ราบักนิด� การศึ9กษาส�วินิใหญ�จะศึ9กษาการบัาดเจ=บัที่��ศึ�รษะที่��ร�นิแรงกบัควิามเส��ยงในิการเก�ดอาการช่ก หร%อควิามเส��ยงขั้องการช่กกบัเล%อดเก�าใตั$เย%�อห�$มสมอง Rabinstein A และคณ์ะได$รายงานิการเก�ดอาการช่กหลงการผ่�าตัดเอาเล%อดออกใตั$เย%�อห�$มสมอง ในิวิารสาร Journal

of Neurosurgery ฉับับัเด%อนิก�มภาพนิธี6 2009

การศึ9กษานิ�'เปั3นิการศึ9กษาแบับัย$อนิหลงในิผ่2$ปั?วิยที่��ม�เล%อดออกใตั$เย%�อห�$มสมองแบับัเฉั�ยบัพลนิ (acute subdural hematoma) หร%อ เล%อดออกเฉั�ยบัพลนิซ้-'าบันิเล%อดเก�า (Acute on chronic subdural hematoma) เด%อนิมกราคม 2004 ถุ9ง เด%อนิกรกฎาคม 2008 ที่��โรงพยาบัาลเซ้นิตั6แมร�� จ-านิวินิ 134 ราย ค�าเฉัล��ยอาย�เที่�ากบั 72.3 ปั< (28-93 ปั<) ผ่2$ช่าย 98 คนิ (73%) ม9ภาวิะอ%�นิร�วิมด$วิยเช่�นิ ควิามดนิส2ง 59 (44%) หวิใจเตั$นิไม�สม-�าเสมอ 22 (16%) ปัระวิตั�โรคหลอดเล%อดสมอง 14 (10%)

เล%อดออกใตั$เย%�อห�$มสมองเฉั�ยบัพลนิม� 42 ราย (31%) เล%อดออกเฉั�ยบัพลนิซ้-'าบันิเล%อดเก�า 92 ราย (69%) ม�ปัระวิตั�บัาดเจ=บัที่��ศึ�รษะ 96 ราย (72%) การผ่�าตัดที่-าแบับั เจาะร2 92 ราย (69%), เปั>ดกะโหลกศึ�รษะ 39 ราย (29%), ที่'งสองแบับั 3 ราย (2%)

พบัอาการช่กหร%อคล%�นิสมองม�ไฟฟ,าผ่�ดปักตั� (epileptiform changes)

33 ราย (25%) หลงผ่�าตัด การตัรวิจคล%�นิสมองที่-าในิผ่2$ปั?วิยที่��ม�อาการที่างระบับัปัระสาที่เปัล��ยนิสงสยวิ�าเก�ดจากอาการช่ก หลงจากตัรวิจหาสาเหตั�อ%�นิๆแล$วิไม�พบั

ผ่ลการรกษาที่��ไม�ด� (Glasgow outcome scale 1-3) เม%�อออกจากโรงพยาบัาลพบัวิ�าสมพนิธี6กบั การม�สภาพร�างกายไม�ด� และการตัรวิจพบัม�คล%�นิสมองแบับัช่กหลงผ่�าตัด (seizure/ epileptiform EEG), การม�คล%�นิสมองแบับัช่กม�ควิามสมพนิธี6กบัคะแนินิควิามร2$ส9กตัวิ (Glasgow coma score; GCS) หลงผ่�าตัด และมกพบัในิผ่2$ปั?วิยที่��ได$รบัการเปั>ดกะโหลกศึ�รษะ แตั�ไม�สมพนิธี6กบัผ่ลการรกษาที่��ระยะ 1, 6 เด�อนิ แตั�ผ่ลการรกษาที่��ระยะ 1 และ 6 เด%อนิ สมพนิธี6กบัการม�สภาพไม�ด�ก�อนิผ่�าตัด, ม� GCS ก�อนิผ่�าตัด และหลงผ่�าตัด 24 ช่�วิโมงที่��ตั-�า

โดยสร�ปัแล$วิการเก�ดการช่กพบัได$บั�อยในิการเก�ดเล%อดออกเฉั�ยบัพลนิหลงผ่�าตัด (25%) และควิรจะสงสยในิกรณ์Jที่��ผ่2$ปั?วิยม�สาเหตั�ที่��ไม�ตั%�นิด�หลงผ่�าตัด ซ้9�งอาจที่-าให$ผ่ลการรกษาในิระยะแรกไม�ด� และอาจที่-าให$การฟK' นิตัวิภายหลงล�าช่$า

ในิรายงานินิ�'ผ่2$ปั?วิยจ-านิวินิมากม�เล%อดออกแบับั acute ontop chronic

subdural hematoma และม�ผ่2$ปั?วิยส2งอาย�มากเห=นิได$จากค�าเฉัล��ยขั้องอาย� และการตัรวิจคล%�นิสมองก=ไม�ได$ที่-าที่�กรายเนิ%�องจากเปั3ฯการศึ9กษาย$อนิหลง จะตั�างจากผ่2$ปั?วิยในิปัระเที่ศึไที่ยที่��มกพบัเปั3นิผ่2$ปั?วิยอาย�นิ$อย สาเหตั�จากมอเตัอร6ไซ้ด6 แตั�ก=ที่-าให$เปั3นิขั้$อควิรระวิงถุ9งการเก�ดอาการช่กที่��พบัได$บั�อยในิผ่2$ปั?วิยที่��ม�เล%อดออกใตั$เย%�อห�$มสมองที่��มา : Rabinstein AA, Chung SY, Rudzinski LA, Lanzino G. Seizures after evacuation of subdural hematomas: incidence, risk factors, and functional impact. J Neurosurg 2010; 112:455-60.

Page 38: Epilepsy Syndromes

ค-าแนิะนิ-าผ่2$ปั?วิยบัาดเจ=บัที่��ศึ�รษะในิผ่2$ปั?วิยบัาดเจ=บัที่��ศึ�รษะที่��ไม�ร�นิแรง (Mild head injury) แพที่ย6ได$ที่-าการตัรวิจผ่2$ปั?วิยม�แล$วิเห=นิวิ�า การบัาดเจ=บัที่��ศึ�รษะซ้9�งได$รบัขั้ณ์ะนิ�'ยงไม�ม�อาการบั�งบัอกควิามร�นิแรงที่��จะตั$องรบัไวิ$ในิโรงพยาบัาล จ9งแนิะนิ-าให$ผ่2$ปั?วิยพกอย�างรกษาตัวิตั�อที่��บั$านิ โดยให$งดการออกก-าลงที่�กช่นิ�ดและควิรหล�กเล��ยงการขั้บัขั้��ยานิพาหนิะอย�างนิ$อย 24 ช่�วิโมง รบัปัระที่านิอาหารอ�อนิและงดด%�มส�ราและยาที่��ที่-าให$ง�วิงซ้9มที่�กช่นิ�ด

                              ถุ$าม�อาการปัวิดศึ�รษะเล=กนิ$อยในิระหวิ�างนิ�'ให$ที่านิยาแก$ปัวิดตัามที่��แพที่ย6ส�ง ควิรม�ผ่2$ด2แลที่��สามารถุสงเกตัอาการและเขั้$าใจวิ�ธี�ปัฏิ�บัตั�เพ%�อคอยด2แลผ่2$ปั?วิยอย�างใกล$ช่�ด (โดยเฉัพาะในิเด=ก) และควิรปัล�กผ่2$ปั?วิยที่�ก 2-4 ช่�วิโมง เพ%�อปัระเม�นิควิามร2$ส9กตัวิขั้องผ่2$ปั?วิยวิ�าลดลงหร%อไม�

                              อย�างไรก=ตัามถุ$าผ่2$ปั?วิยม�อาการตัามขั้$อใดขั้$อหนิ9�งที่��บั�งไวิ$ 1-10 ขั้$อที่$ายนิ�'ขั้อให$ร�บักลบัมาพบัแพที่ย6โดยที่นิที่� เพ%�อรบัการตัรวิจซ้-'าอ�กคร'งหนิ9�ง โดยอาการดงกล�าวิม�ดงนิ�'

                                1. ง�วิงซ้9มมากกวิ�าเด�ม หร%อไม�ร2$ตัวิ หมดสตั�                                2. กระสบักระส�ายมาก พ2ดล-าบัาก หร%อม�อาการช่กกระตั�ก                                3. ก-าลงขั้องแขั้นิ ขั้าลดนิ$อยลงกวิ�าเด�ม                                4. ช่�พจรเตั$นิช่$ามากหร%อม�ไขั้$ส2ง                                5. คล%�นิไส$มาก อาเจ�ยนิตั�ดตั�อกนิหลายคร'ง                                6. ปัวิดศึ�รษะร�นิแรง โดยไม�ที่�เลา                                7. ม�นิ-'าใสหร%อนิ-'าใสปันิเล%อด ออกจากห2หร%อจม2กหร%ไหลลงคอ (ไม�ควิรส�งนิ-'าม2ก)

                                8. ปัวิดตั$นิคอ ก$มคอล-าบัาก                                9. วิ�งเวิ�ยนิศึ�รษะมาก หร%อมองเห=นิภาพพร�า ปัวิดตั�บัๆในิล2กตัา                               10. อาการผ่�ดปักตั�อ%�นิๆที่��นิ�าสงสย

การด2แลที่�วิไปัการบัาดเจ=บัที่��ศึ�รษะเปั3นิสาเหตั�ที่��พบัได$บั�อยในิแผ่นิกศึลยกรรมปัระสาที่ การรกษาม��งไปัที่��การปั,องกนิไม�ให$เก�ดควิามพ�การหร%อส2ญเส�ยเพ��มขั้9'นิ วิ�ธี�ที่��ด�ที่��ส�ดค%อการปั,องกนิเช่�นิการสวิมใส�หมวิกกนินิ=อกการบัาดเจ=บัที่��ศึ�รษะอาจแบั�งตัามสาเหตั�เช่�นิถุ2กตั� ถุ2กย�ง หกล$มหร%ออ�บัตั�เหตั�จราจร                          อาจแบั�งตัามกลไกการเก�ดเช่�นิถุ2กกระที่บัโดยตัรง (contact force)

หร%อแรงเฉั%�อย (inertial force) ที่-าให$สมองม�การเคล%�อนิไหวิ (accerelation-

decerelation) ในิที่างคล�นิ�กเราแบั�งตัามควิามร�นิแรงเพ%�อปัระโยช่นิ6ในิการด2แลรกษาค%อ การบัาดเจ=บัเล=กนิ$อย(minor head injury, GCS =14-15), การบัาดเจ=บัปัานิกลาง

Page 39: Epilepsy Syndromes

(moderate head injury GCS =9-13), การบัาดเจ=บัร�นิแรง (severe head

injury, GCS 3-8), GCS หร%อ Glasgow coma score เปั3นิการให$คะแนินิตัามอาการขั้องผ่2$ปั?วิยโดยด2 การล%มตัา E (1-4) = eye opening, การโตั$ตัอบั V (1-5) =

Verbal, การตัอบัสนิองที่างการเคล%�อนิไหวิ M=motor response  (1-6), คะแนินิตั-�าส�ดค%อ 3 ส2งส�ดค%อ 15

                         การบัาดเจ=บัเล=กนิ$อย (Minor head injury) หมายถุ9งผ่2$ปั?วิยร2$ส9กตัวิขั้ณ์ะนิ'นิไม�ได$หมายควิามถุ9งเล=กนิ$อยไมเปั3นิอะไรมาก อาจม�เล%อดออกในิสมองก=ได$ซ้9�งอาจจ-าเปั3นิหร%อไม�จ-าเปั3นิตั$องผ่�าตัดถุ$าม�เล%อดออกขั้9'นิกบัขั้นิาดขั้องก$อนิเล%อดและตั-าแหนิ�ง แพที่ย6มกให$สงเกตัอาการที่��โรงพยาบัาลหร%อที่��บั$านิแล$วิแตั�อาการ การที่-าเอกซ้เรย6คอมพ�วิเตัอร6ไม�จ-าเปั3นิตั$องที่-าที่�กราย แตั�ควิรที่-าในิรายที่��ม�ปัระวิตั�หมดสตั�หลงอ�บัตั�เหตั� ม�คล%�นิไส$ อาเจ�ยนิมาก ปัวิดศึ�รษะร�นิแรง ม�อาการช่กหลงบัาดเจ=บัที่��ศึ�รษะ อาย�มาก ม�ปัระวิตั�ก�นิยาที่��ที่-าให$เล%อดออกง�ายเช่�นิยาปั,องกนิเล%อดแขั้=งตัวิหร%อแอสไพร�นิ การรกษามกรกษาตัามอาการเช่�นิ ยาแก$ปัวิด ยาแก$เวิ�ยนิศึ�รษะ ผ่2$ปั?วิยบัางรายอาจม�อาการหลงอ�บัตั�เหตั� (postraumatic

syndrome) ม�อาการปัวิดศึ�รษะ เวิ�ยนิศึ�รษะ ม9นิงง สมาธี�ไม�ด� เม%�อเวิลาผ่�านิไปัส�วินิมากมกด�ขั้9'นิแพที่ย6ควิรแนิะนิ-าให$ผ่2$ปั?วิยเก�ดควิามม�นิใจ

                          การบัาดเจ=บัปัานิกลาง (Moderate head injury) ผ่2$ปั?วิยมกไม�ค�อยร2$ส9กตัวิด� การรกษาจ-าเปั3นิตั$องส�งตัรวิจด$วิยเอกซ้เรย6คอมพ�วิเตัอร6ที่�กราย เพ%�อด2วิ�าไม�ม�เล%อดออกในิกะโหลกศึ�รษะ ถุ$าไม�ม�เล%อดก=รกษาตัามอาการ ถุ$าม�เล%อดออกในิกะโหลกศึ�รษะตั$องปัร9กษาปัระสาที่ศึลยแพที่ย6เพ%�อรกษาตั�อไปั

                         การบัาดเจ=บัที่��ร�นิแรง (Severe head injury) การรกษาที่��ส-าคญค%อการช่�วิยเหล%อในิที่��เก�ดเหตั� ผ่2$ปั?วิยไม�ร2$ส9กตัวิอาจม�การอ�ดก'นิที่างเด�นิหายใจจากเล%อดหร%อเศึษอาหาร ควิรที่-าให$ที่างเด�นิหายใจโล�งเพ%�อไม�ให$เก�ดอนิตัรายตั�อสมองจากการขั้าดออกซ้�เจนิ ถุ$าเปั3นิไปัได$การใส�ที่�อช่�วิยหายใจในิสถุานิที่��เก�ดเหตั�จะช่�วิยให$ลดการบัาดเจ=บัตั�อสมองเพ��ม การเคล%�อนิย$ายผ่2$ปั?วิยก=ม�ควิามส-าคญเนิ%�องจากอาจม�การบัาดเจ=บักระด2กสนิหลงส�วินิคอได$ ถุ$าเคล%�อนิย$ายผ่�ดวิ�ธี�ที่-าให$ผ่2$ปั?วิยพ�การได$ เม%�อถุ9งโรงพยาบัาลก=จ-าเปั3นิตั$องใส�ที่�อช่�วิยหายใจ สายสวินิปั�สสาวิะ ให$นิ-'าเกล%อ ด2การบัาดเจ=บัส�วินิอ%�นิวิ�าม�รวิมด$วิยหร%อไม�เช่�นิปัอด ช่�องที่$อง เม%�อผ่2$ปั?วิยม�ควิามดนิคงที่��ควิรส�งเอกซ้เรย6กระด2กคอแตั�ห$ามบั�ดคอ (c-spine x-rays cross

table) และเอกซ้เรย6คอมพ�วิเตัอร6สมอง การรกษาจ-าเปั3นิตั$องด2แลโดยแพที่ย6ที่��เช่��ยวิช่าญและในิไอซ้�ย2        เล%อดออกใตั$เย%�อห�$มสมองเล%อดออกใตั$เย%�อห�$มสมอง (Acute subdural hematoma) เปั3นิผ่ลจากม�การเคล%�อนิขั้องสมองในิกะโหลกศึ�รษะที่-าให$เส$นิเล%อดด-าที่��ขั้9งระหวิ�างสมองกบัเย%�อห�$มสมองฉั�กขั้าดหร%ออาจเก�ดจากม�เล%อดออกที่��สมองตัรงผ่�วิแล$วิแตักเขั้$าส2�ช่�องใตั$เย%�อห�$มสมอง การบัาดเจ=บัมกเก�ดร�นิแรงเช่�นิอ�บัตั�เหตั�มอเตัอร6ไซ้ด6 ผ่2$ปั?วิยมกไม�ร2$ส9กตัวิ มกม�การบัาดเจ=บัขั้องเนิ%'อสมองร�วิมด$วิย

Page 40: Epilepsy Syndromes

ที่-าให$เห=นิสมองบัวิมและม�ควิามดนิในิกะโหลกศึ�รษะส2ง                                  สาเหตั�ที่��พบับั�อยม�                             1.     เก�ดจากการรวิมตัวิกนิขั้องจ�ดเล%อดรอบัๆสมองส�วินิที่��ฉั�กขั้าด (มกเก�ดตัรง frontal, temporal) มกม�เนิ%'อสมองบัาดเจ=บัด$วิย อาการมกไม�ม� lucid interval                             2.      เก�ดจากเส$นิเล%อดด-าฉั�กขั้าดเนิ%�องจากสมองม�การเคล%�อนิขั้ณ์ะเก�ดอ�บัตั�เหตั� อาจม� lucid interval ค%อผ่2$ปั?วิยร2$ส9กตัวิช่�วิงแรกแล$วิตั�อมาซ้9มลงอย�างรวิดเร=วิ                            เล%อดออกใตั$เย%�อห�$มสมองอาจเก�ดเนิ%�องจากได$รบัยาละลายล��มเล%อด แตั�บัางคร'งอาจม�ปัระวิตั�บัาดเจ=บัที่��ศึ�รษะร�วิมด$วิย การรบัปัระที่านิยาละลายล��มเล%อดจะเพ��มควิามเส��ยงขั้องเล%อดออกใตั$เย%�อห�$มสมอง 7 เที่�าในิผ่2$ช่ายและ 26 เที่�าในิผ่2$หญ�ง

                            การวิ�นิ�จฉัย                            การที่-าเอกซ้เรย6คอมพ�วิเตัอร6เปั3นิการวิ�นิ�จฉัยที่��ด�ที่��ส�ด จะเห=นิลกษณ์ะก$อนิเล%อดตัามขั้อบัขั้องด$านิในิกะโหลกศึ�รษะ ลกษณ์ะส�ขั้องเล%อดจะเปัล��ยนิแปัลงตัามเวิลาที่��ที่-าการตัรวิจเอกซ้เรย6คอมพ�วิเตัอร6

                          การรกษา                           การรกษาหร%อผ่�าตัดที่��รวิดเร=วิจะลดอตัราตัายได$ ในิรายที่��ม�อาการและขั้นิาดขั้องเล%อดหนิามากกวิ�า 1 เซ้นิตั�เมตัรหร%อมากกวิ�า 5 ม�ลล�เมตัรในิเด=ก ในิรายที่��ก$อนิเล%อดบัางๆไม�จ-าเปั3นิตั$องผ่�าตัดเอาออก แตั�คงตั$องพ�จารณ์าหลายๆปั�จจยในิผ่2$ปั?วิยแตั�ละคนิ เนิ%�องจากการบัาดเจ=บัมกร�นิแรงผ่2$ปั?วิยมกม�ควิามพ�การหลงเหล%อหร%อไม�ฟK' นิหลงรอดช่�วิ�ตั การผ่�าตัดบัางคร'งจ-าเปั3นิที่��จะตั$องเอากะโหลกศึ�รษะออกเนิ%�องจากสมองบัวิมมาก การรกษาหลงผ่�าตัดก=ม�ควิามส-าคญเนิ%�องจากม�ตั$องรกษาภาวิะควิามดนิในิกะโหลกศึ�รษะส2งร�วิมด$วิย การพยาบัาลในิไอซ้�ย2ด$วิยที่�มงานิที่��พร$อมจะช่�วิยลดอตัราตัายได$                        อตัราตัายและพ�การ                          อตัราตัายม�ปัระมาณ์ 50-90 เปัอร6เซ้=นิตั6 ส�วินิมากเนิ%�องจากการบัาดเจ=บัตั�อสมองไม�ใช่�จากตัวิก$อนิเล%อดเอง และอตัราตัายส2งมากในิผ่2$ปั?วิยอาย�มากและที่านิยาละลายล��มเล%อดจากการศึ9กษาในิตั�างปัระเที่ศึพบัวิ�า                         1.     ผ่2$ปั?วิยที่��ได$รบัการผ่�าตัดในิ 4 ช่�วิโมงม�อตัราตัาย 30 เปัอร6เซ้=นิตั6เที่�ยบักบัผ่2$ปั?วิยที่��ได$รบัการผ่�าตัดหลง 4 ช่�วิโมง (มากกวิ�า 90 เปัอร6เซ้=นิตั6)

Page 41: Epilepsy Syndromes

                         2.     การรอดโดยไม�พ�การ (Glasgow outcome scale =4)

~65% เม%�อผ่�าตัดในิ 4 ช่�วิโมง                         3.     ปั�จจยอ%�นิๆที่��ม�ผ่ลกบัผ่ลการรกษาเช่�นิ หลงผ่�าตัดม�ควิามดนิในิกะโหลกศึ�รษะไม�เก�นิ 20 mmHg 79% ม� functional recovery, และเพ�ยง 30%

ขั้องผ่2$ปั?วิยที่��เส�ยช่�วิ�ตัเม%�อควิามดนิในิกะโหลกศึ�รษะ <20 mmHg, ควิามผ่�ดปักตั�ขั้องระบับัปัระสาที่แรกเร��ม ถุ$าด�ก=ม�โอกาสรอดมากกวิ�า                         4.     ผ่ลการรกษที่��แย�ที่��ส�ดค%อกลไกการเก�ดการบัาดเจ=บัจากอ�บัตั�เหตั�มอเตัอร6ไซ้ด6 และรายที่��ไม�ใส�หมวิกกนินิ=อกม�อตัราตัายส2งกวิ�ารายที่��ใส�หมวิกกนินิ=อก  เล%อดออกเหนิ%อเย%�อห�$มสมอง  เล%อดออกเหนิ%อเย%�อห�$มสมอง (Epidural hematoma) เก�ดส�วินิมากเก�ดจากการม�แรงกระที่บักระแที่กตั�อกะโหลกศึ�รษะโดยตัรงและม�การฉั�กขั้าดขั้องเส$นิเล%อด                                  เล%อดออกเหนิ%อเย%�อห�$มสมอง (Epidural hematoma)

เก�ดส�วินิมากเก�ดจากการม�แรงกระที่บักระแที่กตั�อกะโหลกศึ�รษะโดยตัรงและม�การฉั�กขั้าดขั้องเส$นิเล%อดแดง middle meningeal artery ซ้9�งอย2�บัร�เวิณ์เหนิ%อกกห2หร%อที่ดดอกไม$ เนิ%�องจากกะโหลกศึ�รษะบัร�เวิณ์นิ�'ม�ควิามบัางและม�เส$นิเล%อดแดงที่อดผ่�านิบัร�เวิณ์ดงกล�าวิ การบัาดเจ=บัที่��ถุ2กกระแที่กบัร�เวิณ์นิ�'และม�กะโหลกแตักจ9งม�โอกาสเก�ดเล%อดออกเหนิ%อเย%�อห�$มสมองได$ แตั�การบัาดเจ=บับัร�เวิณ์อ%�นิก=อาจม�เล%อดออกช่นิ�ดนิ�'ได$ เช่�นิม�กะโหลกศึ�รษะแตักผ่�านิบัร�เวิณ์เส$นิเล%อดด-าขั้องเย%�อห�$มสมองก=ที่-าให$ม�เล%อดออกได$      

                                               เล%อดออกช่นิ�ดนิ�'ผ่2$ปั?วิยอาจร2$ส9กตัวิระยะแรกตั�อมาค�อยๆซ้9มลงเนิ%�องจากเล%อดไปักดสมองที่-าให$ซ้9มลงและถุ$าช่�วิยเหล%อไม�ที่นิก=จะไม�ร2$ส9กตัวิและถุ9งแก�ช่�วิ�ตัได$ การวิ�นิ�จฉัยจ9งจ-าเปั3นิตั$องระล9กถุ9งเสมอเม%�อม�กะโหลกศึ�รษะแตัก การวิ�นิ�จฉัยด$วิยเอกซ้เรย6คอมพ�วิเตัอร6ที่-าให$เห=นิตั-าแหนิ�งและขั้นิาดขั้องก$อนิเล%อดและกะโหลกศึ�รษะที่��แตัก การผ่�าตัดเอาก$อนิเล%อดออกที่นิที่�วิงที่�จะช่�วิยลดอตัราพ�การและอตัราตัาย ผ่ลการผ่�าตัดส�วินิมากผ่2$ปั?วิยกลบัมาเปั3นิปักตั�ได$ด�  เล%อดเก�าออกใตั$เย%�อห�$มสมอง                   เล%อดเก�าออกในิสมองพบัได$บั�อยในิผ่2$ปั?วิยส2งอาย� มกม�ปัระวิตั�อ�บัตั�เหตั�ไม�ร�นิแรงด�อมาเก�ดม�อาการอ�อนิแรงหร%อปัวิดศึ�รษะ     เล%อดเก�าออกในิสมองพบัได$บั�อยในิผ่2$ปั?วิยส2งอาย� มกม�ปัระวิตั�อ�บัตั�เหตั�ไม�ร�นิแรงเช่�นิหกล$มหร%ออาจจ-าไม�ได$วิ�าเคยม�อ�บัตั�เหตั�หร%อเด�นิช่นิอะไร ผ่2$ปั?วิยอาจม�โรคปัระจ-าตัวิเช่�นิควิามดนิ โรคหวิใจและรบัปัระที่านิยาที่��ที่-าให$เล%อดออกง�าย เนิ%�องจากสมองผ่2$ส2งอาย�จะฝั?อที่-าให$ม�ช่�องวิ�างใตั$เย%�อห�$มสมองมากกวิ�าคนิอาย�นิ$อย เม%�อเล%อด

Page 42: Epilepsy Syndromes

ออกในิระยะแรกจ9งไม�ม�อาการ ตั�อมาเม%�อม�เย%�อมาห�$มก$อนิเล%อดและเม%�อเวิลาผ่�านิไปัล��มเล%อดละลายกลายเปั3นิขั้องเหลวิหร%อเล%อดเก�าและม�เล%อดออกซ้-'าตัรงเย%�อห�$มเขั้$าไปัในิก$อนิเล%อดที่-าให$ขั้นิาดใหญ�ขั้9'นิ เม%�อถุ9งจ�ดหนิ9�งสมองที่นิขั้�ดจ-ากดไม�ได$เก�ดม�อาการแสดงออกมาเช่�นิ แขั้นิขั้าอ�อนิแรงหร%อปัวิดศึ�รษะหร%อซ้9มลง เปั3นิอาการที่��ที่-าให$ผ่2$ปั?วิยมาโรงพยาบัาลการวิ�นิ�จฉัยใช่$เอกซ้เรย6คอมพ�วิเตัอร6 จะเห=นิลกษณ์ะเล%อดเปั3นิส�ด-าหร%อเที่าใกล$เค�ยงกบัเนิ%'อสมอง แตั�ขั้9'นิอย2�ระยะขั้องเล%อด ถุ$าม�เล%อดใหม�ปันิบั$างก=ที่-าให$เห=นิขั้าวิขั้9'นิ อาจพบัขั้$างเด�ยวิหร%อสองขั้$างได$

                                 การรกษาใช่$วิ�ธี�ผ่�าตัดที่��ช่าวิบั$านิร2$จกกนิที่�วิไปัค%อเจาะร2 การผ่�าตัดจะเจาะกะโหลกศึ�รษะเล=กๆ หนิ9�งหร%อสองร2แล$วิล$างเอาเล%อดออก บัางคร'งอาจใส�สายระบัายเล%อดออกหลงผ่�าตัด 2-3 วินิจนิกวิ�าจะใสค�อยด9งออกภายหลง ผ่ลการผ่�าตัดส�วินิมากผ่2$ปั?วิยกลบัมาเปั3นิปักตั�ยกเวิ$นิในิรายที่��อาการไม�ด�ก�อนิผ่�าตัด บัางรายอาจม�โอกาสเก�ดซ้-'าได$แตั�ก=พบัไม�บั�อยมากกะโหลกศึ�รษะแตักย�บั  สมองช่-'าจากอ�บัตั�เหตั�Cerebral Contusion หร%อสมองช่-'า เปั3นิการบัาดเจ=บัที่��เนิ%'อสมองได$รบัการบัาดเจ=บั อาจเก�ดร�วิมกบัการเก�ดเล%อดออกช่นิ�ดอ%�นิๆได$ เช่�นิ subdural hematoma  การเก�ดสมองช่-'ามกเก�ดจากม�แรงกระที่บัที่-าให$ศึ�รษะม�การเคล%�อนิไหวิ ที่-าให$สมองเคล%�อนิในิกะโหลกศึ�รษะแล$วิม�การบัาดเจ=บัซ้9�งมกจะพบัสมองส�วินิหนิ$ากบัด$านิขั้$างเนิ%�องจากกะโหลกศึ�รษะบัร�เวิณ์นิ�'ม�ลกษณ์ะขั้ร�ขั้ระ สมองช่-'าอาจม�เล%อดออกหร%อไม�ม�เล%อดออกก=ได$ ถุ$าไม�ม�เล%อดออกจะเห=นิในิเอกซ้เรย6คอมพ�วิเตัอร6เปั3นิส�ด-า ถุ$าม�เล%อดออกจะเห=นิเปั3นิส�ขั้าวิหร%อขั้าวิปันิด-า ในิระยะแรกบัางรายสมองช่-'าอาจม�ขั้นิาดเล=ก เม%�อระยะเวิลาผ่�านิไปัไม�ก��วินิเก�ดม�สมองที่��ช่-'าอาจใหญ�หร%อม�เล%อดออกที่-าให$อาการแย�ลงได$                                             การรกษาขั้9'นิกบัขั้นิาดขั้องสมองที่��ช่-'า ถุ$าขั้นิาดเล=กอาจเฝั,าด2อาการแล$วิตั�ดตัามด2อาการและเอกซ้เรย6คอมพ�วิเตัอร6 ถุ$าม�ขั้นิาดใหญ�จ-าเปั3นิตั$องได$รบัการผ่�าตัดเพ%�อลดควิามดนิในิสมอง

 

Social Media Icons for Joomla!

Page 43: Epilepsy Syndromes

  ลมช่กหลงอ�บัตั�เหตั�ลุ่มช�กหลุ่�งอบ�ต�เหตแบ�งออกได�เป็�น 2 ป็ระเภูที่ใหญ�ๆค$อ ช�กระยัะแรก (early epilepsy) แลุ่ะ ช�กระยัะหลุ่�ง (late epilepsy)    Early post-traumatic epilepsy หร$ออาการช�กหลุ่�งบาดเจ)บที่��ศั�รษะระยัะแรกหมายัถ2ง อาการช�กที่��เก�ดภูายัใน 1 ส�ป็ดาห&หลุ่�งบาดเจ)บที่��ศั�รษะโดยัไม�ม�สาเหตอ$�น บางคร�.งอาจแบ�งยั�อยัออกเป็�น อาการช�กที่�นที่� (immediate) กลุ่�าวค$อเก�ดภูายัใน 24 ช��วโมง ก�บ พิวกที่��เก�ดระหว�างว�นที่�� 2-7       ส�วน Late post-traumatic epilepsy หมายัถ2ง อาการช�กภูายัหลุ่�งจากบาดเจ)บที่��ศั�รษะ 1 ส�ป็ดาห&                                         Early post-traumatic epilepsy ความเส��ยังในการเก�ดอาการช�กระยัะแรกเก��ยัวข�องก�บชน�ดแลุ่ะความรนแรงของสมอง เลุ่$อดออกใต�เยั$�อห�มสมองแลุ่ะใน

 

Social Media Icons for Joomla!

Page 44: Epilepsy Syndromes

สมองม�โอกาสเก�ดช�กระยัะแรก 30-36 เป็อร&เซ์นต& เลุ่$อดออกเหน$อเยั$�อห�มสมอง, กะโหลุ่กศั�รษะแตกยับตรงด�านหน�า, ด�านบน,

แลุ่ะสมองที่��ได�ร�บอ�นตรายัที่1าให�ม�ความผิ�ดป็กต�ระบบป็ระสาที่เฉัพิาะที่��หร$ออาการหลุ่งลุ่$มหลุ่�งอบ�ต�เหตมากกว�า 24 ช��วโมง ม�โอกาสเก�ดช�กระยัะแรก 9-

13 เป็อร&เซ์นต& ผิ<�ป็@วยัที่��ถ<กยั�งม�โอกาสเก�ดช�กระยัะแรก 2-6 เป็อร&เซ์นต& ม�ผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บบาดเจ)บที่��ศั�รษะเลุ่)กน�อยั (minor head

injury) แลุ่ะไม�ม�ความผิ�ดป็กต�ที่างระบบป็ระสาที่เก�ดช�กระยัะแรกเพิ�ยัง 2

เป็อร&เซ์)นต&เด)กอายัน�อยักว�า 5 ป็5พิบได�บ�อยักว�าผิ<�ใหญ�, ป็ระมาณเก$อบ 1/3 ของช�กระยัะแรกเก�ดภูายัใน 1

ช��วโมงหลุ่�งบาดเจ)บ, อาการช�กเฉัพิาะที่��พิบป็ระมาณคร2�งหน2�งแลุ่ะพิบบ�อยัในการบาดเจ)บแบบถ<กยั�งมากกว�ากระที่บกระแที่กอาการช�กที่��เก�ดที่�นที่�หลุ่�งบาดเจ)บเร�ยัก immediate epilepsy พิบไม�บ�อยัในการบาดเจ)บเลุ่)กน�อยัแลุ่ะไม�ม�ความเส��ยังต�อการช�กในระยัะยัาวความส1าค�ญของการช�กระยัะแรก (early seizures) ค$อเคร$�องบ�งช�.แลุ่ะม�ความเส��ยัง

Page 45: Epilepsy Syndromes

ต�อการเก�ดช�กในระยัะหลุ่�ง (late seizures) ป็ระมาณ 25 เป็อร&เซ์นต&ของ การช�กระยัะแรกเก�ดการช�กระยัะหลุ่�งรวมถ2งพิวกที่��บาดเจ)บที่��ศั�รษะเลุ่)กน�อยัที่��ม�อาการช�กระยัะแรกด�วยัการเก�ดอาการช�กระยัะแรกที่1าให�การร�กษาคนไข�บาดเจ)บที่��ศั�รษะซ์�บซ์�อนข2.น ความร< �ส2กต�วที่��ลุ่ดลุ่งอาจที่1าให�ตรวจร�างกายัไม�ช�ด จ1าเป็�นต�องที่1าการตรวจเอกซ์เรยั&คอมพิ�วเตอร&ซ์1.าเพิ$�อให�แน�ใจว�าไม�ม�ก�อนเลุ่$อดในสมอง แลุ่ะการช�กอาจที่1าให�เก�ดการส1าลุ่�กม�ป็อดต�ดเช$.อได�                                          Late Post-traumatic epilepsy ส�วนมากม�กจะเก�ดหลุ่�งจาก 2 เด$อนหลุ่�งบาดเจ)บที่��ศั�รษะ เน$�องจากเป็�นระยัะเวลุ่าที่��สมองเร��มม�การเก�ดจดก1าเน�ดช�กข2.น ความรนแรงของการบาดเจ)บที่��ศั�รษะเป็�นป็7จจ�ยัที่��ส1าค�ญในการเก�ด อาการช�กระยัะหลุ่�ง อบ�ต�การณ&เก�ดป็ระมาณ 20 เป็อร&เซ์นต&ในรายัที่��เลุ่$อดออกเหน$อเยั$�อห�มสมอง, 50 เป็อร&เซ์นต&กรณ�เลุ่$อดออกใต�เยั$�อห�มสมองหร$อในสมอง แลุ่ะป็ระมาณ 4-60 เป็อร&เซ์นต&ในรายัที่��ม�กะโหลุ่กศั�รษะแตกยับ ข2.นก�บหลุ่ายัป็7จจ�ยัเช�น อาการ

Page 46: Epilepsy Syndromes

เฉัพิาะที่��, การฉั�กขาดของเยั$�อห�มสมอง, อาการหลุ่งลุ่$มมากกว�า 24 ช��วโมงจะเพิ��มอบ�ต�การณ&ในรายัที่��กะโหลุ่กศั�รษะแตกยับ รวมที่�.งการเก�ดใกลุ่�ก�บต1าแหน�งควบคมการเคลุ่$�อนไหวจะเพิ��มโอกาสมากข2.นการป็,องการต�องแยักออกจากการร�กษา                                         การให�ยัาป็,องก�นการช�กหมายัถ2งป็,องก�นไม�ให�ม�การเก�ดของจดก1าเน�ดการช�กแลุ่ะเก�ดอาการช�กต�อมา ด�งน�.นเม$�อเวลุ่า 2-3 เด$อนถ�าได�ผิลุ่ต�องหยัดให�ยัาได�แลุ่ะไม�เก�ดอาการช�ก ส�วนการร�กษาหมายัถ2งการให�ยัาเพิ$�อไป็กดกระแสไฟฟ,าของจดก1าเน�ดการช�กที่��เก�ดข2.นแลุ่�ว การช�กยั�งม�โอกาสเก�ดได�เม$�อเราหยัดยัาในป็7จจบ�นเรายั�งไม�ม�ยัาที่��สามารถป็,องก�นการเก�ดจดก1าเน�ดการช�กได� การร�กษาค$อการให�ยัาไม�ให�เก�ดอาการช�ก จากข�อม<ลุ่ในป็7จจบ�นแนะน1าว�าควรให�ยัาก�นช�กเพิ$�อป็,องก�น การช�กในระยัะแรกเม$�อไม�ม�อาการช�กก)ควรหยัดยัาก�นช�ก เม$�อผิ<�ป็@วยัม�อาการช�กในระยัะหลุ่�งจ2งควรให�ยัาร�กษาต�อ การผิ�าต�ดเพิ$�อเอาจดช�กออกส�วนมากไม�จ1าเป็�น อาการช�กม�กจะหายัไป็เม$�อ

Page 47: Epilepsy Syndromes

เวลุ่าผิ�านไป็ การผิ�าต�ดควรที่1าเม$�อผิ�านไป็อยั�างน�อยั 2

ป็5หลุ่�งอบ�ต�เหต แลุ่ะหลุ่�กการในการผิ�าต�ดก)ใช�หลุ่�กเด�ยัวก�บการผิ�าต�ดโรคลุ่มช�ก               ความด�นในกะโหลุ่กศั�รษะส<งควิามดนิในิกะโหลกศึ�รษะส2งหร%อ  Increased intracranial pressure (ICP) เป็�นภูาวะที่��ม�ความส1าค�ญอาจเก�ดจากการบาดเจ)บที่��ศั�รษะ เส�นเลุ่$อดในสมองแตกหร$อเน$.องอกในสมองหร$อน1.าค��งในสมอง เป็�นภูาวะที่��ม�ความส1าค�ญที่างป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัศัาสตร&เน$�องจากพิบได�บ�อยัที่�.งก�อนแลุ่ะหลุ่�งผิ�าต�ด ถ�าความด�นส<งที่1าให�สมองเก�ดอ�นตรายัถ2งแก�ช�ว�ตได�ป็กต�สมองจะอยั<�ในกะโหลุ่กซ์2�งในผิ<�ใหญ�ไม�สามารถขยัายัได� สมองป็ระกอบด�วยั 3 ส�วนใหญ�ค$อ เน$.อสมอง น1.าหลุ่�อเลุ่�.ยังสมอง แลุ่ะเลุ่$อดที่��มาเลุ่�.ยังสมอง                                ภูาวะที่��ม�การเพิ��มของส��งใดส��งหน2�งที่1าให�เก�ดภูาวะความด�นในสมองส<งเช�นม�ก�อนเลุ่$อด ก�อนเน$.องอก น1.าค��งในสมอง จ2งจ1าเป็�นต�องลุ่ดส��งเหลุ่�าน�.น การว�น�จฉั�ยัโดยัด<อาการของผิ<�ป็@วยัเช�นม�านตาไม�เที่�าก�น การตอบสนองลุ่ดลุ่ง ความร< �ส2กต�วลุ่ดลุ่ง เอกซ์เรยั&คอมพิ�วเตอร&เห)นสาเหตแลุ่ะเห)นเน$.อสมองที่��ถ<กกดหร$อเบ�ยัด ในบางกรณ�แพิที่ยั&จะใส�สายัเข�าไป็ในสมองเช�นในโพิรงสมองเพิ$�อว�ดความด�นในสมองโดยัตรง นอกจากน�.สามารถเอาน1.าหลุ่�อเลุ่�.ยังสมองออกเพิ$�อลุ่ดความด�นได�                               การร�กษาม�งไป็ที่��สาเหตแลุ่ะป็,องก�นภูาวะที่��จะที่1าให�ความด�นในสมองส<งเช�น เอาก�อนในสมองออก ให�ยัาข�บป็7สสาวะ นอนศั�รษะส<งเพิ$�อให�เลุ่$อดด1าไหลุ่ออกได�ด� ลุ่ดไข� ป็,องก�นน1.าตาลุ่ส<ง ไม�ให�คาร&บอนไดออกไซ์ด&ค��งในเลุ่$อด ให�ออกซ์�เจนที่��เพิ�ยังพิอการร�กษาโดยัป็ระสาที่ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&แลุ่ะไอ ซ์� ยั<แลุ่ะการพิยัาบาลุ่ที่��พิร�อมจะช�วยัลุ่ดอ�ตราตายัได�

โรคหลอดเล%อดสมองเส�นเลุ่$อดขอดในสมองVascular malformation แบ�งออกเป็�น 4 ป็ระเภูที่ใหญ�ๆค$อ 1. Arteriovenous malformatins (AVMs)2. Venous angioma3. Cavernous angioma4. Capillary telangiectasia แต�ที่��ม�ความส1าค�ญที่��พิบบ�อยัค$อ Arteriovenous malformatins

(AVMs) แลุ่ะ Cavernous angioma

                               AVM ม�ลุ่�กษณะของเส�นเลุ่$อดแดงที่��เช$�อมต�อก�บเส�นเลุ่$อดด1าแลุ่ะม�ขนาดขยัายัข2.นโดยัไม�ม�เส�นเลุ่$อดฝึอยัหร$อเน$.อสมองค��นกลุ่างในต�วของ nidus, AVM เป็�นพิยัาธุ�สภูาพิแต�ก1าเน�ดซ์2�งขนาดโตข2.นตามอายัแลุ่ะจากที่��ม�เลุ่$อดมาเลุ่�.ยังไม�มากกลุ่ายัเป็�นม�เลุ่$อดมาเลุ่�.ยังเพิ��มมากข2.น ลุ่�กษณะเป็�นขยั�มของเส�นเลุ่$อดซ์2�งม�กม�แกน (nidus) ที่��ม�ขอบเขตแลุ่ะเส�นเลุ่$อดด1าที่��ส�ออกแดง (red veins) บางคนแบ�ง AVM ออกเป็�นชน�ด pial, subcortical, paraventricular, แลุ่ะ combined อาการแลุ่ะอาการแสดง AVM มาด�วยัอาการเส�นเลุ่$อดแตก, ช�ก, เป็�นก�อนไป็เบ�ยัด

Page 48: Epilepsy Syndromes

เช�น trigeminal neuralgia อาการหน�าชาจากเส�นเลุ่$อกไป็กด, อาการขาดเลุ่$อดเน$�องจากเลุ่$อดถ<กไป็เลุ่�.ยัง AVM มากกว�าไป็เลุ่�.ยังสมองที่��ด�, อาการม�เส�ยังในห�ว

                              การว�น�จฉั�ยัที่1าได�โดยั MRI จะเห)น flow void  ใน T1 หร$อ T2 MRA,

Angiography จะเห)น tangle of vessels, feeding artery, draining veins เราแบ�งเกรดของ AVM โดยัใช� Spetzler-Martin grade โดยัด<ขนาดของ AVM ถ�า ขนาดเลุ่)ก(<3

cm) =1, กลุ่าง (3-6 cm) = 2, ใหญ� (>6 cm) =3, ด<ต1าหน�งของ AVM ถ�าอยั<�สมองที่��ไม�ส1าค�ญ=0, สมองที่��ส1าค�ญ=1 แลุ่ะด<ลุ่�กษณะของเส�นเลุ่$อดด1า ถ�าอยั<�ที่��ผิ�ว=0, อยั<�ลุ่2ก=1 แลุ่�วน1าคะแนมารวมก�น ในรายัที่��คะแนส<งเป็�นพิวกที่��ร�กษาค�อนข�างยัากหร$ออาจผิ�าต�ดไม�ได�

                              การร�กษา               จ1าเป็�นต�องค1าน2งถ2งป็7จจ�ยัหลุ่ายัอยั�างเช�น อายัคนไข�, ม�ป็ระว�ต�แตกมาก�อนหร$อไม� ถ�าเคยัแตกมาก�อนก)ม�โอกาสแตกซ์1.าส<งกว�าไม�เคยัแตก, ขนาดของ AVM, สภูาพิคนไข�, ม� เส�นเลุ่$อดโป็@งพิองร�วมด�วยัหร$อไม�, เป็�น high หร$อ low flow AVM

                การผิ�าต�ด ข�อด�ค$อขจ�ดโอกาสการแตกของ AVM แลุ่ะอาการช�กอาจด�ข2.น แต�ก)ม�ความเส��ยังในการผิ�าต�ด ต�องด< Spetzler-Martin grade ป็ระกอบด�วยั                การฉัายัแสง การฉัายัแสงโดยัว�ธุ�ป็กต�ไม�ค�อยัได�ผิลุ่ การฉัายัด�วยัร�งส�แกมม�า ม�ข�อด�ค$อลุ่ดความเส��ยังจากการผิ�าต�ด ข�อเส�ยัค$อ ต�องใช�เวลุ่า 2-3 ป็5 กว�าจะอดต�นหมดแลุ่ะถ�าขนาดใหญ�อาจไม�ได�ผิลุ่หร$ออาจต�องที่1าซ์1.า ซ์2�งขณะยั�งไม�อดต�นก)ม�โอกาสที่��จะแตกได� แลุ่ะผิลุ่จากร�งส�อาจม�สมองตายัที่1าให�เก�ดผิลุ่ข�างเค�ยังได� (radiation necrosis)

                การที่1า endovascular เช�นการที่1า embolization โดยัการใส�สายัสวนแลุ่�วใช�สารไป็อดต�นเส�นเลุ่$อดอาจใช�เสร�มในการผิ�าต�ดช�วยัลุ่ดการเส�ยัเลุ่$อด แต�ถ�าที่1าอยั�างเด�ยัวม�กไม�เพิ�ยังพิอที่��จะที่1าให�อดต�นหมด             Cavernous angiomas เป็�นลุ่�กษณะเส�นเลุ่$อดผิ�ดป็กต� ม�ผิน�งม�เป็�นช�องของเส�นเลุ่$อด ไม�ม�เส�นเลุ่$อดแดง, เส�นเลุ่$อดด1าใหญ�ๆที่��มาเลุ่�.ยังแลุ่ะไม�ม�เน$.อสมองระหว�างกลุ่าง cavernoma พิบป็ระมาณ 5-13% ของ vascular malformations ส�วนมากพิบที่��สมองส�วนบนแต�ป็ระมาณ 10-23% พิบได�ที่��สมองส�วนลุ่�างซ์2�งม�กพิบที่�� pons ม�อยั<�สองชน�ดค$อ พิบที่��วๆไป็หร$อ sporadic แลุ่ะ เป็�นกรรมพิ�นธุ& (hereditary)อาการที่��พิบส�วนมากมาด�วยัเร$�องอาการช�ก อาจมาด�วยัอาการพิ�การที่างสมอง, เลุ่$อดออกหร$อพิบโดยับ�งเอ�ญ

Page 49: Epilepsy Syndromes

            การว�น�จฉั�ยั การที่1า CT scan อาจมองไม�เห)นส�วน angiography ไม�สามารถแสดง cavernoma ได� การตรวจด�วยั MRI เป็�นการตรวจที่��ด�ที่��สดโดยัเฉัพิาะการที่1า gradient echo

แลุ่ะ T2 ที่1าให�เห)นได�ช�ดเจน            การร�กษา ในรายัที่�� cavernoma อยั<�ต1าแหน�งที่��สามารถผิ�าต�ดเอาออกได�ก)ควรผิ�าต�ดโดยัเฉัพิาะในรายัที่��มาด�วยัอาการเลุ่$อดออกหร$อม�ความพิ�การที่างสมอง ในรายัที่��มาด�วยัอาการช�ก ถ�าที่านยัาก�นช�กแลุ่�วยั�งไม�ได�ผิลุ่ก)ควรพิ�จารณาผิ�าต�ดเอาออก เส�นเลุ่$อดโป็@งในสมอง  เส�นเลุ่$อดโป็@งพิองในสมองหร$อ Cerebral aneurysm เราไม�ที่ราบสาเหตการเก�ดแน�ช�ดแต�พิบว�าช�.นของเส�นเลุ่$อดในสมองที่��โป็@งพิองม�ความยั$ดหยั�นน�อยักว�า แลุ่ะในช�.นกลุ่างม�กลุ่�ามเน$.อน�อยักว�า แลุ่ะส�วนมากเส�นเลุ่$อดที่��โป็@งพิองจะอยั<�ตรงที่��เส�นเลุ่$อดม�การโค�ง  อยั<�ตรงมมที่��เส�นเลุ่$อดม�การแยักแขนง การเส$�อมของเส�นเลุ่$อดร�วมก�บความด�นโลุ่ห�ตส<งอาจเป็�นป็7จจ�ยัที่��เสร�มในการเก�ดร�วมก�บเส�นเลุ่$อดที่��ผิ�ดป็กต�แต�ก1าเน�ด นอกจากน�.ยั�งม�สาเหตอ$�นอ�กเช�น จากอบ�ต�เหต, การต�ดเช$.อ                             เส�นเลุ่$อดโป็@งพิองที่��เราพิ<ดถ2งก�นบ�อยัค$อชน�ด saccular aneurysm ซ์2�งม�กอยั<�ตรงเส�นเลุ่$อดหลุ่�กตรงต1าแหน�งยัอดของที่างแยักที่��เส�นเลุ่$อดแยักแขนง เส�นเลุ่$อดโป็@งพิองที่��พิบที่��เส�นเลุ่$อดป็ลุ่ายัๆม�กเก�ดจากการต�ดเช$.อ, อบ�ต�เหต                                    ตั-าแหนิ�งของเส�นเลุ่$อดโป็@งพิอง 85-95% อยั<�ที่��ระบบ carotid 

กลุ่�าวค$อที่��                          Anterior communicating artery (Acom) ~30% ซ์2�งม�กพิบในผิ<�ชายั                          Posterior communicating artery (Pcom) ~25%                          Middle cerebral artery (MCA) ~20%                                              อ�ก 5-15% พิบในระบบ vertebro-basilar ค$อ                          Basilar artery ~10% พิบมากที่��ต1าแหน�ง basilar tip

                          Vertebral artery ~5% พิบมากที่�� Vertebral-Posterior inferior-cerebellar artery (PICA) junction                                    ป็ระมาณ 20-30% ของเส�นเลุ่$อดโป็@งพิองม�มากกว�าหน2�งต1าแหน�งในคนไข�รายัเด�ยัวก�น 

                                   อาการและอาการแสดง                           อาการที่�พิบบ�อยัค$อเส�นเลุ่$อดแตกในช�องน1.าหลุ่�อเลุ่�.ยังสมอง (subarachnoid hemorrhage) อาจพิบม�ก�อนเลุ่$อดในสมองร�วมด�วยัได� (เช�นใน middle

cerebral artery aneurysm) หร$ออาจม�การแตกเข�าโพิรงสมอง (เช�น anterior communicating artery aneurysm, distal basilar artery aneurysm, distal PICA aneurysm) แต�การแตกเข�าใต�เยั$�อห�มสมองก)อาจพิบได�                          นอกจากน�.อาจมาด�วยัอาการอ$�นเช�นม�อาการเต$อนก�อน ม�ป็วดศั�รษะไม�มาก,

อาการช�ก, อาการของการกลุ่อกตาผิ�ดป็กต�ซ์2�งม�กพิบอาการเส�นป็ระสาที่สมองที่�� 3 ผิ�ดป็กต�ที่1าให�กลุ่อกตาเข�าในไม�ได� ม�ม�านตาโต หร$อเส�นเลุ่$อดโป็@งพิองม�ขนาดใหญ�ไป็กดสมองที่1าให�ม�อาการได�

Page 50: Epilepsy Syndromes

นอกจากน�.อาจพิบโดยับ�งเอ�ญโดยัไม�ม�อาการก)ได�

                                  การวิ�นิ�จฉัย                       CT scan ช�วยัว�น�จฉั�ยัโรคได�ว�าม�เส�นเลุ่$อดแตกในช�องน1.าหลุ่�อเลุ่�.ยังสมอง ที่1าให�เห)นก�อนเลุ่$อด น1.าค��งในสมอง สมองบวม สมองขาดเลุ่$อดได� นอกจากน�.ลุ่�กษณะของเลุ่$อดที่��ออกช�วยัให�ที่1านายัได�ว�าเส�นเลุ่$อดโป็@งพิองอยั<�ต1าแหน�งใด บางคร�.งอาจเห)นเส�นเลุ่$อดโป็@งพิองได�                       MRI ไม�ค�อยัช�วยัในระยัะแรกที่��เส�นเลุ่$อดโป็@งพิองแตก แต�ในรายัที่��ม�ป็ระว�ต�สงส�ยัว�าม�เส�นเลุ่$อดโป็@งพิองแตก อาจที่1าให�เห)นว�าเคยัม�เลุ่$อดออกได�                       MRA & CTA ป็7จจบ�นม�การพิ�ฒนาที่1าให�เห)นเส�นเลุ่$อดโป็@งพิองได�ด�ข2.น ม�ความไว ความจ1าเพิาะที่��ส<ง ในบางสถาบ�นอาจใช�การตรวจว�ธุ�น�.ยั�างเด�ยัวโดยัไม�ที่1า angiography อาจเหมาะในโรงพิยัาบาลุ่ที่��ไม�ม�ความพิร�อมในการที่1า angiography แต�ถ�าเส�นเลุ่$อดโป็@งพิองขนาดเลุ่)กกว�า 3 mm อาจมองไม�เห)น                       Angiography เป็�นมาตรฐานในการว�น�จฉั�ยัด<ว�าม�เส�นเลุ่$อดโป็@งพิองในสมอง แลุ่ะสามารถด< hemodynamic ได�                       Lumbar puncture จะพิบน1.าไขส�นหลุ่�งเป็�นส�เหลุ่$อง (xanthrochromia)

แต�ต�องระว�งเน$�องจากม�รายังานว�าอาจที่1าให�ลุ่ดความด�นในศั�รษะแลุ่�วม�โอกาสเส�นเลุ่$อดแตกซ์1.ามากข2.นแลุ่ะควรที่1าเอกซ์&เรยั&คอมพิ�วเตอร&ก�อน เพิ$�อให�แน�ใจว�าไม�ม�ก�อนเลุ่$อดในสมองขนาดใหญ�                  

                                  การรกษา                         การร�กษาเส�นเลุ่$อดโป็@งพิองข2.นก�บสภูาพิคนไข� แลุ่ะธุรรมชาต�ของเส�นเลุ่$อดโป็@งพิอง ส�วนมากเม$�อเส�นเลุ่$อดโป็@งพิองแตก โอกาสที่��จะแตกซ์1.าม�ป็ระมาณ 4% ในว�นแรก ต�อจากน�.นป็ระมาณ 1.5% ใน 13 ว�นต�อมา แลุ่ะม�โอกาสแตกซ์1.าโดยัรวมป็ระมาณ 15-20% ในระยัะ 14 ว�นแรก, 50% จะแตกซ์1.าภูายัใน 6 เด$อน, หลุ่�งจากน�.นโอกาสที่��จะแตกซ์1.าม�ป็ระมาณ 3%ต�อป็5แลุ่ะม�อ�ตราตายัป็ระมาณ 2% ต�อป็5, การเส�ยัช�ว�ตใน 1 เด$อนแรกป็ระมาณ 50%

                         การร�กษาที่��ด�ในป็7จจบ�นค$อการผิ�าต�ดเข�าไป็หน�บ (clipping) เส�นเลุ่$อดโป็@งพิองที่��คอของเส�นเลุ่$อดโดยัไม�ที่1าให�เส�นเลุ่$อดที่��ด�อดต�น นอกจากการผิ�าต�ดโดยัหน�บเส�นเลุ่$อดแลุ่�วป็7จจบ�นม�ว�ธุ�ร�กษาดดยัการใส�สายัสวนเข�าที่��ขาหน�บแลุ่�วป็ลุ่�อยัขดลุ่วด (coil) เข�าไป็อดต�นเส�นเลุ่$อดโป็@งพิอง (endovascular technique) ว�ธุ�น�.เป็�นว�ธุ�ใหม� ผิลุ่ในระยัะยัาวยั�งต�องต�ดตามต�อไป็ แต�ม�ข�อด�ค$อไม�ต�องผิ�าต�ดเป็Fดกะโหลุ่กศั�รษะ แลุ่ะในบางต1าแหน�งที่��อ�นตรายัต�อการผิ�าต�ดอาจใช�ว�ธุ�น�. แต�บางต1าแหน�งก)ไม�สมารถที่1าว�ธุ�น�.ได� นอกจากน�.บางคร�.งอาจอดต�นเส�นเลุ่$อดโป็@งได�ไม�หมดต�องมาที่1าซ์1.าหร$อมาผิ�าต�ดซ์1.า                             นอกจากการร�กษาด�วยัว�ธุ�ผิ�าต�ดแลุ่�ว ผิ<�ป็@วยัที่��ม�เส�นเลุ่$อดโป็@งพิองในสมองแตก

Page 51: Epilepsy Syndromes

ยั�งม�ป็7ญหาอ$นๆร�วมด�วยั การร�กษาไม�ใช�เพิ�ยังแต�การผิ�าต�ด เพิราะบางรายัอาจม�เส�นเลุ่$อดแตกที่1าให�ไม�ร< �ส2กต�ว ซ์2�งเราจะด<อาการของคนไข�ตามเกรด ที่��น�ยัมค$อ Hunt & Hess classification แลุ่ะ World Federation of Neurologic Surgeons (WFNS) grading ซ์2�งผิ<�ป็@วยัที่��อาการด�จะอยั<�เกรดน�อยัแลุ่ะอาการหน�ก เกรดมากตามลุ่1าด�บ  ในผิ<�ป็@วยัที่��ม�เส�นเลุ่$อดแตกเราต�องเฝึ,าระว�งร�กษาอาการความด�นในกะโหลุ่กศั�รษะที่��ส<ง บางรายัอาจม�น1.าค��งในสมองระยัะแรกหร$อระยัะหลุ่�งได� นอกจากน�.ในรายัที่��เลุ่$อดออกมากต�องระว�งการเก�ดเส�นเลุ่$อดในสมองหดต�ว (vasospasm) ที่1าให�เลุ่$อดไป็เลุ่�.ยังสมองลุ่ดลุ่ง ผิ<�ป็@วยัม�อาการที่างระบบป็ระสาที่เป็ลุ่��ยันแป็ลุ่งในที่างลุ่ดลุ่งได� ซ์2�งม�กพิบในช�วงว�นที่�� 6-8 หลุ่�งเส�นเลุ่$อดแตกบางคร�.งอาจต�องป็,องก�นหร$อร�กษาโดยัใช�ว�ธุ� Triple H

therapy (Hypervolemia, hypertension, hemodilution) หร$ออาจให�ยัา Calcium

antagonist เช�น nimodipine ร�วมด�วยัเส�นเลุ่$อดแตกในสมองเส$นิเล%อดแตักในิสมองจากควิามดนิโลห�ตัส2ง (Hypertensive hemorrhage) เป็�นโรคที่��พิบได�บ�อยั สาเหตค$อม�ความด�นส<ง เราม�กพิบบ�อยัตรงต1าแหน�งที่��เร�ยักว�า  Basal ganglia ส�วนต1าแหน�งอ$�นที่��พิบได�เช�นก�นค$อ Subcortical hemorrhage, Thalamus, Cerebellum, Brainstem

                           อาการของเส�นเลุ่$อดในสมองแตกจากความด�นส<งม�กพิบว�าผิ<�ป็@วยัจะม�อาการป็วดศั�รษะแต�บางรายัอาจไม�ม�ก)ได� คลุ่$�นไส� อาเจ�ยัน อาจหมดสต�หร$อระด�บความร< �ส2กต�ว แขนขาอ�อนแรงข�างใดข�างหน2�ง พิ<ดไม�ช�ดหร$อถ�าเก�ดในสมองเด�นที่1าให�พิ<ดไม�ได� อาการแลุ่ะอาการแสดงจะข2.นก�บขนาดของก�อนเลุ่$อด แลุ่ะอาการจะเป็�นข2.นอยั�างรวดเร)ว เฉั�ยับพิลุ่�น ผิ<�ป็@วยับางรายัอาจม�เส�นเลุ่$อดแตกก�อนแลุ่�วลุ่�มลุ่งที่1าให�เข�าใจผิ�ดว�าเลุ่$อดออกจากศั�รษะกระแที่กพิ$.น                            ต1าแหน�งที่��พิบบ�อยัค$อบร�เวณที่��เร�ยักว�า  basal ganglia ซ์2�งผิ<�ป็@วยัจะม�แขนขาอ�อนแรง เก�ดจากเส�นเลุ่$อดฝึอยัซ์2�งเป็�นแขนงของเส�นเลุ่$อดแดง  middle cerebral artery

แตก ถ�าแตกที่��ต1าแหน�ง thalamus เลุ่$อดม�กแตกเข�าโพิรงสมอง หร$อ ventricles ที่1าให�เก�ดการอดต�นการไหลุ่เว�ยันของน1.าในโพิรงสมองม�น1.าค��งในสมองที่1าให�ความด�นในกะโหลุ่กศั�รษะส<ง อาจต�องร�บเจาะระบายัน1.าออก ถ�าเส�นเลุ่$อดแตกตรงสมองส�วนที่�ายัหร$อ Cerebellum  ผิ<�ป็@วยัอาจม�อาการเว�ยันศั�รษะ บ�านหมน เด�นเซ์ อาเจ�ยันแลุ่�วหมดสต�อยั�างรวดเร)วเน$�องจากก�อนเลุ่$อดไป็กดก�านสมองที่1าให�ซ์2ม แลุ่ะไม�ร< �ส2กต�วแลุ่ะหยัดหายัใจได�เร)ว การผิ�าต�ดอยั�างที่�นที่�วงที่�จะที่1าให�ผิ<�ป็@วยัม�โอกาสฟG. นได� ถ�าเลุ่$อดออกที่��ก�านสมองซ์2�งเราม�กพิบตรงต1าแหน�งที่��เร�ยักว�า Pons ผิ<�ป็@วยัม�กจะไม�ร< �ส2กต�วที่�นที่� ถ�าก�อนม�ขนาดเลุ่)กก)อาจร< �ส2กต�วแลุ่ะความพิ�การน�อยั แต�ถ�าก�อนเลุ่$อดใหญ� ผิ<�ป็@วยัม�กจะม�อาการแขนขาอ�อนแรง ต�องใช�เคร$�องช�วยัหายัใจ เม$�อรอดช�ว�ตจะร< �ส2กต�วแต�แขนขาอ�อนแรงที่��เราเร�ยักว�า locked-in syndrome ค$อโต�ตอบได�โดยัการใช�ศั�รษะแต�แขนขาอ�อนแรงภูาวะเส�นเลุ่$อดแตกในสมองจากความด�นส<งเราว�น�จฉั�ยัได�จากป็ระว�ต� อาการแสดง การตรวจร�างกายั การว�น�จฉั�ยัด�วยัเอกซ์เรยั&คอมพิ�วเตอร&เพิ$�อด<ต1าแหน�งแลุ่ะขนาดของก�อนเลุ่$อด

Page 52: Epilepsy Syndromes

                         การร�กษาถ�าก�อนเลุ่$อดม�ขนาดไม�ใหญ�แพิที่ยั&ม�กร�กษาโดยัเฝึ,าด<อาการ ควบคมความด�นแลุ่ะป็7จจ�ยัเส��ยังอ$�นๆไม�ให�เลุ่$อดออกซ์1.าหร$อสมองบวม ถ�าก�อนเลุ่$อดม�ขนากใหญ�หร$อม�อาการความด�นในกะโหลุ่กศั�รษะส<งอาจจ1าเป็�นต�องผิ�าต�ด การผิ�าต�ดส�วนมากเป็�นการช�วยัเหลุ่$อช�ว�ตหร$อลุ่ดความด�นในกะโหลุ่กศั�รษะ ไม�ว�าร�กษาโดยัการผิ�าต�ดหร$อไม�ผิ�าต�ด ผิ<�ป็@วยัม�กม�ความพิ�การหลุ่งเหลุ่$ออยั<�มากหร$อน�อยัข2.นก�บต1าแหน�งแลุ่ะขนาดของก�อนเลุ่$อด ว�ธุ�ที่��ด�ที่��สดค$อการป็,องก�นโดยัไม�ให�ความด�นส<งแลุ่ะลุ่ดป็7จจ�ยัเส��ยังอ$�นๆเช�น เบาหวาน ไขม�นส<ง การด$�มเหลุ่�า เนิ%'องอกสมอง

1 เน$.องอกเยั$�อห�มสมอง 7566

2 เน$.องอกในสมองไม�ร�ายัแรง 8344

3 เน$.องอกในสมองร�ายัแรง 16217

4 เน$.องอกต�อมใต�สมอง 12291

5 เน$.องอกในโพิรงสมอง 2388

6 เน$.องอกป็ระสาที่ห< 3067

7 มะเร)งกระจายัมาสมอง 3358

8 ลุ่�มโฟมาในสมอง 2809

9 Pseudotumor cerebri 2847

 

เน$.องอกเยั$�อห�มสมอง

เน$.องอกเยั$�อห�มสมองหร$อ Meningioma เป็�นเน$.องอกที่��เก�ดในกะโหลุ่กศั�รษะที่กที่��ที่��ม� arachnoid cell หร$อเซ์ลุ่ลุ่&เยั$�อห�มสมอง เป็�นเน$.องอกที่��ม�กจะโตช�าๆ ม�ขอบเขตช�ดเจน บางรายัอาจม�ลุ่�กษณะเป็�นเน$.อร�ายัได�, เน$.องอกเยั$�อห�มสมองพิบป็ระมาณ 14.3-19% ของเน$.องอกสมอง อายัที่��พิบมากป็ระมาณ 45 ป็5 พิบเพิศัหญ�งต�อเพิศัชายั 1.8:1, ในเด)กแลุ่ะว�ยัร �นพิบได�ป็ระมาณ 1.5% แลุ่ะ 19-24% ของเน$.องอกเยั$�อห�มสมองในว�ยัร �นเก�ดในผิ<�ป็@วยัที่��อยั<�ในกลุ่�ม neurofibromatosis type I (von Reckinghausen's)

Page 53: Epilepsy Syndromes

                                        ต1าแหน�งของเน$.องอกที่��พิบเช�น  Convexity meningioma: ตามผิ�วสมอง  Parasagittal meningioma แลุ่ะ Falx meningioma : ตรงกลุ่างสมองต1าแหน�งเส�นเลุ่$อดด1าใหญ�       -Anterior (ethmoid plate ถ2ง coronal suture) ส�วนมากมาด�วยัอาการป็วดศั�รษะ, พิฤต�กรรมเป็ลุ่��ยัน      - Middle (Coronal suture ถ2ง lambdoidal suture) มาด�วยัอาการช�กแลุ่ะอาจม�ขาอ�อนแรงข�างเด�ยัว      - Posterior ( Lambdoid suture torcular Herophili) มาด�วยัอาการช�ก, สายัตาผิ�ดป็กต�, พิฤต�กรรมเป็ลุ่��ยัน  Sphenoid wing meningioma เน$.องอกตรงกระด<กสฟ5นอยัด&ซ์2�งแบ�งออกเป็�น       - Lateral sphenoid wing มาด�วยัพิฤต�กรรมเป็ลุ่��ยันแป็ลุ่ง       - Middle sphenoid wing      -  Medial sphenoid wing  กดป็ระสาที่ตาที่1าให�การมองเห)นลุ่ดลุ่ง การกลุ่อกตาอาจผิ�ดป็กต�  Olfactory groove meningioma เน$.องอกตรงด�านหน�าส�วนการดมกลุ่��น ม�กม�ขนาดใหญ�เม$�อตรวจพิบว�าม�อาการ ซ์2�งอาการที่��พิบเช�น       - Foster-Kennedy syndrome ไม�ได�กลุ่��น ป็ระสาที่ตาข�างเด�ยัวก�นฝึ@อ แลุ่ะป็ระสาที่ตาด�านตรงข�ามบวม      - Mental status change พิฤต�กรรมเป็ลุ่��ยันแป็ลุ่งบางรายัอาจร�กษาที่างจ�ตเวชมาเป็�นระยัะเวลุ่านาน      - Incontinence กลุ่�.นป็7สสาวะไม�ได�      - Visual impairment การมองเห)นลุ่ดลุ่ง      - Seizure ช�ก          นอกจากน�.ยั�งพิบได�ที่��ต1าแหน�งอ$�นๆ เช�น C-P angle, foramen magnum, Tuberculum sellae, Intraventricular, Orbital     การวิ�นิ�จฉัย           MRI   ที่1าให�เห)นเน$.องอกได�ช�ดเจนแม�เน$.องอกขนาดเลุ่)กแลุ่ะสามารถด<ลุ่�กษณะเน$.องอกในหลุ่ายัระนาบ ที่1าให�ช�วยัในการวางแผินผิ�าต�ด ที่1าให�มองเห)นว�าเน$.องอกไป็เข�าเส�นเลุ่$อดในสมองหร$อไม� เราม�กจะเห)นเน$.องอกช�ดเจนเม$�อฉั�ดส�แลุ่ะม�ลุ่�กษณะที่��เร�ยักว�า dural tail ซ์2�งช�วยัในการบอกว�าเป็�นเน$.องอกป็ระเภูที่น�.         CT scan เห)นเน$.องอกได�แลุ่ะเม$�อฉั�ดส�ก)เห)นเน$.องอกช�ดเจนเช�นก�น แต�รายัลุ่ะเอ�ยัดส<�การตรวจด�วยัแม�เหลุ่)กไฟฟ,าไม�ได� แต�ม�ป็ระโยัชน&ในการด<ลุ่�กษณะของกระโหลุ่กศั�รษะเม$�อถ<กเน$.องอกเข�าไป็ ที่1าให�เห)นกระโหลุ่กหนาข2.น         Angiography ช�วยับอกว�าเส�นเลุ่$อดอะไรมาเลุ่�.ยังเน$.องอกแต�ป็7จจบ�นไม�น�ยัมที่1าเพิราะม�การตรวจด�วยัว�ธุ�ที่��ไม�เจ)บต�วด�ข2.น การด<เส�นเลุ่$อดด1าว�าต�นหร$อไม�ก)สามารถใช�การตรวจแม�เหลุ่)ก

Page 54: Epilepsy Syndromes

ไฟฟ,ามาที่ดแที่นได� ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&บางรายัอาจที่1า embolization ก�อนผิ�าต�ดเพิ$�อลุ่ดการเส�ยัเลุ่$อด ลุ่�กษณะของเน$.องอกจะเห)นเป็�น tumor brush

    การรกษา             การผิ�าต�ดเป็�นว�ธุ�ที่��ด�ที่��สดในการร�กษาเน$.องอกที่��ม�อาการ ในเน$.องอกที่��ไม�ม�อาการอาจเฝึ,าต�ดตามด<เป็�ระยัะ การผิ�าต�ดข2.นก�บต1าแหน�งของเน$.องอก ในเน$.องอกบร�เวณฐานกะโหลุ่ก โอกาสที่��จะเอาออกหมดอาจลุ่1าบากกว�า ที่1าให�ม�โอกาสเก�ดซ์1.าได�อ�ก เราแบ�งการผิ�าต�ดเน$.องอกตามขอบเขตที่��เอาออกเป็�น 5 เกรด (Simpson grading) กลุ่�าวค$อ      Grade I   เอาเน$.องอกแลุ่ะเยั$�อห�มสมองที่��ต�ดออกหมดรวมที่�.งกระด<กที่��ผิ�ดป็กต� (รวมถ2งเส�นเลุ่$อดด1าใหญ� ถ�าม�)      Grade II  เอาเน$.องอกออกหมดแลุ่ะจ�.เยั$�อห�มสมองด�วยัความร�อนหร$อเลุ่เซ์อร&      Grade III  เอาเน$.องอกออกหมดแต�ไม�ได�จ�.หร$อต�ดเยั$�อห�มสมองแลุ่ะกระด<กที่��ผิ�ดป็กต�      Grade IV  เอาเน$.องอกออกบางส�วน      Grade V  เอาเน$.องอกออกให�หร$อเพิ�ยังส�งช�.นเน$.อตรวจ      เน$.องอกม�โอกาสข2.นใหม�หลุ่�งเอาเน$.องอกออกหมดป็ระมาณ 11-15% แลุ่ะ 29% ถ�าเอาออกไม�หมด ใน 5 ป็5 โอกาสที่�เน$.องอกจะเก�ดใหม�ม�ป็ระมาณ 37-85% หลุ่�งต�ดออกบางส�วน เน$.องอกที่��พิยัาธุ�สภูาพิเป็�นเน$.อร�ายั (malignant meningioma) จะข2.นส<งกว�า             ในเน$.องอกที่��เก�ดซ์1.าบ�อยัๆ อาจพิ�จารณาฉัายัแสงเพิ$�อยั$ดระยัะเวลุ่าการเก�ดซ์1.า ในบางคร�.งเราอาจพิ�จารณาฉัายัร�งส�แกมม�าหลุ่�งจากผิ�าต�ดแลุ่�วม�เน$.องอกเหลุ่$อ ก)ช�วยัในการคมการโตของเน$.องอกได�เน$.องอกในสมองไม�ร�ายัแรง เน$.องอกในสมองไม�ร�ายัแรงหร$อ Low grade glioma เป็�นช$�อรวมซ์2�งเน$.องอกชน�ดน�.ม�ลุ่�กษณะที่างพิยัาธุ�ว�ที่ยัาหลุ่ายัชน�ด ซ์2�งอาจแยักออกเป็�นกลุ่�มด�งน�.                  1. WHO grade 2 infiltrating astrocutoma (Fibrillary หร$อ Protoplasmic)                  2. Oligodendroglia                  3. Oligoastrocytomas                  4. Gangliogliomas                  5. Gangliocytomas                  6. Juvenile pilocytic astrocytoma                  7. Pleomorphic xanthocytomas                  8. Dysembryonic neuroepithelial tumors 

                  บางคร�.งอาจแบ�งได�อ�กแบบเน$�องจากลุ่�กษณะของเน$.องอกค�อนข�างแตกต�างก�น

Page 55: Epilepsy Syndromes

กลุ่�าวค$อ           ชน�ดที่�� 1 เน$.องอกแบบเป็�นก�อนโดยัไม�แที่รกเข�าไป็ในเน$.อสมองที่��ด� ซ์2�งที่1าให�ผิ�าต�ดออกได�ที่�.งหมดแลุ่ะการพิยัากรณ&โรคด� ได�แก� Gangliogliomas, Pilocytic astrocytomas,

Pleomorphic xanthoastrocytomas แลุ่ะบางชน�ดของ Protoplasmic astrocytomas           ชน�ดที่�� 2 เน$.องอกแบบเป็�นก�อนแลุ่ะม�การแที่รกเข�าไป็ในเน$.อสมอง การผิ�าต�ดที่1าได�แต�ข2.นก�บต1าแหน�งเน$.องอก เช�น low grade astrocytomas

           ชน�ดที่�� 3 เน$.องอกที่��แที่รกในเน$.อสมองโดยัไม�เป็�นก�อนช�ดเจน ความเส��ยังที่��อาจเก�ดความพิ�การอาจที่1าให�การผิ�าต�ดที่1าได�ไม�ด�เช�น Oligodendrogliomas

            ถ2งแม�จะม�ลุ่�กษณะที่างพิยัาธุ�ต�างก�นแต�เน$.องอกพิวกน�.ม�กเก�ดในคนอายัน�อยัหร$อเด)ก แลุ่ะว�น�จฉั�ยัหลุ่�งจากม�ป็ระว�ต�ช�ก            ภาพที่างรงส� ส�วนมากในเอ)ม อาร& ไอ จะม�ลุ่�กษณะ hypodensity ใน T1 แลุ่ะจะเห)น  high signal ใน T2 จะเก�นกว�าที่��เห)นใน sequence อ$�น ม�เพิ�ยัง 30% ที่��ฉั�ดส�แลุ่�วม� enhancement

            การวิ�นิ�จฉัย ถ2งแม�ภูาพิที่างร�งส�จะช�วยับอกว�าเป็�นเน$.องอกไม�ร�ายัแรงแต�การผิ�าต�ดเอาช�.นเน$.อมาตรวจจ2งจะร< �ได�แน�นอนว�าลุ่�กษณะที่างพิยัาธุ�เป็�นอยั�างไร

            การรกษา                  การร�กษาม�ที่างเลุ่$อกหลุ่ายัอยั�างข2.นก�บอาการแลุ่ะต1าแหน�งของเน$.องอกแลุ่ะชน�ดของเน$��องอก ได�แก�                  - เฝึ,าส�งเกตอาการแลุ่ะต�ดตามด�วยัการถ�ายัภูาพิสมองเป็�นระยัะ                 - ผิ�าต�ด                 - การฉัายัแสงแลุ่ะเคม�บ1าบ�ด ไม�น�ยัมใช�เป็�ฯที่างเลุ่$อกแรกๆ เน$�องจากผิ<�ป็@วยัส�วนมากอายัน�อยั อาจม�ผิลุ่กระที่บในระยัะยัาว

                   การจะเลุ่$อกว�าจะผิ�าต�ดว�ธุ�ใดข2.นก�บหลุ่ายัป็7จจ�ยัเช�นผิ<�ป็@วยัที่��มาด�วยัอาการช�ก ถ�าคมด�วยัยัาก�นช�กได�อาจเฝึ,าด<ไป็ แต�ม�ข�อเส�ยัค$อต�องก�นยัาก�นช�กไป็ตลุ่อด การผิ�าต�ดที่1าให�ได�ช�.นเน$.อมา

Page 56: Epilepsy Syndromes

ว�น�จฉั�ยั แลุ่ะม�โอกาสหายัขาดได� ไม�ม�ผิลุ่ที่างจ�ตใจที่��ต�องเฝึ,าระว�ง การผิ�าต�ดป็7จจบ�นค�อนข�างป็ลุ่อดภู�ยั ความเส��ยังน�อยั ยักเว�นในรายัที่��เน$.องอกอยั<�ในต1าแหน�งที่��ส1าค�ญเช�น การพิ<ด การเคลุ่$�อนไหว การผิ�าต�ดต�องช��งน1.าหน�กระหว�างผิลุ่ด� ก�บผิลุ่เส�ยั นอกจากน�.เน$.องอกเช�น Fibrillary

astrocytoma, oligodendroglioma  ในระยัะยัาวอาจเป็ลุ่��ยันชน�ดเป็�นเน$.อร�ายัได� แลุ่ะในรายัที่��พิบว�าก�อนม�ขนาดใหญ�ก)ควรได�ร�บการผิ�าต�ด

                  การฉัายัแสงหร$อเคม�บ1าบ�ดอาจน1ามาร�กษาป็ระกอบในกรณ�ที่��ผิ�าต�ดเน$.องอกออกไม�หมดเช�นในกลุ่�ม Protoplasmic, gemistocytic astrocytoma ซ์2�งม�โอกาสเก�ดซ์1.าได�บ�อยั แต�บางที่�านค�ดว�าไม�จ1าเป็�น แต�เน$.องอกพิวก ganglioglioma,

Dysembryonic neuroepithelial tumor ไม�จ1าเป็�นต�องฉัายัแสงหลุ่�งผิ�าต�ด เน$.องอกในสมองร�ายัแรง

เน$.องอกในสมองชน�ดร�ายัแรงหร$อ Malignant glioma ม�หลุ่ายัชน�ดเช�น Anaplastic astrocytoma (AA), Glioblastoma multiforme (GBM), Gliosarcoma, Malignant oligodendroglima

Malignant glioma เป็�นเน$.องอกในสมองที่��เก�ดเองที่��พิบบ�อยัที่��สดในผิ<�ใหญ� พิบป็ระมาณ 5 รายัใน 100,000 คนต�อป็5พิบในผิ<�ชายัมากกว�าผิ<�หญ�งป็ระมาณ 1.6 เที่�า ไม�พิบว�าถ�านที่อดที่างพิ�นธุกรรมยักเว�นในบางรายัเช�น Turcot's syndrome ที่��ม�ต��งในลุ่1าไส�ใหญ� แลุ่ะมะเร)งลุ่1าไส�ใหญ�อาจพิบ Malignant glioma ร�วมได� พิบว�ายั�นที่��ผิ�ดป็กต�ที่��เร�ยักว�า Tp53 tumor

suppressor gene บนโครโมโซ์มที่�� 17p อาจที่1าให�เก�ดเน$.องอกชน�ดน�.อาการและอาการแสดง อาการที่��พิบส�วนมากค$อป็วดศั�รษะ, ม�ความผิ�ดป็กต�ที่าง

ระบบป็ระสาที่, ช�ก อาการข2.นก�บต1าแหน�งของเน$.องอก ยัางคร�.งเน$�องอกอาจม�ก�อนใหญ�โดยัไม�ม�อาการเลุ่ยัหร$อม�อาการแต�ขนาดเลุ่)ก ในผิ<�ป็@วยัผิ<�ใหญ�ที่��ป็วดศั�รษะไม�หายั, ม�อาากรผิ�ดป็กต�ที่างระบบป็ระสาที่หร$อช�กควรได�ร�บการตรวจว�น�จฉั�ยัด�วยั MRI , MRI สามารถเห)นรายัลุ่ะเอ�ยัดที่��ช�ดเจนแลุ่ะพิบความผิ�ดป็กต�ขนาดเลุ่)กได�

                                      การรกษา                           การผ่�าตัด ม�ว�ตถป็ระสงค&ที่��จะได�ช�.นเน$.อไป็ตรวจว�น�จฉั�ยั, ลุ่ดขนาดของก�อนแลุ่ะลุ่ดจ1านวนเซ์ลุ่ลุ่&เน$.องอกในสมองที่1าให�ผิ<�ป็@วยัม�อาการด�ข2.น, ลุ่ดการใช�ยัาสเต�ยัรอยัด&แลุ่ะป็,องก�นการเส�ยัช�ว�ตโดยัฉั�บพิลุ่�น ม�ข�อโต�แยั�งเก��ยัวก�บขอบเขตของการผิ�าต�ดก�บระยัะเวลุ่าการม�ช�ว�ตของคนไข� แต�ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&ส�วนมากพิยัายัามเอาเน$.องอกออกมากที่��สดโดยัไม�เก�ดความพิ�การเพิ��มข2.น ป็7จจบ�นม�การใช�คอมพิ�วเตอร&ช�วยัผิ�าต�ดแลุ่ะการที่1า functional mapping ช�วยัให�สามาถเอาเน$.อ

Page 57: Epilepsy Syndromes

งอกออกมากที่��สดโดยัไม�เพิ��มความพิ�การ                          การฉัายแสง เป็�นการร�กษาร�วมก�บการผิ�าต�ด ส�วมากฉัายัด�วยัขนาด 5000-

6000 cGy เป็�นเวลุ่า 5 ส�ป็ดาห& แต�ร�งส�แพิที่ยั&อาจป็ร�บขนาดตามอายัแลุ่ะป็7จจ�ยัอ$�นๆ                         เคม�บั-าบัด ในอด�ตน�ยัมให� BCNU ซ์�งเป็�น alkylating agents ในผิ<�ป็@วยัอายัน�อยั 40-50 ป็5แลุ่ะม�เน$.องอกข2.นมาใหม�แลุ่ะม�ป็ระว�ต�ตอบสนองต�อการผิ�าต�ดแลุ่ะฉัายัแสงป็7จจบ�นม�ยัา Temozolamide ซ์2�งน1ามาใช�ร�วมก�บการผิ�าต�ดแลุ่ะฉัายัแสงแลุ่ะพิบว�าช�วยัยั$ดอายัผิ<�ป็@วยัได� 

                        การพยากรณ์6โรค                     การผิ�าต�ด GBM อยั�างเด�ยัวโดยัไม�ร�กษาอยั�างอ$�นเพิ��ม จะม�เน$.องอกกลุ่�บมาอ�กป็ระมาณ 16 ส�ป็ดาห&การฉัายัแสงช�วยัยั$ออายัเป็�น 39 ส�ป็ดาห& การร�กษาอยั�างอ$�นร�วมอาจช�วยัเพิ��มระยัะเวลุ่าการม�ช�ว�ตบ�าง

                     ใน AA การผิ�าต�ดอยั�างเด�ยัว ผิ<�ป็@วยัม�อายัเฉัลุ่��ยั 2 ป็5 แต�ถ�าผิ�าต�ดแลุ่ะฉัายัร�งส�ม�อายัเฉัลุ่��ยัเพิ��มเป็�นป็ระมาณ 5 ป็5                     ใน Malignant glioma ป็7จจ�ยัที่��ม�ผิลุ่ต�อระยัะเวลุ่าการม�ช�ว�ตค$อ อายั, ลุ่�กษณะที่าง histology, คะแนนสภูาวะของผิ<�ป็@วยั (KPS score) แลุ่ะการฉัายัร�งส�                      ผิ<�ป็@วยัอายัมากกว�า 50, คะแนน KPS(ไม�สามารถช�วยัเหลุ่$อต�วเองได�) ม�อายัเฉัลุ่��ยั 4-9 เด$อน เที่�ยับก�บ 11 เด$อนในผิ<�ป็@วยัอายัน�อยักว�า 50 แลุ่ะม�คะแนน KPS เที่�าก�นหร$อ 18

เด$อน ในผิ<�ป็@วยัอายัน�อยักว�า 50 แต�คะแนน KPS ป็กต�เน$.องอกต�อมใต�สมอง เนิ%'องอกตั�อมใตั$สมองหร%อ Pituitary tumor เป็�นเน$.องอกของต�อมใต�สมองส�วนหน�าอาจแบ�งตามขนาดกลุ่�าวค$อถ�าขนาดเลุ่)กกว�า 1 เซ์นต�เมตรเร�ยักว�า microadenoma, ถ�าขนาดใหญ�กว�า 1 เซ์นต�เมตรเร�ยักว�า macroadenoma นอกจากน�.อาจแบ�งตามการผิลุ่�ตฮอร&โมนค$อ เน$.องอกที่��ผิลุ่�ตฮอร&โมนเร�ยัก functional หร$อ secreting pituitary tumor ส�วนเน$.องอกที่��ไม�ผิลุ่�ตฮอร&โมนเร�ยัก nonsecretory pituitary tumor

                               เน$.องอกต�อมใต�สมองพิบได�ป็ระมาณ 10% ของเน$.องอกในสมอง ส�วนมากในช�วงอายั 30-40 ป็5แลุ่ะพิบได�ในที่�.งชายัแลุ่ะหญ�งพิอๆก�น

                               อาการและอาการแสดง ส�วนมากมาด�วยัอาการของฮอร&โมนที่��ผิ�ดป็กต�เช�นใน Cushing's disease ม�การผิลุ่�ต ACTH มากม�อาการเช�นน1.าหน�กเพิ��ม, ความด�นส<ง น1.าตาลุ่ส<ง, ผิ�วหน�งม�ส�คลุ่1.า, ม�ขนแลุ่ะส�วมาก, ใน Prolactinoma ม�ฮอร&โมนโป็รแลุ่คต�นส<งที่1าให�ม�น1.านมๆหลุ่ ป็ระจ1าเด$อนไม�มา, ใน Acomegaly ม�การหลุ่�งฮอร&โมนการเจร�ญเต�บโตมากที่1าให�ม�ร�างกายัส<งใหญ� ม$อแลุ่ะเที่�าม�ขนาดใหญ�, ใบหน�าเป็ลุ่��ยันไป็ม�คางยั$�น, เน$.อเยั$�อที่��ฝึ@าเที่�าม$อหนา, ผิ�วม�น                               อาการที่างสายัตาเน$�องจากป็ระสาที่ตาถ<กกด ซ์2�งม�กพิบลุ่านสายัตาผิ�ดป็กต�แบบเส�ยัด�านข�างที่�.งสองตา Bitemporal hemianopia แลุ่ะการมองเห)นแยั�ลุ่งอาจถ2งตาบอดได�

Page 58: Epilepsy Syndromes

                               ก�อนเน$.องอกขนาดใหญ�อาจมาด�วยัอาการป็วดศั�รษะ อาการช�กพิบได�น�อยั อาจมาด�วยัอาการเลุ่$อดออกในเน$.องอกหร$อที่��เร�ยักว�า pituitary apoplexy ซ์2�งม�อาการป็วดศั�รษะที่�นที่� แลุ่ะการมองเห)นแยั�ลุ่งที่�นที่�อาจม�การกลุ่อกตาผิ�ดป็กต�แลุ่ะซ์2ม ส�บสน ในรายัที่��ก�อนม�ขนาดใหญ�อาจที่1าให�ม�น1.าในสมองร��วออกที่างจม<กได�หร$อ CSF rhinorrhea แลุ่ะอาจมาด�วยัอาการของขาดฮอร&โมน (panpituitarism) จากการกดของเน$.องอกขนาดใหญ�ได�

                              การวิ�นิ�จฉัยได�จากป็ระว�ต� ตรวจร�างกายั การตรวจลุ่านสายัตาแลุ่ะป็ระสาที่สมองอ$�นๆแลุ่ะการตรวจที่างห�องป็ฏิ�บ�ต�การเพิ$�อด<หน�าที่��ของระบบต�อมใต�สมอง โดยัที่��วไป็แพิที่ยั&จะส�งตรวจหาระด�บของ Prolactin, cortisol, Thyroid hormone(TSH, T4), Growth hormone & IGF-I, FSH, LH, Testosterone, Estradiol 

                              การถุ�ายภาพสมองเช�น  MRI ม�ป็ระโยัชน&มากกว�า CT scan เน$�องจากเห)นภูาพิแลุ่ะขนาดได�ช�ดเจนแลุ่ะในหลุ่ายัระนาบ แลุ่ะด<ความส�มพิ�นธุ&ของก�อนเน$.องอกก�บส�วนใกลุ่�เค�ยังเช�นป็ระสาที่ตา, เส�นเลุ่$อดได�ด�กว�า, ใน microadenoma ส�วนมากจะเห)นเน$.องอกเป็�น low

signal ใน T1 แลุ่ะ high signal ใน T2

 

                              การรกษาแบ�งออกเป็�นการร�กษาที่างยัา, การผิ�าต�ดแลุ่ะการฉัายัร�งส�          การรกษาที่างยา ส�วนมากใช�ในเน$.องอกที่��ผิลุ่�ตฮอร&โมนโดยัเฉัพิาะ prolactinoma

นอกจากน�.ยั�งม�ยัาใหม�ๆ ที่��ผิลุ่�ตออกมาหลุ่ายัต�วเพิ$�อใช�ร�วมก�นในการร�กษาหลุ่�งจากผิ�าต�ด

          การผ่�าตัดม�ข�อบ�งช�.ในรายั prolactinoma ที่��ฮอร&โมนไม�ลุ่งหลุ่�งจากร�กษาด�วยัยัา, Cushing's disease, Acromegaly, Macroadenomas, Nonsecretory pituitary tumor, การมองเห)นลุ่ดลุ่งอยั�างรวดเร)ว, หร$อในรายัที่��ไม�แน�ใจว�าก�อนเน$.องอกเป็�นอะไร          ว�ธุ�การผิ�าต�ดที่��น�ยัมค$อการผิ�าต�ดเข�าที่างจม<กหร$อเหน$อร�มฝึ5ป็ากเข�าที่าง Transphenoid

ซ์2�งที่1าให�ฟG. นต�วได�เร)วแลุ่ะไม�ต�องเป็Fดกะโหลุ่กศั�รษะ อ�กว�ธุ�ค$อการผิ�าต�ดเข�าที่างกะโหลุ่กศั�รษะในรายัที่��เน$.องอกไม�เหมาะที่��จะผิ�าต�ดที่าง transphenoid เน$�องจากต1าแหน�งหร$อลุ่�กษณะหร$อขนาดของเน$.องอก

          การฉัายแสงอาจน1ามาใช�ร�วมในการร�กษาในรายัที่��เน$.องอกข2.นซ์1.าบ�อยัๆ, ฮอร&โมนไม�ลุ่งเป็�นป็กต� ส�วนการร�กษาด�วยัร�งส�แกมม�าก)ม�ผิ<�น1ามาใช�เพิ$�อจะลุ่ดผิลุ่ข�างเค�ยังจากการฉัายัแสงเน$.องอกในโพิรงสมอง                             เน$.องอกในโพิรงสมองพิบในเด)กมากกว�าผิ<�ใหญ�ป็ระมาณ 3% ของเน$.องอกในสมองของผิ<�ใหญ�แลุ่ะ 16 % ของเน$.องอกในสมองในเด)ก คร2�งหน2�งของเน$.องอกในโพิรง

Page 59: Epilepsy Syndromes

สมองในผิ<�ใหญ�แลุ่ะ 1/4 ของเน$.องอกโพิรงสมองในเด)ก พิบในโพิรงสมองด�านข�าง ถ2งแม�เน$.องอกในโพิรงสมองด�านข�างอาจพิบได�ที่กเพิศัแลุ่ะว�ยั แต�ม�กพิบบ�อยักว�าในผิ<�ชายัแลุ่ะอายัไม�มากราวๆ 20-30 ป็5

                           เน$.องอกในโพิรงสมองจ�ดว�าเป็�นเน$.องอกโพิรงสมองป็ฐมภู<ม�เม$�อม�นงอกออกมาจากเซ์ลุ่ลุ่&ที่��บผิน�งหร$อเซ์ลุ่ลุ่&ของส�วนที่��เร�ยักว�า  Choriod plexus แลุ่ะเซ์ลุ่ลุ่&ที่��พิยังม�นอยั<� หร$อจากเซ์ลุ่ลุ่&ป็กต�ที่��อยั<�ผิ�ดต1าแหน�ง ม�นจ�ดว�าเป็�นเน$.องอกโพิรงสมองที่ต�ยัภู<ม�เม$�อม�นออกมาจากเน$.อสมองแลุ่ะผิ�วของม�นมากกว�า 2/3 ยั$�นเข�ามาในโพิรงสมอง

                          ชน�ดของเน$.องอกที่��พิบบ�อยัค$อ Ependymoma, astrocytoma,

choroid plexus papilloma แลุ่ะ meningioma ส�วนที่��พิบไม�บ�อยัในต1าแหน�งน�.ได�แก� Subependymal giant cell astrocytoma, oligodendroglioma, subependymoma, pilocytic astrocytoma, neurocytoma, choroid plexus papilloma, tyeratoma, choroid plexus cyst, xanthogranuloma, hemangioma, cabernous malformation, epidermoid, metastatic carcinoma

                        อาการและอาการแสดง ม�กเป็�นผิลุ่จากการม�น1.าค��งในสมองเน$�องจากเน$.องอกไป็อดต�นที่างเด�นของน1.าหลุ่�อเลุ่�.ยังสมองแลุ่ะไขส�นหลุ่�ง หร$อจากการที่��ม�การผิลุ่�ตน1.าหลุ่�อเลุ่�.ยังสมองมากผิ�ดป็กต�มากกว�าการไป็กดสมองส�วนที่��ส1าค�ญ เน$�องจากม�นโตช�าๆจนม�ขนาดใหญ�มากก�อนที่��จะม�อาการ ด�งน�.นการร�กษาแรกเร��มจ2งหลุ่�กเลุ่��ยังการผิ�าต�ดไม�ได� อาการที่��พิบบ�อยัได�แก� ป็ระสาที่ตาบวม, ป็วดศั�รษะ, การเคลุ่$�อนไหวแลุ่ะการร�บร< �ผิ�ดป็กต�, คลุ่$�นไส� อาเจ�ยัน, ตาม�ว, ม�ความผิ�ดป็กต�ที่างจ�ตใจ ความจ1าลุ่ดลุ่ง เน$�องจากเน$.องอกอาจเก�ดในต1าแหน�งที่��ต�างๆก�น ด�งน�.นอาการแลุ่ะอาการแสดงจ2งไม�ม�ลุ่�กษณะเฉัพิาะ

                        การวิ�นิ�จฉัย ได�จากป็ระว�ต� อาการแลุ่ะอาการแสดง การตรวจด�วยัเอกซ์&เรยั&คอมพิ�วเตอร& การตรวจด�วยัแม�เหลุ่)กไฟฟ,าหร$อเอ)ม อาร& ไอ ม�ป็ระโยัชน&ในการวางแผินการผิ�าต�ดเน$�องจากสามารถเห)นต1าแหน�งเน$�องอกได�ช�ดเจนแลุ่ะเห)นภูาพิเน$.องอกในหลุ่ายัมม

                       การรกษา ด�งที่��กลุ่�าวมาแลุ่�วเน$�องจากเน$.องอกม�กม�ขนาดใหญ�เม$�อว�น�จฉั�ยั ด�งน�.นจ2งหลุ่�กเลุ่��ยังการผิ�าต�ดไม�พิ�น แลุ่ะยั�งช�วยัให�ได�ผิลุ่ช�.นเน$.อในการว�น�จฉั�ยั เน$�องจากม�สมองส�วนที่��ส1าค�ญหลุ่ายัอยั�างลุ่�อมรอบโพิรงสมอง การผิ�าต�ดจ2งม�หลุ่ายัว�ธุ� ต�องด<ขนาดเน$.องอก, ลุ่�กษณะเส�นเลุ่$อดที่��มาเลุ่�.ยังแลุ่ะน1าออก แลุ่ะความถน�ดของศั�ลุ่ยัแพิที่ยั& หลุ่�งการผิ�าต�ด อาจจ1าเป็�นต�องร�กษา

Page 60: Epilepsy Syndromes

ว�ธุ�อ$�นเสร�มหร$อไม�ข2.นก�บชน�ดของเน$�องอก เน$.องอกที่��หลุ่งเหลุ่$อหลุ่�งผิ�าต�ด บางคร�.งอาจต�องใส�ที่�อระบายัน1.าในโพิรงสมองหลุ่�งผิ�าต�ดเน$.องอกป็ระสาที่ห<เน$.องอกป็ระสาที่ห<หร$อ Acoustic neuroma หร$อป็7จจบ�นม�กเร�ยักว�า Vestibular

schwannoma มากกว�าเพิราะว�าม�นงอกมาจากเยั$�อห�มป็ระสาที่ superior division ของ vestibular nerve ที่��รอยัต�อระหว�าง central ก�บ peripheral myelin หร$อ Obersteiner-Redlich zone                                      เป็�นเน$.องอกที่��พิบได�บ�อยัเหม$อนก�นค$อป็ระมาณ 8-10% ของเน$.องอกสมอง ส�วนมากม�อาการหลุ่�งอายั 30 ป็5แลุ่ะ 95% เป็�นข�างเด�ยัว                                     อาการแลุ่ะอาการแสดงม�กเก��ยัวก�บขนาดของเน$.องอก ซ์2�งส�วนมากมาด�วยัอาการได�ยั�นเส�ยังลุ่ดลุ่งของห<ด�านหน2�ง การที่รงต�วไม�ด� ม�เส�ยังในห< ถ�าขนาดใหญ�อาจม�อาการหน�าชา ป็วดศั�รษะ ป็ากเบ�.ยัว หร$อม�อาการอ$�นๆถ�าไป็กดก�านสมองหร$อเส�นป็ระสาที่สมองอ$�นๆเช�นคลุ่$�นไส� อาเจ�ยัน มองภูาพิซ์�อน เส�ยังแหบ กลุ่$นลุ่1าบาก อาการได�ยั�นลุ่ดลุ่งม�กจะค�อยัๆเป็�นถ�าไม�ส�งเกตอาจไม�ที่ราบ บางคนอาจร< �ต�วเม$�อร�บโที่รศั�พิที่&แลุ่�ว ห<ข�างน�.นไม�ได�ยั�น                                    การตรวจป็ระเม�นผิ<�ป็@วยัควรได�ร�บการตรวจการได�ยั�น Audiometric test เช�น Pure tone audiogram, Speech discrimination score

                                   การตรวจว�น�จฉั�ยัด�วยั MRI เป็�นว�ธุ�ที่��ด�ในการว�น�จฉั�ยั บางคร�.งอาจเห)นเน$.องอกขนาดเลุ่)กอยั<�ในช�องป็ระสาที่ห< แลุ่ะช�วยับอกลุ่�กษณะของเน$.องอก ความส�มพิ�นธุ&ก�บสมองข�างเค�ยัง การกดก�านสมอง ม�น1.าค��งในสมองหร$อไม� การตรวจว�น�จฉั�ยัด�วยั CT scan ให�ความลุ่ะเอ�ยัดได�ไม�ด�เที่�า MRI

                                  การรกษาแบ�งออกได�เป็�น 1. เฝึ,าต�ดตามด< ด<อาการ ตรวจการได�ยั�นแลุ่ะที่1า MRI เป็�นระยัะถ�าเน$.องอกโตข2.นอาจพิ�จารณาผิ�าต�ด2.  การฉัายัแสง อาจฉัายัแสงอยั�างเด�ยัวหร$อร�วมก�บการผิ�าต�ด การฉัายัแสงป็7จจบ�นที่��น�ยัมที่1าค$อการฉัายัร�งส�แกมม�า3.  การผิ�าต�ด ม�ว�ธุ�การผิ�าต�ดหลุ่ายัว�ธุ� ข2.นก�บขนาดของก�อน การได�ยั�นของผิ<�ป็@วยั ความถน�ดของศั�ลุ่ยัแพิที่ยั& ว�ธุ�ผิ�าต�ดเช�น Suboccipital approach, Translabyrinthine approach, Middle fossa approach                                 การเลุ่$อกว�ธุ�ที่��ด�ที่�สดในการร�กษาข2.นก�บป็7จจ�ยัหลุ่ายัอยั�างเช�น ขนาดของก�อน การได�ยั�น ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั& โรคป็ระจ1าต�ว ควรป็ร2กษาแพิที่ยั&ของที่�านในการเลุ่$อกว�ธุ�การร�กษา มะเร)งกระจายัมาสมอง

Page 61: Epilepsy Syndromes

 มะเร)งกระจายัมาที่��สมองหร$อ Metastatic brain tumor ป็7จจบ�นเป็�นเน$.องอกที่��พิบบ�อยัที่��สดในสมอง ป็ระมาณ 9% พิบเม$�อมะเร)งกระจายัมาที่��สมองแลุ่�วโดยัยั�งไม�ที่ราบมะเร)งต�นเหต สาเหตที่��พิบมากข2.นซ์2�งต�างจากอด�ตเพิราะว�าผิ<�ป็@วยัมะเร)งในป็7จจบ�นม�อายัยั$นข2.นเน$�องจากการร�กษามะเร)งที่��ด�ข2.น แลุ่ะสามารถตรวจพิบได�ด�ข2.นโดยัการที่1าเอกซ์&เรยั&คอมพิ�วเตอร&หร$อแม�เหลุ่)กไฟฟ,า นอกจากน�.ยัาร�กษามะเร)งไม�สามารถข�ามเข�าไป็ในสมองได�ด�หร$อที่1าให�การก�ดก�.นของสมองแยั�ลุ่งที่1าให�เซ์ลุ่ลุ่&มะเร)งหลุ่ดรอดเข�าไป็ได�

                             การกระจายัของมะเร)งไป็ยั�งสมองส�วนมากไป็ตามกระแสเลุ่$อดม�ส�วนน�อยัที่��ลุ่กลุ่ามเข�าไป็โดยัตรง ต1าแหน�งที่��พิบบ�อยัค$อตรงต1าแหน�งที่��เลุ่�.ยังด�วยัเส�นเลุ่$อด middle

cerebral artery ตรงรอยัต�อระหว�างเน$.อสมองเที่าแลุ่ะขาว นอกจากน�.สมองส�วนหลุ่�งก)เป็�นต1าแหน�งที่��พิบบ�อยัป็ระมาณ 16% ของมะเร)งที่��มาที่��สมอง เป็�ฯเน$.องอกส�วนหลุ่�งที่��พิบบ�อยัในผิ<�ใหญ� ด�งน�.นถ�าพิบเน$.องอกส�วนหลุ่�งในผิ<�ใหญ�ให�ค�ดถ2งโอกาสที่��จะเป็�นมะเร)งกระจายัมาได� การกระจายัมาที่��ต1าแหน�งน�.โดยัที่างเส�นเลุ่$อดด1าของไขส�นหลุ่�งแลุ่ะเส�นเลุ่$อดด1าเวอร&ที่�บร�ลุ่                            ชน�ดของมะเร)งที่��กระจายัมาที่��สมองที่��พิบบ�อยัในผิ<�ใหญ�ค$อมะเร)งป็อดแลุ่ะมะเร)งเต�านมรวมก�นมากกว�าคร2�งของมะเร)งที่��กระจายัมาที่��สมอง นอกจากน�.อาจมาจากมะเร)งเมลุ่าโนมา มะเร)งไต มะเร)งลุ่1าไส� มะเร)งที่�ยัรอยัด&

                           อาการและอาการแสดง                             อาการแลุ่ะอาการแสดงเหม$อนก�บเน$.องอกสมองอยั�างอ$�นซ์2�งเราไม�สามารถบอกได�ว�าเป็�ฯมะเร)งหร$อเน$.องอกธุรรมดาจากอาการแลุ่ะอาการแสดงเที่�าน�.น อาการที่��มาอาจมาด�วยั                            -อาการของความด�นในกะโหลุ่กศั�รษะส<ง อาจม�น1.าค��งในสมอง ม�อาการป็วดศั�รษะ คลุ่$�นไส�อาเจ�ยัน                            -อาการของระบบป็ระสาที่ผิ�ดป็กต�จากก�อนเน$.อไป็กดสมองเช�นแขนขาอ�อนแรง                            -อาการช�ก                            -อาการพิฤต�กรรมเป็ลุ่��ยันแป็ลุ่ง                           การวิ�นิ�จฉัย                       การตรวจด�วยัเอกซ์เรยั&คอมพิ�วเตอร&ส�วนมากจะเห)นก�อนแลุ่ะม�สมองบวมรอบๆก�อน ม�กจะม�การบวมมากกว�าที่��พิบในเน$.องอกสมองเอง ม�กจะเห)นช�ดข2.นเม$�อฉั�ดส�                       การตรวจด�วยัแม�เหลุ่)กไฟฟ,า จะเห)นได�ช�ดกว�าแลุ่ะเห)นจ1านวนก�อนมะเร)งได�ด�กว�าเอกซ์&เรยั&คอมพิ�วเตอร& รวมที่�.งต1าแหน�งสมองด�านหลุ่�งจะเห)นได�ช�ดเจนกว�า                      การตรวจอยั�างอ$�นค$อการตรวจหาต1าแหน�งมะเร)งต�นก1าเน�ดหร$อหาต1าแหน�งที่��มะเร)งอาจกระจายัไป็ที่��อ$�นเช�นการตรวจเอกซ์&เรยั&ป็อด ที่�อง กระด<กเช�งกราน การตรวจสแกนกระด<ก

Page 62: Epilepsy Syndromes

                            การรกษา                       ข2.นก�บอาการของคนไข� สภูาพิของคนไข� ม�มะเร)งก��ก�อนในสมอง สถานะของมะเร)งว�าเป็�นข�.นไหนการร�กษาไม�ตายัต�วข2.นก�บหลุ่ายัอยั�างข�างต�นที่��กลุ่�าว                        สเต�ยัรอยัด& เป็�นยัาที่��ช�วยัลุ่ดสมองบวม ที่1าให�อาการด�ข2.นแต�ไม�สามารถใช�ในระยัะยัาวได�เน$�องจากม�อาการแที่รกซ์�อนได�แลุ่ะเม$�อเน$.องอกโตไม�สามารถที่��จะใช�สเต�ยัรอยัด&เพิ�ยังอยั�างเด�ยัว                        การผิ�าต�ด ม�กพิ�จารณาเม$�อก�อนที่1าให�ม�ความด�นในสมองส<ง ม�การกดสมอง ก�อนม�ขนาดใหญ� สามารถเอาออกได�โดยัไม�เพิ��มความพิ�การ หร$อก�อนไป็อดก�.นที่างเด�นน1.าหลุ่�อเลุ่�.ยังสมอง หร$อในรายัที่��การว�น�จฉั�ยัไม�แน�ช�ด เพิ$�อจะได�ช�.นเน$.อไป็พิ�ส<จน& มะเร)งที่��ม�หลุ่ายัก�อนก)อาจที่1าการผิ�าต�ดเอาออกหลุ่ายัก�อนได�ในคร�.งเด�ยัว แต�การผิ�าต�ดข2.นก�บต1าแหน�งแลุ่ะสถานะของมะเร)ง                       การฉัายัแสงการฉัายัแสงช�วยัที่1าให�ผิ<�ป็@วยัม�อายันานข2.น การผิ�าต�ดแลุ่ะฉัายัแสงช�วยัเพิ��มการม�ช�ว�ตได�นานกว�าการใช�สเต�ยัรอยัด&อยั�างเด�ยัว การผิ�าต�ดอยั�างเด�ยัว นอกจากน�.ในรายัที่��ม�มะเร)งหลุ่ายัที่��ไม�สามารถเอาออกหมดได�ก)ควรพิ�จารณาฉัายัแสง                        ผิ<�ป็@วยัส�วนมากม�กจะเส�ยัช�ว�ตจากมะเร)งกระจายัไป็ที่��อ$�นเช�นป็อดหร$อต�วมะเร)งของเขาเอง ม�กไม�ค�อยัเส�ยัช�ว�ตจากมะเร)งที่��อยั<�ที่��สมอง   ลุ่�มโฟมาในสมองCNS lymphoma หร$อเน$.องอกลุ่�มโฟมาในสมองอาจแบ�งได�เป็�น

1. Primary CNS lymphoma เป็�น CNS lymphoma ที่��เก�ดเองในสมองในสม�ยัก�อนพิบได�ไม�บ�อยัแต�ป็7จจบ�นพิบมากข2.นแลุ่ะอาจพิบมากกว�าเน$.องอกชน�ดไม�ร�ายั เน$�องจากป็7จจบ�นม�ผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บการผิ�าต�ดป็ลุ่<กถ�ายัอว�ยัวะแลุ่ะผิ<�ป็@วยัเอดส& ในคนธุรรมดาก)พิบมากข2.นเน$�องจากอายัยั$นมากข2.น ต1าแหน�งที่��พิบบ�อยัค$อสมองส�วนหน�า (frontal lobe), ส�วนลุ่2ก (deep nuclei), รอบโพิรงสมอง (periventricular), สมองส�วน cerebellum

2. Secondary CNS lymphoma เก�ดจากการกระจายัของ systemic

lymphoma มาที่��สมอง ส�วนมาพิบในระยัะที่�ายัของโรค

            ป็7จจ�ยัที่��เพิ��มความเส��ยังในการเก�ด   primary CNS lymphoma เช�น1. โรคที่าง collagen vascular, SLE, Sjogren syndrome,

Rheumatoid arthritis2. พิวกที่��ภู<ม�ค�มก�นไม�ด�เช�น พิวกที่��ได�ร�บยัากดภู<ม�ค�มก�นหลุ่�งผิ�าต�ดป็ลุ่<กถ�ายัอว�ยัวะ,

โรคเอดส&, เป็�นภู<ม�ค�มก�นต1�าแต�ก1าเน�ด, ผิ<�ส<งอายั3. Epstein-Barr virus

Page 63: Epilepsy Syndromes

           อาการและอาการแสดง           อาการแลุ่ะอาการแสดงอาจมาด�วยั             อาการที่��ไม�เฉัพิาะเจาะจง เช�น พิฤต�กรรมเป็ลุ่��ยัน, อาการความด�นในกะโหลุ่กศั�รษะส<งม�คลุ่$�นไส�, อาเจ�ยัน, ช�ก ตรวจร�างกายัพิบป็ระสาที่ตาบวม, ความจ1าเส$�อม             อาการเฉัพิาะที่�� เช�น แขนขาอ�อนแรงคร2�งซ์�ก, พิ<ดลุ่1าบาก, ช�กเฉัพิาะที่��, อาการป็ระสาที่สมองที่��เลุ่�.ยังตาเส�ยัจากเยั$�อห�มสมองอ�กเสบ หร$ออาจม�อาการแลุ่ะอาการแสดงที่�.งแบบเฉัพิาะที่��แลุ่ะไม�เฉัพิาะที่��ร �วมก�น

            การว�น�จฉั�ยั         เอกซ์เรยั&คอมพิ�วเตอร& (CT scan)  จะด�กว�าแม�เหลุ่)กไฟฟ,าเลุ่)กน�อยั ซ์2�งจะเห)นลุ่�กษณะเป็�นเน$.อที่��ฉั�ดส�แลุ่�วช�ดเจนในเน$.อสมองส�เที่าหร$อ corpus callosum ซ์2�งควรค�ดถ2ง CNS

lymphoma , ใน 75% จะต�ดก�บเยั$�อบโพิรงสมอง (ependymal)หร$อเยั$�อห�มสมอง (meningeal surface)  ลุ่�กษณะคลุ่�ายัเน$.องอก meningioma แต�ไม�ม�ห�นป็<นแลุ่ะม�กม�หลุ่ายัที่��          60% ของเน$.องอกจะส�เข�มกว�าเน$.อสมอง (hyperdense), 10% ส�อ�อนกว�าเน$.อสมอง (hypodense) แลุ่ะ >90% เม$�อฉั�ดส�จะพิบลุ่�กษณะขาวข2.นแลุ่ะจะเข�มเที่�าๆก�นหมด (enhance

densely homogeneous) >70% ของผิ<�ป็@วยั          เม$�อให�ยัาสเต�ยัรอยัด&เน$.องอกจะหายัไป็บางส�วนหร$อที่�.งหมดอยั�างรวดเร)วที่1าให�เร�ยักว�า Ghost tumors          การตรวจด�วยัแม�เหลุ่)กไฟฟ,า (MRI)  ไม�ม�ลุ่�กษณะเฉัพิาะ อาจเห)นเน$.องอกลุ่1าบากถ�าอยั<�ในต1าแหน�ง subependymal การตรวจด�วยั proton-weighted image จะช�วยัหลุ่�กเลุ่��ยังการผิ�ดพิลุ่าดได�         การเจาะน1.าไขส�นหลุ่�ง ควรที่1าเม$�อไม�ม�ผิลุ่จากก�อนไป็เบ�ยัดสมอง ม�กจะผิ�ดป็กต� แต�ก)ไม�ม�ลุ่�กษณธุเฉัพิาะ การส�งด<เซ์ลุ่ลุ่& cytology อาจพิบ lymphoma cells 

 

Page 64: Epilepsy Syndromes

         การรกษา        การผิ�าต�ด ไม�ว�าจะเอาออกบางส�วนหร$อที่�.งหมดไม�ได�เป็ลุ่��ยันการพิยัากรณ&โรค การผิ�าต�ดส�วนมากม�บที่บาที่ส1าหร�บการเอาช�.นเน$.อไป็ตรวจว�น�จฉั�ยั        การฉัายัแสง เป็�นการร�กษามาตรฐานหลุ่�งการต�ดช�.นเน$.อไป็ตรวจ ขนาดของการฉัายัแสงอาจน�อยักว�าการร�กษาเน$.องอกในเซ์ลุ่ลุ่&สมอง          เคม�บ1าบ�ด  ในคนไข�ที่��ไม�เป็�นเอดส& การร�กษาด�วยัเคม�บ1าบ�ดร�วมก�ยัการฉัายัแสงช�วยัยั$ดอายัเม$�อเที่�ยับก�บการฉัายัแสงอยั�างเด�ยัว

         การพิยัากรณ&โรค          ถ�าไม�ร�กษาเลุ่ยั อยั<�ได�เฉัลุ่��ยั 1.8-3.3 เด$อน          การฉัายัแสง อายัเฉัลุ่��ยัป็ระมาณ 10 เด$อน , 47% อยั<�ได�ป็ระมาณ 1 ป็5, 16% อยั<�ได�ป็ระมาณ 2 ป็5, 8% อยั<�ได�ป็ระมาณ 3 ป็5, 3-4% อยั<�ได�ป็ระมาณ 5 ป็5, การฉั�ด  Methotrexate

เข�าโพิรงสมองอาจที่1าให�ระยัะเวลุ่าการงอกข2.นมาใหม�ป็ระมาณ 41 เด$อน, ป็ระมาณ 78% เก�ดข2.นมาใหม�ส�วนมากป็ระมาณ 15 เด$อนหลุ่�งร�กษาแลุ่ะ 93% อยั<�ในระบบป็ระสาที่         ในคนไข�โรคเอดส& การพิยัากรณ&โรคยั��งแยั� ถ2งแม�เน$.องอกจะหายัไป็หลุ่�งฉัายัแสงป็ระมาณ 20-50%  แต�โดยัมากจะอยั<�ได�ป็ระมาณ 3-5 เด$อน ม�กเน$�องจากการต�ดเช$.อฉัวยัโอกาส แต�คณภูาพิช�ว�ตแลุ่ะอาการที่างระบบป็ระสาที่ด�ข2.นป็ระมาณ 75%Pseudotumor cerebri

Psudotumor cerebriPsudotumor cerebri หร$อ idiopathic intracranial hypertension

(IIH) หร$อ Benign intracranial hypertension ม�ลุ่�กษณะของการม�ความด�นในกะโหลุ่กศั�รษะส<งโดยัไม�ม�ก�อนในสมอง, ไม�ม�น1.าค��งในสมอง, ไม�ม�การต�ดเช$.อ, ไม�ม� hypertensive

encephalopathy ด�งน�.นการว�น�จฉั�ยัที่1าโดยัการ exclude สาเหตอ$�นๆเกณ์ฑ์6การวิ�นิ�จฉัยป็ระกอบด�วยั 1) ความด�นของน1.าไขส�นหลุ่�ง (CSF pressure) มากกว�า 20 cm H2O (บาง

คนอาจถ$อเกณฑ์&>25 cm H2O)

2) ส�วนป็ระกอบของน1.าหลุ่�อเลุ่�.ยังสมองแลุ่ะไขส�นหลุ่�งป็กต�3) อาการแลุ่ะอาการแสดงเป็�นอาการของความด�นในกะโหลุ่กศั�รษะส<งอยั�างเด�ยัว

(ป็วดศั�รษะ, papilledema)

4) การตรวจด�วยั MRI, CT scan ป็กต�อ�บัตั�การณ์6ขั้องโรค

1)    ผิ<�หญ�ง : ผิ<�ชายัป็ระมาณ 2-8:1

2)    ม�กพิบในคนอ�วน 11-90% (ในผิ<�ชายัอาจพิบน�อยักว�า)3)    อบ�ต�การณ&ในผิ<�หญ�งว�ยัเจร�ญพิ�นธุ&แลุ่ะอ�วนส<งกว�าในป็ระชากรที่��วไป็ (19-21/100,000 vs 1-

2/100,000)4)    พิบมากในช�วงอายั 30 ป็55)    ม�กหายัได�เอง (อ�ตราการเก�ดซ์1.า 9-43%)

Page 65: Epilepsy Syndromes

6)    การมองเห)นแยั�ลุ่งมากเก�ด 4-12% ไม�เก��ยัวก�บระยัะเวลุ่าที่��เป็�น, ความรนแรงของ papilledema, อาการป็วดห�วอาการและอาการแสดง

อาการได�แก� ป็วดศั�รษะ (94-99%), เว�ยันศั�รษะ (32%), คลุ่$�นไส� (32%), มองภูาพิซ์�อน (30%), เส�ยังในศั�รษะตามจ�งหวะช�พิจร (60%), ป็วดหลุ่�งลุ่<กตาเม$�อกลุ่อกตามอง

อาการแสดงได�แก� Papilledema (100%) บางคร�.งม�ข�างเด�ยัว, CN VI palsy

20%, enlarged blind spot (66%), visual field defect 9%, ในเด)กเลุ่)กอาจม�กะหม�อมขยัายั, ไม�ม�การเป็ลุ่��ยันแป็ลุ่งความร< �ส2กต�วถ2งแม�จะม�ความด�นในกะโหลุ่กศั�รษะส<ง

โดยัเกณฑ์&การว�น�จฉั�ยัสาเหตค$อ ไม�ที่ราบสาเหตแต�บางคร�.งอาจพิบร�วมก�บสภูาวะบางอยั�างเช�น เพิศัหญ�ง, ว�ยัเจร�ญพิ�นธุ&, ป็ระจ1าเด$อนมาไม�สม1�าเสมอ, อ�วน, น1.าหน�กเพิ��ม, การก�นสเต�ยัรอยัด&, การใช�ยัาบางอยั�างเช�น tetracycline, isoretinoin, trimethoprim-

sulfamethoxazone, cimetidine, lithium, tamoxifen, ยัาคมก1าเน�ด, เลุ่$อดจาง, hyper-/hypo-vitaminosis A

การตัรวิจวิ�นิ�จฉัยเพิ$�อ rule out สาเหตอ$�นเช�น MRI, CT, เจาะหลุ่�ง, ตรวจสายัตาเพิ$�อด<ลุ่าน

สายัตา, perimetry, fundus

การร�กษาการส<ญเส�ยัการมองเห)นเป็�นภูาวะแที่รกซ์�อนอยั�างเด�ยัวที่��เก�ดจาก IIH ด�งน�.นการ

ร�กษาค$อการป็,องก�นไม�ให�สายัตาแยั�, ไม�ม�การศั2กษาแบบ prospective randomized ในการร�กษาโรคน�., โรคอาจหายัไป็เองได� ด�งน�.นแนวที่างการร�กษาค$อ

         ตรวจสายัตาก�บจ�กษแพิที่ยั&เป็�นระยัะ         หยัดยัาที่��อาจเป็�นสาเหต         ลุ่ดน1.าหน�ก แต�ไม�ได�ผิลุ่เสมอไป็         ส�วนมากม�กจะหายัใน 6-15 อาที่�ตยั& แต�การเก�ดซ์1.าก)พิบบ�อยั         การร�กษาที่างยัาเช�น จ1าก�ดน1.าแลุ่ะเกลุ่$อ, ยัาข�บป็7สสาวะเช�น acetazolamide (diamox),

furosemide (lasix) ถ�าไม�ได�ผิลุ่อาจเพิ��ม steroid 12 mg/day

         การผิ�าต�ด ที่1าในผิ<�ป็@วยัที่��สายัตาก1าลุ่�งแยั�ลุ่งหร$อแยั�ต� .งแต�แรกเร��มหร$อในผิ<�ป็@วยัที่��เช$�อถ$อหร$อต�ดตามการร�กษาไม�ได�แน�นอน การร�กษาเช�น เจาะหลุ่�งเป็�นระยัะ, การใส�ที่�อระบายัน1.าไขส�นหลุ่�ง (LP

shunt) หร$อบางรายัอาจใส� VP shunt, optic nerve sheath decompression, subtemporal, suboccipital decompression

         ต�ดตามการร�กษาอยั�างน�อยั 2 ป็5เพิ$�อให�แน�ใจว�าไม�ม�เน$.องอกในสมอง การเคล%�อนิไหวิผ่�ดปักตั�

1 หน�ากระตกคร2�งซ์�ก 3176

2 อาการส��น 6558

3 ด�สโที่เน�ยั 1755

Page 66: Epilepsy Syndromes

4 การเลุ่$อกผิ<�ป็@วยัผิ�าต�ดพิาร&ก�นส�น 1014

5 Deep brain stimulation 893

6 STN DBS 1087

7 GPi DBS 760

8 Vim surgery 589  หน�ากระตกคร2�งซ์�ก

Hemifacial spasm (HFS) หร$อใบหน�ากระตกคร2�งซ์�ก เป็�นภูาวะที่��ม�การกระตก แบบควบคมไม�ได� ไม�เจ)บ ของกลุ่�ามเน$.อใบหน�าที่��เลุ่�.ยังด�วยัเส�นป็ระสาที่สมองที่�� 7 ด�านหน2�งของใบหน�า การกระตกม�กเร��มที่��บร�เวณกลุ่�ามเน$.อรอบตา (orbicularis oculi) แลุ่ะลุ่งมายั�งกลุ่�ามเน$.อหน�าส�วนอ$�นซ์�กน�.น การกระตกม�กถ��มากข2.นจนบางคร�.งตาข�างที่��เป็�นมองได�ไม�สะดวก HFS พิบบ�อยัในผิ<�หญ�ง ม�กพิบด�านซ์�ายั อายัที่��พิบม�กเป็�นช�วงเลุ่ยัว�ยัร �น

การวิ�นิ�จฉัยแยกโรคต�องแยักออกจาก ภูาวะที่��กลุ่�ามเน$.อใบหน�ากระตกตลุ่อด (facial myokymia) ซ์2�ง

พิบในโรค multiple sclerosis หร$อเน$.องอกแกนสมอง (brainstem glioma), หน�งตากระตก (blepharospasm) เป็�นการกระตกของกลุ่�ามเน$.อตา 2 ข�าง ซ์2�งม�กพิบในผิ<�ส<งอายั, โรคลุ่มช�กเฉัพิาะที่�� (focal seizure) ที่��ม�การช�กกระตกของใบหน�า ม�กจะม�กระตกของม$อ แขนร�วมด�วยัเพิราะสมองส�วนใบหน�า ก�บ ม$ออยั<�ใกลุ่�ก�น

สาเหตั�HFS ม�กเก�ดจากการม�เส�นเลุ่$อด ซ์2�งส�วนใหญ�เป็�นเส�นเลุ่$อดแดง (AICA, PICA,

PCA, tortuous VA, dolichoectatic basilar artery) ไป็กดบร�เวณที่��เส�นป็ระสาที่สมองที่�� 7 ว��งออกจากแกนสมอง (root exit zone)

บางคร�.งสาเหตอาจเก�ดจากม�เน$.องอกบร�เวณ cerebellopontine angle หร$อ multiple sclerosis, skull deformities (secondary HFS)

การตัรวิจวิ�นิ�จฉัยว�น�จฉั�ยัจากลุ่�กษณะอาการ แลุ่ะแยักจากโรคต�างๆข�างต�น การตรวจด�วยั MRI เพิ$�อหา

สาเหตว�าไม�ม�เน$.องอกในสมอง หร$อด<เส�นเลุ่$อดที่��ผิ�ดป็กต�การรกษาการรกษาที่างยาการให�ยัาเช�น carbamazepine, phenytoin, clonazepam ม�กไม�ค�อยัได�ผิลุ่

เหม$อนในโรคป็วดใบหน�า (trigeminal neuralgia) การฉั�ด botulinum toxin ก)เป็�นอ�กที่างเลุ่$อก แต�ต�องมาฉั�ดซ์1.าแลุ่ะอาจได�ผิลุ่ไม�ด�

การรกษาด$วิยการผ่�าตัดป็7จจบ�นว�ธุ�ผิ�าต�ดเร�ยักว�า microvascular decompression (MVD) โดยัการ

ผิ�าต�ดสมองที่างด�านหลุ่�งเข�าไป็แยักเส�นเลุ่$อดที่��กดที่�บเส�นป็ระสาที่ออก โดยัการใช�สารเช�น Teflon,

Ivalon, polyvinyl formyl alcohol foam เข�าไป็ก�.น การกดม�กเป็�นตรงที่��เส�นป็ระสาที่ออก

Page 67: Epilepsy Syndromes

จากก�านสมอง (root entry zone) การผิ�าต�ดที่��ไป็แยักเส�นเลุ่$อดจากเส�นป็ระสาที่ห�างจากบร�เวณน�.ม�กไม�ได�ผิลุ่

ความเส��ยังในการผิ�าต�ดม�ไม�มากแต�พิบได�เช�น หน�าเบ�.ยัว (ช��วคราวหร$อถาวร), ห<ไม�ได�ยั�น (ช��วคราวหร$อถาวร), กลุ่$นลุ่1าบาก, น1.าหลุ่�อเลุ่�.ยังสมองร��ว, เด�นเซ์, เส�ยังแหบ

หลุ่�งผิ�าต�ดการกระตกของใบหน�าม�กจะหายัไป็ที่�นที่�หร$อหลุ่งเหลุ่$อเลุ่)กน�อยัค�อยัๆหายัไป็ ม�ส�วนน�อยัที่��จะค�อยัๆหายัไป็ในระยัะยัาว ถ�าอาการกระตกยั�งไม�หายัอาจพิ�จารณาผิ�าต�ดซ์1.า โอกาสหายัจากการผิ�าต�ดม�ป็ระมาณ 85-93%, ลุ่ดลุ่ง 9%, ไม�เป็ลุ่��ยันแป็ลุ่ง 6%

อาการส��นอาการส��นม�ได�หลุ่ายัสาเหตแต�โรคที่��พิบได�บ�อยัค$อส��นแบบไม�ม�สาเหตหร$อ

Essential tremor (ET)  ส�วนมากไม�จ1าเป็�นต�องร�กษาเน$�องจากอาการส��นเป็�นไม�มากถ2งแก�รบกวนช�ว�ตป็ระจ1าว�น ป็ระมาณ 75% ของผิ<�ป็@วยัม�อาการส��นเพิ��มข2.นเม$�อต�องเข�าส�งคม หร$อม�อาการส��นที่��รบกวนการเข�ยันหน�งส$อ ที่1าก�ว�ตรป็ระจ1าว�น ด$�มน1.าหร$อม�เส�ยังส��นที่1าให�ลุ่1าบากในการส$�อสาร ถ2งแม� ET จะม�อาการส��นเม$�ออยั<�ในลุ่�กษณะต�านแรงโน�มถ�วง (postural tremor) ม�จ1านวนหน2�งที่��ม�อาการส��นเม$�อม�การเคลุ่$�อนไหว (kinetic, intention tremor) ซ์2�งในกลุ่�มน�.เป็�นกลุ่�มที่��ม�การส<ญเส�ยัความสามารถเน$�องจากการส��น ที่1าให�ต�องผิ�าต�ด

                                   ส�วนมากผิ<�ป็@วยัจะม�อาการม$อส��นร�วมก�บศั�รษะส��นป็ระมาณ 40%,

เส�ยังส��นป็ระมาณ 20% แลุ่ะลุ่1าต�วหร$อขาส��นป็ระมาณ 20%  ET เป็�นโรคที่��ก1าเร�บช�าๆ โดยัเม$�ออายัมากข2.นอาการส��นจะกว�างมากข2.นแลุ่ะความถ��จะลุ่ดลุ่ง

                                   ก�อนที่��จะพิ�จารณาผิ�าต�ด ผิ<�ป็@วยัควรม�การส<ญเส�ยัสรรถภูาพิเน$�องจากอาการส��นมากหลุ่�งจากได�ร�บการร�กษาด�วยัยัาเต)มที่��แลุ่�ว คนไข�ที่กรายัควรได�ร�บการร�กษาด�วยัยัาลุ่ดอาการส��นเช�น Propanolol (240-360 mg/d), primidone (250-750 mg/d) หร$อ gabapentin (1800-3600 mg) อาจเพิ�ยังต�วเด�ยัวหร$อร�วมก�น การร�กษาด�วยัยัาส�วนมากที่1าให�อาการม$อส��นด�ข2.นมากกว�าเส�ยังหร$อศั�รษะส��น (ซ์2�งส�วนมากจะด�ด�วยัการฉั�ด botox) บางคนเวลุ่าที่านแอลุ่กอฮอลุ่&อาการส��นจะด�ข2.น ถ�าคนไข�ได�ร�บการร�กษาด�วยัยัาต�วแรก (first-line

therapy) ไม�ด�ข2.น การใช�ยัาเพิ��มต�วที่��สอง (second-line drug; clonazepam,

alprazolam, mirtazapine) หร$อต�วที่��สาม (third-line; clonidine, acetazolamide,

flunarizine, theophyline) อ�กม�กได�ผิลุ่ไม�มาก                                    การป็ระเม�นก�อนผิ�าต�ดแพิที่ยั&จะด<คะแนน tremor rating scale, ให�วาดร<ป็วงกลุ่ม แลุ่ะตอบแบบสอบถาม                                  การผิ�าต�ดที่��ต1าแหน�ง Thalamus เช�นการจ�.ด�วยัความร�อน (Thalamotomy) หร$อการฝึ7งเคร$�องกระต�นสมอง (thalamic DBS) จะที่1าให�อาการส��นโดยัเฉัพิาะม$อส��นจะด�ข2.นช�ดเจน (distal postural tremor) แต�อาการ intention tremor,

proximal tremor ด�ข2.นน�อยักว�า ส�วนมากเราม�กจะผิ�าต�ดข�างเด�ยัวโดยัเลุ่$อกผิ�าสมองด�านตรงข�ามก�บข�างที่��ม�อาการมากที่��สดหร$อด�านที่��ผิ<�ป็@วยัถน�ดใช�งาน การผิ�าต�ดข�างเด�ยัวก)ที่1าให�ผิ<�ป็@วยัที่1า

Page 68: Epilepsy Syndromes

ก�จว�ตรป็ระจ1าว�นเช�นด$�มน1.า, ที่านอาหารได�ด�ข2.น                                   ผิ<�ป็@วยัที่�ม�อาการส��นที่�.งสองข�างแลุ่ะต�องการได�ร�บการผิ�าต�ดควรได�ร�บการผิ�าต�ดฝึ7งเคร$�องกระต�นสมอง (thalamic DBS) เน$�องจากการที่1า thalamotomy สองข�างม�กม�ผิลุ่ข�างเค�ยังด�านการพิ<ดแลุ่ะ cognition คนไข�ที่��ได�ร�บการผิ�าต�ด unilateral

thalamotomy ข�างหน2�งมาก�อน แลุ่ะต�อมาม�อาการส��นข�างเด�ยัวก�บที่��ผิ�าต�ดควรได�ร�บการผิ�าต�ดฝึ7งเคร$�องกระต�นสมองด�านตรงข�าม contralateral thalamic DBS

ด�สโที่เน�ยัด�สโที่เนิ�ย (Dytonia) โดยัค1าจ1าก�ดความหมายัถ2ง การที่��ม�การหดต�วของกลุ่�าม

เน$.อตลุ่อด (sustained muscle contraction) ซ์2�งที่1าให�เก�ดม�การเคลุ่$�อนไหวที่��บ�ดหร$อซ์1.าๆหร$อลุ่�กษณะที่�าที่��ผิ�ดป็กต� ลุ่�กษณะอาการของโรคม�ความแตกต�างหลุ่ายัร<ป็แบบแลุ่ะป็7จจบ�นเป็�นที่��ที่ราบก�นว�าเป็�นความผิ�ดป็กต�ที่��หลุ่ากหลุ่ายั ม�โรคหลุ่ายัชน�ดที่��ที่1าให�ม�อาการด�สโที่เน�ยั ม�การแบ�งชน�ดของด�สโที่เน�ยัหลุ่ายัแบบ

การแบั�งตัามอาย�                       1. Early-onset dystonia: เก�ดเม$�ออายัน�อยักว�า 26

                       2. Late-onset dystonia: เก�ดเม$�ออายัมากว�าหร$อเที่�าก�บ 26

แบั�งตัามส�วินิที่��เปั3นิ1. Focal (ส�วนของร�างกายัส�วนเด�ยัว) cervical dystonia  เป็�นชน�ดที่��พิบ

บ�อยัในด�สโที่เน�ยัที่��เก�ดในผิ<�ใหญ� อายัเฉัลุ่��ยัในช�วง 40 ป็5 พิบบ�อยัในผิ<�หญ�ง นอกจากน�.ยั�งม�ชน�ดอ$�นเช�น ม$อเกร)งขณะเข�ยันหน�งส$อหร$อ writer's cramp, เป็ลุ่$อกตาเก)ง (blephalospasm)

2. Segmental (ส�วนของร�างกายัที่��ต�ดก�น)

3. Multifocal (เช�น เป็�นคร2�งซ์�ก hemidystonia)

4. Generalized เป็�นที่�.งต�วแบั�งตัามสาเหตั�1. Primary dystonias จากยั�นที่��ผิ�ดป็กต�เช�น DYT-1, DY-3, DYT-72. Secondary dystonia

                               - Dystonia-plus                               - Heredodegenerative dystonia เช�น Wilson's disease

                               - Acquired causes เช�นจากยัา (durg-induced), basal

ganglia lesions เช�นจากเส�นเลุ่$อดแตก เน$.องอก, หร$ออบ�ต�เหต                               - Unknown

การรกษาการร�กษาส�วนมากเป็�นการควบคมอาการ เพิ$�อลุ่ดอาการเกร)ง ป็วด แลุ่ะลุ่ดการ

เคลุ่$�อนไหวผิ�ดป็กต� ป็,องก�นการต�ดยั2ดของข�อแลุ่ะให�ที่1าหน�าที่��ได�ป็กต�แลุ่ะม�ผิลุ่ข�างเค�ยังจากการร�กษาน�อยั การร�กษาโดยัตรงม�น�อยัเช�นใน Wilson's disease, dopa-responsive dystonia

ในพิวก Early-onset dprimary torsion dystonia ม�กพิบว�าเป็�น segmental หร$อ generalized dystonia การร�กษาด�วยัยัาเป็�นหลุ่�กในการร�กษา ส�วน late-

Page 69: Epilepsy Syndromes

onset primary torsion dystonia ม�กเป็�นเฉัพิาะที่�� การร�กษาม�กที่1าโดยัการฉั�ด botulinum toxin

ยัาที่��ใช�ในการร�กษาม�ด�งน�.                Levodopa เพิราะว�าในกลุ่�ม dopa-responsive dystonia การตอบสนองเห)นได�ช�ดเจน ด�งน�.นผิ<�ป็@วยัด�สโที่เน�ยัที่��เร��มในเด)กหร$อว�ยัร �นที่��เป็�นแบบที่��วต�วหร$อบางส�วนควรได�ที่ดลุ่องใช�ยัาลุ่�โวโดป็าในการร�กษา แลุ่ะเป็�นการว�น�จฉั�ยัไป็ในต�ว ในบางรายัที่��เป็�นตอนเป็�นผิ<�ใหญ�อาจตอบสนองบางส�วน ด�งน�.นควรได�ที่ดลุ่องใช�ลุ่�โวโดป็าในผิ<�ป็@วยัเหลุ่�าน�. ถ�าไม�ได�ผิลุ่ใน 3 เด$อนก)ควรหยัด                Anticholinergic medications ได�ผิลุ่ในพิวก segmental, generalized

dystonia ป็ระมาณ 40-50% แต�ม�ผิลุ่ข�างเค�ยังเช�น ตาม�ว ป็7สสาวะไม�ออก แลุ่ะภูาพิหลุ่อนได� ควรใช�อยั�างระว�งในผิ<�ส<งอายั               ยัาอ$�นๆเช�น baclofen, clonazepam, benzodiazepines, carbamazepine, tetrabenazine

Intrathecal baclofen ในรายัที่��ให�ยัาไม�ได�ผิลุ่อาจพิ�จารณาฝึ7งเคร$�องให�ยัาที่างช�องไขส�นหลุ่�ง โดยัเฉัพิาะในรายัที่��ม� spastic dystonia dystonia ที่��เก�ดตรงลุ่1าต�วแลุ่ะขา การฝึ7งเคร$�องป็7H มยัาบาโคลุ่เฟนที่1าให�ใช�ยัาป็ร�มาณน�อยักว�าการก�นแลุ่ะที่1าให�ผิลุ่ข�างเค�ยังน�อยั แต�อป็กรณ&น�.ม�ราคาแพิงแลุ่ะต�องคอยัป็ร�บขนาดยัา แลุ่ะม�ผิลุ่ข�างเค�ยังเช�นต�ดเช$.อ อป็กรณ&ที่1างานผิ�ดป็กต�ได� ในป็ระเที่ศัไที่ยัไม�ม�ต�วยัาบาโคลุ่เฟนชน�ดฉั�ด

Botulinum toxin (BTX) การฉั�ดโบที่อกซ์&ได�ผิลุ่ด�ในรายัที่��เป็�นเฉัพิาะที่��เช�นคอเกร)ง การฉั�ดต�องมาที่1าเป็�ฯระยัะแลุ่ะใช�แพิที่ยั&ที่��เช��ยัวชาญแลุ่ะร< �ต1าแหน�งกายัว�ภูาคของกลุ่�ามเน$.อที่��จะฉั�ด

การผ่�าตัด Deep brain stimulation เป็�นอ�กที่างเลุ่$อกในรายัที่��การร�กษาด�วยัว�ธุKอ$�นไม�ได�ผิลุ่ เน$�องจากผิลุ่การผิ�าต�ดค�อนข�างต�างก�นเน$�องจากการค�ดเลุ่$อกผิ<�ป็@วยั, เที่คน�คการผิ�าต�ด แต�ป็7จจบ�นม�รายังานการร�กษาด�วยัการผิ�าต�ดฝึ7งเคร$�องกระต�นไฟฟ,าในสมองได�ผิลุ่เป็�นที่��ยัอมร�บ โดยัเฉัพิาะในกลุ่�มผิ<�ป็@วยั DYT1, Tardive dystonia

การเลุ่$อกผิ<�ป็@วยัผิ�าต�ดพิาร&ก�นส�นการผิ�าต�ดร�กษาโรคพิาร&ก�นส�นในป็7จจบ�นพิ�ฒนาไป็มาก ในอด�ตเราใช�ไฟฟ,าจ�.ให�เก�ด

ความร�อนไป็ที่1าลุ่ายัเซ์ลุ่ลุ่&สมองแต�ป็7จจบ�นน�ยัมใช�การกระต�นด�วยัไฟฟ,าหร$อ Deep brain

stimulation (DBS) มากกว�าเน$�องจากผิ�าต�ดได�สองข�างแลุ่ะสามารถป็ร�บกระแสไฟฟ,าได�หลุ่�งผิ�าต�ด แลุ่ะเซ์ลุ่ลุ่&สมองไม�ถ<กที่1าลุ่ายั

                                    การผิ�าต�ดไม�ได�เหมาะก�บคนไข�พิาร&ก�นส�นที่กรายั ข�อบ�งช�.ที่��ส1าค�ญค$อ1. เป็�นโรคพิาร&ก�นส�นแที่� (Parkinson's disease) ไม�ใช�เป็�นโรคอ$�นแต�ม�อาการคลุ่�ายัพิาร&ก�นส�น (Parkisonism)2. ด$.อต�อยัาหร$อตอบสนองต�อยัาลุ่ดลุ่ง เช�นเคยัก�นยัาแลุ่�วออกฤที่ธุ�L 4-6 ช��วโมงแต�ระยัะหลุ่�งก�นยัาแลุ่�ว 1-2 ช��วโมงก)หมดฤที่ธุ�L, ต�องก�นยัาขนาดส<งข2.น (wearing off), หร$อบางคร�.งก�นยัาแลุ่�วยัาออกฤที่ธุ�Lไม�แน�นอน3. ตอบสนองต�อยัากลุ่�มโดป็า เน$�องจากการผิ�าต�ดให�ผิลุ่เหม$อนก�นยัาแต�ลุ่ดอาการด$.อยัาหร$อยัา

Page 70: Epilepsy Syndromes

ออกฤที่ธุ�Lไม�แน�นอน เช�นอาการเคลุ่$�อนไหวช�า แข)งเกร)ง4. ม�ผิลุ่ข�างเค�ยังจากยัาเช�น dyskinesia หร$อยักยั�กมากเน$�องจากร�บป็ระที่านยัาขนาดส<ง หร$อบางรายัอาจม�คลุ่$�นไส� อาเจ�ยันมาก เพิ��มยัาไม�ได�5. ไม�ม�โรคที่างจ�ตป็ระสาที่ สมองเส$�อม สมองฝึ@อมากจากภูาพิเอกซ์เรยั&เน$�องจากม�โอกาสเก�ดเลุ่$อดออกจากการผิ�าต�ดได�                              ส�วนมากหลุ่�งผิ�าต�ดอาการช�วง off -period จะด�ข2.น ส�วนช�วง on-

period ก)จะด�ข2.นแต�เป็อร&เซ์นต&น�อยักว�า การตอบสนองต�อยัาจะสม1�าเสมอ คณภูาพิช�ว�ตจะด�ข2.น ส�วนมากจะลุ่ดยัาได�จ1านวนหน2�งซ์2�งอาการยักยั�กจะด�ข2.นหลุ่�งลุ่ดยัา แลุ่ะยั�งช�วยัป็ระหยั�ดค�ายัาด�วยั เน$�องจากอป็กรณ&ที่��ฝึ7งม�ราคาแพิงมากป็ระมาณ 800,000 บาที่ ด�งน�.นแพิที่ยั&ต�องเลุ่$อกคนไข�ที่��เหมาะสมแลุ่ะสามารถมาต�ดตามการร�กษาได�สม1�าเสมอ อาการพิาร&ก�นส�นที่��ไม�ค�อยัตอบสนองต�อการผิ�าต�ดม�กเป็�นอาการที่าง midline เช�นการพิ<ด การกลุ่$น การที่รงต�ว ผิ<�ป็@วยัต�องเข�าใจว�าการผิ�าต�ดไม�ได�ที่1าให�หายัจากโรคพิาร&ก�นส�น เพิ�ยังแต�ร�กษาที่างอาการเม$�อระยัะเวลุ่าผิ�านไป็ เม$�อโรคด1าเน�นมากข2.นอาจต�องเพิ��มกระแสไฟฟ,าหร$อเพิ��มยัา หร$อเม$�อม�เที่คโนโลุ่ยั�ที่��ใหม�ในการร�กษาก)อาจใช�ว�ธุ�ใหม�มาช�วยัได�เน$�องจากเซ์ลุ่ลุ่&สมองไม�ถ<กที่1าลุ่ายัจากการผิ�าต�ด

                             ในโรคพิาร&ก�นส�นป็7จจบ�นเราม�กใส�อ�เลุ่กโตรดที่��ต1าแหน�ง subthalamic

nucleus (STN) แลุ่ะที่1าการผิ�าต�ดสองข�างพิร�อมก�นในว�นเด�ยัวก�น ส�วนเคร$�องกระต�นอาจฝึ7งว�นเด�ยัวก�นหร$อรออ�กระยัะค�อยัมาผิ�าต�ดใส�ก)ได� เน$�องจากเป็�นการผิ�าต�ดที่��ใช�เวลุ่านาน ผิ<�ป็@วยัต�องให�ความร�วมม$อในการผิ�าต�ด แลุ่ะสามารถที่นการนอนในห�องผิ�าต�ดได�หลุ่ายัช��วโมงเพิราะผิ<�ป็@วยัจะร< �ส2กต�วขณะผิ�าต�ดป็ระสาที่แพิที่ยั&จะเข�ามาช�วยัในการผิ�าต�ดเพิ$�อด<ต1าแหน�งที่��ใส�อ�เลุ่กโตรด เน$�องจากต1าแหน�งที่��ใส�ม�ขนาดป็ระมาณ ไม�ถ2ง 1 เซ์นต�เมตร จ2งต�องการความแม�นยั1าที่��ส<งแลุ่ะความช1านาญในการผิ�าต�ด stereotactic surgery

ความเส��ยังต�อการผิ�าต�ดม�น�อยัที่��น�ากลุ่�วค$อ ภูาวะเลุ่$อดออกในสมองซ์2�งม�โอกาสเก�ดป็ระมาณ 1% อาจม�อาการหร$อไม�ม�อาการก)ได� ถ�าก�อนเลุ่$อดใหญ�ก)อาจที่1าให�เก�ดอ�มพิฤกษ& อ�มพิาตหร$อถ2งแก�ช�ว�ตได� อ�กภูาวะหน2�งค$อการต�ดเช$.อม�โอกาสเก�ดป็ระมาณ 6% เน$�องจากเป็�นอป็กรณ&ที่��ใส�เข�าไป็ในร�างกายั ม�โอกาสต�ดเช$.อได� ส�วนมากจะให�ยัาป็ฏิ�ช�วนะก�อน ถ�าจ1าเป็�นอาจต�องเอาอป็กรณ&ที่��ฝึ7งออกหมด ซ์2�งม�ราคาแพิงแลุ่ะถ�าผิ�าต�ดใหม�ก)ต�องเร��มใหม�หมด

                             ภูาวะแที่รกซ์�อนอ$�นเช�นภูาวะแที่รกซ์�อนจากการกระต�นไฟฟ,า ข2.นก�บต1าแหน�งของอ�เลุ่กโตรด ถ�าต1าแหน�งที่��ฝึ7งไม�ด�ม�โอกาสเก�ดผิลุ่ข�างเค�ยังจากการกระต�นได�เช�น กระตก ชา มองภูาพิซ์�อน หร$อให�ผิลุ่การร�กษาไม�ด�เที่�าที่��ควร อาจจ1าเป็�นต�องเลุ่$อกอ�เลุ่คโตรดข�.วที่��ด�ที่��สดหร$อผิ�าต�ดเลุ่$�อนต1าแหน�งใหม�Deep brain stimulation

การกระต�นสมองส�วนลุ่2กหร$อ deep brain stimulation (DBS) เป็�นการร�กษาการเคลุ่$�อนไหวผิ�ดป็กต�ด�วยัการกระต�นไฟฟ,า ในอด�ตแพิที่ยั&จะร�กษาด�วยัการไป็จ�.ด�วยัไฟฟ,าให�เก�ดความร�อนในสมองเพิ$�อร�กษาอาการเคลุ่$�อนไหวผิ�ดป็กต� ขณะที่��จะจ�.จะม�การกระต�นด�วยัไฟฟ,าก�อน ศั�ลุ่ยัแพิที่ยั&ได�ส�งเกตว�าผิ<�ป็@วยัม�อาการด�ข2.นหลุ่�งจากการที่ดสอบด�งกลุ่�าวจ2งได�ป็ระด�ษฐ&อป็กรณ&น�.ข2.น

Page 71: Epilepsy Syndromes

มาแที่นที่��แลุ่ะเม$�อน1ามาใช�ในการผิ�าต�ดร�กษาพิบว�าได�ผิลุ่ด�กว�าการจ�. เน$�องจากเซ์ลุ่ลุ่&สมองไม�ถ<กที่1าลุ่ายัแลุ่ะในอนาคตเม$�อม�เที่คโนโลุ่ยั�ที่��ด�กว�าเช�นการป็ลุ่<กถ�ายัสเต)มเซ์ลุ่ลุ่&หร$ออ$�นๆ ก)สามารถน1ามาใช�ได� แลุ่ะข�อด�อ�กอยั�างค$อสามารถที่1าการผิ�าต�ดฝึ7งอ�เลุ่คโตรดได�สองข�าง เน$�องจากการจ�.ม�กจะที่1าข�างเด�ยัวค$อข�างที่��ม�อาการมาก ผิ<�ป็@วยัจ2งม�อาการด�ข2.นข�างเด�ยัว ถ�าจะที่1าอ�กข�างต�องรอระยัะเวลุ่าหลุ่ายัเด$อนหร$อป็5จ2งมาที่1าอ�กข�างแลุ่ะอาจเก�ดผิลุ่ข�างเค�ยังมากเม$�อที่1าสองข�าง ส�วนการกระต�นด�วยัไฟฟ,าสามารถที่1าได�สองข�างแลุ่ะสามารถป็ร�บค�ากระแสไฟฟ,าได�ตามอาการคนไข�

ส�วนป็ระกอบของ DBS ค$อ อ�เลุ่คโตรดที่��ม�ขนาดเลุ่)กที่��ป็ลุ่ายัจะม�ข�.วอยั<� 4 ข�.วห�างก�น 1.5 mm หร$อ 0.5 mm ข2.นก�บขนาดที่��จะใช� เม$�อที่1าการผิ�าต�ดได�ต1าแหน�งที่��ต�องการ แพิที่ยั&จะที่1าการยั2ดต�วอ�เลุ่คโตรดที่��ร<กะโหลุ่กที่��เจาะด�วยัต�วลุ่)อก แลุ่�วม�สายัต�อเช$�อมผิ�านใต�หน�งศั�รษะมาที่��คอ ลุ่งมาที่��หน�าอก แพิที่ยั&จะเป็Fดแผิลุ่ที่��หน�าอกใต�ต�อกระด<กไหป็ลุ่าร�าเลุ่)กน�อยัเพิ$�อฝึ7งเคร$�องกระต�นไฟฟ,า โดยัเส�ยับสายัที่��ต�อจากศั�รษะมาเข�าเคร$�องกระต�นแลุ่�วไขสกร<ให�แน�น

หลุ่�งจากการผิ�าต�ดแพิที่ยั&ม�กจะรอป็ระมาณ 1-2 อาที่�ตยั&เพิ$�อให�สมองยับบวมแลุ่ะเลุ่$อดที่��ค�างใต�ผิ�วหน�งแห�งลุ่ง จ2งเป็Fดเคร$�องกระต�นไฟฟ,า การเป็Fดจะม�เคร$�องคอมพิ�วเตอร&เลุ่)กๆแลุ่�วม�ต�วส�งส�ญญานมาที่าบที่��บร�เวณหน�าอกคนไข� จากน�.นแพิที่ยั&จะที่1าการเพิ��มกระแสไฟฟ,า โดยัสามารถเลุ่$อกข�.วไฟฟ,าให�เป็�น บวกหร$อลุ่บ เพิ��มความแรง ความถ��กระแสไฟฟ,าได� โดยัด<จากอาการแลุ่ะผิลุ่ข�างเค�ยัง ผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บการผิ�าต�ดฝึ7งเคร$�องกระต�นน�.จ1าเป็�นต�องมาป็ร�บกระแสไฟฟ,าในช�วงแรกค�อนข�างบ�อยั เพิ$�อให�ได�ค�าที่��เหมาะสมแลุ่ะป็ร�บยัาไป็พิร�อมก�น การผิ�าต�ดจ2งต�องค1าน2งถ2งเร$�องการเด�นที่างมาพิบแพิที่ยั&ด�วยั

เน$�องจากเคร$�องกระต�นไฟฟ,าไวต�อสนามแม�เหลุ่)กด�งน�.นจ2งควรหลุ่�กเลุ่��ยังบร�เวณที่��ม�กระแสไฟฟ,าแรงส<งหร$อสนามแม�เหลุ่)ก เคร$�องอาจเป็Fดป็Fดเองโดยัอ�ตโนม�ต�ได�ถ�าไป็อยั<�ใกลุ่�บร�เวณด�งกลุ่�าวหร$อใกลุ่�ลุ่1าโพิงเคร$�องเส�ยัง ต<�เยั)น การใช�โที่รศั�พิที่&เคลุ่$�อนที่��ไม�ม�ผิลุ่ต�ออป็กรณ&น�. ถ�าไป็สนามบ�นจ1าเป็�นต�องแจ�งเจ�าหน�าที่��ก�อนผิ�านเคร$�องตรวจจ�บโลุ่หะ การตรวจด�วยัเอ)ม อาร& ไอหร$อแม�เหลุ่)กไฟฟ,าจ1าเป็�นต�องแจ�งแพิที่ยั&ก�อนที่กคร�.งเน$�องจากอาจเก�ดอ�นตรายัจนถ2งแก�ช�ว�ตได�

เน$�องจากอป็กรณ&ม�ราคาแพิงแลุ่ะไม�สามารถผิลุ่�ตในป็ระเที่ศัไที่ยัได� การผิ�าต�ดด�วยัว�ธุ�น�.จ2งม�ข�อจ1าก�ด อ�กที่�.งผิ<�เช��ยัวชาญแลุ่ะห�องผิ�าต�ดที่��พิร�อมก)ม�ความส1าค�ญ ป็7จจบ�นยั�งไม�สามารถเบ�กราชการ หร$อป็ระก�นส�งคมได� ผิ<�ป็@วยัจ2งม�โอกาสเข�าถ2งการร�กษาน�.น�อยั แต�ยั�งไม�ม�การศั2กษาในป็ระเที่ศัไที่ยัเองว�าการผิ�าต�ดว�ธุ�น�.ซ์2�งผิ<�ป็@วยัสามารถลุ่ดยัาลุ่งได�แลุ่ะอาการด�ข2.นมากเม$�อเที่�ยับก�บการก�นยัาอยั�างไหนค�มค�ากว�าก�น

   STN DBS

การผ่�าตัด Subthalamic nucleus stimulation (STN DBS)

Page 72: Epilepsy Syndromes

การผิ�าต�ด DBS ที่��น�ยัมที่1าก�นในป็7จจบ�นค$อต1าแหน�ง STN แลุ่ะ Globus

pallidus interna (GPi) แต�ต1าแหน�ง STN เป็�นต1าแหน�งที่��น�ยัมที่1าก�นมากกว�าเน$�องจากสามารถเห)นได�จาก MRI แลุ่ะม�ขนาดเลุ่)ก ที่1าให�ใช�ไฟฟ,าในการกระต�นน�อยักว�า ช�วยัยั$ดระยัะเวลุ่าของแบตเตอร�� แต�ก)ม�ข�อเส�ยัเน$�องจากน�วเคลุ่�ยัสม�ขนาดเลุ่)กเม$�อกระต�นอาจเก�ดผิลุ่ข�างเค�ยังด�าน cognitive ได�ในบางรายั

STN ม�ร<ป็ร�าง ellipsoid ม�ขนาด 7 mm ในแนว medial-lateral, 9 mm ในแนว anterior-posterior, แลุ่ะ 5 mm ในแนว dorsal-ventral, ในผิ<�ป็@วยัพิาร&ก�นส�นพิบว�าม� hyperactivity ของ STN กลุ่ไกการที่1างานของ DBS ยั�งไม�เป็�นที่��แน�ช�ด ม�ที่ฤษฎี�หลุ่ายัอยั�างเช�นการไป็ยั�บยั�.ง (inhibition) การที่1างานของเซ์ลุ่ลุ่&ป็ระสาที่ต1าแหน�งที่��กระต�น, ม�ผิ<�เสนอว�า DBS ไป็กระต�น inhibitory afferents ที่1าให�ม�การหลุ่��ง GABA แลุ่ะไป็ยั�บยั�.งการที่1างานของเซ์ลุ่ลุ่&ป็ระสาที่ที่��กระต�น, ม�การศั2กษาโดยัว�ธุ� microdialysis ใน GPi พิบว�าม�การเพิ��มข2.นของ glutamate เม$�อกระต�น STN ซ์2�งบ�งช�.ว�าม�การกระต�นของ glutaminergic output จาก STN ไป็ยั�ง GPi, หร$อเก�ดม� membrane hyperpolarization, หร$อม� jamming

feedback loop โดยัการกระต�นด�วยั high frequency จะที่1าให� brusty pattern ซ์2�งม�ลุ่�กษณะ irregular เป็ลุ่��ยันเป็�น continuous pattern แลุ่ะได�ผิลุ่เหม$อนก�บการที่1า lesion

Target localizationการหาต1าแหน�ง STN ในการวางแผินผิ�าต�ดม�หลุ่ายัว�ธุ�อาจใช�ว�ธุ� 1. Indirect method ซ์2�งอาศั�ยัความส�มพิ�นธุ&ของต1าแหน�ง target ก�บ

ต1าแหน�งของ anterior commissure (AC) -posterior commissure (PC) ต1าแหน�ง STN ที่��ใช�โดยัที่��วไป็ค$อ 11-13 mm lateral to midline, 3-4 mm posterior to midcommisure (MCP), 3-5 mm ventral to AC-PC line

2. Direct method ต1าแหน�งที่��ใช�เป็�น target ค$อ dorsolateral part

ของ STN ซ์2�งส�วนมากจะเห)นลุ่�กษณะเป็�น hypointensity ใน coronal T2-weighted spin echo images

3. Electrophysiological targeting ม�ที่�.งการใช� macrostimulation หร$อ microelectrode recording (MER) การบ�นที่2ก MER ส�วนมากจะเร��มที่�� 10-15 mm เหน$อต�อ STN, Trajectories ไป็ยั�ง STN ส�วนมากจะผิ�าน thalamic nucleus reticularis (Rt) แลุ่ะ ventralis oralis anterior (Voa) หร$อ ventralis oralis posterior (Vop), zona incerta (ZI) ก�อนถ2ง STN

 เม$�อเข�าไป็ใน STN จะม� background activity เพิ��มข2.นเซ์ลุ่ลุ่&ม� firing rate

Page 73: Epilepsy Syndromes

25-45 Hz แลุ่ะม� receptive field ซ์2�งส�มพิ�นธุ&ก�บการเคลุ่$�อนไหวบางคร�.งอาจพิบเซ์ลุ่ลุ่&ที่��ม� firing rate ที่�� synchronous ก�บ tremor ของคนไข� (tremor cells) ถ�ดจากน�.นจะเป็�นบร�เวณที่��ไม�ม� somato-dendritic action potentials ก�อนที่��จะถ2ง substantia nigra

reticulate (SNr) เซ์ลุ่ลุ่&ของ SNr จะม�ลุ่�กษณะ regular, high frequency (60-80 Hz)

 ผ่ลการรกษาผิลุ่การศั2กษาผิ<�ป็@วยัจาก Grenoble ที่��เป็�นกลุ่�มแรกที่��ที่1าการผิ�าต�ด STN DBS

พิบว�า activities of daily living (ADL), UPDRS motor scores off-medication ด�ข2.น 60% แลุ่ะที่1าให�อาการ akinesia, rigidity, tremor, gait ด�ข2.นด�วยัเม$�อต�ดตามผิ<�ป็@วยั 1

ป็5 ในการต�ดตามผิลุ่การผิ�าต�ดระยัะยัาว  2-5 ป็5พิบว�า STN DBS ยั�งคงได�ผิลุ่ด�ในการที่1าให� motor function ด�ข2.น (45-55%), ADL ด�ข2.น (42-49%) ลุ่ดอาการ tremor,

dyskinesia แลุ่ะผิ<�ป็@วยัยั�งคงด1าเน�นช�ว�ตป็ระจ1าว�นได�อ�สระ แต�อาการ akinesia, speech,

postural stability แลุ่ะ gait แยั�ลุ่งเม$�อเที่�ยับก�บขณะ 1 ป็5หลุ่�งผิ�าต�ดแลุ่ะในบางรายัม� cognitive ลุ่ดลุ่งด�วยัซ์2�งอาจเน$�องมาจากการด1าเน�นของโรคพิาร&ก�นส�นเอง

ข�อด�ของการผิ�าต�ด STN DBS ค$อสามารถลุ่ดยัาได�หลุ่�งผิ�าต�ดซ์2�งแตกต�างก�นไป็แลุ่�วแต�รายังาน (29-80%) ในบางรายังานผิ<�ป็@วยัถ2ง 1 ใน 3 สามารถหยัดยัาได�หลุ่�งผิ�าต�ด

ผิลุ่ของ STN DBS ต�อ cognitive function ม�ที่�.งที่��ด�ข2.น แยั�ลุ่งหร$อไม�ม�ผิลุ่กระที่บแลุ่ะม�ว�ธุ�การป็ระเม�นที่��ต�างก�นเช�นการที่ดสอบขณะได�ร�บหร$อไม�ได�ร�บยัา ม�การเป็Fดหร$อป็Fดเคร$�องกระต�น เน$�องจากการศั2กษาม�จ1านวนผิ<�ป็@วยัน�อยัแลุ่ะระยัะเวลุ่าการศั2กษาส�.นแต�ผิลุ่ที่��ได�ตรงก�นส�วนมากค$อม�การลุ่ดลุ่งของ verbal fluency ซ์2�งพิบได�เช�นเด�ยัวก�นเม$�อที่1า  left sided

pallidotomy หร$อ GPi stimulation ด�งน�.นการผิ�าต�ดเพิ$�อร�กษาโรคพิาร&ก�นส�นในป็7จจบ�นด<เหม$อนจะที่1าให�ม�การลุ่ดลุ่งของ  verbal fluency สาเหตคงเน$�องมาจากขนาดของ STN ม�ขนาดเลุ่)กกว�า GPi การใส� DBS lead จ2งใกลุ่�ก�บส�วน non-motor แลุ่ะส�วนใกลุ่�เค�ยังต�างๆ ถ�ากระแสไฟฟ,ากระจายัไป็ยั�งส�วน non-motor ก)จะที่1าให�เก�ดผิลุ่ต�อพิฤต�กรรมแลุ่ะ cognitive โดยัไป็ม�ผิลุ่ต�อหน�าที่��ของสมองส�วน frontal แลุ่ะ limbic การใส� DBS lead ให�ตรงเฉัพิาะ sensorimotor

part อาจช�วยัลุ่ดการเก�ด cognitive decline

นอกจากน�.การกระต�น STN อาจที่1าให�เก�ด depression ได� ซ์2�งอาจเก�ดจากการลุ่ดยัา levodopa ลุ่งอยั�างรวดเร)วซ์2�งอาการจะด�เม$�อให�ยัา dopaminergic หร$ออาจเก�ดจากการกระต�น STN ซ์2�งม� limbic connections หร$อเก�ดจากการกระต�น substantia nigra

ด�านซ์�ายั นอกจากน�.ยั�งอาจที่1าให�เก�ด mania ได� อาการข�างเค�ยังต�างๆ สามารถลุ่ดลุ่งได�โดยัการ

Page 74: Epilepsy Syndromes

ป็ร�บค�ากระแสไฟฟ,า ภาวิะแที่รกซ้$อนิภูาวะแที่รกซ์�อนจากการผิ�าต�ด STN DBS ม�ได�เช�นเด�ยัวก�บการผิ�าต�ด

stereotactic surgery ที่��วไป็เช�นการม�เลุ่$อดออกซ์2�งพิบ symptomatic hemorrhage

1.2% แลุ่ะม� permanent neurological deficit 0.7%,  การใช� microlectrode

recording อาจเพิ��มหร$อไม�เพิ��มความเส��ยังต�อการเก�ดเลุ่$อดออกแต�ป็7จจ�ยัที่��ส1าค�ญในการเพิ��มความเส��ยังค$อการม� hypertension, ภูาวะแที่รกซ์�อนจากการผิ�าต�ด STN DBS โดยัเฉัพิาะอาจแบ�งได�เป็�น

1.             ภาวิะแที่รกซ้$อนิจาก hardware ที่��พิบบ�อยัค$อ device infection (1.5-6.1%), lead fractures (1.7-6%), migration of leads (1.5-5.1%), skin erosion (1.3-2.3%) 2.              ภาวิะแที่รกซ้$อนิจากการกระตั�$นิ ส�วนมากเก�ดจากต1าแหน�งของ lead แลุ่ะกระแสไฟฟ,ากระจายัไป็ที่�� structures ใกลุ่�เค�ยังรอบๆ STN เช�น muscle contractions,

paresthesia, gaze deviation, vegetative ผิลุ่ข�างเค�ยังบางอยั�างสามารถป็ร�บต�วได�แต�ผิลุ่ข�างเค�ยังบางอยั�างไม�สามารถป็ร�บต�วได�เช�น pyramidal tract side effects ม�motor

contractions ของ contralateral face แลุ่ะ upper limb ที่1าให�ม� dysarthria จ2งต�องที่ราบผิลุ่ข�างเค�ยังจากการกระต�นเพิ$�อหา  lower limit เพิ$�อจะได� antiparkinsoniain effect

โดยัไม�ม�ผิลุ่ข�างเค�ยังจากการกระต�นไฟฟ,า GPi DBS

การผ่�าตัด GPi DBS

ป็7จจบ�น GPi เป็�น target of choice ในการผิ�าต�ดร�กษา dystonia แต� ventrolateral thalamus, STN ก)ม�ผิ<�ใช�ในการที่1าผิ�าต�ด แต�เน$�องจากข�อม<ลุ่ยั�งไม�มากเพิ�ยังพิอที่��จะแนะน1าในการเลุ่$อกต1าแหน�งเหลุ่�าน�.

การผิ�าต�ด dystonia ม�กจะต�องที่1า under general anesthesia เน$�องจากผิ<�ป็@วยัม�การเคลุ่$�อนไหวมากแลุ่ะผิ<�ป็@วยับางส�วนเป็�นเด)กซ์2�งไม�สามารถที่นต�อการผิ�าต�ด awake

surgery แลุ่ะใส� stereotactic frame ได� แต�การให�ยัาสลุ่บหร$อ intravenous sedation

อาจรบกวนการที่1า MER ได� ผิ<�เข�ยันพิบว�าการผิ�าต�ดโดยัว�ธุ� frameless stereotactic DBS

implantation ในผิ<�ป็@วยั dystonia ม�ป็ระโยัชน&แลุ่ะไม�ต�องผิ�าต�ด under general anesthesia

Target localizationต1าแหน�งที่��จะที่1าผิ�าต�ดค$อ posteroventral ของ GPi แลุ่ะเน$�องจากการกระต�น

ไฟฟ,าอาจม�การกระจายัของกระแสไฟฟ,าด�งน�.น target จ2ง slightly lateral ต�อ target ที่��ที่1า pallidotomy, การใช� inversion recovery MRI จะช�วยัให�เห)นขอบเขตของ GPi ได�ช�ดเจนข2.น

การหาต1าแหน�งของ GPi ม�ว�ธุ�ด�งน�.1.       Indirect method coordinates ที่��ใช�ส�วนมากค$อ 18-22

lateral ต�อ intercommisural line, 4 mm inferior, 1-3 mm anterior to

Page 75: Epilepsy Syndromes

midcommissure2.       Neurophysiological mapping โดยัการใช�  MER โดยัการหา

sensorimotor territory ของ  GPi, optic tract ซ์2�งอยั<� ventral ต�อ GPi, แลุ่ะ internal

capsule ซ์2�งอยั<� medial แลุ่ะ posterior ต�อ GPi, โดยัจะผิ�าน striatum ซ์2�งค�อนข�างเง�ยับแลุ่ะม� neuronal activity น�อยั,  GPe ซ์2�งม� ‘pauser’ แลุ่ะ ‘burster’ cells แลุ่ะเข�าไป็ยั�ง GPi

Transition จาก GPe ไป็ยั�ง GPi ใน dystonia อาจไม�ช�ดเหม$อนใน PD

นอกจากน�.ในผิ<�ป็@วยั PD ม� firing rates ของ GPi (60-100 Hz) มากกว�า GPe (30-60 Hz)

แต�ใน dystonia พิบว�าค�อนข�างใกลุ่�เค�ยังก�น (30-70 Hz) แลุ่ะอาจต�องแยักจากก�นโดยัด< pattern แต� Krause พิบว�าไม�ต�างจากในผิ<�ป็@วยั PD

ป็ลุ่ายัของ DBS lead ควรที่��จะอยั<� anterior ต�อ internal capsule 4-5

mm แลุ่ะ 2 mm dorsal ต�อ optic tract ในส�วนของ sensorimotor territory ของ GPi

ผ่ลการรกษาPost-operative programming ในผิ<�ป็@วยั dystonia ต�างจากใน PD บาง

คร�.งอาจต�องใช�เวลุ่าหลุ่ายัเด$อนกว�าจะเห)นอาการด�ข2.น นอกจากน�.ค�ากระแสไฟฟ,าที่��ใช�ค�อนข�างส<งกว�าใน PD ค$อ pulse width 210 µs, frequency 60-130 Hz

จากการต�ดตามผิลุ่การผิ�าต�ดเป็�นเวลุ่า 2 ป็5พิบว�าผิ<�ป็@วยั primary generalized

DYT1-positive, DYT1-negative dystonia ม� Burke-Fahn-Marsden dystonia

rating scale scores (BFMDRS) ด�ข2.นใกลุ่�เค�ยังก�นกลุ่�าวค$อ 79% แลุ่ะ 65% ตามลุ่1าด�บ ในการต�ดตามผิลุ่ระยัะยัาว 5-9 ป็5พิบว�า symptomatic functional improvement ยั�งคงอยั<�

การศั2กษาของ Eltahawy แลุ่ะคณะ  พิบว�า primary dystonia ตอบสนองต�อ GPi DBS ด�กว�า secondary dystonia, ใน secondary dystonia ม�รายังานการผิ�าต�ดที่��ได�ผิลุ่ด�เช�นก�นใน Pantothenate kinase-assocaited neurodegeneration (PKAN), tardive dystonia

 ในการศั2กษาแบบ meta-analysis พิบว�าม� improvement ที่�.งใน primary

แลุ่ะ secondary dystonia ยักเว�นสาเหตจาก encephalitis, birth injury แลุ่ะไม�พิบความแตกต�างระหว�างผิ<�ป็@วยั DYT1-positive, DYT1-negative หร$อใน PKAN, tardive dystonia, idiopathic, posttraumatic dystoniaภูาวะแที่รกซ์�อนในการผิ�าต�ด GPi DBS คลุ่�ายัก�บการผิ�าต�ด DBS ใน PD ภูาวะแที่รกซ์�อนที่าง cognition แลุ่ะ mood พิบได�น�อยัอาจเน$�องจากผิ<�ป็@วยัในกลุ่�มน�.ส�วนมากอายัน�อยั, หร$ออาจเก�ดจากการลุ่ดยัาในกลุ่�ม anticholinergic Vim surgery

ป็7จจบ�น Ventralis intermedius interna (Vim) ยั�งเป็�น most

common target ในการผิ�าต�ด DBS เพิ$�อร�กษาอาการส��นใน ET ป็7จจบ�นม�การผิ�าต�ดที่�� target

อ$�นๆเช�น STN, zona incerta พิบว�าได�ผิลุ่ด�เช�นเด�ยัวก�น ในที่��น�.จะกลุ่�าวถ2งเฉัพิาะ Vim DBS

การหาต1าแหน�งของ Vim ม�ด�งน�.1.       Indirect method หา AC-PC length แลุ่�วหารด�วยั 12, แลุ่�วค<ณ

Page 76: Epilepsy Syndromes

ด�วยั 2.5 เป็�นต1าแหน�งของ Vim nucleus หน�าต�อ PC, Lateral coordinate = 11.5x

(1/2 ของ 3rd ventricular width), ความลุ่2กอยั<�ที่��ระด�บ AC-PC

2.       Direct targeting จาก MRI จะพิบเป็�น hypodensity area อยั<�ที่�� medial border ของ internal capsule ใกลุ่�ต�อ mid-portion thalamus ป็7จจบ�นการใช� MRI 3 tesla ที่1าให�เห)น nucleus ต�างๆของ thalamus ด�ข2.น

3.       Neurophysiological mapping อาจใช� microelectrode

recording หร$อ macroelectrode stimulation อยั�างเด�ยัวเพิ$�อหาต1าแหน�งของ Vim,

หน�าต�อ Vim เป็�น pallidal receiving area ค$อ Ventral oralis anterior (Voa),

Ventral oralis posterior (Vop)  หลุ่�งต�อ Vim ค$อ Ventrocaudal nucleus (Vc) ซ์2�งเป็�น sensory relay nucleus

Electrode จะผิ�าน caudate nucleus ซ์2�งม� slow discharge cells (0.1-

10 Hz) หร$อ dorsal thalamus ซ์2�งค�อนข�างเง�ยับหร$อม� slow bursting cells เม$�อผิ�านเข�า motor thalamus จะม�เซ์ลุ่ลุ่&ที่��ตอบสนองต�อการเคลุ่$�อนไหวแลุ่ะ tremor cells ที่�� synchronous ก�บการส��นด�านตรงข�าม, หลุ่�งต�อ motor thalamus จะเป็�น Vc ซ์2�งตอบสนองต�อ light tactile หร$อ deep muscle pressure

การหาต1าแหน�งเหลุ่�าน�.เพิ$�อจะหลุ่�กเลุ่��ยังผิลุ่ข�างเค�ยังจากการกระต�นแลุ่ะด<การตอบสนองเม$�อกระต�นที่��ต1าแหน�งที่��ต�องการจะพิบว�าม� tremor arrest

ผ่ลการรกษาใน multicenter study ของ North American การที่1า unilateral Vim

DBS ในผิ<�ป็@วยั ET พิบว�าม� improvement ของ contralateral hand tremor 60% แลุ่ะม� improvement ของ ADL 43-68% เม$�อต�ดตามผิลุ่ 3-12 เด$อนแลุ่ะเม$�อต�ดตามระยัะยัาวเป็�นเวลุ่า 5 ป็5พิบว�าในกลุ่�มที่��ที่1า unilateral implant ม� improvement targeted hand

tremor 75% แลุ่ะในกลุ่�มที่��ที่1า bilateral implant ม� improvement ของ left hand 65%, right hand 86%

ใน European multicenter study พิบว�าการที่1า Vim DBS ที่1าให�ม� improvement ของ kinetic, แลุ่ะ postural tremor ของ upper extremities แลุ่ะ ADL มากกว�า 75% หลุ่�งผิ�าต�ด 1 ป็5 แลุ่ะเม$�อต�ดตามผิลุ่ระยัะยัาวเฉัลุ่��ยั 6.5 ป็5ก)ยั�งคงม� significant improvement ของ tremor แลุ่ะ ADL แต�ลุ่ดลุ่ง 13% ใน unilateral

implants แลุ่ะ 21%ใน bilateral implants เม$�อเที่�ยับก�บ 12 เด$อนหลุ่�งผิ�าต�ดSchuurman แลุ่ะคณะได�ศั2กษา functional outcome โดยัใช� Frenchay

Activities Index เป็ร�ยับเที่�ยับระหว�าง thalamic stimulation ก�บการที่1า thalamotomy

พิบว�าการที่1า thalamic stimulation ม�ป็ระส�ที่ธุ�ภูาพิพิอๆก�บการที่1า thalamotomy แต�ม�ผิลุ่ข�างเค�ยังน�อยักว�า ผิ<�ป็@วยัม� functional outcome ด�ข2.นแต�เม$�อต�ดตามระยัะยัาว 5 ป็5 tremor-

suppression ลุ่ดลุ่งในผิ<�ป็@วยับางรายัแต�ไม�เที่�าก�บก�อนผิ�าต�ดเช�นซ์2�งอาจเน$�องจากม� tolerance

หร$อม� disease progression ซ์2�งต�างจากการศั2กษาของ European multicenter study

ที่��การต�ดตามผิลุ่หลุ่�งผิ�าต�ด 6 ป็5ยั�งม� good results ม�ป็7จจ�ยัที่��แตกต�างก�นในแต�ลุ่ะการศั2กษาเช�น

Page 77: Epilepsy Syndromes

ต1าแหน�งของ stimulation, parameters ที่��ใช�ในการกระต�น, อ�กที่�.งต�วอยั�างป็ระชากรที่��ศั2กษาอาจแตกต�างก�น จ1าเป็�นต�องม�การศั2กษาต�อไป็เพิ$�อยั$นยั�น permanent effect ของ Vim DBS

ภูาวะแที่รกซ์�อนของการผิ�าต�ด Vim DBS โดยัที่��วไป็เช�นเด�ยัวก�บ  DBS

surgery ในต1าแหน�งอ$�นๆเช�น hemorrhage, hard ware infection แต�ภูาวะแที่รกซ์�อนจากการกระต�นที่��พิบได�บ�อยัใน Vim stimulation ได�แก� paresthesia, pain ใน unilateral

implants, dysarthria, balance difficulties ใน bilateral implants

ก�มารปัระสาที่ศึลยศึาสตัร6

1 ก�อนที่��ใบหน�าแลุ่ะศั�รษะแต�ก1าเน�ด 1566

2 ก�อนไขม�นที่��หลุ่�ง 5178

3 น1.าค��งในสมอง

ก�อนที่��ใบหน�าแลุ่ะศั�รษะแต�ก1าเน�ด

Encephalocele หร$อก�อนถงน1.าที่��ศั�รษะ เป็�นการยั$�นของส��งที่��อยั<�ในกะโหลุ่กศั�รษะออกมาภูายันอก ถ�าม�เยั$�อห�มสมองก�บน1.าหลุ่�อเลุ่�.ยังสมองยั$�นออกมาเราเร�ยักว�า meningocele แต�ถ�าม�เยั$�อห�มสมองแลุ่ะเน$.อสมองยั$�นออกมาเราเร�ยักว�า encephalocele ซ์2�งในที่��น�.จะเร�ยักรวมๆว�า encephalocele                        encephalocele แบ�งออกได�หลุ่ายัแบบข2.นก�บต1าแหน�งของถงน1.าแบ�งได�ใหญ�ๆ 6 กลุ่�มด�งน�.  occipital, occipitocervical, parietal, sincipital, basal

temporal ถงน1.าที่��ศั�รษะพิบได�ป็ระมาณ  0.8 ถ2ง 4%ของเด)กแรกเก�ด ถ2งแม�อบ�ต�การณ&น�าจะส<งกว�าน�.เน$�องจากป็ระมาณ 70% ของเด)กแรกเก�ดที่��ม�ความผิ�ดป็กต�จะแที่�งก�อน เช$.อชาต�แลุ่ะภู<ม�ภูาคก)ม�อ�ที่ธุ�พิลุ่ต�อความชกแลุ่ะต1าแหน�งความผิ�ดป็กต� เราจะพิบถงน1.าที่��ศั�รษะด�านหน�ามาก (sincipital

encephaloceles) ในแถบเอเช�ยัตะว�นออกเฉั�ยังใต� แต�ในยัโรป็แลุ่ะอเมร�กาจะพิบต1าแหน�งด�านหลุ่�งศั�รษะ (posterior encephalocele) ได�ถ2ง 66-95% ส�วนต1าแหน�งด�านลุ่�าง (Basal) พิบได�น�อยัที่กเช$.อชาต�                      

                      Occipital encephaloceles อาจพิบร�วมก�บ spinal meningocele,

intracranial dermoid cyst, Chiari type II หร$อ Diastematomyelia แต�ชน�ด  frontal, basal ไม�พิบร�วมก�บความผิ�ดป็กต�ของการเก�ดระบบป็ระสาที่อ$�นๆ (neural tube

defect) แลุ่ะไม�เก��ยัวก�บการที่��มารดาม�อายัมาก ส�วนมากจะพิบถงน1.าที่��ศั�รษะเป็�นรายัๆไป็ แต�บางกรณ�อาจพิบว�าม�คนอ$�นในครอบคร�วเป็�นด�วยัในโรคบางกลุ่�มเช�น Knobloch, Walker-

Page 78: Epilepsy Syndromes

Warburg syndromes  ในพิวก Syncipital, basal encephalocele อาจพิบความพิ�การที่างศั�รษะอ$�นๆร�วมด�วยัเช�น ป็ากแหว�ง, เพิดานโหว�, ป็ลุ่ายัจม<กผิ�ดป็กต�, ตาเลุ่)ก, กะโหลุ่กต�ดก�นก�อนก1าหนด (craniosynostosis), ที่างเช$��อมสมองไม�เจร�ญ (corpus callosum agenesis)                                            การว�น�จฉั�ยั ป็7จจบ�นสามารถว�น�จฉั�ยัความผิ�ดป็กต�ของก�อนถงน1.าที่��ศั�รษะต�.งแต�ก�อนคลุ่อด โดยัการเจาะถงน1.าคร1�าด<ระด�บของ alpha fetoprotein แลุ่ะ acetylcholinesterase นอกจากน�.การที่1าอ�ลุ่ตร�าซ์าวด& โดยัเฉัพิาะอ�ลุ่ตราซ์าวด&สามม�ต� สามารถสร�างภูาพิให�เห)นความผิ�ดป็กต�ได�ช�ดเจนข2.น ในเด)กที่��พิบความผิ�ดป็กต�ชน�ดน�. การตรวจด�วยัแม�เหลุ่)กไฟฟ,า (MRI) เป็�นมาตรฐานในการว�น�จฉั�ยั ที่1าให�สามารถเห)นส��งที่��อยั<�ในถงแลุ่ะความส�มพิ�นธุ&ก�บส��งข�างเค�ยังแลุ่ะเส�นเลุ่$อด                      การร�กษาส�วนมากการร�กษาใช�ว�ธุ�ผิ�าต�ด แต�ในกรณ�ที่��เน$.อสมองยั$�นเข�ามาในก�อนมากกว�าในกะโหลุ่กศั�รษะ การพิยัากรณ&ไม�ด�น�ก อาจพิ�จารณาที่��จะไม�ผิ�าต�ด แต�ต�องให�ค1าป็ร2กษาแก�พิ�อแม�แลุ่ะญาต�ให�เข�าใจ ว�ตถป็ระสงค&ในการผิ�าต�ดที่��วไป็ค$อ เอาถงน1.าออก, ร�กษาเน$�อสมองที่��ยั�งด�อยั<�แลุ่ะป็Fดหน�งศั�รษะให�ด�ไม�ม�ป็7ญหา การวางแผินก�อนผิ�าต�ดด�วยัภูาพิแม�เหลุ่)กไฟฟ,าจะช�วยัในการผิ�าต�ด ในระยัะหลุ่ะงผิ�าต�ดต�องเฝึ,าระว�งภูาวะน1.าค��งในสมอง (Hydrocephalus) แลุ่ะการต�ดเช$.อ ในกรณ�ที่��ม�น1.าค��งในสมองจ1าเป็�นต�องผิ�าต�ดฝึ7งที่�อระบายัน1.าในสมองลุ่งช�องที่�อง (V-P shunt) 

ก$อนิไขั้มนิที่��หลงถงไขม�นที่��ไขส�นหลุ่�งอ�นที่��จร�งยั�งไม�ม�ผิ<�ใดต�.งช$�อภูาษาไที่ยัเป็�นที่างการ หร$อ Lipomyelomeningocele เป็�นความผิ�ดป็กต�แต�ก1าเน�ดของการเจร�ญของระบบป็ระสาที่ ที่1าให�ช�องไขส�นหลุ่�งเป็Fดร�วมก�บการม�ก�อนไขม�นต�ดตรงไขส�นหลุ่�ง อาจพิบเฉัพิาะในช�องไขส�นหลุ่�งหร$อต�ดต�อก�บไขม�นที่��ใต�ผิ�วหน�ง

                        ความผิ�ดป็กต�แต�ก1าเน�ดชน�ดน�.พิบในผิ<�หญ�งบ�อยักว�าผิ<�ชายั พิบได�ป็ระมาณ 1

ใน 4000 ของการคลุ่อด ส�วนมากแลุ่�วจะส�งเกตเห)นได�ต� .งแต�คลุ่อดเพิราะจะเห)นม�ก�อนไขม�นที่��บร�เวณหลุ่�งส�วนเอวหร$ออาจม�ผิ�วหน�งผิ�ดป็กต�ที่��เห)นได� ซ์2�งควรตระหน�กถ2งโรคน�.เม$�อพิบความผิ�ดป็กต�ด�งกลุ่�าวจะได�ไม�ที่1าให�การว�น�จฉั�ยัลุ่�าช�าจนเก�ดความพิ�การในหลุ่ายัระบบ แลุ่ะควรที่��จะส�งตรวจว�น�จฉั�ยัถ�ายัภูาพิต�.งแต�ระยัะแรกๆ

                       อยั�างที่��กลุ่�าวข�างต�นค$อเราสมารถว�น�จฉั�ยัได�เม$�อพิบก�อนไขม�นที่��หลุ่�งบร�เวณเอว นอกจากน�.ยั�งอาจพิบความผิ�ดป็กต�อ$�นเช�น ม�ขน (hypertrichosis), เห)นม�คลุ่�ายัป็านแดง (capiilary hemangioma หร$อ telangiectasia), รอยับNมบร�เวณหลุ่�ง(dermal pit),

หร$อม�ก�อนที่��หลุ่�งที่��ฝึ@อไป็แลุ่�ว (atretic meningocele)

                     Lipomyelomeningocele ม� 3 ชน�ดตามลุ่�กษณะความส�มพิ�นธุ&ของก�อนก�บไขส�นหลุ่�ง                        Type I ก�อนไขม�นแลุ่ะไขส�นหลุ่�งออกมานอกช�องไขส�นหลุ่�งแลุ่ะม�เส�นพิ�งผิ$ดต�ดยั2ดที่��ส�วนลุ่�างขอบกระด<กส�นหลุ่�งที่��ป็กต� รอยัต�อก�อนไขม�น-ไขส�นหลุ่�งจะอยั<�หลุ่�งบร�เวณที่��เส�นป็ระสาที่เข�าไขส�นหลุ่�ง แลุ่ะไขส�นหลุ่�งที่��อยั<�ต1�าลุ่งไป็ป็กต�ด�

Page 79: Epilepsy Syndromes

                         Type II หร$อเร�ยักว�าชน�ด Transitional ค$ออยั<�ระหว�างชน�ดที่�� I ก�บชน�ดที่�� III รอยัต�อก�อนไขม�น-ไขส�นหลุ่�งจากส�วนบนของไขส�นหลุ่�งที่��แบะจนถ2งส�วน conus รอยัต�อก�อนไขม�น-ไขส�นหลุ่�งจะอยั<�หลุ่�งบร�เวณที่��เส�นป็ระสาที่เข�าไขส�นหลุ่�งในส�วนต�นๆ ต�อมาที่�ายัๆ เส�นป็ระสาที่จะเข�าไป็เหน$อหร$อที่��รอยัต�อ 

                        Type III รอยัต�อไขม�นก�บไขส�นหลุ่�งอยั<�ที่� �วๆแลุ่ะอยั<�ในแนวด��ง ก�อนไขม�นม�ขนาดใหญ�แลุ่ะอยั<�ในช�องไขส�นหลุ่�ง

                      อาการและอาการแสดง ในระยัะแรกเด)กอาจไม�ม�อาการแต�เม$�อเด)กโตข2.นก�อนจะโตข2.นแลุ่ะด2งร�.งไขส�นหลุ่�งที่1าให�ม�ขาอ�อนแรง ลุ่�บ ส<ญเส�ยัความร< �ส2กบร�เวณก�น ก�.นป็7สสาวะ,อจาระไม�ได� ในผิ<�ใหญ�อาจม�อาการป็วดหลุ่�ง, เอวหร$อบร�เวณห�วเหน�า

                     อาการที่างระบบป็ระสาที่ ถ�าไม�ได�ร�บการผิ�าต�ดจะม�ความพิ�การที่างระบบป็ระสาที่ช�าๆ มากข2.นเร$�อยัๆเร��มเม$�ออายัป็ระมาณ 1-2 ป็5แรกเช�นขาอ�อนแรง ม�อาการชาที่��ขา ม�เที่�าผิ�ดป็กต� เม$�อโตข2.นก)ม�ความเส��ยังที่��จะเก�ดความพิ�การที่างระบบป็ระสาที่อยั�างรวดเร)วเน$�องจากไขส�นหลุ่�งถ<กด2งร�.งรวดเร)วเช�น ก�มคอ ออกก1าลุ่�งกายั เลุ่�นยั�มนาสต�ก อบ�ต�เหต ขณะข2.นขาหยั��งตรวจภูายัใน

                     อาการที่างกระด<ก อาจม�เที่�าหร$อขาเลุ่)ก ส�.นไม�เที่�าก�น เที่�าบ�ดเข�าหร$อบ�ดออก ม�กระด<กส�นหลุ่�งคด

                     อาการที่างระบบป็7สสาวะ ที่��ที่1าให�สงส�ยัค$อผิ�าอ�อมเด)กจะเป็5ยักตลุ่อด หร$ออาจเห)นเด)กเบ�งป็7สสาวะแรงผิ�ดป็กต� อาจพิบว�าม�กลุ่�.นป็7สสาวะไม�ได� ป็7สสาวะรดที่��นอนตอนกลุ่างค$นช�วงขณะก1าลุ่�งฝึBกข�บถ�ายั

                    การตัรวิจวิ�นิ�จฉัย

                   เอกซ์&เรยั& ไม�ค�อยัม�ป็ระโยัชน&มาก อาจช�วยัในการด<ว�าม�กระด<กก�นกบไม�เจร�ญ ด<ความผิ�ดป็กต�ของหลุ่�งคากระด<กส�นหลุ่�ง หร$ออาจช�วยัด<ขอบเขตการผิ�าต�ด

                  อ�ลุ่ตราซ์าวด& ม�ป็ระโยัชน&ในเด)กอายัน�อยักว�า 6 เด$อนเพิราะว�าไขม�น น1.าหลุ่�อเลุ่�.ยังไขส�นหลุ่�งแลุ่ะไขส�นหลุ่�งม�ลุ่�กษณะเฉัพิาะต�างก�น ช�วยัในการตรวจคร�าวๆว�าม�การด2งร�.งไขส�นหลุ่�ง ไขส�นหลุ่�งอยั<�ต1�า การเคลุ่$�อนไหวของไขส�นหลุ่�ง หร$อในคนที่�องที่��พิบว�าเด)กม�ก�อนที่��หลุ่�ง

Page 80: Epilepsy Syndromes

                   การตรวจด�วยัแม�เหลุ่)กไฟฟ,าหร$อ เอ)ม อาร& ไอ เป็�นการตรวจที่��จ1าเป็�นในการว�น�จฉั�ยัแลุ่ะให�ข�อม<ลุ่ในการวางแผินผิ�าต�ดแลุ่ะช�วยับอกว�าความผิ�ดป็กต�เป็�นชน�ดใด

                 ขั้$อบั�งช่�'ในิการผ่�าตัด                        1. ม�ก�อนไขม�นใต�ผิ�วหน�งหร$อลุ่�กษณะของผิ�วหน�งผิ�ดป็กต�ที่��หลุ่�งส�วนเอวในเด)กที่��ไม�ม�อาการเลุ่ยัที่��อายัมากกว�า 2 ขวบแลุ่ะตรวจพิบว�าม�ก�อนไขม�นต�ดก�บไขส�นหลุ่�ง                        2. ม�ความพิ�การที่างระบบป็ระสาที่, กระด<ก, ที่างเด�นป็7สสาวะ โดยัเฉัพิาะเม$�ออาการเป็�นมากข2.นเร$�อยัๆ                        3. คนไข�กระด<กคดที่��จะที่1าการผิ�าต�ดแก�ไข�กระด<กแลุ่�วพิบว�าม�ก�อนไขม�นที่��ไขส�นหลุ่�ง                        4. ม�อาการป็วดหลุ่�ง, เอว, ห�วเหน�าในผิ<�ใหญ�ที่��ม�ก�อนไขม�นที่��หลุ่�งแลุ่ะด2งร�.งไขส�นหลุ่�ง

                การผ่�าตัด

            แพิที่ยั&จะที่1าการผิ�าต�ดแก�ไขความผิ�ดป็กต�โดยัม�จดป็ระสงค&

1. แก�ไขการด2งร�.งโดยัต�ดไขม�นหร$อเส�นใยัอ$�นๆที่��ยั2ดไขส�นหลุ่�ง2. เอาก�อนไขม�นออกมากที่��สดเพิ$�อลุ่ดการกดไขส�นหลุ่�งแลุ่ะความสวยังาม3. ป็Fดไขส�นหลุ่�งที่�แบะออกมาแลุ่ะป็Fดแก�ไขเพิ$�อลุ่ดการด2งร�.งซ์1.า4. เพิ$�อให�สามารถผิ�าต�ดแก�ไขกระด<กคดในอนาคตได�ป็ลุ่อดภู�ยั                  นิ-'าค�งในิสมอง น1.าค��งในสมองหร$อที่��บ�ญญ�ต�ภูาษาไที่ยัว�าอที่กเศั�ยัรหร$อในภูาษาอ�งกฤษค$อ Hydrocephalus ในศั�รษะคนป็กต�ป็ระกอบไป็ด�วยัส�วนส1าค�ญ 3 ส��งค$อ สมอง น1.าหลุ่�อเลุ่�.ยังสมอง เลุ่$อดที่��มาเลุ่�.ยังแลุ่ะน1าเลุ่$อดออกสมอง ในภูาวะป็กต�จะม�ความสมดลุ่ของการสร�างแลุ่ะด<ดซ์2มของน1.าหลุ่�อเลุ่�.ยังสมองตลุ่อดเวลุ่า เม$�อเก�ดภูาวะที่��ผิ�ดป็กต�ใหญ�ค$อ ม�การสร$างนิ-'าหล�อเล�'ยงสมองมากกวิ�าปักตั�เช�นเน$.องอกบางอยั�าง, การอ�ดตันิขั้องที่างเด�นินิ-'าหล�อเล�'ยงในิสมองเช�นเน$.องอก, พิยัาธุ�ที่1าให�น1.าหลุ่�อเลุ่�.ยังสมองค��ง แลุ่ะสดที่�ายัค$อการด2ดซ้9มนิ-'าหล�อเล�'ยงสมองไม�ด� เช�นม�การอ�กเสบของสมองหร$อเยั$�อห�มสมองที่1าให�น1.าค��งในสมอง ซ์2�งเราม�กพิบน1.าค��งในสมองจากสาเหตหลุ่�กสองอยั�างสดที่�ายัข�างต�นมากที่��สด                                                เน$�องจากศั�รษะคนเราตอนอายัน�อยัยั�งขยัายัได�เน$�องจากรอยัต�อของกะโหลุ่กยั�งเช$�อมก�นไม�สน�ที่เม$�อน1.าค��งในมองที่1าให�กะโหลุ่กขยัายัออก เราจ2งเห)นภูาวะเด)กห�วโต แต�ใน

Page 81: Epilepsy Syndromes

ผิ<�ใหญ�เม$�อกะโหลุ่กต�ดก�นแลุ่�วสมองไม�สามารถที่นต�อภูาวะที่��ม�น1.าในสมองมากได�เม$�อถ2งจดจดหน2�ง จ2งที่1าให�ม�อาการแสดงของภูาวะความด�นในกะโหลุ่กศั�รษะส<ง อาจสรป็สาเหตน1.าค��งในสมองได�ค$อ

                           1. ความผิ�ดป็กต�แต�ก1าเน�ด เช�น ที่างเด�นของโพิรงสมองต�บ (aqueductal stenosis), ภูาวะที่��สมองส�วนที่�ายัยั$�นต1�าลุ่งช�องส�นหลุ่�งผิ�ดป็กต� (Chiari

malformation), ที่างเด�นโพิรงสมองม�แผิลุ่เป็�น (aqueductal gliosis) จากการต�ดเช$.อในครรภู&หร$อการม�เลุ่$อดออกแลุ่ะ ภูาวะที่��เร�ยักว�า Dandy-Walker malformation

                           2. จากสาเหตอ$�นภูายัหลุ่�งได�แก� การต�ดเช$.อหลุ่�งม�สมอง, เยั$�อห�มสมองอ�กเสบ, พิยัาธุ�, ว�ณโรค, การม�เลุ่$อดออกในสมองเช�นเส�นเลุ่$อดโป็@งพิองแตก, เน$.องอกในสมองไป็อดก�.นที่างเด�นสมองเช�นเน$.องอกในโรงสมอง, เน$.องอกสมองส�วนหลุ่�ง, เน$.องอกต�อมใต�สมองที่��ยั$�นไป็ข�างบน แลุ่ะเก�ดหลุ่�งผิ�าต�ดหร$ออบ�ต�เหต

                         อาการและอาการแสดง                   ในเด)กเลุ่)ก กะโหลุ่กศั�รษะจะใหญ�มากกว�าส�วนใบหน�า, อาเจ�ยัน, อยั<�ไม�สบายัต�ว,

กระหม�อมโป็@งแลุ่ะต2ง, เห)นเส�นเลุ่$อดด1าที่��หน�งศั�รษะใหญ�, ตาเหลุ่�เข�า มองข2.นบนไม�ได� เวลุ่าเคาะศั�รษะอาจได�ยั�นเส�ยังเหม$อนเคาะหม�อ                   ในผิ<�ใหญ� ม�อาการป็วดศั�รษะ, คลุ่$�นไส�อาเจ�ยัน, เด�นเซ์, ตาเหลุ่�เข�าใน, ป็ระสาที่ตาบวม ถ�าที่�.งไว�นานอาจที่1าให�การมองเห)นแยั�ลุ่งได� ในบางรายัที่��น1.าค��งในสมองเก�ดช�าๆอาจไม�ม�อาการได�

                         การวิ�นิ�จฉัย                    จากป็ระว�ต�แลุ่ะตรวจร�างกายัข�างต�น นอกจากน�.จ1าเป็�นต�องถ�ายัภูาพิสมองเพิ$�อด<สาเหตโดยัที่1าเอกซ์&เรยั&คอมพิ�วเตอร&หร$อแม�เหลุ่)กไฟฟ,า (เอ)ม อาร& ไอ) จะเห)นลุ่�กษณะโพิรงสมองโตแลุ่ะที่ราบสาเหตได�                                    

                   การรกษา                   ข2.นก�บสาเหตเช�นถ�าม�ส��งอดก�.นก)ต�องเอาออก ถ�าไม�ม�ก)อาจต�องใส�ที่�อระบายัน1.าในสมอง (V-P shunt) ในรายัที่��สาเหตมาจากเน$.องอกหลุ่�งผิ�าต�ดเอาเน$.องอกออกก)อาจไม�จ1าเป็�นต�องใส�ที่�อระบายัน1.าในสมอง แต�ในรายัที่��เป็�นมานานๆการด<ดซ์2มน1.าๆหลุ่�อเลุ่�.ยังสมองไม�ด�หลุ่�งผิ�าต�ดอาจต�องใส�ที่�อระบายัน1.าในสมอง

Page 82: Epilepsy Syndromes

                   ป็7จจบ�นม�การใช�กลุ่�องส�องโพิรงสมองเข�าไป็ที่1าให�โพิรงสมองที่��สามเป็�นร< (endoscopic third ventriculostomy)ที่1าให�น1.าระบายัออกได� ไม�จ1าเป็�นต�องฝึ7งที่�อระบายัน1.าในสมอง แต�ที่1าได�เฉัพิาะบางกรณ�เที่�าน�.นเช�น aqueductal stenosis  ซ์2�งที่1าให�ผิ<�ป็@วยัไม�จ1าเป็�นต�องม�ส��งแป็ลุ่กป็ลุ่อมในร�างกายัแลุ่ะลุ่ดป็7ญหาจากการใส�ที่�อระบายัน1.าในสมองได�

โรคต�ดเช$.อ               ฝึ5ในสมองอ�บัตั�การณ์6 พิบป็ระมาณ 1500-2500 รายัต�อป็5ในสหร�ฐอเมร�กา ในป็ระเที่ศัก1าลุ่�งพิ�ฒนาม�อบ�ต�การณ&ส<งกว�าน�. พิบในเพิศัชายัต�อหญ�ง 1.5-3:1

         ปั�จจยเส��ยง ได�แก� ความผิ�ดป็กต�ของป็อด(ม�การต�ดเช$.อ, ม�การต�ดต�อเส�นเลุ่$อดแดงก�บเส�นเลุ่$อดด1า), โรคห�วใจแต�กไเน�ด, เยั$�อบห�วใจอ�กเสบ, บาดเจ)บที่��ศั�รษะจากการถ<กยั�ง         พาหะ ในสม�ยัก�อนช�วงป็5 1980 สาเหตที่��ที่1าให�เก�ดฝึ5ในสมองเก�ดจากการต�ดเช$.อที่��ใกลุ่�เค�ยัง แต�ป็7จจบ�นการกระจายัของเช$.อโรคที่างระแสเลุ่$อดเป็�นสาเหตส1าค�ญ

       การกระจายัที่างกระแสเลุ่$อด ที่1าให�เก�ดฝึ5ในสมองหลุ่ายัต1าแหน�งได�ถ2ง 10-50% แลุ่ะไม�พิบต�นเหตได�ถ2ง 25% สาเหตจากป็อดเป็�นสาเหตที่��พิบบ�อยัในผิ<�ใหญ�เช�น ฝึ5ในป็อด, ม�หลุ่อดลุ่มอ�กเสบเป็�นหนอง แต�ในเด)ก โรคห�วใจที่��ที่1าให�เข�ยัวแต�ก1าเน�ดพิบได�บ�อยัโดยัเฉัพิาะ Tetralogy of Fallot

ม�การหน$ดของเม)ดเลุ่$อดเพิ��มข2.นแลุ่ะความด�นออกซ์�เจนต1�าที่1าให�เก�ดสภูาพิแวดลุ่�อมที่��เอ$.อต�อการเก�ดฝึ5, ในพิวกที่��ม�การต�ดต�อของห�วใจซ์�ายัไป็ขวาที่างลุ่�ดที่1าให�ไม�ม�การกรองแบคที่�เร�ยั พิบเช$.อ streptococcal oral flora ได�บ�อยัแลุ่ะอาจเก�ดข2.นหลุ่�งการที่1าฟ7น

       การกระจายัจากอว�ยัวะใกลุ่�เค�ยัง เช�นจากการอ�กเสบของไซ์น�ส ที่1าให�กระจายัโดยัการอ�กเสบของกระด<กเฉัพิาะที่��หร$อที่างเส�นเลุ่$อดด1า ม�กจะพิบฝึ5อ�นเด�ยัว ในที่ารกไม�ค�อยัพิบเพิราะไซ์น�สยั�งไม�พิ�ฒนา ป็7จจบ�นพิบไม�บ�อยัเน$�องจากการร�กษาโรคไซ์น�สที่��ด�ข2.น นอกจากน�.อาจเก�ดจากหลุ่�งที่1าฟ7นที่างว�ธุ�น�.ได�เช�นก�นโดยัม�ป็ระว�ต�ที่1าฟ7นเม$�อ 4 อาที่�ตยั&ก�อน

       จากภูยั�นตรายัที่��มแที่งที่��ศั�รษะหร$อการผิ�าต�ดสมอง หลุ่�งจากการผิ�าต�ดที่��ม�การผิ�านไซ์น�ส หร$อถ<กยั�งแลุ่ะม�น1.าหลุ่�อเลุ่�.ยังสมองร��วแลุ่ะไม�ได�ที่1าการซ์�อมแซ์ม นอกจากน�.ยั�งอาจพิบจากการที่��ใส�เคร$�องว�ดความด�นในกระโหลุ่กศั�รษะ การด2งกระโหลุ่กเพิ$�อจ�ดที่�ากระด<กคอ

         เช่%'อโรค    การเพิาะเช$.อไม�พิบเช$.อโรคได�ถ2ง 25%

           Streptococcus เป็�นเช$.อที่��พิบได�บ�อยั ,33-50% เป็�น anaerobe

microaerophilic, อาจพิบเช$.อได�หลุ่ายัชน�ด 10-30% แต�อาจพิบได�ถ2ง 80-90% แลุ่ะม�กพิบร�วมก�บ anareobes (ที่��มากค$อ Bacteroides)

          ถ�าเป็�นฝึ5จากการอ�กเสบของไซ์น�ส fronto-ethmoidal, ม�กเป็�นเช$.อ Strep. milleri,

Page 83: Epilepsy Syndromes

Strep. anginosus          ถ�าเป็�นการต�ดเช$.อห<ส�วนกลุ่างหร$อกกห<หร$อป็อดอ�กเสบม�กม�เช$.อโรคหลุ่ายัต�วรวมที่�.ง anaerobe strep, Bacteroides, Enterobacteriaceae (Proteus), ถ�าเป็�นหลุ่�งอบ�ต�เหต ม�กเป็�นเช$.อ S. aureus,หร$อ  Enterobacteriaceae

          ในเด)กที่ารกม�กพิบเช$.อแกรมลุ่บเพิราะว�า IgM fraction ไม�ข�ามรก             อาการและอาการแสดง           อาการม�กไม�เฉัพิาะ แลุ่ะม�อาการจากการบวมของสมองรอบๆ อาการอ�อนแรงแขนขาคร2�งซ์�กแลุ่ะช�กพิบได� 30-50% ในเด)กเลุ่)กจะม�อาการงอแง ห�วโต ช�ก เลุ่�.ยังไม�โต

      การวิ�นิ�จฉัย            การตรวจเลุ่$อด อาจพิบเม)ดเลุ่$อดขาวเพิ��มข2.นเลุ่)กน�อยั เพิาะเช$.อจากเลุ่$อดไม�ข2.น  ESR อาจป็กต�, C-reactive protein การต�ดเช$.อที่��ใดในร�างกายัก)ที่1าให�ระด�บ<งได�ด�งน�.นจ2งไม�ม�ความจ1าเพิาะส<ง            การเจาะหลุ่�ง ถ2งแม�อาจผิ�ดป็กต�แต�ไม�ม�ลุ่�กษณะจ1าเพิาะ ม�กไม�พิบเช$.อ แลุ่ะม�ความเส��ยังต�อการที่��สมองม� herniation ด�งน�.นไม�ควรเจาะหลุ่�งก�อนถ�ายั�งไม�ได�ที่1า            การตรวจที่างร�งส�              เอกซ์&เรยั&คอมพิ�วเตอร&สามารถแบ�งระยัะของฝึ5ในสมองออกเป็�น 4 ระยัะค$อ    1. Early cerebritis (day1-3)    2. Late cerebritis (day 4-9)    3. Early capsule (day 10-13)    4. Late capsule (>day 14)  Late cerebritis ม�ลุ่�กษณะคลุ่�ายั early capsule แต�ใน late cerebritis ม�กจะม�ลุ่�กษณะ ill-defined กว�า, ring enhancement จะพิบในระยัะน�.แลุ่ะม�ลุ่�กษณะหนา นอกจากน�.เม$�อฉั�ด contrast จะม� diffusion ไป็ใน central lumen

แลุ่ะ/หร$อไม�ม�การหายัไป็ของ contracst หลุ่�งจากฉั�ด 30-60 นาที่�  ในระยัะ capsule ตอนไม�ฉั�ด contrast จะเห)นขอบจางๆ แลุ่ะม�การบวมรอบๆ เม$�อฉั�ดส�ม� thin ring enhancement แลุ่ะเม$�อถ�ายัภูาพิในระยัะหลุ่�งจะม� decay of enhancement             MRI สามารถบอกระยัะได�โดยั   ในระยัะ cerebritis T1W1 >hypointense, T2W1 > Hyperintensity

   ในระยัะ capsule T1WI: lesion center> low signal, capsule> mildly hyperintense, peilesional edema> low signal                T2WI: center> iso- or hyperintense, capsule> well defined rim, perilesional edema> hi signal           

Page 84: Epilepsy Syndromes

  การร�กษา            การร�กษาม�ที่�.งการร�กษาที่างยัาแลุ่ะการผิ�าต�ด แก�ไขสาเหตแลุ่ะการให�ยัาป็ฏิ�ช�วนะการร�กษาที่างยัาอยั�างเด�ยัวที่1าได�ในรายัที่��- เร��มร�กษาในระยัะ cerebritis

- ขนาดเลุ่)กน�อยักว�า 3 cm

- อาการน�อยักว�า 2 ส�ป็ดาห&- อาการด�ข2.นหลุ่�งร�กษาในอาที่�ตยั&แรกนอกจากน�.ยั�งอาจพิ�จารณาร�กษาที่างยัาในกรณ�ที่��- สภูาพิร�างกายัไม�เหมาะแก�การผิ�าต�ด- ม�ฝึ5หลุ่ายัอ�นแลุ่ะขนาดเลุ่)ก- อยั<�ในสมองส�วนส1าค�ญเช�นก��นสมอง สมองเด�น- ที่�เยั$�อห�มสมอง, โพิรงสมองอ�กเสบร�วมด�วยั

การร�กษาโดยัการผิ�าต�ด ม�ข�อบ�งช�.ด�งน�.- ม�ผิลุ่ของฝึ5ไป็กดที่1าให�สมองบวม-  การว�น�จฉั�ยัไม�ช�ดเจน- อยั<�ต�ดโพิรงสมอง ซ์2�งม�โอกาสแตกเข�าไป็ได�- ม�ความด�นในสมองส<ง- อาการที่างระบบป็ระสาที่ลุ่ดลุ่ง- ม�ส��งแป็ลุ่กป็ลุ่อมเน$�องจากอบ�ต�เหตที่1าให�ม�ฝึ5ในสมอง- ฝึ5ในสมองม�โพิรงหนองหลุ่ายัอ�นในก�อน- ฝึ5จากเช$.อรา

การผิ�าต�ดม�หลุ่ายัแบบได�แก�1. การเจาะเอาหนองออก โดยัเฉัพิาะฝึ5ที่��อยั<�ลุ่2ก หร$อม�หลุ่ายัก�อน2. การต�ดเอาฝึ5ออก ที่1าให�ลุ่ดระยัะเวลุ่าการให�ยัาป็ฏิ�ช�วนะ3. การระบายัฝึ5ออกมาภูายันอกโดยัต�อที่�อจากโพิรงฝึ54. การใส�ยัาป็ฏิ�ช�วนะในก�อนฝึ5 โดยัตรง ไม�ค�อยัได�ผิลุ่มากอาจเป็�นว�ธุ�สดที่�ายัในฝึ5ที่��เก�ดจากเช$.อรา การใช�ยัาก�นช�กในการผิ�าต�ดเน$.องอกเยั$�อห�มสมอง

Meningioma หร$อเน$.องอกเยั$�อห�มสมอง เป็�นเน$.องอกที่��พิบบ�อยัป็ระมาณ 20% ของเน$.องอกสมอง ม�อบ�ต�การณ&ต�อป็5ป็ระมาณ 6:100,000 ผิ<�ป็@วยัอาจมาด�วยัอาการช�กหร$อเก�ดโรค

Page 85: Epilepsy Syndromes

ลุ่มช�กจากต�วเน$.องอกที่1าให�เก�ดการส1าลุ่�ก สมองบวมแลุ่ะสมองบาดเจ)บที่ต�ยัภู<ม� ความเส��ยังการช�กที่1าให�แพิที่ยั&จะให�ยัาก�นช�กป็,องก�นเม$�อที่1าผิ�าต�ด แต�ยั�งเป็�นที่��ถกเถ�ยังก�นว�าได�ป็ระโยัชน&หร$อเป็ลุ่�า Komotar แลุ่ะคณะได�ที่บที่วนรายังานต�างๆในการใช�ยัาก�นช�กป็,องก�นอาการช�กในผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บการผิ�าต�ดเน$.องอกเยั$�อห�มสมองในวารสาร J Neurosurg เด$อนก�นยัายัน 2011

Komotar แลุ่ะคณะได�ที่1าการส$บหาจากฐานข�อม<ลุ่ระหว�างป็5 1979-2010 พิบว�าม�การศั2กษารายังานไว� 12,029 รายังานแต�ได�ต�ดออก 12,010 รายังานเพิราะไม�ใช�ข�อม<ลุ่ด�.งเด�ม, ไม�รายังานผิลุ่การศั2กษา, ไม�รายังานผิลุ่การช�ก, ไม�ได�แยักระหว�างผิ<�ป็@วยัที่��ได�แลุ่ะไม�ได�ร�บยัาก�นช�ก, ไม�ได�รวมเฉัพิาะ supratentorial meningioma ม� 13 รายังานที่��รายังานผิ<�ป็@วยัได�ร�บยัาก�นช�กแลุ่ะอาการช�ก 3 รายังานที่��รายังานผิ<�ป็@วยัที่��ไม�ได�ร�บยัาก�นช�กแลุ่ะผิลุ่การช�ก แลุ่ะ 3 รายังานที่��เป็ร�ยับเที่�ยับผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บยัาก�นช�กแลุ่ะผิ<�ป็@วยัที่��ไม�ได�ร�บยัาก�นช�ก

ในผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บยัาก�นช�กก�อนผิ�าต�ดม�ผิ<�ป็@วยั 553 คนอายั 21-84 ป็5 แลุ่ะต�ดตามการร�กษา 1-112 เด$อน เป็�นชายั 27.5% ขนาดเฉัลุ่��ยัของก�อน 4.23 cm ในกลุ่�มที่��ไม�ได�ร�บยัาก�นช�กอายั 12-75 ป็5 ต�ดตามการร�กษา 1-84 ป็5 เป็�นเพิศัชายั 19% ไม�ได�บอกขนาดเฉัลุ่��ยัของก�อนเน$.องอก ที่�.งสองกลุ่�มไม�ม�ลุ่�กษณะแตกต�างก�นที่างสถ�ต�

ผิ<�ป็@วยัที่��ได�ร�บยัาก�นช�ก ยัาที่��ใช�มากที่��สดค$อ phenytoin, valproic acid,

carbamazepine, lamotrigine, levetirazetam ม�ผิลุ่ข�างเค�ยังรายังานใน 1 รายัในกลุ่�มที่��ได�ร�บยัาก�นช�กได�เอาเน$.องอกออกหมด 69.2% รายั (119/172) เอาออก

เก$อบหมด 10.3%, เอาออกบางส�วน 17.9% ในกลุ่�มที่��ไม�ได�ร�บยัาก�นช�กป็,องก�น ม�รายังาน 85.2% (52/61), เอาออกเก$อบหมด 13.7% แลุ่ะไม�ม�เอาออกบางส�วน ในกลุ่�มที่��ไม�ได�ร�บยัาก�นช�กป็,องก�นม�การผิ�าต�ดเอาเน$.องอกออกหมดมากกว�ากลุ่�มที่��ได�ร�บยัาก�นช�กป็,องก�นอยั�างม�น�ยัส1าค�ญที่างสถ�ต�

ในกลุ่�มที่��ได�ร�บยัาก�นช�กม�อาการช�กเก�ดในระยัะแรก 1.4% (8/553) แลุ่ะช�กระยัะหลุ่�ง 8.8% (42/475) ระยัะห�างจากการผิ�าต�ดไป็จนเก�ดอาการช�กเฉัลุ่��ยั 42 เด$อน ม�อ�ตราตายัหลุ่�งผิ�าต�ด 0.2% (1/553) ม�เน$.องอกเก�ดข2.นซ์1.า 17.3% (27/156) ในกลุ่�มที่��ไม�ได�ร�บยัาก�นช�กม�อาการช�กระยัะแรก 1.4% (2/145) แลุ่ะอาการช�กระยัะหลุ่�ง 9% (13/145) ระยัะเฉัลุ่��ยัที่��เก�ดอาการช�ก 2.3 ว�น อ�ตราตายัหลุ่�งผิ�าต�ด 0.7% เน$.องอกเก�ดซ์1.า 20% (10/50)

ไม�ม�ความแตกต�างที่างสถ�ต�ระหว�างกลุ่�มที่��ได�ร�บยัาก�นช�กป็,องก�นหร$อไม�ได�ร�บยัาก�นช�กป็,องก�นในการผิ�าต�ดเน$.องอกเยั$�อห�มสมอง ไม�ว�าจะเป็�นอาการช�กระยัะแรกหร$ออาการช�กระยัะหลุ่�ง แลุ่ะการเก�ดเน$.องอกซ์1.า อ�ตราตายัหลุ่�งผิ�าต�ด จากรายังานน�.สรป็ว�าการใช�ยัาก�นช�กในการป็,องก�นช�กในการผิ�าต�ดเน$.องอกเยั$�อห�มสมองเป็�นป็ระจ1าไม�ได�ช�วยัลุ่ดอาการช�กระยัะแรกแลุ่ะระยัะหลุ่�งการผิ�าต�ด นอกจากน�.ผิลุ่ข�างเค�ยังจากการใช�ยัาก�นช�กยั�งไม�ช�ดเจน แต�การแป็ลุ่ผิลุ่การศั2กษาน�.จ1าเป็�นต�องระม�ดระว�งเพิราะอาจม�ความแตกต�างก�นระหว�างลุ่�กษณะคนไข�แลุ่ะ demographic ในกลุ่�มที่��ได�แลุ่ะไม�ได�ร�บยัาก�นช�ก ไม�ม�การบ�นที่2กขนาดเน$.องอกในกลุ่�มที่��ไม�ได�ร�บยัาก�นช�ก นอกจากน�.ต1าแหน�งของเน$.องอกที่��เฉัพิาะเจาะจงไม�ได�เป็ร�ยับเที่�ยับระหว�างกลุ่�ม เพิราะบางต1าแหน�งอาจม�โอกาสเก�ดอาการช�กได�มากกว�า แลุ่ะขอบเขตการผิ�าต�ดก)แตกต�างก�นโดยักลุ่�มที่��ไม�ได�ร�บยัาก�นช�กม�จ1านวนที่��ได�ร�บการผิ�าต�ดเอาเน$.องอกออกหมดมากกว�า จ2งควรจะม�การเป็ร�ยับเที่�ยับกลุ่�มที่��ก�อนเน$.องอกขนาด

Page 86: Epilepsy Syndromes

ใกลุ่�เค�ยังก�น ขอบเขตการผิ�าต�ดที่��เหม$อนก�น แลุ่ะความแตกต�างของขนาดป็ระชากรที่��ศั2กษาในกลุ่�มที่��ได�ก�บไม�ได�ร�บยัาก�นช�กป็,องก�นที่��มา: Komotar R, Raper DM, Starke RM, Iorgulescu B, Gutin PH. Prophylactic antiepileptic drug therapy in patients undergoing supratentorial meningioma resection: a systematic analysis of efficacy. J Neurosurg 115; 483-490, 2011