แผนการสอน Physics Cyber Lab · Web viewคล นแม เหล กไฟฟ...

17
โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโ แแแแแแแแแ Physics Cyber Lab แแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแ โโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโโ 1. โโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโ โโโโโโโโโโโโโโโโโ 2. โโโโโ โโโโโโ โโโโโโ โโโโโ

Transcript of แผนการสอน Physics Cyber Lab · Web viewคล นแม เหล กไฟฟ...

Page 1: แผนการสอน Physics Cyber Lab · Web viewคล นแม เหล กไฟฟ า ( Electromagnitic Waves ) เป นคล นท ไม อาศ ยต วกลางในการส

โครงการเทคโนโลยสีารสนเทศตามพระราชดำารสิมเด็จพระเทพรตันราชสดุาฯ สยามบรมราชกมุารี

แผนการสอน Physics Cyber Lab

เรื่อง คล่ืนและลักษณะของคลื่น

เอกสารชุดน้ีประกอบด้วย1. แผนการสอน เรื่องคล่ืนและลักษณะ

ของคล่ืน2. ใบงาน เรื่อง เฟสของคล่ืน3. แบบทดสอบก่อน-หลังเรยีนเรื่อง

คล่ืนและลักษณะของคล่ืน

จดัทำาโดย

Page 2: แผนการสอน Physics Cyber Lab · Web viewคล นแม เหล กไฟฟ า ( Electromagnitic Waves ) เป นคล นท ไม อาศ ยต วกลางในการส

โครงการเทคโนโลยสีารสนเทศตามพระราชดำารสิมเด็จพระเทพรตันราชสดุาฯ สยามบรมราชกมุารี

อาจารยว์มิล ชยัวริยิะหมวดวชิาวทิยาศาสตร์

โรงเรยีนสามคัคีวทิยาคม จ.เชยีงรายแผนการสอน Physics Cyber lab

เรื่อง คลื่นและลักษณะของคลื่น ิ วชิาฟสิกิส์ (ว 027) ชัน้มธัยมศึกษาปีที่ 5 เวลา 2 คาบ

สาระ สำาคัญ คล่ืนเป็นปรากฏการณ์การสง่ผ่านพลังงานจากบรเิวณหน่ึงไปสู่

อีกบรเิวณหน่ึง การสง่ผ่านพลังงานแบบคล่ืนมอียู่ 2 ลักษณะ คือ อาศัยตัวกลางในการสง่ผ่านพลังงานเรยีกวา่คล่ืนกล และไมอ่าศัยตัวกลางในการสง่ผ่านพลังงานเรยีกวา่คล่ืนแมเ่หล็กไฟฟา้ และคล่ืนยงัแบง่ออกตามลักษณะของการสัน่ของอนุภาคตัวกลางและการเปล่ียนแปลงสนามแมเ่หล็กสนามไฟฟา้กับแนวการเคล่ืนท่ีของคล่ืน ได้แก่คล่ืนตามขวางและคล่ืนตามยาว

จุดประสงค์การเรยีนรู้1. บอกความหมายของคล่ืนได้2. จำาแนกประเภทของคล่ืนจากลักษณะของการกระ

จดัของตัวกลางที่คล่ืนเคล่ือนที่ผ่านได้3. อธบิายความหมายของคาบ ความถ่ี

ความยาวคล่ืน และบอกความสมัพนัธร์ะหวา่งอัตราเรว็ของคล่ืน ความถ่ีและความยาวคล่ืนได้

Page 3: แผนการสอน Physics Cyber Lab · Web viewคล นแม เหล กไฟฟ า ( Electromagnitic Waves ) เป นคล นท ไม อาศ ยต วกลางในการส

โครงการเทคโนโลยสีารสนเทศตามพระราชดำารสิมเด็จพระเทพรตันราชสดุาฯ สยามบรมราชกมุารี

เนื้อหาคล่ืนเกิดจากการรบกวนสว่นใดสว่นหน่ึงหรอือนุภาคใดอนุภาค

หน่ึง ใหเ้กิดการเคล่ือนที่ไปจากแนวสมดลุเป็นผลทำาใหอ้นุภาคนัน้เกิดการสัน่รอบแนวสมดลุนัน้ เรยีกวา่แหล่งกำาเนิดคล่ืน

การเคล่ือนท่ีแบบคล่ืน เป็นการถ่ายทอดพลังงานจากแหล่งกำาเนิดคล่ืนไปยงับรเิวณโดยรอบ เชน่ คล่ืนนำ้าเกิดจากการที่โมเลกลุของนำ้าถกูทำาใหส้ัน่สะเทือนจากตำาแหน่งสมดลุ

การสง่ผ่านพลังงานคล่ืนมอียู่ 2 ลักษณะ คือ 1. คล่ืนกล( Mechanical Waves) เป็นคล่ืนท่ีจะต้องอาศัยตัวกลางในการสง่ผ่านพลังงาน

ได้แก่ คล่ืนนำ้า คล่ืนในเสน้เชอืก คล่ืนเสยีง คล่ืนในสปรงิเป็นต้น2. คล่ืนแมเ่หล็กไฟฟา้ ( Electromagnitic Waves ) เป็นคล่ืนท่ี

ไมอ่าศัยตัวกลางในการสง่ผ่านพลังงานได้แก่ คล่ืนวทิยุ คล่ืนแสง คล่ืนอินฟราเรด คล่ืนรงัสเีอกซ ์ คล่ืนรงัสแีกมมาเป็นต้น

นอกจากน้ีเรายงัแบง่คล่ืนออกตามลักษณะของการสัน่ของอนุภาคตัวกลางและการเปล่ียนแปลงสนามแมเ่หล็กสนามไฟฟา้กับแนวการเคล่ืนท่ีของคล่ืน ได้แก่คล่ืนตามขวางและคล่ืนตามยาว

1. คล่ืนตามขวาง(Transverse Waves) เป็นคล่ืนท่ีทำาให้อนุภาคของตัวกลางสัน่ในแนวตัง้ ฉากกับการเคล่ือนท่ีของคล่ืน

2. คล่ืนตามยาว(Longitudinal Waves) เป็นคล่ืนท่ีทำาให้อนุภาคของตัวกลางสัน่ในแนวตัง้เดียวกับการเคล่ือนท่ีของคล่ืน

สว่นต่าง ๆ ของคลื่น

Page 4: แผนการสอน Physics Cyber Lab · Web viewคล นแม เหล กไฟฟ า ( Electromagnitic Waves ) เป นคล นท ไม อาศ ยต วกลางในการส

โครงการเทคโนโลยสีารสนเทศตามพระราชดำารสิมเด็จพระเทพรตันราชสดุาฯ สยามบรมราชกมุารี

พจิารณาคล่ืน ณ ขณะใดขณะหน่ึงของคล่ืนต่อเน่ืองสมำ่าเสมอดังรูปขา้งบน1. ยอดคลื่นหรอืสนัคลื่น (Crest) หมายถึง สว่นที่นูนหรอืสว่นสนั

บนสดุของคล่ืนและละลกู2. ท้องคลื่น (Trough) หมายถึง สว่นล่างสดุของคล่ืนแต่ละลกู3. การกระจดั (Displacement) คือ ระยะท่ีวดัจากแนวกลาง

(แนวสมดลุ) ไปยงัตำาแหน่งใด ๆ บนคล่ืน เราหาการกระจดั ณ เวลาต่าง ๆ ได้จากสตูรการเคล่ือนที่ของ Simple Harmonics

4. ชอ่งกวา้งของคลื่น (Amplitude ; A) คือ ระยะกระจดัท่ีมค่ีามากท่ีสดุจากแนวสมดลุ ไปยงัสนัคล่ืนหรอืท้องคล่ืนดังรูป คือ ระยะ A นัน่เอง แอมพลิจูดเป็นตัวแสดงพลังงานของคล่ืนถ้าแอมพลิจูดสงู แสดงวา่ พลังงานของคล่ืนมคี่ามากถ้าแอมพลิจูดตำ่าแสดงวา่ พลังงานของคล่ืนมคี่าน้อย ค่าของแอมพลิจูดขึ้นอยูก่ับแหล่งกำาเนิดคล่ืน (พลังงานคล่ืน A2)คล่ืนนำ้า แอมพลิจูด แสดงความสงูตำ่าของการกระเพื่อมของนำ้าคล่ืนเสยีง แอมพลิจูด แสดง ความดังค่อยของเสยีงคล่ืนแสง แอมพลิจูด แสดง ความเขม้ของแสง (มดื - สวา่ง)

5. เฟส (Phase) คือ การเรยีกตำาแหน่งบนคล่ืน โดยมคีวามสมัพนัธก์ับการกระจดัของการเคล่ือนที่ของคล่ืน

6. ความยาวคคลื่น (Wave length ; ) หมายถึง ความยาว 1 คล่ืน เป็นระยะทางที่วดัจากเฟสถึงเฟสเดียวกันของคล่ืนถัดไป

Page 5: แผนการสอน Physics Cyber Lab · Web viewคล นแม เหล กไฟฟ า ( Electromagnitic Waves ) เป นคล นท ไม อาศ ยต วกลางในการส

โครงการเทคโนโลยสีารสนเทศตามพระราชดำารสิมเด็จพระเทพรตันราชสดุาฯ สยามบรมราชกมุารี

ถ้าจบัตำาแหน่งหน่ึงตำาแหน่งใด บนตัวกลางที่คล่ืนผ่านมา เขยีนกราฟระหวา่งการขจดั – เวลาจะได้กราฟรูป sine เชน่กัน

7. T = คาบ (Period) คือเวลาของการเกิดคล่ืน 1 คล่ืน วดัเวลาจากเฟสถึงเฟส ของคล่ืนท่ีต่อเน่ืองกัน

8. F = ความถ่ี หมายถึง จำานวนคล่ืนใน 1 หน่วยเวลา

f – มหีน่วยเป็น S-1 หรอื Hertz (Hz)

รูปแสดงหน้าคลื่นเสน้ตรง รูปแสดงหน้าคลื่นวงกลม

Page 6: แผนการสอน Physics Cyber Lab · Web viewคล นแม เหล กไฟฟ า ( Electromagnitic Waves ) เป นคล นท ไม อาศ ยต วกลางในการส

โครงการเทคโนโลยสีารสนเทศตามพระราชดำารสิมเด็จพระเทพรตันราชสดุาฯ สยามบรมราชกมุารี9. หน้าคล่ืน คือ แนวต่อกันของคล่ืนที่มเีฟสเป็นอยา่งเดียวกัน เชน่

หน้าคล่ืนที่เขยีนด้วยเสน้เต็ม คือ หน้าคล่ืนที่เป็นสนัคล่ืน (เฟส หรอื 90 องศา)หน้าคล่ืนที่เขยีนด้วยเสน้ประ คือ หน้าคล่ืนที่เป็นท้องคล่ืน (เฟส หรอื 270 องศา)ในคล่ืนขบวนหน่ึงอาจมหีน้าคล่ืนก็ได้

เฟสของคลื่น

เฟสของคลื่น คือ การตัง้ชื่อเพื่อใหเ้รยีกตำาแหน่งต่าง ๆ บนคล่ืน โดยมคีวามสมัพนัธก์ับการกระจดัของการเคล่ือนท่ีของคล่ืน

การบอกเฟสของคล่ืนจากกราฟการกระจดั – ตำาหน่ง ณ จุดที่มีการขจดัเป็น 0 อาจมเีฟสเป็น 0 หรอื 180 (0 หรอื ก็ได้) มีวธิพีจิารณาดังน้ี คือ ใหพ้จิารณาการขจดัท่ีจุด ๆ นัน้ เมื่อเวลาผ่านไปเล็กน้อย ถ้าจุดนัน้มกีารกระจดัเพิม่ขึ้น (เป็น +) ก็ถือวา่จุดนัน้มเีฟสเป็น 0 (0) แต่ถ้าจุดนัน้มกีารกระจดัน้อยลง (เป็น -) ก็ถือวา่ จุดนัน้มเีฟส (180) ()

Page 7: แผนการสอน Physics Cyber Lab · Web viewคล นแม เหล กไฟฟ า ( Electromagnitic Waves ) เป นคล นท ไม อาศ ยต วกลางในการส

โครงการเทคโนโลยสีารสนเทศตามพระราชดำารสิมเด็จพระเทพรตันราชสดุาฯ สยามบรมราชกมุารี

กิจกรรมการเรยีนการสอน

ขัน้นำาเขา้สูบ่ทเรยีน1. ทดสอบก่อนเรยีน เก็บคะแนนไวเ้ปรยีบเทียบผลการก่อน

และหลังเรยีนเพื่อหา ความก้าวหน้าของผู้เรยีนโดยใช้ขอ้สอบแบบปรนัย 10 ขอ้

2. ครูตัง้ปัญหาใหนั้กเรยีนรว่มกันอภิปรายวา่ ถ้าเรอืลำาหนึ่งลอยน่ิงอยูใ่นนำ้า นักเรยีนจะสง่ผ่านพลังงานไปยงัเรอืลำานัน้ได้โดยวธิใีดบา้ง และครูใหแ้นวคิดวา่ถ้าครูเอามอืกระเพื่อมนำ้าเป็นการสง่ผ่านพลังงานไปยงัเรอืหรอืไม่ เพื่อนำาไปสูก่ารเคล่ือนที่แบบคล่ืน

3. ครูใหนั้กเรยีนยกตัวอยา่งการสง่ผ่านพลังงานในแบบคล่ืน ในชวีติประจำาวนัของนักเรยีน

ขัน้สอน1. นักเรยีนแบง่กลุ่ม เพื่อทำากิจกรรม 1.1 และใหใ้หตั้วแทนมา

รบัอุปกรณ์สำาหรบัการทำากิจกรรม โดยใหศึ้กษาวธิดีำาเนินกิจกรรมในหนังสอืแบบเรยีน

2. นักเรยีนรว่มกันอภิปรายลักษณะของคล่ืน โดยสงัเกตการเคล่ือนที่ของเชอืกขณะที่คล่ืนเคล่ือนท่ีผ่าน

3. ครูใหนั้กเรยีนศึกษาลักษณะของคล่ืนตามขวางและคล่ืนตามยาวจากสื่อ Physics Cyber Lab โดยใหนั้กเรยีนสงัเกตทิศทางการกระจดัของอนุภาคตัวกลางกับการเคล่ือนท่ีของคล่ืน

4. นักเรยีนรว่มกันอภิปรายสรุปเพื่อจำาแนกลักษณะของคล่ืนตามขวางและคล่ืนตามยาว

Page 8: แผนการสอน Physics Cyber Lab · Web viewคล นแม เหล กไฟฟ า ( Electromagnitic Waves ) เป นคล นท ไม อาศ ยต วกลางในการส

โครงการเทคโนโลยสีารสนเทศตามพระราชดำารสิมเด็จพระเทพรตันราชสดุาฯ สยามบรมราชกมุารี

5. ครูนำาชุดสาธติกล่องคล่ืนสาธติการเกิดคล่ืนนำ้า ใหนั้กเรยีนสงัเกตลักษณะของคล่ืนนำ้า ตำาแหน่งสงูสดุ ตำ่าสดุของการกระจดัจากผิวนำ้า6. ครูใหนั้กเรยีนศึกษาลักษณะของคล่ืน ความยาวคล่ืน

ความถ่ี และอัตราเรว็ของคล่ืนจากสื่อ Physics Cyber Lab7. ครูใหนั้กเรยีนศึกษาในเรื่องของ เฟส(phase) จากสื่อ

Physics Cyber Lab ในหวัขอ้ เฟสพรอ้มทัง้กิจกรรมในใบงาน

8. ครูและนักเรยีนรว่มกันสรุปความสมัพนัธร์ะหวา่งอัตราเรว็ของคล่ืน ความยาวคล่ืนและความถ่ีของคล่ืน

ขัน้สรุป1. ครูและนักเรยีนรว่มกันอภิปรายวา่ในชวีติประจำาวนัเรา

พบเหน็คล่ืนประเภทใดบา้งรว่มกันอภิปรายลักษณะ และจำาแนกประเภทของคล่ืนดังกล่าว

2. นักเรยีนทำาแบบทดสอบหลังเรยีน

สื่อการเรยีนการสอน1. หนังสอืแบบเรยีนวชิาฟสิกิส์ 3 (ว 027 )2. เสน้เชอืก3. กล่องคล่ืน4. เครื่องคอมพวิเตอรพ์รอ้มชุดฉายภาพ LCD Projector5. แผ่นโปรแกรม Physics Cyber Lab6. แบบทดสอบก่อนเรยีน-หลังเรยีน7. ใบงาน

การวดัผลประเมนิผลวธิกีารวดัและประเมนิผล

Page 9: แผนการสอน Physics Cyber Lab · Web viewคล นแม เหล กไฟฟ า ( Electromagnitic Waves ) เป นคล นท ไม อาศ ยต วกลางในการส

โครงการเทคโนโลยสีารสนเทศตามพระราชดำารสิมเด็จพระเทพรตันราชสดุาฯ สยามบรมราชกมุารี

1. สงัเกตพฤติกรรมของนักเรยีนขณะเรยีน2. ตรวจคณุภาพของผลงาน3. ผลการทำาแบบทดสอบหลังเรยีน4. ประเมนิจากการทำากิจกรรมกลุ่ม5. ประเมนิศักยภาพที่ต้องการพฒันาเครื่องมอืที่ใชใ้นการวดัผลและประเมนิผล1. แบบประเมนิจติพสิยั2. แบบทดสอบก่อนเรยีน-หลังเรยีน3. แบบประเมนิการทำางานเป็นกลุ่ม4. แบบประเมนิศักยภาพท่ีต้องการพฒันา

ใบงานเรื่อง เฟสของคล่ืน

ชื่อ เลข…………………………………………………………ท่ี……………….ชัน้ ม.5…………..

จุดประสงค์การเรยีนรู:้ อธบิายความหมายของเฟส และแสดงค่าเฟสบนตำาแหน่งต่างๆของคล่ืนได้

ใหนั้กเรยีนศึกษาความสมัพนัธร์ะหวา่งการเปล่ียนแปลงเชงิมุมของวงกลมกับการเกิดคล่ืนจากสื่อ Physics Cyber Lab และเขยีนแสดงความสมัพนัธข์องการเปล่ียนแปลงเชงิมุมของวงกลมกับตำาแหน่งบนตัวคล่ืน

Page 10: แผนการสอน Physics Cyber Lab · Web viewคล นแม เหล กไฟฟ า ( Electromagnitic Waves ) เป นคล นท ไม อาศ ยต วกลางในการส

โครงการเทคโนโลยสีารสนเทศตามพระราชดำารสิมเด็จพระเทพรตันราชสดุาฯ สยามบรมราชกมุารี

Page 11: แผนการสอน Physics Cyber Lab · Web viewคล นแม เหล กไฟฟ า ( Electromagnitic Waves ) เป นคล นท ไม อาศ ยต วกลางในการส

โครงการเทคโนโลยสีารสนเทศตามพระราชดำารสิมเด็จพระเทพรตันราชสดุาฯ สยามบรมราชกมุารี

แบบทดสอบก่อน – หลังเรยีนรายวชิา ฟสิกิส ์(ว 027) ชัน้มธัยมศึกษาปีท่ี 5

หน่วยท่ี 2 เรื่องคลื่นและลักษณะของคลื่น

คำาชีแ้จง : 1. แบบทดสอบมจีำานวน 10 ขอ้ 2. ใหนั้กเรยีนเลือกคำาตอบที่ถกูต้องที่สดุเพยีงคำาตอบเดียวแล้ว

ระบายทึบลงใน = = = =.............................................................................................................................................................1. ขอ้ใดหมายถึงคล่ืนกลทัง้หมด

ก. คล่ืนความรอ้น , คล่ืนวทิยุ และรงัสเีอกซ์ข. รงัสแีกมมา , รงัสอุีลตราไวโอเลตค. คล่ืนเสยีง , คล่ืนนำ้า และคล่ืนในเสน้เชอืกง. คล่ืนในสปรงิ , คล่ืนเสยีงและแสงเลเซอร์

2. นักเรยีนพจิารณาขอ้ความต่อไปน้ี1. คล่ืนวทิยุเป็นคล่ืนกลเพราะไมอ่าศัยตัวกลางในการเคล่ือนที่2. คล่ืนตามขวางเป็นคล่ืนที่อนุภาคตัวกลางสัน่ในแนวตัง้ฉาก

กับทิศทางการแผ่กระจายของคล่ืน3. คล่ืนในสปรงิเป็นคล่ืนกลที่เป็นทัง้ประเภทคล่ืนความขวาง

และคล่ืนตามยาวขอ้ใดกล่าวไมถ่กูต้องก. ขอ้ 1 และ 2 ข. ขอ้ 1 และ 3 ค. ขอ้ 2 และ 3 ง. เฉพาะขอ้ 1

3. ขอ้ใดถกูต้อง

Page 12: แผนการสอน Physics Cyber Lab · Web viewคล นแม เหล กไฟฟ า ( Electromagnitic Waves ) เป นคล นท ไม อาศ ยต วกลางในการส

โครงการเทคโนโลยสีารสนเทศตามพระราชดำารสิมเด็จพระเทพรตันราชสดุาฯ สยามบรมราชกมุารี

1. ตำาแหน่งสงูสดุของคล่ืนเรยีกวา่ สนัคล่ืน2. อัมปลิจูดของคล่ืนคือระยะจากสนัคล่ืนถึงท้องคล่ืนถัดไป3. ระยะจากสนัคล่ืนหน่ึงไปยงัสนัคล่ืนอีกลกูหน่ึงท่ีอยูถ่ัดไป

เรยีกวา่ ความยาวคล่ืน4. ระยะทาง 1 ความยาวคล่ืนต่อเวลาที่คล่ืนเคล่ือนท่ีครบ 1

รอบ (คาบ) คืออัตราเรว็ของคล่ืนก. ขอ้ 1 , 3 ข. ขอ้ 1 , 2 และ 3ค. ขอ้ 1 , 3 และ 4 ง. ทัง้ขอ้ 1 , 2 , 3 และ 4

4. จากรูป ตำาแหน่งที่มเีฟสตรงกับ E คือขอ้ใด

ก. B , F ข. A , Cค. C , G ง. A , I

5. จากรูป จุดบนคล่ืนท่ีมเีฟสต่างจากจุด P เป็น 180 องศาก. 5 ข. 4ค. 3 ง. 2

6.

จากรูป จุดคู่ใดท่ีมเีฟสต่างกัน เรเดียนก. b กับ f และ g กับ m ข. C กับ h และ j กับ oค. a กับ f และ d กับ j ง. e กับ k และ j กับ p

7. คล่ืนในเสน้เชอืกยาวเสน้หน่ึง ท่ีเวลาหน่ึงดังรูป ก. หลังจากนัน้ 0.5 วนิาที เหน็เป็นดังรูป ข. ความถ่ีของคล่ืนเป็นกี่เฮรทิซ์

Page 13: แผนการสอน Physics Cyber Lab · Web viewคล นแม เหล กไฟฟ า ( Electromagnitic Waves ) เป นคล นท ไม อาศ ยต วกลางในการส

โครงการเทคโนโลยสีารสนเทศตามพระราชดำารสิมเด็จพระเทพรตันราชสดุาฯ สยามบรมราชกมุารี

รูป ก.

รูป ข.

ก. 1.5 เฮรทิซ์ ข. 2.0 เฮรทิซ์ค. 2.5 เฮรทิซ์ ง. 3.5 เฮรทิซ์

8. คล่ืนสองขบวน มลัีกษณะดังรูป

ก. คล่ืน A มคีวามยาวคล่ืน 0.5 เมตร คล่ืน A และ B มีเฟสต่างกัน 90

ข. คล่ืน A มคีวามยาวคล่ืน 0.25 เมตร คล่ืน A และ B มเีฟสต่างกัน 90

ค. คล่ืน A มคีวามยาวคล่ืน 0.5 เมตร คล่ืน A และ B มีเฟสต่างกัน 45

ง. คล่ืน A มคีวามยาวคล่ืน 0.25 เมตร คล่ืน A และ B มเีฟสต่างกัน 45

9. เรอืลำาหน่ึงทอดสมออยู่ ถกูกระทบด้วยคล่ืนซึ่งมคีวามเรว็ 25 เมตรต่อวนิาที และมรีะยะระหวา่งสนัคล่ืนถัดกันหา่งกัน 100 เมตร จงหาเวลาท่ีคล่ืนแต่ละลกูวิง่มากระทบเรอื

Page 14: แผนการสอน Physics Cyber Lab · Web viewคล นแม เหล กไฟฟ า ( Electromagnitic Waves ) เป นคล นท ไม อาศ ยต วกลางในการส

โครงการเทคโนโลยสีารสนเทศตามพระราชดำารสิมเด็จพระเทพรตันราชสดุาฯ สยามบรมราชกมุารี

ก. 2,500 วนิาที ข. 75 วนิาทีค. 4 วนิาที ง. 0.25 วนิาที

10. ในการเคล่ือนท่ีแบบคล่ืนนัน้ พลังงานจากการสะบดัปลายเสน้เชอืกด้านหน่ึงจะถ่ายทอดไปยงัปลายเชอืกอีกด้านหน่ึงได้ แสดงวา่

ก. พลังงานถ่ายทอดไปพรอ้มกับการเคล่ือนท่ีของคล่ืนข. พลังงานถ่ายทอดหลังจากการเคล่ือนที่ของคล่ืนผ่านไปแล้วค. พลังงานถ่ายทอดไปก่อนท่ีคล่ืนจะเคล่ือนท่ีมาถึงง. พลังงานถ่ายทอดใหอ้นุภาคและอนุภาคจะเคล่ือนท่ีไปยงั

ปลายเชอืก