บทที่ 5 -54-2012eng.sut.ac.th/polymer/2015/newversion/administrator/...89 5) แรงท...
Transcript of บทที่ 5 -54-2012eng.sut.ac.th/polymer/2015/newversion/administrator/...89 5) แรงท...
บทท่ี 5 กระบวนการข้ึนรูปแบบเทอร�โมฟอร�มม่ิง (Thermoforming)
5.1 ความรู*เบื้องต*น
กระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิงจะเป�นกระบวนการท่ีรวมถึงเทคนิคต�างๆ ท่ีใช�ในการข้ึนรูป
แผ�นพลาสติก (sheet-forming) เช�น การข้ึนรูปด�วยสูญญากาศ (vacuum forming) ด�วยความ
ดัน (pressure forming) และด�วยแม�พิมพ�ประกบ (matched mold forming) ซ่ึงเทคนิคต�างๆ
ท่ีกล�าวมานี้จะต�องใช�แผ�นเทอร�โมพลาสติกซ่ึงจะถูกยึด (clamp) และถูกให�ความร�อนเพ่ือทําให�เกิด
รูปร�างในหรือบนแม�พิมพ� ผลิตภัณฑ�ท่ีได�จากกระบวนการนี้โดยท่ัวไปมักจะต�องมีข้ันตอนตัดหรือ
ขลิบเพ่ือตกแต�งผลิตภัณฑ�ก�อนการนําไปใช�งา น นอกจากนั้นยังอาจต�องมีข้ันตอนการทาสี พิมพ�สี
หรือการทากาว
กระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิงจะให�การคงรูปท่ีเร็วและสมํ่าเสมอ รวมท้ังราคาแม�พิมพ�ท่ีตํ่า
ทําให�กระบวนการนี้เป�นกระบวนการผลิตท่ีมีต�นทุนตํ่า โดยท่ีของเสียท่ีเกิดจากการตัดขอบและ
ผลิตภัณฑ�ท่ีไม�ผ�านมาตรฐานหรือข�อกําหนดก็สามารถนําไปหลอมเพ่ือกลับมาใช�ใหม�ได�
รูปท่ี 5.1 ตัวอย�างผลิตภัณฑ�จากกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิง
ส�วนประกอบท่ีสําคัญพ้ืนฐานของกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิงได�แก� 1) แผ�นเทอร�โมพลาสติก 2) กระบวนการยึด (clamping mechanism) 3) ระบบให�ความร�อน 4) แม�พิมพ�
89
5) แรงท่ีใช�ในการทําให�พลาสติกคงรูป (forming force) 6) เครื่องมือตัดขอบ (trim apparatus)
5.2 ประวัติของอุตสาหกรรมเทอร�โมฟอร�มมิ่ง
จุดเริ่มต�นท่ีแท�จริงของกระบวนการนี้เริ่มพร�อมๆ กับการพัฒนาเทอร�โมพลาสติกซ่ึงมีมา
ต้ังแต�สมัยสงครามโลกครั้งท่ีสอง โดยในช�วงทศวรรษ 1950 กระบวนการนี้เป�นท่ีนิยมในการเปลี่ยน
เทอร�โมพลาสติกเรซินให�เป�นแผ�นหรือฟWล�ม วิวัฒนาการของกระบวนการนี้แสดงในตารางท่ี 5.1
ตารางท่ี 5.1 วิวัฒนาการของกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิง
ต้ังแต�ปY 2004 เป�นต�นมาจนถึงปZจจุบัน ปริมาณผลิตภัณฑ�ท่ีผลิตโดยกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิงเพ่ิมข้ึนอย�างมากดังแสดงในรูปท่ี 5.2
90
รูปท่ี 5.2 การเติบโตของอุตสาหกรรมพลาสติกท่ีข้ึนรูปโดยกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิงท่ัวโลก
เปรียบเทียบ ปY ค.ศ.2004 กับ 2009
5.3 ส3วนประกอบของกระบวนการเทอร�โมฟอร�มมิ่ง 1) แผ3นเทอร�โมพลาสติก (thermoplastic sheets) - เทอร�โมพลาสติกเรซิน ดังท่ีเราได�ศึกษามาแล�วว�าเทอร�โมพลาสติกจะประกอบไปด�วยพันธะโควาเลนต�ท่ีแข็งแรงภายในสายโซ�โมเลกุลท่ียาวและนอกจากนั้นยังมีพันธะระหว�างโมเลกุลท่ีพันกันดังแสดงในรูปท่ี5.3
รูปท่ี 5.3 ความยาวของสายโซ�โมเลกุลและการพันกัน: (1) เรซินท่ีมีสายโซ�โมเลกุลยาว (น้ําหนักโมเลกุลสูง); (2) เรซินท่ีมีสายโซ�โมเลกุลสั้น (น้ําหนักโมเลกุลตํ่า); (3) เรซินท่ีมีท้ังสายโซ�โมเลกุลสั้นและยาว
91
ความยาวของสายโซ�และปริมาณการพันกันนี้จะเป�นปZจจัยกําหนดความแข็งแรงและความ
ยืดหยุ�นของเทอร�โมพลาสติกท่ีผลิตได� ความยาวของสายโซ�โมเลกุลและปริมาณการพันกันนี้เองเป�น
กุญแจสําคัญในกระบวนการข้ึนรูปโดยวิธีเทอร�โมฟอร�มม่ิง ซ่ึงข้ึนกับเทคนิคท่ีเลือกใช�ในการผลิต เรา
สามารถเลือกใช�วัสดุ ท่ี มีปริมาณของการแตกแขนงด�านข�างของสายโซ�โมเลกุลต�างๆ (side
branching) ความยาวสายโซ�ต�างๆ (ซ่ึงจะเป�นตัวกําหนดน้ําหนักโมเลกุล) และอัตราส�วนต�างๆ
ของพอลิเมอร�ผสมถ�าความยาวของสายโซ�โมเลกุลยิ่งมากน้ําหนักโมเลกุลก็จะยิ่งสูง ดังนั้น ผลิตภัณฑ�
ท่ีได�ก็จะมีความแข็งหรือความเหนียวท่ีมากข้ึน ถ�าสายโซ�โมเลกุลสั้นหรือน้ําหนักโมเลกุลตํ่าก็จะได�
ผลิตภัณฑ�ท่ีเปราะและแตกง�าย
โดยท่ัวไป พอลิเมอร�บริสุทธิ์ (Virgin polymers) จะมีน้ําหนักโมเลกุลสูง แต�อย�างไรก็
ตามกระบวนการพอลิเมอร�ไรเซชันท่ีต�างกันก็จะให�คุณภาพของวัสดุออกมาต�างกัน
ในระหว�างกระบวนการพอลิเมอร�ไรเซชัน อาจมีมอนอเมอร�บางตัวท่ีไม�เข�าไปเกาะติดกับ
สายโซ�พอลิเมอร�ท่ีเราเรียกว�า มอนอเมอร�อิสระ (Free monomers) ซ่ึงมอนอเมอร�อิสระนี้อาจจะ
ถูกจับอยู�ระหว�างสายโซ�พอลิเมอร�ท่ีพันกันอยู� ดังแสดงในรูปท่ี 5.4
รูปท่ี 5. 4 ภาพแสดง (1) มอนอเมอร�อิสระ; (2) พอลิเมอร� ; (3) พอลิเมอร�ท่ีมีมอนอเมอร�อิสระ
92
ในระหว�างกระบวนการข้ึนรูป มอนอเมอร�อิสระนี้ก็ไม�สามารถออกไปได�ท้ังหมดซ่ึงเรา
สามารถสังเกตได�จากกลิ่นของผลิตภัณฑ�ท่ีจะมีกลิ่นท่ีเรียกว�ากลิ่นพลาสติกอย�างรุนแรง (“plastic-
like” odor) โดยจะแสดงได�ชัดในเทอร�โมพลาสติกท่ีสังเคราะห�จากสไตรีน
ปริมาณของมอนอเมอร�อิสระนี้จะถูกควบคุมโดยผู�ผลิตเรซิน และมาตรฐานข้ันตํ่าจะถูก
กําหนดโดยองค�การอาหารและยา ซ่ึงองค�การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา จะกําหนดว�า
พอลิเมอร�ท่ีเป�นพวกพอลิสไตรีน ควรมีประมาณสไตรีนมอนอเมอร�ท่ีหลงเหลืออยู�ไม�เกิน 0.5
เปอร�เซ็นต�โดยน้ําหนัก ซ่ึงค�านี้มักจะสูงกว�าท่ีกําหนดโดยผู�บริโภคในวงการบรรจุภัณฑ�อาหาร โดยค�า
มอนอเมอร�อิสระข้ันตํ่า (Low free monomer) ควรอยู�ไม�เกิน 0.1 เปอร�เซ็นต�โดยน้ําหนักและถ�า
ค�ามอนอเมอร�อิสระข้ันตํ่ามาก (Super-low free monomer) ก็ควรจะมีปริมาณมอนอเมอร�อิสระ
ไม�เกิน 0.05 เปอร�เซ็นต�โดยน้ําหนัก
บรรจุภัณฑ�ท่ีบรรจุอาหารท่ีมีไขมันสัตว�อยู�ในปริมาณสูง เช�น เนยจะมีโอกาสท่ีจะละลายหรือ
จับกับมอนอเมอร�อิสระหรือโมเลกุลของยางสังเคราะห� ผลจากปฏิกิริยาเคมีนี้คือ อาหารนั้นจะ
มีรสหรือกลิ่นพลาสติกติดไปในกระบวนการข้ึนรูปเทอร�โมฟอร�มม่ิง ในวงจรการให�ความร�อนจะทําให�
อนุมูลอิสระสามารถระเหยออก ดังนั้น เครื่องมือในการข้ึนรูปจึงมักมีตัวระบายอากาศเพ่ือขจัด
กลิ่นท่ีรุนแรง
เทอร�โมพลาสติกท่ีเลือกใช�ในกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิงจะเป�นเรซินท่ีมีน้ําหนักโมเลกุลสูง
ท่ีมีการพันกันระหว�างโมเลกุล (Intermolecular entanglements) ท่ีดี
เนื่องจากกระบวนการนี้ต�องใช�แผ�นพลาสติกท่ีข้ึนรูปมาก�อน (Preformed plastic sheet)
ยึดและจับไว�เฉพาะท่ีขอบ ดังนั้นการยืดออกของวัสดุและการกระจายของเนื้อวัสดุ จึงข้ึนกับโครงสร�าง
ของมันในตอนเริ่มต�น แผ�นเทอร�โมพลาสติกควรมีน้ําหนักโมเลกุลท่ีสูง (สายโซ�โมเลกุลยาว) เพ่ือให�การ
ดึงยืดออกทําได�โดยไม�เกิดการฉีกขาดก�อนและนอกจากนั้นการมีสายโซ�โมเลกุลยาวจะมีการพันกัน
ระหว�างโมเลกุลท่ีแข็งแรงท่ีสุดด�วย ในทางตรงกันข�าม ถ�าสายโซ�โมเลกุลสั้น ลักษณะแรงดึงดูดระหว�าง
โมเลกุลก็จะมีผลกระทบกับคุณภาพของแผ�นพลาสติก หรือผลิตภัณฑ�ท่ีได�
การผสมระหว�างพอลิเมอร�ท่ีมีน้ําหนักโมเลกุลสูงและตํ่าก็สามารถทําได�เพ่ือจุดประสงค�ในการ
ปรับปรุงลักษณะของความสัมพันธ�ระหว�างสายโซ�โมเลกุลหรือเพ่ือให�สามารถใช�เรซินท่ีมีคุณภาพตํ่า
กว�าเพ่ือให�ต�นทุนตํ่าลง โดยอัตราการผสมจะต�องเหมาะสมเพ่ือให�ได�ความสมํ่าเสมอของการผลิตในแต�
ละครั้ง ซ่ึงถ�าวัสดุได�มาจากแหล�งต�างๆ ท่ีไม�ซํ้ากันก็อาจให�ผลท่ีไม�เหมือนกัน ดังนั้นเพ่ือให�ผลท่ี
เหมือนกัน วัสดุควรจะมีแหล�งท่ีมาแหล�งเดียวกัน
93
ปZจจัยอีกประการท่ี มักจะถูกละเลยในกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิงคือการเกิดการ
เสื่อมสภาพ และการแตกหัก (Scission) ของโมเลกุลท่ีเกิดข้ึน โดยการท่ีโมเลกุลจะถูกเฉือนระหว�าง
การตัดเม็ดหรือในระหว�างกระบวนการอัดรีดหรือระหว�างกระบวนการรีไซเคิล (recycling process)
ซ่ึงการเกิดการเสื่อมสภาพนี้โดยท่ัวไปมักจะไม�มากนักข้ึนกับชนิดของผลิตภัณฑ� ผู�ผลิตท่ัวไปมักจะใช�
การผสมเศษวัสดุเข�าไปในปริมาณท่ีจํากัด
กระบวนการสลายและแตกหักของโมเลกุลนี้เป�นกระบวนการสะสม (Cumulative) พอลิ
เมอร�ท่ีถูกนํามารีไซเคิลซํ้าไปซํ้ามาจะมีอายุการใช�งานท่ีไม�สามารถนํามารีไซเคิลได�อีกต�อไปและจะต�อง
ถูกกําจัดท้ิง
ผลิตภัณฑ�และชนิดของพอลิเมอร�ท่ีข้ึนรูปโดยกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิงแสดงดังตารางท่ี
5.3 และปริมาณของพอลิเมอร�แต�ละชนิดท่ีใช�ไปในกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิงแสดงดังตารางท่ี 5.4
ตารางท่ี 5. 3 ผลิตภัณฑ�และชนิดของพอลิเมอร�ท่ีข้ึนรูปโดยกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิง
94
ตารางท่ี 5.4 ปริมาณของพอลิเมอร�แต�ละชนิดท่ีใช�ไปในกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิงในประเทศสหรัฐอเมริกา
ในปZจจุบัน วัสดุท่ีเริ่มเข�ามามีบทบาทในกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิงคือพลาสติกชีวภาพ เช�น PLA
PHA และพอลิเมอร�ผสมท่ีมีองค�ประกอบของแปpง
95
รูปท่ี 5.5 บรรจุภัณฑ�จากพลาสติกชีวภาพท่ีผลิตขายในท�องตลาดโดยกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิง
2) กระบวนการเตรียมแผ3นพลาสติก กระบวนการพ้ืนฐานโดยท่ัวไปท่ีใช�ในการเตรียมแผ�นพลาสติกมี 3 กระบวนการได�แก� การม�วนรีด (calandering) การหล�อรีด (casting) และ การอัดรีด (extruding) ซ่ึงกระบวนการท้ังหมดนี้อยู�บนพ้ืนฐานของการให�ความร�อนเพ่ือทําให�เรซินอ�อนตัวและหลอม และเม่ือแผ�นพลาสติกก�อตัวเป�นรูปร�างก็จะต�องนําความร�อนนั้นออกเพ่ือให�เทอร�โมพลาสติกแข็งตัวอยู�ในรูปร�างข้ันสุดท�ายของการผลิตแต�ละครั้ง
5.4 หลักการของเทอร�โมฟอร�มมิ่งแบบต3างๆ เราสามารถแบ�งชนิดของกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิงได�เป�น 4 รูปแบบดังแสดงในรูปท่ี 5.6 ได�แก� A. Matched mold forming โดยการใช�แม�พิมพ�ตัวผู�และตัวเมียท่ีเข�าคู�กัน B. Slip forming โดยการใช�เฉพาะแม�พิมพ�ตัวผู� C. Air forming หรือ pressure forming โดยการใช�ความดันอากาศในการให�แผ�นพลาสติก
ประกบติดแม�พิมพ� D. Vacuum forming โดยการใช�การดูดอากาศออกหรือการทําให�แม�พิมพ�เป�นสูญญากาศ สําหรับ Air forming และ Vacuum forming จะกล�าวถึงในรายละเอียดต�อไป
96
รูปท่ี 5. 6 ชนิดของกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิง
5.4.1Vacuum forming
เป�นเทคนิคท่ีนิยมใช�กันอย�างแพร�หลาย โดยใช�พ้ืนฐานของการลดลงของความดันท่ีด�านหนึ่งเพ่ือให�ความดันบรรยากาศผลักแผ�นพลาสติกไปอีกด�านหนึ่ง ซ่ึงมีหลายวิธีได�แก�
- Straight vacuum forming เป�นเทคนิคเทอร�โมฟอร�มม่ิงท่ีง�ายท่ีสุด ซ่ึงสามารถใช�ได�ท้ังกับแม�พิมพ�ตัวผู�หรือตัวเมีย และ ในการจับยึดแผ�นพลาสติกก็สามารถใช�ได�ท้ังกรอบยึดเด่ียวหรือคู� (Single/double clamping frame) ข้ันตอนการข้ึนรูป แสดงได�ดังรูปท่ี 5.7 โดยจะเริ่มจากการยึดแผ�นพลาสติกด�วยกรอบยึด และให�ความร�อนจนแผ�นพลาสติกอ�อนตัว จากนั้นจึงใช�เครื่องดูดสูญญากาศดึงให�แผ�นพลาสติกท่ีอ�อนตัวลงยืดตัวประกบแม�พิมพ� หลังจากนั้นจึงถอดผลิตภัณฑ�ออก
97
การใช�แม�พิมพ�ตัวเมียจะให�ความหนาท่ีบริเวณขอบได�ดีกว�า แต�ถ�าเป�นแม�พิมพ�ตัวผู�จะให�ฐานท่ีม่ันคงกว�า
ข�อเสียของการใช�วิธีการนี้ คือจะได�ชิ้นงานท่ีมีความหนาไม�สมํ่าเสมอ คือมีส�วนก�นหนาและมีส�วนมุมบาง
รูปท่ี 5. 7 วิธีการ Straight Vacuum Forming
- Vacuum Drape Forming
ใช�สําหรับการข้ึนรูปชิ้นงานท่ีมีความลึก
ข้ันตอนการข้ึนรูปแสดงได�ดังรูปท่ี 5.8 โดยจะเริ่มจากการให�ความร�อนแก�พลาสติก จากนั้นจะเคลื่อน
แม�พิมพ�ให�ดันพลาสติกให�ยืดตัวออกก�อน (prestretching) แล�วจึงใช�เครื่องดูดสุญญากาศทําให�แผ�น
พลาสติกประกบติดกับแม�พิมพ� ข้ันสุดท�ายจึงถอดชิ้นงานโดยใช�ลมเปxาสวนทาง
98
รูปท่ี 5. 8 วิธีการ Vacuum Drape Forming ข�อเสียของการใช�วิธีการ Vacuum Drape Forming คือ การท่ีแผ�นพลาสติกท่ีร�อนสัมผัสกับแม�พิมพ�ท่ี
เย็น ทําให�อุณหภูมิลดลงซ่ึงจะทําพ้ืนท่ีในการจะทําให�ยืดตัวออกได�ลดลง ซ่ึงสามารถปรับปรุงโดยการ
ใช�วิธีการ Vacuum Air-Slip เพ่ือปpองกันการเย็นตัวของแผ�นพลาสติก ซ่ึงจะกล�าวถึงต�อไป
99
- Vacuum Air-Slip Forming คล�ายกับใน Vacuum Drape forming แต�แตกต�างกันตรงท่ีใช�อากาศเปxาเข�าระหว�างแผ�น
พลาสติกกับผิวแม�พิมพ�ในขณะท่ีแม�พิมพ�เคลื่อนท่ีเข�าหาแผ�นพลาสติกทําให�เกิด air slip โดยแผ�นพลาสติกจะพองตัวออกคล�ายลูกโปxง เม่ือแม�พิมพ�เคลื่อนท่ีข้ึนถึงจุดสูงสุด ก็จะหยุดเปxาอากาศแล�วดูดลูกโปxงกลับด�วยเครื่องดูดสูญญากาศ ทําให�แผ�นพลาสติกประกบติดแม�พิมพ� ดังแสดงในรูปท่ี 5.9
- Plug-Assist Vacuum Forming จะเป�นเทคนิคในการใช�ปลั๊ก (Plug) ดันช�วยก�อนใช�การดูดสูญญากาศ เพ่ือช�วยในกรณีท่ีต�องการให�ผนังผลิตภัณฑ�บาง
ข้ันตอนจะเริ่มโดยการจับยึดแผ�นพลาสติกและให�ความร�อน จากนั้นจะให�ปลั๊กเคลื่อนท่ีลงมาเพ่ืออัดแผ�นพลาสติกให�ยืดตัวออก ปลั๊กจะหยุดเคลื่อนท่ีเม่ือดันแผ�นพลาสติกให�ยืดตัวออกจนเข�าใกล�แม�พิมพ� แล�วจึงใช�เครื่องดูดสูญญากาศดูดให�แผ�นพลาสติกประกบติดแม�พิมพ� ข้ันสุดท�ายจึงใช�ลมเปxาให�ชิ้นงานหลุดออกมา ดังแสดงในรูปท่ี 5.10
ปลั๊กท่ีใช�อาจเป�นโลหะหรือพลาสติกก็ได� และต�องมีการควบคุมอุณหภูมิและความเร็วของปลั๊ก เพราะถ�าปลั๊กมีอุณหภูมิสูงเกินไป แผ�นพลาสติกก็อาจจะขาดและเหนียวติดท่ีปลั๊ก หรือก�นจะบางไป ถ�าอุณหภูมิต่ําไป ก็จะทําให�ส�วนก�นหนาได�
สําหรับความเร็วของปลั๊กนั้น ถ�าสูงก็จะได�อัตราการผลิตสูง แต�ก็ต�องระวังว�ามีการไล�อากาศระหว�างผิวของแม�พิมพ�กับแผ�นพลาสติกออกอย�างมีประสิทธิภาพ
100
รูปท่ี 5.9 วิธีการ Vacuum Air-Slip Forming
101
รูปท่ี5.10 Plug-Assist Vacuum Forming
102
- Air-Cushioning Vacuum Operation จะรวมเอาลักษณะของท้ัง Plug - assist และ air - slip มาใช� โดยแสดงดังรูปท่ี 5. 11
รูปท่ี 5.11 Air-Cushioning Vacuum Operation
103
5.4.2 Pressure Forming
จะให�ความดันอากาศท่ีด�านบนของแผ�นพลาสติกเพ่ือผลักให�แผ�นพลาสติกประกบติดแม�พิมพ�
โดยจะมีรูระบายอากาศ (Vent holes) เพ่ือปpองกันไม�ให�มีการจับอากาศระหว�างแผ�นพลาสติกและ
แม�พิมพ�
ความดันอากาศท่ีใช�จะประมาณ 14.5-300 p.s.i. และจะให�เร็วท่ีสุดเท�าท่ีจะเป�นไปได� เพ่ือ
ปpองกัน แผ�นพลาสติกจากการเย็นตัวหรือการห�อยย�อยลงมา
ประโยชน�ของวิธี Pressure forming ได�แก�
1. วงจรการผลิต จะเร็วกว�า ใน vacuum forming ธรรมดา
2. เนื่องจากความดันท่ีใช�ในการผลักแผ�นพลาสติกสูงกว�า ดังนั้นแผ�นพลาสติกจะสามารถถูกข้ึน
รูปได�ท่ีอุณหภูมิต่ํากว�าและให�ผลิตภัณฑ�ท่ีมีการควบคุมขนาดและรายละเอียดท่ีดีกว�า
5.5 Blister Pack และ Skin Pack
เป�นเทคนิคการข้ึนรูปบรรจุภัณฑ�ท่ีใช�กันมากในปZจจุบัน โดยท้ัง blister pack และ skin pack
ผลิตภัณฑ�จะถูกวางอยู�ระหว�างแผ�นพลาสติกหรือฟWล�ม และชิ้นส�วนของกระดาษแข็ง (cardboard) ท่ี
เป�นตัวแสดงสินค�า
5.5.1 หลักการของ Blister Pack
1. ทําการข้ึนรูปแผ�นพลาสติกบางท่ีค�อนข�างแข็งและใสโดยวิธีเทอร�โมฟอร�มม่ิงให�เป�นรูปร�างท่ี
เรียกว�า “blister”
โดยปกติ จะใช�การข้ึนรูปแบบ Straight vacuum forming หรือ drape forming
โดยความลึกของ Cavity จะเพียงพอต�อการเอ้ือให�สินค�ามีการเคลื่อนท่ีได�บ�างเล็กน�อย
2. สินค�าจะถูกใส�ลงไปใน cavity ในขณะท่ีแผ�นพลาสติกยังคงมีการจัดเรียงตัวอยู� หลังจากนั้น ก็จะ
ประกบด�วยกระดาษแข็ง ทากาว และอัดเข�าด�วยกัน
ลักษณะท่ีสามารถเห็นได�ชัดในวิธีการแบบ Blister pack คือ การมีรายละเอียดใน cavity ท่ีดีกว�าใน
ส�วนท่ีผลิตภัณฑ�วางอยู� แต�ราคาจะแพงกว�า skin pack
104
รูปท่ี 5.12 Blister pack
5.5.2 หลักการของ Skin Pack
พลาสติกจะไม�แข็งและไม�มีการเกิด Cavity เป�นรูปร�าง โดยพลาสติกจะโค�งงอได�และจะทําการข้ึนรูป
เพ่ือให�สินค�าถูกจับอยู�โดยฟWล�มบนกระดาษแข็ง
วิธีการทําโดย
1. ใช�กระดาษแข็งท่ีพิมพ�และเจาะรูเล็ก ๆ มาก ๆ จากนั้นจะมีการทากาวไปด�านบนของพ้ืนผิวท่ี
มีการพิมพ�
2. แผ�นพลาสติกท่ีถูกให�ความร�อนจะถูกวางบนกระดาษแข็งและจะดูดอากาศทางด�านใต�
กระดาษแข็งเพ่ือให�แผ�นพลาสติกใสถูกดูดลงไปประกบกระดาษแข็ง
วิธีการ skin pack จะดึงแผ�นพลาสติกลงไปบนผลิตภัณฑ�โดยตรง ดังนั้น จะไม�เกิดรอยเหี่ยวย�นข้ึน
หรือเกิดน�อยมาก และสินค�าจะไม�มีการเคลื่อนท่ี วิธี skin pack นี้จะมีราคาถูกกว�า blister pack
105
รูปท่ี 5.13 Skin pack
5.6 การควบคุมกระบวนการข้ึนรูป
การควบคุมกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิงทําได�โดยทําให�พารามิเตอร�วิกฤติท่ีเก่ียวข�องกับ
กระบวนการเหล�านี้เป�นมาตรฐาน ซ่ึงได�แก�
1. สมบัติของแผ�นพลาสติก
2. สภาวะการให�ความร�อน
3. การข้ึนรูป
1. สมบัติของแผ�นพลาสติก
สมบัติท่ีสําคัญท่ีสุดท่ีต�องควบคุมและทําให�เป�นมาตรฐาน คือ ความหนา ซ่ึงควรจะมีความแปร
ปรวนน�อยกว�า 5%
2. สภาวะการให�ความร�อน
การให�ความร�อนแก�แผ�นพลาสติกมักจะให�น�อยท่ีสุด เพ่ือทําให�วงจรการผลิตสั้น ถ�าเกิดมีความ
แปรปรวนของความหนามาก ก็จะอาจให�ความร�อนเพ่ิมเพ่ือให�มีอุณหภูมิท่ีสมํ่าเสมอ
พารามิเตอร�ท่ีต�องควบคุมในแผ�นพลาสติกแต�ละแผ�นอีกประการคือ ค�าดัชนีการไหล
ถ�าแผ�นพลาสติกแผ�นหนึ่งมีค�าดัชนีการไหลน�อยกว�าอีกแผ�นหนึ่ง ปริมาณความร�อนท่ีจะให�ไป
เพ่ือให�ได�สมบัติท่ีเหมือนกันของผลิตภัณฑ�ท่ีออกมาของแผ�นพลาสติกท่ีมีค�าดัชนีการไหลน�อยกว�าจะ
มากกว�า เนื่องจากจะมีความยาวโซ�โมเลกุลมากกว�า
106
3. พารามิเตอร�สําคัญระหว�างการข้ึนรูป ได�แก�
1. ความเร็วของปZ|มสูญญากาศท่ีใช�
คือจะต�องให�เร็วท่ีสุดเท�าท่ีจะทําได� และขนาดของรูระบายอากาศในแม�พิมพ�ควรมีขนาดใหญ�
พอท่ีการดูดอากาศจะไม�ถูกขัดขวาง
2. อุณหภูมิของแม�พิมพ�
โดยปกติแม�พิมพ�จะอยู�ท่ีอุณหภูมิห�องหรือท่ีอุณหภูมิอ่ืน ๆ ท่ีต่ํากว�าอุณหภูมิแข็งตัวของ
พลาสติก เม่ืออุณหภูมิแม�พิมพ�สูงข้ึน วงจรการผลิตก็จะยาวนานข้ึนและการหดตัวก็จะมากข้ึน
ในบางครั้งถ�าใช�แม�พิมพ�ไปนาน ๆ อาจมีความร�อนสะสม ดังนั้น แม�พิมพ�จะต�องมีระบบการ
หล�อเย็นท่ีดี เช�น การใช� พัดลมจากภายนอกหรือมีท�อหล�อเย็นภายในแม�พิมพ�
3. ขนาดของปลั๊กท่ีใช�ใน plug-assist
โดยปกติ ขนาดของปลั๊กไม�ควรเกิน 70-85% ของ cavity และ รูปร�างของปลั๊กควรจะเป�น
คล�ายรูปร�างสะท�อนจากกระจกของรูปร�างของ cavity
107
คําถามท*ายบท
1. ในการเลือกใช�วัสดุท่ีสามารถนํามาใช�ข้ึนรูปด�วยกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิงต�องพิจารณาสมบัติท่ี
สําคัญใดบ�าง
2. ลักษณะของผลิตภัณฑ�ท่ีได�จากกระบวนการเทอร�โมฟอร�มม่ิงจะต�างจากผลิตภัณฑ�ท่ีได�จาก
กระบวนการฉีดและกดอัดอย�างไร