วางแผนรวย · 2015. 11. 4. · ทางการเงิน...
Transcript of วางแผนรวย · 2015. 11. 4. · ทางการเงิน...
สิ่งสำคัญในการจัดการกับการเงินของตนเอง ต้องเริ่มต้นที่การปรับทัศนคติ คนไทยส่วนใหญ่มักจะกลัวไม่เข้าใจไม่พยายามที่จะเข้าใจเรื่องเงินและมักจะมีข้ออ้างต่างๆนาๆเพื่อจะได้ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆทองๆเช่น“ฉันไม่เก่งคำนวณ”“ฉันไม่มีเวลา”“ยากเกินไป”“เสี่ยงเกินไป”“เป็นหน้าที่ของสามี/ภรรยาค่ะดิฉัน/ผมไม่ยุ่งเรื่องเงินๆทองๆ”หลาย ๆ คนจึงตั้งหน้าตั้งตาทำงานประจำด้วยความเชื่อว่าแก่ไปคงจะไม่ลำบากเพราะมีเงินบำนาญไว้ใช้จ่ายแล้ว กว่าจะรู้ว่าเงินที่ได้พอใช้หรือไม่ก็คงจะสายเกินไป
นึกถึงครั้งที่มี โอกาสเข้าร่วมงานวันเกษียณอายุราชการเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งกองทัพเรือ จัดขึ้นณหอประชุมกองทัพเรือผู้เขียนได้พบว่ามีหลายคนรู้สึกดีใจที่ได้พักผ่อน มีแผนการหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากทำ (รวมทั้งผู้เขียนด้วย) เช่น วางแผนเดินทาง ท่องเที่ยวไปที่ต่าง ๆ ที่สนใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่วิตกกังวลกับชีวิตหลังเกษียณ บางคนถึงกับบ่นว่ายังไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนเพราะอยู่แต่บ้านหลวงมาตลอด จนลืมวางแผนชีวิต ลืมเตรียมการซื้อบ้าน ผู้เขียนได้ฟัง
แล้วรู้สึกสะเทือนใจ จึงตั้งใจไว้ว่าเมื่อมีโอกาสจะหาทางถ่ายทอดการวางแผนการเงินด้วยตนเองอย่างง่าย ๆ ให้หลายๆท่านได้ทราบเผื่อว่าจะช่วยให้ฉุกใจคิดเตรียมการวางแผนชีวิตได้ทันเวลา เนื่องจาก “การวางแผนการเงิน” เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับทุกคน และทุกครอบครัว เพราะจะทำให้ชีวิตดี และไม่ขลุกขลักการวางแผนการเงินเป็นสิ่งที่ควรจะทำ เริ่มทำได้เร็วที่สุดยิ่งดี เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อตนเอง และครอบครัวเป็นอย่างมาก
วางแผนรวยนาวาเอก ประเสริฐ คชโคตร
“ความรู้ เรื่องการจัดการระบบการเงินของตนเอง” คือ เรื่องที่จำเป็นต้องสอนไม่ใช่เรื่องที่จะเรียนรู้ได้เอง เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก แต่คนไทยส่วนใหญ่กลับต้องเรียนรู้เรื่องการเงินด้วยตนเองตอนเข้าสู่วัยทำงาน ทำให้บางครั้งก็ไม่ทันกับสถานการณ์ บางคนเป็นหนี้หัวโต การเงินติดลบล้มละลาย ไม่สามารถลงทุนทำอะไรต่อไปได้เพราะเพิ่งจะมาเข้าใจเมื่อสาย ในปัจจุบันยิ่งต้องให้ความสำคัญ เพราะสังคมไทยย่างเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
“เคล็ดลับสำคัญในการออมเงินนั้นผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า
“ความตั้งใจสำคัญกว่าความพร้อม”
ย้อน
38 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๘ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
เมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว ตอนที่ผู้ เขียนเริ่มสนใจ การจัดการระบบการเงินของตนเอง พยายามหาหนังสือ/คู่มือ ฯลฯ มาศึกษาก็หาอ่านได้ยาก ต้องอ่านตามคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ธุรกิจที่ลงเป็นตอน ๆ จนรู้สึกอิจฉาชาวตะวันตก เพราะเท่าที่ทราบชาติตะวันตกจะเริ่มต้นสอนเรื่องการเงินทั้งจากที่บ้านคือให้เด็กวัย ตั้งแต่ตอนที่นับเลขได้ ให้ทำความรู้จักกับเหรียญและธนบัตรชนิดต่างๆก่อนเข้าโรงเรียนก็ฝึกให้ใช้เงินทอนเงิน และที่โรงเรียนทั้งในระดับประถมและมัธยมยังได้จัดทำเป็นวิชาภาคบังคับ ชื่อวิชา “คหเศรษฐศาสตร์” หรือHomeEconomics ซึ่งทำให้ผู้เขียนแอบคาดหวังว่าใน
การไม่รู้จักบริหารจัดการค่าใช้จ่ายของตนเองให้เหมาะกับเงินที่หามาได้ การใช้เงินโดยไม่มีเป้าหมายทางการเงินอย่างเหมาะสมการไม่รู้จักทางเลือกในการรักษาและเพิ่มมูลค่าของเงินรวมทั้งความไม่มีวินัยทางการเงินอาจทำให้เราต้องทำงานหนักไปตลอดทั้งชีวิตเพียงเพื่อให้มีเงินใช้จ่ายเฉพาะหน้า
อาจเป็นเพราะคนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับ“การใช้เงิน”ก่อนที่จะ“หาเงินได้”
โดยพ่อแม่ผู้ปกครอง ให้เงินเราใช้ตั้งแต่เรายังเป็นเด็ก เราจึงมีความสุขจากการใช้เงินทั้งที่ยังหาเงินไม่ได้ต่อมาเมื่อเราหาเงินได้เองจากการทำงาน
ปัญหาทางการเงินจึงเกิดขึ้นเพราะคิดว่าการหาเงินได้มากขึ้นจะสร้างความสุข
ความสะดวกสบายในชีวิตได้มากขึ้นแต่กลายเป็นว่าเงินที่หาได้เพิ่มขึ้น
กลับไม่เคยเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเลย
หากไม่เริ่มออมเงินเพื่อวัยเกษียณตั้งแต่วันนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต เนื่องจากคนไทยมีอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น แต่ละครอบครัวมีบุตรน้อยลง ทำให้ลูกหลานที่จะพึ่งพาในยามชราลดลงตามไปด้วย ต้องพึ่งตนเองมากขึ้นจึงจำเป็นต้องวางแผนการเงินของตนให้ดีให้สามารถใช้ชีวิตในวัยเกษียณอย่างมีความสุข
โรงเรียนต่าง ๆ ของกองทัพเรือ คงได้มีการสอนเรื่องการวางแผนการเงิน ให้กับนักเรียนไว้บ้าง อย่างน้อยก็ขอให้มีความรู้เรื่องความเข้าใจเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคลไว้ ให้รู้เท่าทันสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่มาตั้งบูธชักชวนให้เป็นหนี้ (บัตรเครดิต/บัตรเงินสด) ทันทีที่เรียนจบ จากประสบการณ์ตรงในชีวิตประจำวัน ที่ต้องรับมือกับรายจ่ายหลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อของสารพัดสารพัน ผู้เขียนขอยืนยันเลยว่าทักษะทางการเงิน เป็นทักษะสำคัญที่จะยกระดับฐานะและพัฒนาคุณภาพชีวิตทำให้ชีวิตดีขึ้นไม่ตกเป็นเหยื่อของคนหรือธุรกิจ ที่เห็นแก่ได้ขูดเลือดขูดเนื้อทำมาหากินกับผู้มีรายได้น้อยและมีความรู้น้อย สิ่งสำคัญอีกประการ จากการศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพื่อจัดการระบบการเงินของตนเอง ผู้เขียนก็จับประเด็นสำคัญได้ว่าหากต้องการฐานะที่มั่นคงร่ำรวยและอิสรภาพทางการเงินเราต้องฝึกตนเองให้เป็นนายของเงิน คือรู้ค่า ใช้เป็น รู้เก็บ รู้ออม รู้จักลงทุน เราจะไม่มีทางเป็นเจ้าของเงินที่เราหามาเลยหากปล่อยให้เงินที่หามาได้ถูกใช้จ่ายไปตามยถากรรมโดยไม่ได้จ่ายเงินเป็นรางวัล (เงินออม) และจัดเก็บบางส่วนให้ตนเอง(เงินลงทุน) บางท่านอาจสงสัยว่า “เงินที่เราหาได้นั่นไม่ใช่ของเราหรือ” ขอตอบว่าไม่ใช่ หากรายจ่ายเพื่อการครองชีพ และเพื่อความสุขชั่วครั้งคราวมาทำให้รายได้นั้นหมดไป ตัวเราก็จะกลายเป็นทาสของเงิน มีชีวิตและความสุขบ้างไปวัน ๆ เท่านั้นถ้าจะให้รายได้บางส่วนเป็นของเราเองอย่างแท้จริงแล้ว ต้องกันส่วนหนึ่งออกมาต่างหากโดยไม่นำไปใช้จ่าย เงินที่กันไว้นี้เมื่อสะสมหลายปีเข้าก็จะเป็นก้อนใหญ่และสร้างรายได้ให้กับเจ้าของเงิน
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๘ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ 39
(เช่นนำไปฝากกินดอกเบี้ย หรือปลูกบ้านเช่า) โดยที่เรา ไม่ต้องทำงาน เมื่อเริ่มต้นอาจมีไม่มาก แต่ไม่ใช่ เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือต้องยึดกฎที่ว่า“ต้องจ่ายให้ตัวเราเองก่อนเสมอ”กล่าวคือทำให้ส่วนหนึ่งของรายได้มาเป็นของเรา ไม่ว่าจะหาได้มากหรือน้อยเพียงใดและให้พึงระลึกว่า“ออมก่อนรวยก่อน” การออม เป็นการสร้างความมั่นคงในชีวิต จะได้มีชีวิตที่อุ่นใจในอนาคต การออมเงินจะช่วยในเรื่องของการใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับทุกคนในยุคปัจจุบัน การออมไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ว่าจะมีรายได้เท่าใดก็สามารถแบ่งออมได้เสมอเคล็ดลับการออม ๑. ออมก่อนจ่าย เมื่อได้รับรายได้ให้กันเป็นเงินออมก่อนทันที“รายได้–เงินออม=ค่าใช้จ่าย” **การวางแผนการใช้จ่ายล่วงหน้าจะช่วยให้เริ่มต้นออมได้ง่ายขึ้น**โดยเริ่มต้นดังนี้- สำรวจค่าใช้จ่ายด้วยการจดบันทึก รายรับ - รายจ่ายเพื่อตรวจสอบความจำเป็นและไม่จำเป็น(อาจแบ่งได้เป็น รายจ่ายที่จำเป็น เช่น รายจ่ายเพื่อสุขภาพ อาหาร ฯลฯและรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเช่นรายจ่ายเพื่อความบันเทิง)-ตัดลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อเพิ่มสัดส่วนการออม-เมื่อมีรายได้เพิ่มควรจะออมเพิ่ม ๒.มีวินัย ออมให้สม่ำเสมอ ให้ตระหนักอยู่เสมอว่าการออมเป็นหน้าที่สำคัญที่ต้องปฏิบัติเพื่ออนาคตทางการเงินที่ดีกว่า ๓.ตั้งเป้าหมายการออมให้ชัดเจนว่าจะออมเพื่อวัตถุประสงค์ใดและภายในระยะเวลาเท่าไหร่กล่าวได้ว่า แผนการเงิน=แผนการดำเนินชีวิตเป้าหมายระยะสั้น เช่น เพื่อการซื้อรถ เพื่อการศึกษาของบุตรเพื่อการท่องเที่ยวฯลฯเป้าหมายระยะปานกลางเช่นเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเป้าหมายระยะยาว เช่น เพื่อการเกษียณอายุงาน เพื่อการส่งต่อความมั่งคั่งให้ทายาทฯลฯ ๔. ให้รางวัลตัวเอง การออมต้องมีความสุข
เมื่อออมได้จำนวนที่ตั้งใจได้แล้วก็กันเงินประมาณ๒๐%ที่ออมได้ให้รางวัลตัวเองเช่นไปเที่ยว/ซื้อของ ๕. เริ่มต้นการออมให้เร็วที่สุดเพื่อใช้ประโยชน์จากพลังงานมหัศจรรย์ของเวลาและดอกเบี้ยทบต้นหลักการออม ๑. ออมให้ตรงความต้องการตั้งเป้าหมายชัดเจนเช่น ออมเพื่อซื้อบ้านในอนาคต หรือออมเพื่อเป็น ทุนการศึกษาออมเพื่อดาวน์รถออมเพื่อท่องเที่ยวฯลฯ การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะทำให้เกิดความกระตือรือร้นในการออม เป้าหมายจะเป็นสิ่งกำหนดจำนวนเงินและระยะเวลาในการออม ควรคำนวณว่าแต่ละเดือนเราสามารถออมเงินได้เท่าไหร่ แล้วออมอย่างสม่ำเสมอ ๒. มีสมุดเงินฝากมากกว่า ๑ เล่ม การวางแผนฝากเงินอย่างเป็นระบบ จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมพฤติกรรมการใช้ เงินของตนเองได้ ในระดับหนึ่ ง กฎเหล็กคือ อย่าปล่อยให้มีเงินเก็บอยู่ในบัญชีเงินเดือนเพียงบัญชีเดียว ควรแยกเงินที่ใช้จ่ายให้อยู่คนละบัญชีกับเงินออม
40 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๘ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
การเปิดบัญชีเงินฝากโดยทั่วไปควรแยกออกเป็น ๓บัญชีหลักๆตามความมุ่งหมายคือ ๓.๑บัญชีเงินฉุกเฉิน (เป็นบัญชีไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและกรณีมีเหตุฉุกเฉิน คุณควรมีเงินก้อนนี้ ติดบัญชีไว้บ้างสัก ๖ เท่าของค่าใช้จ่าย อย่างน้อย หากเข้าตาจนเงินก้อนนี้ก็น่าจะพอช่วยคุณได้บ้าง) ๓.๒บัญชีเงินออม ควรเป็นบัญชีที่เบิกถอนยากและมีอัตราดอกเบี้ยสูง (ผู้ เขียนแนะนำให้ฝากกับสหกรณ์ออมทรัพย์ของหน่วยงาน เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์วังเดิม (สอ.วด.) ปัจจุบันให้ดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ๔.๕* ซึ่งมากกว่าทุกธนาคาร จ่ายดอกเบี้ยทบต้นทุก ๆครึ่งปี โดยคิดดอกเบี้ย ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน และ ๓๑ธันวาคมไม่หักภาษีดอกเบี้ยเงินฝากและเบิกถอนยากเนื่องจากไม่มีการทำบัตรเอทีเอ็ม) บัญชีเงินออมควรแบ่งฝากเป็น๒บัญชีดังนี้ ๓.๒.๑ บัญชีเงินออมระยะสั้นถึงระยะกลาง ๑ - ๕ ปี เป็นการออมเพื่อเติมฝัน เพื่อนำไปใช้จ่าย ในสิ่งที่ต้องการ เช่น ดาวน์บ้าน ดาวน์รถ ท่องเที่ยว
หรือเก็บเงินไว้เป็นสินสอดทองหมั้นเพื่อแต่งงาน ๓.๒.๒บัญชีเงินออมระยะยาวเป็นบัญชีเงินออมเพื่ออนาคตที่คุณควรเก็บไว้ใช้หลังเกษียณ หรือไม่ก็เป็นค่าเล่าเรียนของลูกยามที่เขาเติบโต เงินก้อนนี้ต้องใช้ความตั้งใจและวินัยในการออมสูง จึงต้องกันเงินไว้ ทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญ เมื่อใส่เงินเข้าไป ในบัญชีนี้แล้ว “จงลืมมัน” คิดเสียว่าเป็นตายร้ายดี ก็จะไม่ยอมถอนเงินก้อนนี้ไปใช้เด็ดขาด ๓.๓บัญชีสำหรับการลงทุน เป็นบัญชีที่เปิดไว้เพื่อรองรับเงินสำหรับการลงทุน ให้แบ่งเงินออมมา เข้าบัญชีนี้ดูบ้าง วันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี แล้วลองศึกษาเรื่องการลงทุน เมื่อได้เงินออมมากพอค่อยถอนไปลงทุนในทางเลือกอื่น ๆ ที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก เช่นซื้อพันธบัตร กองทุนรวมหุ้น สลากออมสิน ทองคำ ฯลฯ ซึ่งควรเลือกการลงทุน ที่เหมาะสม ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อให้เงินทำงานสร้างเงินให้กับเรา
*สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ สหกรณ์ออมทรัพย์วังเดิม (คุณอัญญารัตน์ วงศ์จาด) โทร. ๕๓๐๕๖ หรือ ๐๒ - ๔๖๕ - ๖๓๖๒
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๘ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ 41
เทคนิคเพิ่มแรงจูงใจในการออมหากเรารู้สึกสนุกกับการออมจะทำให้ยอดเงินออมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่น
๑. เก็บเหรียญที่ได้จากการทอนเงิน ผู้เขียนเห็นลูกชอบเก็บใส่กล่องเล็กๆแบบมีช่องแบ่งเขาบอกว่านับง่ายกว่าใส่กระปุกออมสิน ลองดูก็เห็นว่าเข้าทีดีเหมือนกันเมื่อเต็มก็นำไปฝากธนาคาร
๒.เก็บเฉพาะเหรียญสิบบาทอาจใช้การแสวงหาเหรียญแปลก ๆ หายาก นำมาสะสมเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับการออมได้อีกทางหนึ่ง
๓. เลือกเก็บเฉพาะธนบัตรใบละห้าสิบบาทเพราะเป็นธนบัตรที่โอกาสพบไม่บ่อยนัก ออมไม่นานก็จะได้เงินก้อนโตให้รีบนำไปฝากธนาคาร หรือสหกรณ์กินดอกเบี้ยต่อไป
๔. คนที่ชอบดื่มกาแฟ อาจเลือกการออมเงินทุกครั้งที่ซื้อด้วยการหยอดเงินสะสมในขวดหรือแก้วที่ชอบ ขอแนะนำว่าควรเป็นเหรียญห้าบาทหรือสิบบาท เมื่อเต็มขวด/แก้วจะได้เงินที่มากโข แล้วให้รีบนำไปฝากธนาคาร
42 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๘ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
เป็นหนี้ก็ออมได้ การจะออมเงินได้หรือไม่นั้นอยู่ที่ตัวเราว่ามีความตั้งใจแค่ไหน มีวินัยเพียงพอหรือไม่ ถ้าเราคิดจะทำย่อมทำได้แน่นอน การเริ่มต้นออมเงินให้พิจารณาจากบัญชีรายรับรายจ่าย ว่ามีรายการใด ที่ฟุ่มเฟือยไม่จำเป็นสามารถประหยัดได้ก็สามารถผันมาเป็นเงินออมได้ อาจจะเป็นค่ากาแฟสดแก้วละ ๕๐บาทที่ดื่มทุกวัน ถ้างดได้นอกจากจะประหยัดเงินได้ถึงเดือนละ๑,๕๐๐บาท (๕๐x๓๐วัน=๑,๕๐๐)หรือ๑๙,๕๐๐ บาท/ปี แล้วยังช่วยเรื่องสุขภาพ สามารถ ลดน้ำหนักได้อีกด้วย ลองหาค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย ไม่จำเป็นของคุณให้เจอคุณจะพบว่าหากเปลี่ยนมาเป็นเงินออม จะได้เงินออมจำนวนไม่น้อยต่อปีเลยทีเดียว ถึงแม้อาจจะตัดค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยออกได้ไม่มาก หากสามารถออมเงินแค่๑๐๐-๒๐๐บาทก็อย่าดูถูกว่าเงินน้อยสิ่งสำคัญคือต้องออมเงินให้ได้ก่อน เป็นการสร้างวินัยให้ตนเองเมื่อวินัยการออมเข้มแข็งยอดเงินออมต่อเดือนต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน ออมก่อนรวยก่อนด้วยอภินิหารดอกเบี้ยทบต้น พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ดอกเบี้ยทบต้น ก็คือ ดอกเบี้ยของดอกเบี้ย นั่นเอง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อัจฉริยะแห่งยุค ถึงกับเคยกล่าวว่า ดอกเบี้ยทบต้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ๘ของโลกหลักการง่ายๆของดอกเบี้ยทบต้นมีอยู่ว่า เมื่อคุณฝากเงินก้อนแรก คุณจะได้รับดอกเบี้ย
ตัวอย่างการลงทุน นอกเหนือจากการฝากเงินในธนาคารเพื่อ กินดอกเบี้ย (การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน)
จากเงินก้อนนั้นตามระยะเวลาที่กำหนด ถ้าคุณไม่ถอนออกมาใช้ ธนาคารจะทบดอกเบี้ยนั้นเข้ากับเงินต้นเดิมกลายเป็นเงินก้อนใหม่ที่มีมูลค่ามากขึ้น เมื่อถึงกำหนดรอบใหม่คุณจะได้รับดอกเบี้ยจากเงินก้อนใหม่ซึ่งดอกเบี้ยก็จะเพิ่มขึ้นเพราะเงินต้นเพิ่มขึ้นทบเข้าไปอีก ซึ่งถ้าคุณปล่อยไปเรื่อย ๆ ไม่ถอนออกมาใช้ เงินต้นของคุณก็จะโตขึ้นเรื่อย ๆ ที่สำคัญถ้าเริ่มต้นฝากเงินเร็วเท่าไหร่ก็จะทำให้เงินออมโตเร็วเท่านั้น
จากตารางสรุปได้ว่าถ้าเริ่มออมเงินเพียง๑,๐๐๐บาท โดยมีดอกเบี้ยเงินฝาก๔.๕%ต่อปีตั้งแต่อายุ๒๕ปีถึงอายุ๖๐ปีจะได้เงินออมถึง๑,๐๖๘,๔๘๙บาทในจำนวนเงิน๑,๐๐๐บาทเท่ากันถ้าเริ่มออมเงินตอนอายุ๓๐ป ีถึงอายุ๖๐ปีจะมีเงินออม๗๙๗,๒๕๑บาทแต่ถ้ารู้สึกตัวช้าเริ่มออมตอนอายุ๔๐ปีพออายุ๖๐ปีก็จะมีเงินออม๔๐๗,๔๗๗บาทถ้าเริ่มออมตอนอายุ๕๐ปีพออายุ๖๐ปีก็ยังจะมีเงินออมถึง๑๕๘,๗๓๗บาท
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๘ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ 43
ตัวอย่างบัญชีรายรับรายจ่าย
บันทึกรายรับ - จ่าย ประจำวันของเดือน พฤศจิกายน ๒๕๕๗ สรุปรายรับ - จ่าย ประจำเดือน พฤศจิกายน ๒๕๕๗
สรุปรายรับ - จ่าย ประจำปี ๒๕๕๗
44 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๘ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
จดแก้จน เราสามารถหาเงินออมได้จากการทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำวันแล้วทำสรุปเมื่อสิ้นเดือนบันทึกครบปีก็ทำสรุปเป็นรายปีอีกครั้งเพื่อให้เห็นภาพรวมของรายจ่ายที่ผ่านมาว่าหมดไปกับเรื่องใดบ้างจำเป็นหรือไม่เรื่องใดสามารถปรับลดลงได้บ้าง เพื่อนำมาเป็นเงินออมต่อไปและนำไปตั้งงบประมาณรายจ่ายในปีต่อไป ซึ่งจะช่วยให้เราเก็บเงินได้ดีมากขึ้น การจดบัญชีประจำวันเมื่อแรกทำอาจไม่ง่ายนักเพราะต้องมีวินัยและความตั้งใจจริง ให้ทำเป็นประจำทุกวันเหมือนการเล่นเฟสบุคหรือไลน์อย่าค้างจดเพราะจะลืมได้ว่าใช้จ่ายอะไรไปเท่าไหร่บ้าง สมุดบัญชีอาจใช้สมุดจดเลคเชอร์ของนักเรียนมาทำสมุดบัญชีรายเดือนก็ดีราคาไม่แพงหาซื้อได้ง่าย เคล็ดลับอีกอย่างหนึ่ง คือ สมุดบัญชีค่าใช้จ่าย รายเดือนของเราไม่จำเป็นว่าจะต้องมี เล่มเดียว ควรแยกจดบันทึกค่าใช้จ่ายหลักๆ เช่นบัญชีค่าใช้จ่ายเรื่องรถ (บันทึกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถทั้งหมด เช่น ค่าที่จอดรถค่าทางด่วนค่าอะไหล่ซ่อมรถฯลฯ)บัญชีค่าโทรศัพท์/ค่าอินเตอร์เน็ต บัญชีค่าใช้จ่ายของลูก (ค่าขนม ค่าแบบเรียน ค่าชุด ฯลฯ) บัญชีค่าของใช้ ในบ้าน บัญชีการจ่ายตลาดซื้อของสดสำหรับทำกับข้าว(บัญชีนี้ควรติดไว้กับตู้เย็น จะช่วยเตือนความจำว่า มีอะไรอยู่ในตู้เย็นโดยไม่ต้องรื้อตู้เย็นทุกครั้ง และรู้ว่าของชิ้นไหนน่าจะหมดอายุแล้วเป็นต้น) ข้อดีของการทำบัญชีรายรับรายจ่ายคือ ๑. เมื่อใช้เงินตามแผนที่วางไว้ จะช่วยแก้นิสัยการใช้เงินอย่างไม่รอบคอบ ๒. สมุดบัญชีจะช่วยประหยัดเงินได้ เพราะเมื่อใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยก็จะรู้ได้ทันที ต่อไปก็จะได้ใช้เงินอย่างประหยัด ๓. ช่วยฝึกความสามารถในการใช้เงิน เพราะต้องตัดสินใจว่าจะใช้จ่ายสิ่งใดและสิ่งนั้นจำเป็นหรือไม่ การไม่รู้จักบริหารจัดการค่าใช้จ่ายของตนเองให้เหมาะกับเงินที่หามาได้ การใช้เงินโดยไม่มีเป้าหมาย
ทางการเงินอย่างเหมาะสม การไม่รู้จักทางเลือกในการรักษาและเพิ่มมูลค่าของเงิน รวมทั้งความไม่มีวินัยทางการเงิน อาจทำให้เราต้องทำงานหนักไปตลอดชีวิตเพียงเพื่อให้มีเงินใช้จ่ายวันต่อวันผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความรู้เบี้องต้นเกี่ยวกับการเงินนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนทหารในภายภาคหน้า จากนี้ไปขอให้ทุกท่านสนุกกับการลงมือวางแผนรวยครับ อ้างอิง๑.วรากรณ์สามโกเศศ.รู้จักใช้เข้าใจเงิน.กรุงเทพฯ:ธนาคารไทยพาณิชย์,๒๕๔๙๒. พจณี คงคาลัย. จนเครียดเก็บตังค์สิ. กรุงเทพฯ :เนชั่นบุ๊คส์,๒๕๕๐๓.อมิตาอริยอัชฌา.เขาใช้เงินกันอย่างไรมีเงินใช้ตลอดชีวิต.กรุงเทพฯ:ซีเอ็ด,๒๕๕๑๔.“ออมก่อนรวยกว่า”http://pajareep.blogspot.com/ 2012/06/blog-post_11.htmlสืบค้น๑๑พ.ย.๕๗๕.“ออมเพลินเมินจน”http://www.tsi-thailand.org/index.php?option=com_content&task=view&id=1526&Itemid=1431สืบค้น๑๑พ.ย.๕๗
“รายได้มากเท่าไหร่ไม่สำคัญ สำคัญว่า
เหลือเก็บเท่าไหร่มากกว่า”
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๘ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ 45