โรคท งเดินห ยใจ ติดง่ ยห...
Transcript of โรคท งเดินห ยใจ ติดง่ ยห...
8
โรคท�งเดินห�ยใจ ติดง่�ยห�ยเอง
โรคทางเดินหายใจ
ทางเดนิหายใจเปน็ระบบทีส่ำาคญัของรา่งกายหากมพียาธสิภาพเกดิขึน้
ย่อมก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายเช่นหากเกิดภาวะทางเดินหายใจถูกอุดกั้นจะ
ส่งผลให้สมองขาดออกซิเจน(hypoxia)ผู้ป่วยจะมีอาการหมดสติและเสียชีวิต
ในเวลาอันสั้นได้ แต่โชคดีที่ส่วนใหญ่โรคต่างๆของทางเดินหายใจมักไม่รุนแรง
และบางโรคสามารถหายเองได้
ทางเดินหายใจหมายถึงช่องภาย
ในร่างกายที่ส่งผ่านอากาศจากภายนอก
เข้าสู่ร่างกายไปยังปลายทางคือถุงลม
ภายในปอดประกอบดว้ยชอ่งจมกู(nasal
cavity) ช่องปาก (oral cavity) คอหอย
(pharynx) กล่องเสียง (larynx) ท่อลม
(trachea)หลอดลม(bronchus)และถุง
ลมปอด(alveoli)เรียงจากภายนอกเข้าสู่
ภายในร่างกายรูปที่ 5 ทางเดินหายใจเริ่มจากจมูกจนถึงชายปอด
ในหัวข้อนี้จะกล่าวถึงโรคในระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อยดังนี้
1. โรคไข้หวัด
2. ภาวะวัตถุแปลกปลอมอุดกั้นทางเดินหายใจ
3. โรคคอหอยอักเสบและต่อมทอนซิลอักเสบ
4. โรคหอบหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังกำาเริบเฉียบพลัน
5. โรคปอดอักเสบ
8
โรคทางเดินหายใจ ติดงา่ยหายเอง โรคทางเดินหายใจ
ทางเดินหายใจเป็นระบบที่ส าคัญของรา่งกาย หากมีพยาธิสภาพเกิดขึ้นย่อมก่อใหเ้กดิผลเสียตอ่ร่างกาย เชน่ หากเกิดภาวะทางเดินหายใจถูกอดุกัน้จะส่งผลเปน็ผลให้สมองขาดออกซิเจน (hypoxia) ผู้ปุวยจะมีอาการหมดสตแิละเสียชีวติในเวลาอนัสั้นได ้แต่โชคดีที่สว่นใหญ่โรคต่างๆของทางเดนิหายใจมักไม่รุนแรง และบางโรคสามารถหายเองได ้
ทางเดินหายใจ หมายถึง ช่องภายในร่างกายที่ส่งผา่นอากาศจากภายนอกเข้าสูร่่างกายไปยังปลายทางคือถุงลมภายในปอด โดยประกอบด้วย ช่องจมกู (nasal cavity) ช่องปาก (oral cavity) คอหอย (pharynx) กล่องเสยีง (larynx) ท่อลม (trachea) หลอดลม (bronchus) และถงุลมปอด (alveoli) เรียงจากภายนอกเข้าสู่ภายในร่างกาย
รูปที่ 5 ทางเดินหายใจเริ่มจากจมูกจนถึงชายปอด
ในหัวข้อนี้จะกล่าวถงึ โรคในระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อยดังนี้ 1. โรคไขห้วดั 2. ภาวะวัตถุแปลกปลอมอดุกัน้ทางเดินหายใจ 3. โรคคอหอยอกัเสบ และต่อมทอนซิลอักเสบ 4. โรคหอบหืด และโรคปอดอดุกั้นเรื้อรังก าเริบเฉียบพลัน 5. โรคปอดอกัเสบ
9
โรคไข้หวัด (common cold/nasopharyngitis)
ไขห้วดัเปน็ภาวะการอกัเสบของโพรงจมกู(nasalcavity)และคอหอย
สว่นบน(nasopharynx)มสีาเหตเุกดิจากเชือ้ไวรสัเชน่ไรโนไวรสัโคโรนาไวรสั
พิโคน่าไวรัสเป็นต้นการติดต่อเกิดจากการไอจามหรือสัมผัสกับสารคัดหลั่ง
โดยตรง
อาการและอาการแสดง คือมีไข้ คัดจมูก
นำ้ามูกไหล ไอ เจ็บคอ โดยมากมักมีอาการ2-3วัน
หลังจากนั้นอาการจะค่อยๆดีขึ้นและหายไปเอง
การปฐมพยาบาลเบือ้งตน้โดยทัว่ไปไขห้วดั
จะหายเองไดห้ากพกัผอ่นใหเ้พยีงพอดืม่นำา้มากๆรบั
ประทานยาตามอาการเช่นยาลดไข้ยาลดนำ้ามูกยา
แก้ไอข้อมูลจากงานวิจัยพบว่าการใช้ยาปฏิชีวนะใน
โรคไขห้วดัไมม่ปีระโยชน์และอาจเกดิโทษเชน่แพย้า
เกดิผลขา้งเคยีงจากยากอ่ใหเ้กดิเชือ้ดือ้ยาภายในรา่งกายถา้รบัประทานยาโดย
ไม่จำาเป็นบ่อยครั้งเป็นต้นหากอาการดังกล่าวเป็นเกิน3วันร่วมกับมีอาการ
ปวดเมื่อยตามตัวมากมีท้องร่วงกินไม่ได้หายใจเร็วให้รีบมาพบแพทย์เพราะ
อาจเป็นไข้หวัดใหญ่หรือมีภาวะแทรกซ้อนของระบบทางเดินหายใจ
การป้องกันไม่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือ
ให้สะอาดด้วยสบู่เมื่อสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วยทุกครั้ง
ภาวะวัตถุแปลกปลอมอุดกั้นทางเดินหายใจ (Foreign body
obstruction)
ภาวะการอดุกัน้ทางเดนิหายใจมหีลายสาเหตุในเดก็พบวา่สว่นใหญเ่กดิ
จากการอกัเสบตดิเชือ้ของหลอดลมฝาปดิกลอ่งเสยีงรองลงมาคอืการสำาลกัสิง่
แปลกปลอมเช่นของเล่นเศษอาหารเป็นต้นส่วนในผู้ใหญ่พบว่าเนื้องอกใน
กลอ่งเสยีงเปน็สาเหตทุีพ่บบอ่ยทีส่ดุรองลงมาคอืการบาดเจบ็บรเิวณกลอ่งเสยีง
และภาวะสำาลักสิ่งแปลกปลอมตามลำาดับ
รูปที่ 6 อาการของไข้หวัด
10
อาการและอาการแสดงคือหายใจลำาบาก หายใจเสียงดังครืดคราด
(stridor) การอุดกั้นบริเวณเหนือกล่องเสียงจะได้ยินเสียงหายใจครืดคราดใน
ช่วงหายใจเข้า แต่ถ้าการอุดกั้นนั้นอยู่ที่ระดับกล่องเสียงหรือตำ่ากว่าจะได้ยิน
เสียงหายใจครืดคราดทั้งช่วงหายใจเข้าและออก
โรคทีเ่กดิจากทางเดนิหายใจสว่นบนอดุกัน้ตอ้งรบีชว่ยเหลอืทนัทีโดย
แบ่งเป็น2กรณี
1. อุดกั้นโดยสมบูรณ์ จะมีการขาด
อากาศอย่างรวดเร็วปากมือเท้าเปลี่ยนเป็น
สเีขยีวมอืกมุรอบลำาคอ(universalsign)ดงั
รูปที่7พูดหรือร้องแต่ไม่มีเสียงและหมดสติ
ในระยะเวลาอันสั้น
2. อดุกัน้บางสว่นจะมอีาการหายใจ
ลำาบากเสียงพูดเบาและหายใจเร็วกว่าปกติ
ท่านั่งโน้มตัวไปข้างหน้าจะหายใจได้ดีที่สุด
ไม่บังคับให้นอนหงาย เนื่องจากจะหายใจ
ลำาบากจะมากขึ้น
การรักษาเบื้องต้น ถ้าผู้ป่วยรายนั้นยังมีสติให้ผู้ป่วยพยายามไอแรงๆ
ถ้าสิ่งแปลกปลอมไม่หลุดออกมาและอาการไม่ดีขึ้นเริ่มหายใจเร็วและเขียว
ให้ทำาการช่วยเหลือโดยแบ่งตามอายุเป็น2กรณีดังนี้
1. กรณเีดก็อายนุอ้ยกวา่1ปีใหใ้ชก้ารทำาbackblowchestthrust
(รปูที่8)วธิทีำาใหน้ัง่คกุเขา่อุม้เดก็ควำา่หนา้หวัตำา่ใชศ้อกหนบีลำาตวัของเดก็แนบ
ลำาตวัผูช้ว่ยเหลอืการใชส้นัมอืฟาดทีก่ลางหลงัตรงกลางระหวา่งกระดกูสะบกั5
ครั้งแรงเร็วสังเกตว่ามีสิ่งแปลกปลอมหลุดออกมาหรือไม่ถ้ายังไม่หลุดให้พลิก
เด็กหงายขึ้นหัวตำ่าจับบริเวณท้ายทอยของเด็กศอกหนีบลำาตัวของเด็กแนบลำา
ตัวผู้ช่วยเหลือและกดที่หน้าอกโดยใช้นิ้ว2นิ้วกดกลางหน้าอกระหว่างหัวนม
ของเดก็จำานวน5ครัง้แรงเรว็ทำาสลบัไปเรือ่ยๆถา้เหน็วตัถแุปลกปลอมเคลือ่น
รูปที่ 7 ทางเดินหายใจอุดกั้นโดยสมบูรณ์
11
ออกมาที่ช่องปากให้หยิบออกเด็กจะดีขึ้นและสามารถหายใจเองได้แต่ถ้าไม่
ดขีึน้นิง่ไปไมข่ยบัใหเ้ปลีย่นมาทำาการกดหนา้อกแทนซึง่จะพดูตอ่ไปในบทการ
ช่วยกู้ชีวิต
รูปที่ 8 การทำา back blow chest thrust
2. กรณีอายุมากกว่า 1 ปี ให้ทำาการช่วยเหลือด้วยการกดช่องท้อง
Heimlichprocedureและabdominalthrustยกเวน้ผูป้ว่ยเปน็หญงิมคีรรภ์
หรือคนอ้วนให้ใช้วิธีการกดหน้าอก(chestthrust)แทนการกดช่องท้อง
ท่าการกดท้องมีหลายวิธีเช่นท่ายืนท่านั่งท่านอนเป็นต้น
• ท่ายืนเหมาะสำาหรับผู้ป่วยที่ยังมีสติและผู้ช่วยเหลือตัวใหญ่กว่า
• ทา่นัง่เหมาะสำาหรบัสำาหรบัผูป้ว่ยทีย่งัมสีติและผูช้ว่ยเหลอืตวัเลก็กวา่
• ท่านอน(abdominalthrust)เหมาะสำาหรับผู้ป่วยหมดสติ
• กรณีอยู่คนเดียวให้ใช้พนักพิงเก้าอี้เป็นตัวดันต้านกับมือ และหา
ผู้ช่วยเหลือดังรูป
รูปที่ 9 การทำา Heimlich procedure รูปที่ 10 การทำา Abdominal thrust
12
วิธีกดท้องทำาได้โดยกำามือ ควำ่ามือ เอานิ้วหัวแม่มือเข้าด้านใน วาง
บริเวณลิ้นปี่ตรงกลางระหว่างชายโครงทั้งสองข้าง อีกมือประสานกำาปั้นไว้
ออกแรงดันขึ้น เร็วและแรงเข้าหาลำาตัวและขึ้นด้านบน จะเกิดแรงดันในช่อง
ปอดผลกัเอาวตัถแุปลกปลอมออกมาทำาซำา้หลายครัง้เรือ่ยๆจะหยดุทำาเมือ่สิง่
แปลกปลอมหลดุออกหรอืผูป้ว่ยหมดสติกรณหีลงัใหต้รวจชพีจรถา้ยงัมชีพีจร
เปลีย่นมาทำาการกดทอ้งในทา่นอน(abdominalthrust)แตถ่า้ไมม่ชีพีจรใหก้ด
หน้าอกเพื่อทำาการกู้ชีวิต(CPR)แทน
วิธีการกดหน้าอก (Chest thrust)ให้ทำาเหมือนกับการกดท้องทุก
ประการเพยีงแตเ่ปลีย่นตำาแหนง่การวางมอืจากชอ่งทอ้งมาทีช่อ่งอกโดยวางมอื
ทีต่ำาแหนง่กลางกระดกูหนา้อกระดบัราวนมและชว่ยกดหนา้อกจนกวา่สิง่แปลก
ปลอมจะหลุดหรือหมดสติ
สิ่งที่สำาคัญที่สุดนอกเหนือจากการปฐมพยาบาล คือการป้องกันการ
สูดสำาลักโดยการห้ามไม่ให้เด็กเล่นซนขณะรับประทานไม่ควรหัวเราะหรือพูด
ระหวา่งรบัประทานอาหารและหา้มกลนือาหารทีช่ิน้ใหญเ่กนิไปเมือ่มปีญัหาใน
การเคี้ยว
รูปที่ 11 การทำา Abdominal thrust
ด้วยตัวเองรูปที่ 12 การทำา Chest thrust
11
ท่าการกดท้องมหีลายวธิีเชน่ ท่ายนื ท่านั่ง ท่านอน ท าด้วยตนเอง เป็นต้น
ท่ายืนเหมาะส าหรับผู้ปวุยทีย่ังมีสต ิและผู้ช่วยเหลือตัวใหญ่กว่า
ท่านั่ง เหมาะส าหรบัส าหรับผู้ปุวยที่ยังมีสติ และผู้ช่วยเหลือตัวเล็กกว่า
ท่านอน (abdominal thrust) เหมาะส าหรับผู้ปวุยหมดสต ิ
กรณีอยู่คนเดียวให้ใช้พนักพิงเก้าอี้เป็นตวัดนัต้านกบัมือ และหาผู้ช่วยเหลือ ดงัรูป
วิธีกดท้องท าได้โดยก ามือ คว่ ามือ เอานิ้วหัวแมม่ือเข้าดา้นใน วางบริเวณลิน้ปีต่รงกลางระหวา่งชาย
โครงทั้งสองข้าง อีกมือประสานก าปั้นไว ้ออกแรงดนัขึน้ เรว็และแรงเข้าหาล าตวัและขึ้นด้านบน จะเกดิแรงดันในช่องปอด ผลักเอาวัตถุแปลกปลอมออกมา ท าซ้ าหลายครัง้เรื่อยๆ จะหยุดท าเมื่อสิ่งแปลกปลอมหลุดออก หรือผู้ปวุยหมดสติ กรณีหลงัให้ตรวจชีพจร ถ้ายังมีชีพจรเปลี่ยนมาท าการกดท้องในทา่นอน (abdominal thrust) แต่ถ้าไม่มีชีพจรให้กดหน้าอกเพื่อท าการกู้ชวีติ (CPR) แทน
วิธีการกดหน้าอก (Chest thrust)ให้ท าเหมือนกับการกดท้องทกุประการเพียงแตเ่ปลี่ยนต าแหน่งการวางมือจากช่องท้องมาที่ช่องอก โดย
รูปที่ 9 การท า Heimlich procedure รูปที่ 10 การท า Abdominal thrust
รูปที่ 11 การท า Abdominal thrust
ด้วยตัวเอง
รูปที่ 12 การท า Chest thrust
13
โรคคอหอยอักเสบ และต่อมทอนซิลอักเสบ (Pharyngitis and
tonsillitis)
สาเหตขุองโรคคอหอยอกัเสบและตอ่มทอนซลิอกัเสบเฉยีบพลนัในเดก็
กอ่นวยัเรยีนมกัเกดิจากการตดิเขือ้ไวรสัแตใ่นเดก็โตหรอืผูใ้หญม่กัมสีดัสว่นการ
ติดเชื้อของแบคทีเรียสูงขึ้น
อาการและอาการแสดงคอืเจบ็คอกลนืเจบ็ไอมเีสมหะมไีข้ปวดเมือ่ย
ตามตัว ตรวจในลำาคอพบว่าคอหอยแดง และหรือต่อมทอนซิลบวมแดง อาจ
มีหนองหรือไม่ก็ได้ ในกรณีมีแผ่นเยื่อหนอง (membranous) มาคลุมบริเวณ
คอหอยและทอนซิลอาจเป็นเชื้อแบคทีเรียทั่วไปเช่นStreptococcusเป็นต้น
หรืออาจเป็นเชื้อแบคทีเรียC.Diptheriaeซึ่งก่อโรคคอตีบก็ได้
การแยกวา่ตดิเชือ้ไวรสัหรอืแบคทเีรยีโดยมากตอ้งแยกดว้ยการเพาะเชือ้
ซึ่งไม่เป็นที่นิยมแต่นิยมใช้การแยกทางคลินิกอย่างง่ายมากกว่าดังตารางนี้
การติดเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อไวรัส
- มีนำ้ามูกเขียว
- มีจุดหนองในลำาคอ
- มีจุดเลือดออกที่เพดานอ่อน
- มีต่อมนำ้าเหลืองที่คอโต
- อาจพบรว่มกบัหชูัน้กลางหรอืไซนสัอกัเสบ
- อาการทีร่ะบบอืน่ๆมากกวา่คอืนำา้มกูใส
ไอจามตาแดงเสยีงแหบและปวดเมือ่ย
ตามตัว
- คนใกลช้ดิมอีาการคลา้ยคลงึกนัเนือ่งจาก
ติดได้ง่ายจากการไอจาม
12
ต าแหนง่คือวางบนกระดูกกลางหน้าอกสว่นลา่งประมาณระดบัราวนม จนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะหลุดหรือหมดสติ สิ่งที่ส าคัญที่สดุนอกเหนือจากการปฐมพยาบาล คือการปูองกนัการสดูส าลกั โดยการห้ามไม่ให้เดก็เล่นซนขณะรบัประทาน ไมค่วรหัวเราะหรอืพูดระหว่างรับประทานอาหาร และห้ามกลืนอาหารที่ชิ้นใหญ่เกินไปเมือ่มีปญัหาในการเคีย้ว
โรคคอหอยอกัเสบ และต่อมทอนซิลอักเสบ (Pharyngitis and tonsillitis)
สาเหตุของโรคคอหอยอักเสบและต่อมทอนซิลอักเสบเฉยีบพลันในเดก็ก่อนวัยเรียนมักเกดิจากการติดเขื้อไวรัส แต่ในเด็กโตหรอืผู้ใหญ่มกัมีสัดส่วนการตดิเชื้อของแบคทีเรียที่สงูขึน้
อาการและอาการแสดง คือเจ็บคอ กลืนเจ็บ ไอ มีเสมหะ มไีข้ ปวดเมื่อยตามตวั ตรวจในล าคอพบว่าคอหอยแดง และหรือต่อมทอนซิลบวมแดง อาจมหีนองหรอืไมก่็ได้ ในกรณีมแีผ่นเยื่อหนอง (membranous) มาคลุมบริเวณคอหอยและทอนซิลอาจเป็นเชื้อแบคทีเรียทั่วไป เชน่ Streptococcus เป็นต้น หรอือาจเป็นเชื้อแบคทีเรีย C. Diptheriae ซึ่งกอ่โรคคอตบีกไ็ด ้
การแยกว่าติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย โดยมากต้องแยกด้วยการเพาะเชื้อ ซึ่งไม่เป็นที่นิยม แต่นิยมใช้การแยกทางคลินิกอย่างง่ายมากกว่า ดังตารางนี้
การติดเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อไวรัส - มีน้ ามูกเขียว - มีจุดหนองในล าคอ - มีจุดเลือดออกท่ีเพดานอ่อน - มีต่อมน้ าเหลืองโตที่คอ - อาจพบร่วมกับหูชั้นกลาง หรือไซนัสอักเสบ
- อาการที่ระบบอ่ืนๆมากกว่า คือ น้ ามูกใส ไอ จาม ตาแดง เสียงแหบ และปวดเมื่อยตามตัว
- คนใกล้ชิดมีอาการคล้ายคลึงกัน เนื่องจากติดได้ง่ายจากการไอจาม
รูปที่ 13 ลักษณะทอลซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย รูปที่ 14 ลักษณะทอลซิลอักเสบจากเชื้อไวรัส รูปที่ 13 ลักษณะทอลซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย รูปที่ 14 ลักษณะทอลซิลอักเสบจากเชื้อไวรัส
14
การปฐมพยาบาลเบือ้งตน้คอืพกัผอ่นมากๆดืม่นำา้ใหเ้พยีงพอใหย้า
แกป้วดลดไขต้ามอาการสว่นการใหย้าปฏชิวีนะจำาเปน็เฉพาะในกรณทีีส่งสยัวา่
ติดเชื้อแบคทีเรียโดยรับประทานยากลุ่มPenicillinsต่อเนื่อง7-10วันกรณี
แพ้ยาPenicillinsให้ใช้กลุ่มMacrolidesแทน
กรณทีีเ่ปน็คอตบีตอ้งรบัประทานยาอยา่งนอ้ย14วนัรว่มกบัใหย้าตา้น
พิษ (antitoxin) โดยโรคคอตีบอันตรายกว่าเชื้อแบคทีเรียธรรมดาคือสามารถ
ทำาให้เกิดทางเดินหายใจอุดกั้นขาดอากาศได้
ภาวะแทรกซ้อนของโรคนี้พบได้ไม่
บ่อยแต่เมื่อเกิดขึ้นมักร้ายแรงสาเหตุเกิดจาก
ไมไ่ดย้ารกัษาหรอืกนิยาไมค่รบขนาดแบง่ออก
เป็นภาวะแทรกซ้อนเฉพาะที่ (local com-
plications) เช่นเป็นฝีหนองรอบทอนซิล
(Peritonsillar abscess) (ดังรูปจะเห็นว่า
ต่อมทอนซิลด้านซ้ายแดงบวมโตจนดันลิ้นไก่
ไปทางขวา) ติดเชื้อในช่องคอลามสู่ช่องหลังคอหอย ต่อมนำ้าเหลืองบริเวณคอ
อกัเสบสว่นภาวะแทรกซอ้นเชงิระบบเชน่หลอดเลอืดฝอยไตอกัเสบเฉยีบพลนั
(glomerulonephritis)โรคไข้รูห์มาติกเฉียบพลัน(acuterheumaticfever)
โรคลิ้นหัวใจอักเสบ(endocarditis)
โรคหอบหืด และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังกำาเริบเฉียบพลัน
โรคหอบหืด เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของหลอดลมเป็นๆหายๆ
ทำาให้เกิดการตีบแคบของหลอดลมมักมีอาการตั้งแต่ในวัยเด็กลักษณะสำาคัญ
ของโรคมี3ส่วนคือ
1. มีการหลั่งมูกออกมาภายในหลอดลมมาก
2. กล้ามเนื้อรอบหลอดลมหดเกร็งและ
3. เยื่อบุภายในหลอดลมหนาตัว จากการอักเสบโดยสิ่งกระตุ้นจาก
ภายนอกที่ผู้ป่วยรายนั้นแพ้
13
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือ พักผ่อนมากๆ ดื่มน้ าให้เพียงพอ ให้ยาแกป้วดลดไขต้ามอาการ ส่วนการให้ยาปฏิชีวนะ จ าเปน็เฉพาะในกรณีที่สงสัยติดเชื้อแบคทเีรีย โดยรับประทานยากลุ่ม Penicillins ต่อเนื่อง 7-10 วัน กรณีแพ้ยา Penicillins ให้ใช้กลุ่ม Macrolides แทน
กรณีที่เปน็คอตีบต้องรับประทานยาอย่างนอ้ย 14 วนั รว่มกบัให้ยาตา้นพิษ (antitoxin) โดยโรคคอตีบอนัตรายกว่าเชื้อแบคทีเรยีธรรมดาคือสามารถท าให้เกิดทางเดนิหายใจอุดกัน้ ขาดอากาศได ้
ภาวะแทรกซ้อนของโรคนี้พบไดไ้มบ่่อย แต่เมื่อเกดิขึ้นมกัร้ายแรง สาเหตุเกดิจากไมไ่ด้ยารักษาหรอืกินยาไมค่รบขนาด แบ่งออกเปน็ภาวะแทรกซ้อนเฉพาะที่ (local complications) เช่นเป็นฝีหนองรอบทอนซิล (Peritonsillar abscess) (ดังรูปจะเห็นว่าตอ่มทอนซิลด้านซา้ยแดงบวมโตจนดนัลิ้นไก่ไปทางขวา) ติดเชื้อในช่องคอลามสู่ชอ่งหลังคอหอย ตอ่มน้ าเหลอืงบริเวณคออกัเสบ ส่วนภาวะแทรกซ้อนเชิงระบบ เช่น หลอดเลือดฝอยไตอักเสบเฉียบพลัน (glomerulonephritis) โรคไข้รหู์มาติกเฉียบพลัน (acute rheumatic fever) โรคลิน้หวัใจอักเสบ (endocarditis)
โรคหอบหืด และโรคปอดอดุกั้นเรื้อรังก าเริบเฉยีบพลนั โรคหอบหืด เปน็โรคที่เกิดจากการอักเสบของหลอดลมเป็นๆหายๆ ท าใหเ้กิดการตีบแคบของ
หลอดลม มกัมีอาการตั้งแต่ในวัยเด็ก ลกัษณะส าคัญของโรคประกอบด้วย 3 ส่วน คอื 1. มีการหลั่งมกูออกมาภายในหลอดลมมาก 2. กล้ามเนื้อรอบหลอดลมหดเกร็ง และ 3. เยื่อบุภายในหลอดลมหนาตวั จากการอักเสบโดยสิ่งกระตุ้นจากภายนอกที่ผู้ปวุยรายนั้นแพ้
peritonsillar abscess
รูปที่ 15 โรคฝีหนองรอบทอนซิล
รูปที่ 16 ลักษณะหลอดลมปกติ (ซ้าย) และหลอดลมที่ผิดปกติในโรคหอบหืด (ขวา)
รูปที่ 15 โรคฝีหนองรอบทอนซิล
15
ผูป้ว่ยหอบหดืในชว่งเวลาปกตมิกัจะไมม่อีาการแตห่ากมสีิง่กระตุน้เชน่
ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนหรือสัมผัสสิ่งที่ผู้ป่วยแพ้เช่นเกสรดอกไม้ไรฝุ่น
บา้นแมลงสาบควนัไฟและกลิน่ฉนุจากสีเปน็ตน้อาการจะกำาเรบิอยา่งรวดเรว็
อาการและอาการแสดง ในช่วงที่อาการกำาเริบ ผู้ป่วยจะมีอาการ
เหนื่อย แน่นหน้าอก หายใจติดขัด หายใจลำาบาก บางครั้งอาจได้ยินเสียงวี๊ด
ขณะหายใจออกมีไข้ไอเสมหะร่วมด้วย
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด มักจะมียาพ่น
ประจำาตัวเพื่อลดอาการหอบ ดังนั้นหากอาการหอบกำาเริบสามารถสูดพ่นยา
ได้ทันที และสามารถพ่นซำ้าได้ทุก 5-15 นาที หากอาการไม่ดีขึ้นหลังจากพ่น
ยาควรรีบมาโรงพยาบาลโดยด่วนเพราะหากไม่รีบรักษาอาการหอบจะแย่ลง
จนขาดออกซิเจนหมดสติและเสียชีวิตได้ในผู้ที่ไม่มียาพ่นประจำาตัวควรรีบมา
โรงพยาบาลทันที
รูปที่ 16 ลักษณะหลอดลมปกติ (ซ้าย) และหลอดลมที่ผิดปกติในโรคหอบหืด (ขวา)
Spacer Inhalar : MDI Nebulizer
รูปที่ 17 ประเภทยาพ่นชนิดต่าง ๆ ในโรคหอบหืด
16
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (chronic obstructive pulmonary
disease: COPD)
เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของหลอดลมและถุงลมปอดทำาให้ความ
ยืดหยุ่นของปอดลดลง พบบ่อยในผู้สูงอายุ สาเหตุเกิดจากการสูบบุหรี่หรือ
ทำางานสัมผัสฝุ่นละอองเป็นเวลานาน
อาการและอาการแสดง คล้ายผู้ป่วยหอบหืด แต่จะมีลักษณะบาง
ประการของร่างกายที่เปลี่ยนไปจากการปรับตัวให้เข้ากับภาวะขาดออกซิเจน
เรือ้รงัเชน่ทรวงอกคลา้ยถงัเบยีร์นิว้ปุม้ปลายมอืปลายเทา้เขยีวในกรณกีำาเรบิ
รุนแรง
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมียาพ่นประจำาตัวเพื่อ
ลดอาการหอบเชน่เดยีวกบัโรคหอบหดืใหส้ดูจากหลอดยาMDIไดโ้ดยตรงพน่
ซำ้าทุก5-15นาทีหากอาการหอบยังไม่ลดลงควรมาโรงพยาบาลโดยโทรแจ้ง
1669เพื่อพ่นยาโดยเครื่องnebulizerที่ห้องฉุกเฉิน
โรคปอดอักเสบ (Pneumonia)
โรคปอดอักเสบหรือปอดบวม คือ โรคที่เกิดการอักเสบของเนื้อปอด
โดยมากเกิดจากการติดเชื้อจากการสูดเอาเชื้อเข้าไปทางอากาศ การสำาลัก
อาหารลงปอดหรอืการตดิเชือ้กระจายมาทางกระแสเลอืดกไ็ด้สาเหตอุืน่ๆอาจ
เกิดจากการสูดดมสารเคมีที่ระคายเคืองเป็นได้ทุกกลุ่มอายุ
อาการและอาการแสดงคอืมไีข้ไอหายใจลำาบากหอบเหนือ่ยหายใจ
เรว็มเีสมหะในบางรายทีอ่าการรนุแรงจะทำาใหท้างเดนิหายใจลม้เหลวเปน็เหตุ
ให้เสียชีวิตได้
รูปที่ 18 พยาธิสภาพในเนื้อปอด
ของโรคปอดอักเสบ
รูปที่ 19 ภาพถ่ายรังสีของผู้ป่วยปอดอักเสบ
17
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ควรมาพบแพทย์ทันทีหากมีอาการเข้า
ได้กับโรคปอดบวม แต่ถ้ามีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำาบากมาก ตัวเขียว
หมดสติ ควรโทร 1669 เพื่อเรียกรถพยาบาลและเพื่อดูแลเบื้องต้นขณะนำาส่ง
โรงพยาบาล
โรคที่พบบ่อยในกิจกรรมรับน้องใหม่
อาการหายใจเร็วกว่าปกติ (Hyperventilation Syndrome)
พบได้บ่อยในผู้ป่วยหญิง วัยเรียน ถึงผู้ใหญ่ตอนต้น สาเหตุเกิดจาก
ความกังวลหรือความเครียด ทำาให้ร่างกายเกิดสภาวะที่หายใจเร็วหรือลึกเกิน
ความจำาเป็น อาการดังกล่าวทำาให้ระดับความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์
ในกระแสเลือดตำ่าลงกว่าระดับปกติส่งผลให้ค่าpHในกระแสเลือดสูงขึ้นและ
ทำาให้หลอดเลือดหดตัวจากความผิดปกติของแคลเซียมไอออนอิสระในกระแส
เลือด
อาการและอาการแสดงผูป้ว่ยจะมอีาการหายใจหอบเรว็หายใจลำาบาก
หน้ามืด เวียนศีรษะ ใจสั่น มักพบอาการเกร็งกล้ามเนื้อโดยเฉพาะกล้ามเนื้อ
มดัเลก็มอืจบีและอาจมอีาการชาบรเิวณ
รอบปากและนิ้วมือได้ อาการเหล่านี้จะ
ทำาให้ผู้ป่วยกังวลมากขึ้นและยิ่งส่งผลทำา
ให้หายใจหอบมากขึ้น
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
1. นำาผู้ป่วยออกจากสภาวะที่ก่อให้เกิดความเครียด โดยให้อยู่ใน
บริเวณที่อากาศถ่ายเทเย็นสบายและผ่อนคลาย
2. บอกผู้ป่วยว่าอาการของเขาเกิดจากการหายใจเร็ว ไม่ใช่โรคร้าย
แรงให้หายใจช้าลงหรือตามจังหวะของผู้ช่วยเหลือแล้วจะดีขึ้นเอง
รูปที่ 20 ลักษณะมือจีบเกร็งในผู้ป่วย