บทสัมภาษณ์ Panda Smile ไพศาล ถนอมอารมย์ นักล่าฝัน ผู้ผันตัวเองสู่นักเขียนมืออาชีพ

วิธีที่จะประสบความส าเร็จบนถนนนักเขียนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป นักเขียนคนนี้ “ไพศาล ถนอมอารมณ์” หรือ Panda Smile ที่หลายคนรู้จัก หรืออาจจะเคยได้อ่านผลงานเขียนของเขาคนนี้แล้วก็เป็นได้ ความฝัน และความอยากที่จะเป็นนักเขียนผลักดันให้ผู้ชายคนนี้ค้นหาโอกาส แทนที่จะรอโอกาสเข้ามาหา มาท าความรู้จักนักเขียนที่ไม่ยอมแพ้ แม้บางครั้ง ช่วงชีวิตจะไม่ได้เป็นไปดั่งหวัง แม้บางครั้งก็เคยละทิ้งความฝันอยากเป็นนักเขียนไว้เบื้องหลัง จากความล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ในใจลึกๆ

แล้วความฝันที่อยากเป็นนักเขียน และมีหนังสือของตัวเองวางขายในร้านหนังสือทั่วประเทศยังมี เขากลับมาท าความฝันให้เป็นจริงได้อย่างไร มาติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจของ “ไพศาล ถนอมอารมย์” แนะน าให้เพื่อนๆรู้จักกันหน่อยครับ ปัจจุบันท าอะไรอยู่บ้าง? สวัสดีครับ ผมชื่อ ไพศาล ถนอมอารมย์ หรือ รู้จักกันในนามของ Panda Smile ซึ่งก่อนที่จะก้าวเข้ามาท างานเขียนอย่างเป็นเรื่องเป็นราวนั้น ผมท างานในส่วนของนิตยสารมากว่า 10 ปีเลยทีเดียวครับ แล้วก็หันมาเขียนหนังสือ โดยเอาเรื่องราวรอบตัวมาเขียนเพ่ือให้ความรู้ในหลายๆ เรื่องที่ตัวเองชอบ เช่น เรื่องการตลาด เรื่องการพัฒนาตัวเอง รวมถึง การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เรียกว่า เอาทุกสิ่งที่ชอบ มาหากินว่างั้นเถอะ… ตอนนี้ ก็ยังเป็น ฟรีแลนซ์ครับ ท าทุกอย่างที่หารายได้เข้ามา ผมท าหมดครับ ทั้งเขียนหนังสือ สอนภาษาอังกฤษ เป็นวิทยากร การจะเป็นนักเขียนได้ ต้องเป็นคนท่ีรักการอ่านจริงหรือเปล่า เพราะทุกครั้งท่ีเห็นการสัมภาษณ์นกัเขยีน เขาหรือเธอเหล่านั้นมักบอกว่า เริ่มต้นอยากเขียนหนังสอืจากการอ่านเปน็ต้นทุนเดิม ถามคุณไพศาลวา่เป็นคนท่ีรักการอ่านเหมือนนักเขียนคนอื่นๆหรือเปล่า ช่วยเล่าให้หน่อยว่า ตอนเด็กๆชอบอ่านหนังสือแนวไหน? ผมว่า การรักการอ่านถือเป็น จุดเริ่มต้นของนักเขียนเลยก็ว่าได้ครับ โดยส่วนตัวผมก็ชอบการอ่านมาตั้งแต่ เด็ก ๆ แล้วละครับเท่าที่จ าได้ จ าได้ว่า ผมเข้าห้องสมุดตั้งแต่ ประถมเพ่ือเข้าไปอ่าน การ์ตูน มิกกี้เม้าท์ หนังสือความรู้ส าหรับเด็ก ๆ หลายเรื่อง สารนุกรมต่าง ๆ ผมอ่านหมด สมัยก่อนจะมีหนังสือเด็ก หลายเรื่องที่ผมชอบมากเป็นพิเศษ เช่น หนังสือเด็กฉลาด ของ สนพ.เม็ดทราย หรือ นิตยสารสวนเด็กของทาง บันลือสาน ผมก็อ่านนะ เท่าที่จ าได้ ผมทั้งอ่าน ทั้งฟัง เลย ผมชอบฟังรายการ

วิทยุศึกษา ทาง FM92 มาก ผมว่ามันเหมือนกับ Youtube.com สมัยนี้นะ ให้ความรู้ เปิดมุมมองให้ผมได้มากทีเดียว จนกลายเป็นวัตถุดิบชิ้นดีให้ผมในเวลาต่อมา ผมว่านั้นคงเป็น แรงบันดาลใจเล็ก ๆ ที่ท าให้ผมชอบอ่านหนังสือมั่งครับ จากการอ่าน ก็ท าให้เกิดอารมณ์อยากมี ผลงานหนังสือของตัวเองในวันหนึ่ง แล้วผมก็ท าได้ส าเร็จ กับผลงานเล่มแรกที่ชื่อ อาหารสมอง ในปี 2010 ซึ่งต้องขอบคุณ ส านักพิมพ์ คิดดี ที่เปิดโอกาสให้กับผมอย่างมากเลยทีเดียว คุณไพศาลเคยมีผลงานเขียน Pocket Book หลายเล่มมาก่อนหน้านี้ ท้ัง “ผู้ชนะ 10คิด” “อาหารสมอง” “ตลาด SME” ยังมีผลงานเลม่อืน่อกีไหม ท่ีเรายังไม่รู้จัก ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยครับ? ครับ ก่อนหน้านั้น มีผลงานกับทาง Think Beyond Book ในชื่อ “รักร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” ซึ่งเล่มนี้ได้รับแรงบันดาลใจ จาก Club Friday โดยมีจุดเด่นคือ เรื่องในเล่มนั้น เป็นเคสความรักของจริงทั้งนั้น ที่น ามาเขียน โดยผมก็แอบเอาเรื่องความรักส่วนตัว ใส่เข้าไปด้วย แต่ไม่เคยบอกใครเลยว่า เรื่องไหนเป็นเรื่องของผมเอง ทุกวันนี้ยังมีคนแอบมาถามเลยว่า เรื่องของผมนะเรื่องไหนกันแน่ … และอีกเล่มหนึ่งคือ “อัพเกรดการท างานสู่ยุค AEC” ซึ่งเล่มนี้ ออกโดย สนพ.ปราชญ์ ผมค่อนข้างชอบกับเล่มนี้มากพอสมควร เพราะ มันออกมาเป็น Free E-book ในชื่อของ Work Smart , Life Smile มาก่อน แล้วจากนั้นก็ท าออกมาเป็นเล่มจริง ที่ส าคัญมันมีการ Reprint ออกมาด้วยเนื่องจาก ทางอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในต่างจังหวัดอ่านแล้วสนใจ อยากเอาไปให้นักศึกษาอ่านด้วยจึงสั่งเพ่ิมอีกจ านวนเยอะ ท าให้ผมได้รับทราบข่าวจากทางสนพ.ว่าเล่มนี้ พิมพ์ซ้ า ในช่วง ต้นปี 2014 ที่ผ่านมา

และล่าสุด ในเดือนมิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา ผมก็เพ่ิงปล่อยหนังสือที่ชื่อ Easy English เก่งอังกฤษได้ ง่ายกว่าที่คิด ภายใต้สังกัด สนพ. Think Beyond Book อีกครั้ง ซึ่งเล่มนี้ ผมก็ปล่อยออกกมาเป็น Free E-book ในปี 2555 และทาง สนพ.สนใจจึงชวนออกมาท าเป็นเล่มจริง ซึ่งกว่าจะคลอดออกมาได้ เล่นเอาเหนื่อยในการปรับแก้ไข และ Edit กับทาง คนเรียบเรียงกันหลายเดือนเลยทีเดียวครับ ตอนนี้ ก าลังจะมีผลงานกับทาง สนพ. ปราชญ์อีกเล่ม ในชื่อ “โมเดลความคิด พลิกชีวิตสู่ความส าเร็จ” เท่าที่ สอบถาม จะออกมากลางเดือน สิงหาคม นี้ และ อีกเล่มหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องแรงบันดาลใจ ก็ก าลังตามมาติดๆ ครับ ส่วนผลงานที่ค้างอยู่ใน Notebook ก็มีอีกสองสามเรื่อง ซึ่งก าลังวางแผนว่าจะปล่อยมาตอนไหนดี ตอนนี้ขอพักไว้บ้าง ได้ข่าวว่านอกจากหนังสือ Pocket Book ท่ีเล่ามาแล้ว คุณไพศาลท างานกับนิตยสารเกี่ยวกับรถ อยากถามว่า เป็นนิตยสารเล่มไหนครับ และคุณไพศาลท าหน้าท่ีอะไรในนิตยสารเล่มนั้น ช่วยแชร์ประสบการณ์ให้เราฟังหน่อยครับ ครับ แรกเริ่มที เดียวผม เข้าสู่วงการสื่อสิ่ ง พิมพ์กับ ทางนิตยสาร Formula ครับ ซึ่งเข้าไปท างานในส่วนของ ฝ่ายขายโฆษณาหรือ เรียกกันสวย ๆ ว่า AE ซึ่งก็ท าให้ผมได้คลุกคลีกับงานที่เกี่ยวกับนิตยสารอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะตอนเรียน ม.ปลาย ผมตั้งใจเลยนะว่า อยากเรียน คณะนิเทศ แล้วอยากท างานนิตยสาร ยังจ าได้ว่า ตอนเรียนอยู่ มัธยมปลาย เคยท างาน นิตยสารโรงเรียนด้วย แต่ออกมาเล่มเดียว เจ๊งไม่เป็นท่า สนุกสนานดี ได้ประสบการณ์การท างานของจริงครั้งแรกเลย จนได้เข้ามาท างานที่นี้ บริษัท สื่อสากล ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการท างานด้านสื่อ

สิ่งพิมพ์ แต่ผมประเภท ไม่ชอบท างานอย่างเดียว ผมพยายามศึกษาทุกอย่าง ทุกขั้นตอน ผมก็ไปคลุกคลีกับกกอง บก. ฝ่ายผลิต กระบวนการพิมพ์ ผมเรียนรู้มันแทบจะทุกอย่างเท่าที่สามารถท าได้ เพราะผมเชื่อว่า นี้คือโอกาสทองในการฝึกตัวเองให้ เป็นในทุก ๆ อย่าง ในฐานะท่ีคุณไพศาลเขียนหนังสือมาหลายเล่ม และท างานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมหนงัสอื อยากถามวา่หนงั 1เล่ม ใช้เวลา และงบประมาณไปเท่าไหร่ กว่าท่ีเราจะเห็นหนงัสอืเล่มวางจ าหนา่ยในร้านหนังสือให้เราเลือกซื้อ ผมตอบเท่าที่ทราบนะครับ คือจริง ๆ หนังสือ 1 เล่มนี้ กว่าจะผลิตออกมาให้เราได้เห็นบนแผงหนังสือที่เราคุ้นเคยนี้ มันไม่ง่ายเลยครับ ผ่านกระบวนการ เขียน แก้ไข ตรวจทานค าต่าง ๆ คิดกระบวนการ Concept วางแผน ออกแบบเนื้อหา ปก คิดชื่อเรื่อง ประสานงานกับ ร้านหนังสือ ผมว่า ใช้เวลากันอย่างน้อย ๆ ก็ ประมาณ 4 – 5 เดือน หรือ อาจจะนานกว่านั้น แล้วแต่ความยากง่ายและบริบทของส านักพิมพ์ นโยบายในแต่ละช่วงเวลา บางเล่ม เท่าที่ผมเจอมา ท ามาหมด แต่มายกเลิกกลางคันก็มี บางเล่ม ออกแบบเสร็จ แต่ยังไม่ปล่อยก็มี มันมีเหตุผลในตัวของมันเองทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันผมว่า การแข่งขันที่สูงขึ้น ต้นทุนการผลิตที่มากขึ้น รวมไปถึง นักเขียน และ ปัจจัยอื่น ๆ ของสื่อดิจิตอลที่เข้ามาแย่งพ้ืนที่หนังสือ มีผลต่อการพิจารณาของ สนพ.ในการออกหนังสือแต่ละเรื่อง สูงมาก ๆ ครับ ถามเรื่องงบประมาณ ในการผลิตหนังสือ สักเล่ม เริ่มตั้งแต่ ค่าเขียน ค่าผลิต ค่าจัดวางอาร์ตเวิร์ค ค่าจัดจ าหน่าย ผมประมาณคร่าว ๆ เท่าที่ทราบ ก็หลักแสนบาทครับ ต่อการพิมพ์ ประมาณสัก 3000 – 4000

เล่ม ขึ้นอยู่กับ ชนิดของกระดาษที่พิมพ์ ขนาด และความสวยงามที่พิมพ์ สี่สี หรือ ขาวด า ก็ว่ากันไป ผลงานเขียนและงานเยอะขนาดนี้ อยากถามว่ามีการแบ่งเวลางานปกติ งานเขียน และชีวิตประจ าวันยังไงบ้าง จึงจะประสบความส าเร็จเหมือนพี่ไพศาลบ้าง อย่าเรียกว่า ประสบความส าเร็จเลยครับ ผมว่า ยังไม่กล้าเรียกตัวเองแบบนั้นเลยครับจริง ๆ นะเนี้ยะ ผมก็แค่ ลงมือท า ตั้งใจเขียน แล้วก็น าเสนอไป แต่ก่อนเขียนก็ต้องวิเคราะห์ตลาด มองคู่แข่งบนแผงหนังสือ ดูบริบทสังคมว่า ตลาดคนอ่านเป็นอย่างไร จริงๆ การเขียนหนังสือ ผมมองเป็น งานอดิเรกมากกว่า แต่ก็ตั้งใจท าเหมือนงานจริง นั่นแหละครับ เพียงแต่เราต้องซื่อสัตย์กับงานที่เราเขียนออกไป จริง ๆ ผมเขียนหนังสือไม่ได้หมายความว่า ผมดีพร้อม สามารถท าได้เหมือนที่อยู่ในหนังสือนะครับ ผมก็แค่น าสารที่มีประโยชน์ให้คนอ่านได้รับทราบ แล้วน าไปใช้กับตัวเองให้เหมาะสม แค่นี้เอง เพียงแต่ ผมแค่มองว่าเวลาผมเขียนหนังสือ ผมได้ถ่ายทอดตัวตนทั้งหมดลงไปในเนื้องาน และก็พยายามซื่อสัตย์กับทุก ๆ งานก่อนปล่อยออกไปเท่านั้นเอง บางเล่มบางชิ้น เราต้องให้คนอ่านฟรี ๆ ก่อน เพ่ือให้คนอื่นเห็นว่าเราจริงใจในการเขียน อย่างเช่น Free E-book ที่ชื่อ Easy English ที่ผมตั้งใจถ่ายทอดฟรี ๆ เลย เพราะผมเองกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ผมได้รับฟรีๆ มากไม่น้อยเลย มันก็คงถึงโอกาสที่ผมจะให้ฟรี ๆ ออกไปบ้าง เท่าที่สามารถท าได้ แล้วผลลัพธ์มันจะกลับมาเองในเวลาต่อมา ผมเชื่อแบบนั้นนะครับ

ได้ข่าวว่ากว่าท่ีคุณไพศาลจะมีงานเขียนตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มจริงๆ ใช้เวลานานหลายปี ส่งผลงานเข้าไปเสนอก็โดนส านักพิมพ์ปฏิเสธ ตอนนั้นรู้สึกอย่างไรบ้าง คิดอย่างไร จึงสามารถมีงานเขียนตีพิมพ์ออกมาหลายเล่มได้ จุดเปลี่ยนคอือะไร จึงท าให้ยังส่งผลงานต่อไปท้ังๆท่ีโดนปฏิเสธจากส านักพิมพ์ เป็นค าถามที่ดีมากๆนะครับ ผมชอบค าถามนี้นะครับ มันสะท้อนแง่มุมที่น่าสนใจของการท าอะไรก็ตามที่ต้องแลกมาด้วย ความมุ่งมั่นทุ่มเท อะไรบางอย่าง ต้องบอกแบบนี้ครับว่า กว่าท่ีหนังสือเล่มแรกของผมจะคลอดออกมาได้ ผมใช้เวลานับ 10 ปี ตั้งแต่ผมคิดว่าจะมีหนังสือเป็นของตัวเองเลยนะครับ จ าได้ว่า เขียนครั้งแรกเสนอไป ไม่ผ่าน จนผมหยุดแล้วพักเรื่องนี้ไว้ นานเลย จากนั้นก็เขียนอีก ส่งอีก แล้วก็ไม่ผ่าน แล้วก็ไม่ผ่าน ไม่ผ่าน จน ผมก็ท้อจนไม่อยากจะมีหนังสือแล้วละ บอกได้เลยในโม้เมนต์นั้นผมเชื่อว่า หลายคนคงเจอประสบการณ์อะไรบางอย่างที่คล้ายๆกัน เวลาท าอะไรแล้วไม่ส าเร็จ มันแบบ เฮ้ย แห้ววะ เฮ้ย สงสัยไม่ใช่แนวทางนี้มั่ง… แต่ผมก็ยังเชื่อว่าผมรักมันนะ ผมก็ลองใหม่ ขอโอกาสจากส านักพิมพ์ แล้วก็ลงมือท าอีกรอบ จนรู้สึกว่า มันมีสัญณาณบางอย่างที่เปิดออก เมื่อคุณเห็นแสงสว่างอะไรบางอย่างริบหรี่เล็ก ๆ ผมบอกคุณไว้เลยว่า จงมุ่งหน้าต่อไปตามแสงนั้นทันที อย่ารอช้า เพราะนั้นหมายถึงว่า เส้นชัยก าลังอยู่ไม่ไกลแล้ว

การเขียนหนังสือ 2แนว 2เล่มล่าสุด ท่ีแตกต่างกันมาก เล่มหนึ่งคือ “Easy English เก่งอังกฤษได้ ง่ายกว่าท่ีคิด” กับ อีกเล่ม “Model ความคิด พลิกชีวิตสู่ความส าเร็จ” มีความยาก ง่าย หรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง แล้วคุณไพศาลชอบเขียนแนวไหนมากกว่ากันครับ? ถ้าถามผม ผมว่า ผมเอาความรัก ความถนัดที่ตัวเองมี ใส่ลงไปในหนังสือ โดยดูสภาพแวดล้อมสังคมคนอ่านว่า เค้าต้องการอ่าน อะไรกันแน่ ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วผมว่า สองเล่มนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนะครับ จริง ๆ ผมยังมีอีกผลงานที่ แตกต่างสุดขั้วมากกว่านั้น ยังไม่ได้ปล่อยออกมา เดี่ยวรอเวลาก่อน ดีกว่า… เอาเป็นว่า สองเล่มนี้ ผมถ่ายทอดทุกความคิดออกมาอย่างเต็มที่ ส าหรับ Easy English อย่างที่ทราบมันคือ Free E-book มาก่อน แล้วทาง สนพ.เกิดชอบใจ เลย อีเมล์มาชวนท าเป็นเล่มจริง ผมก็ตอบตกลงแบบง่ายๆ เลย จริง ๆมันควรจะออกมานานแล้วนะเล่มนี้แต่ทว่า เราเจอวิกฤติการเมืองอะไรหลายอย่างในช่วงที่ผ่านมาอย่างที่ทราบ ๆ กัน มันเพ่ิงจะคลอดออกมาใน กลางปี 2014 นี้เอง ส่วน Model ความคิด พลิกชีวิตสู่ความส าเร็จ จะเป็นแนวให้ข้อคิดในแง่มุมที่หลากหลาย จากการสังเกตของผมเอง ในหลายๆ มุมมอง ซึ่งผม ให้คอนเซปต์ประมาณว่า Change the way you see the world คือ เปลี่ยนโลกในมุมใหม่ เพื่อให้คุณมีแนวคิดท่ีดีขึ้น ผมเชื่อว่าเล่มนี้ จะให้แง่คิดที่ดีในหลายมุมมอง ต้องลองหามาอ่าน เห็นว่าจะออกมา กลางเดือน สิงหาคม หลังวันแม่นี้แหละครับ ….

ได้ข่าวว่าคุณไพศาลสนใจจะท า E-book และเห็นผลงานบางเล่มออกมาในรูปแบบ E-book บ้างแล้ว คิดเห็นอย่างไรกับอนาคต E-book ในประเทศไทย และอนาคต ไพศาล ถนอมอารมย์ หรือ Panda Smile จะมีผลงาน E-book ออกมาจ าหน่ายบ้างไหมครับ? ใช่อย่างที่สุด เรื่องตลาด E-book เป็นอะไรที่ผมสนใจมากเลยทีเดียว และต้องขอบคุณส าหรับ blog Ewritor.com ที่ ช่วยประกายความหวังของตลาด E-book ให้เป็นกระแสอีกครั้ง ผมรอ Blogger อย่างพวกคุณมานานเลยรู้ไหม พวกคุณท าไมถึงเพิ่งมา ผมถามทีเหอะ ?? ผมเขียนเคยบทความเกี่ยวกับ E-book มาหลายรอบเหมือนกัน และก็เฝ้าสังเกตุตลาดในเมืองไทย เท่าที่ทราบมันก็ยังโตไม่เยอะเท่าไหร่ แต่มันมีช่องว่างบางอย่างที่ผมสนใจมาก ๆ นะ หลังจากได้ลองทดสอบกับ ผลงาน Easy English ทั้งสองเล่ม ตามมาด้วย Work Smart , Life Smile และล่าสุดอย่าง My Game My English มันก็ยังไม่ใช่อย่างที่ผมคิดไว้เท่าไหร่ แต่ก็ต้องบอกว่า มันคุ้มค่ากับการได้ลองจริง ๆ ผลงานชิ้นต่อไปที่ผมก าลังคิดอยู่ อยากขายบน E-book อย่างเต็มรูปแบบนะ ก าลังวางแผนกันอยู่ ตอนนี้ Content เสร็จหมดแล้ว เหลือแค่ update ให้เสร็จเท่านั้นเองครับ รอกันดูว่า มันจะออกมาช่วงไหน ถ้าไม่มีการผิดแผน ว่าจะปล่อยช่วงปีใหม่ นี้ นะครับ

ตอนนี้ผมติดตามคณุไพศาลอยู่ใน Social Media ได้ข่าวว่าผลงานเขียนเล่มใหม่ “Model ความคิด พลิกชีวิตสู่ความส าเร็จ” ก าลังจะวางแผง ช่วยแนะน าผลงานเล่มนีใ้ห้เรารู้จักหน่อยได้ไหมครับ และสามารถหาซื้อได้ท่ีไหนบ้างครับ? ได้ครับ ส าหรับผลงานเล่มใหม่ ล่าสุดที่ก าลังจะออกในเดือน สิงหาคมนี้ ภายใต้ สนพ. ปราชญ์ครับ โดย คุณ ราช รามัญ ให้ความเมตตากับผมมากๆ ต้องขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย เล่มนี้ ให้มุมมองแง่คิดที่ดี ๆในหลาย ๆ แบบ ซึ่งผมได้ กลั่นกรองออกมาจากการอ่านหนังสือในหลาย ๆเรื่องแล้วมาปรับใช้ ภาษาของตัวเอง แต่ละเรื่องจะไม่ยาว สั้นๆ กระชับ อ่านจบแล้วน าไปคิดต่อยอดกับการด าเนินในชีวิตในหลายมิติ ตอนผมกลับมาอ่านอีกรอบ ผมยังแทบไม่เชื่อเลยว่า ผมเขียนได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ…

คือไม่ได้บอกว่าเขียนดีหรือไม่นะ แต่เล่มนี้ โจทย์มันยากตรงที่ต้องเขียนให้สั้นมากๆ แต่ต้อง โดนแทบจะทุกบรรทัด ซึ่ งแนวนี้ ผมไม่ เคยเขียนมาก่อน ตอนได้รับโจทย์นี้มาจากทาง บก. ผมก็กลับไปแก้งาน จนเครียดเหมือนกัน แต่พอผ่านออกมาแล้ว บก. แทบไม่แก้งานผมเลย ผมว่า เล่มนี้เป็นอีกผลงานที่ผม ชอบมาก ๆ อีกชิ้นหนึ่ง บางเรื่องผมยังต้องอ่าน เพ่ือน าพัฒนาตัวเองอยู่เหมือนกัน บอกเลย หากน้องๆนักเขียนรุ่นใหม่ หรือคนท่ีสนใจอยากเขียนหนังสือ มีช่องทางไหนบ้างท่ีสามารถติดต่อกับคุณไพศาลได้โดยตรงบ้างครับ? ครับ ก็สามารถเข้ามาดูผลงานได้ที่ Facebook ส่วนตัวที่ชื่อ Panda Smile Paisarn หรื อ อี เ มลpsmanes@gmail.com รวม ไปถึง Fanpage : Panda Smile Online ยินดีให้ค าแนะน าส าหรับการเขียนหนังสือ หรือพูดคุยกันเองสบาย ๆ นะครับ ….

สุดท้ายนี้ หากมีคนท่ีสนใจอยากเขียนหนังสือ หรือมีผลงานเขียนแบบพี่ไพศาลบ้า ง พี่ ไ พศาลมีค า แนะน า หรือเคล็ดลับ ท่ีช่วย ให้ประสบความส าเร็จนถนนนักเขียนอย่างไรบ้างครับ? ครับ ส าหรับคนที่สนใจอยากจะก้าวเข้ามาเป็นนักเขียนนะครับ ผมว่า ก่อนอื่นถามให้แน่ใจว่า เราอยากเขียนเพราะอะไร แล้วอยากจะมีผลงานหนังสือเพ่ืออะไร หากรักที่จะเขียนแล้ว ไม่มีอะไรยากไปกว่า การมีวินัยในการบังคับตัวเองให้เขียนครับ นี่คือ เรื่องหลักๆ เลยนะครับ ผมเคยคุยกับทาง สนพ.บางที่ บอกว่า มีคนหลายคนอยากก้าวเข้ามาเป็นนักเขียน แต่พอ ให้เขียนกลับไม่กล้าเขียน หรือ ไม่กล้าลงมือท า แล้วที่ส าคัญ ก็คือ ลงมือท าแล้ว แต่ไม่ต่อเนื่อง นี้กลายเป็น อุปสรรคอันแรก ๆ ของนักเขียนมือใหม่เท่าที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นกันเยอะเลยคือ ยังอดทนไม่พอมั่งครับ พ้ืนที่ของนักเขียนยังมีอีกเยอะให้ท าตลาด แต่อยู่ที่ว่าเราจะมองอย่างไร แล้ว กล้าที่จะลงมือท าให้ส าเร็จหรือเปล่า สิ่งที่ผมอยากจะแนะน าเลยก็คือ การเขียนหนังสือไม่ยากครับ แต่ยากตรงที่ว่า จะเขียนให้ออกมาเป็นเล่มจริง ๆ นี้อะ ยากพอสมควร ต้องฝ่าฟัน ต้องมองหาโอกาสมากกว่าเดิม แต่มันมีโอกาสอยู่นะครับ นักเขียนรุ่นใหม่ๆ อาจจะต้อง หามุมที่แตกต่าง และสร้างผลงานที่ฉีกไปกว่าเดิมหน่อย รวมไปถึง ยุคนี้ต้องมีแฟนคลับมาเป็นตัวการันตียอดขายด้วยมั่ง ไม่แน่ใจ เอาเป็นว่า ขอให้ตั้งใจและลงมือท าครับ มองหาโอกาสให้เจอ

ผมชอบค าๆ หนึ่งที่ผมสะดุดแล้วก็เอามาเป็น เรื่องราวในหนังสือเล่มใหม่ของผมเลยนะครับ เค้าบอกแบบนี้ว่า … “หากคุณวิ่งตามคู่แข่งไม่ทัน ก็จงไปอีกทางท่ีแตกต่าง”

นั่นคือเรื่องราวบางส่วนที่สะท้อนออกมาจาก Panda smile ไม่ง่ายเลยที่จะได้ท าในเรื่องที่ตัวเองรัก และใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักเขียนในตอนเด็กๆ และมุ่งมั่นเดินตามความฝันอย่างไม่ย่อท้อ แม้ว่าอาจจะไม่สามารถท าตามความฝันได้ในช่วงที่เริ่มต้น กว่าจะเป็นนักเขียนที่ผลงานเขียนออกมาเป็นเล่มวางจ าหน่ายในร้านหนังสือได้ใช้เวลากว่า 10ปี แต่เมื่อได้ท า ได้แบ่งปันความรู้ ประสบการณ์แล้ว ก็ถือว่าประสบความส าเร็จที่ได้ท าตามความฝันที่ตัวเองได้แล้ว ข้อคิดจาก ไพศาล ถนอมอารมณ์ นักเขียนมากความสามารถ อยากเขียนต้องลงมือเขียน และต้องขยันเขียนอย่างต่อเนื่อง หากคุณ

บอกว่าอยากมีหนังสือ อยากเขียน ถามว่า วันนี้คุณได้ลงมือเขียนอะไรแล้วหรือยัง วันนี้คุณได้ข้อคิดออะไรในการด าเนินชีวิต วันนี้คุณได้ท าอะไรไปแล้ว อย่ามัวแต่ให้ความอยาก กลืนกินตัวคุณไป การจะประสบผลได้นั้น ต้องลงมือท า ลงมือเขียน อย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นการฝึกการ เขียน ฝึกทักะ ฝึกการ ใช้ชี วิต เมื่ อ โอกาสมาถึ ง คุณจะมีความสามารถที่มากเพียงพอที่จะคว้าโอกาสนั้นไว้ และท ามันได้อย่า งดี

อยากมีหนังสือวางขายในร้านหนังสือ ต้องหาโอกาสให้เจอ อย่ารอโอกาสหล่นใส่หัว ไม่มีใครเห็นสินค้าของคุณ หากคุณไม่เอาสินค้าออกมาวาง และน าเสนอสินค้านั้นๆ งานเขียนก็เช่นเดียวกัน จะมีใครเห็น ได้อ่านงานเขียนของคุณหากคุณไม่กล้าที่จะโปรโมท เผยแพร่ หรือหาช่องทางในการเผยแพร่งานของคุณ ซึ่งในปัจจุบันมีมากมายจริงๆส าหรับช่องทางการเผยแพร่ ทั้งเว็บไซต์ Blog เว็บบอร์ด พ้ืนที่มากมายเหล่านี้

เปิดรับ และไม่คิดเงินคุณ ในการแสดงฝีมือ ดังนั้นนักเขียนรุ่นใหม่ ก็อย่าอายที่จะอวดงานเขียนของคุณให้ใครๆได้อ่าน

ไม่ต้องรอส านักพิมพ์อย่างเดียวในการได้พิมพ์หนังสือเล่ม สังเกตว่าคุณไพศาลไม่รอส านนักพิมพ์เพ่ือที่จะได้เผยแพร่งานเขียน จากตัวอย่างหนังสือ Easy English ก็ท าเป็นรูปแบบ E-book ก่อน เมื่อ สนพ.ได้อ่านงานเขียนก็ชอบ และน า E-book : Easy English มาท าจัดพิมพ์เป็นหนังสือ และวางขายในร้านหนังสือจริงๆ

ความต่อเนื่องและมีวินัยส าคัญมากส าหรับนักเขียน ทั้งมือใหม่มือเก่า ผมเองมีความคิดเห็นที่ตรงกันกับเรื่องนี้เพราะความสามารถ หรือทักษะในการเขียนจะพัฒนาได้นั้น ก็ต้องเริ่มต้น และมีวินัยในการเขียนอย่างมาก หากคุณขาดเรื่องนี้ไป ความส าเร็จในการเป็นนักเขียนก็อาจจะห่างไกลยิ่งขึ้น

หวังว่าส าหรับนักเขียนหน้าใหม่ทั้งหลาย จะได้แง่คิดดีๆจากบทความนี้บ้าง ไม่มากก็น้อย การจะมีผลงานเขียนถูกเผยแพร่ ไม่ได้อาศัยเรื่องของโชค หรือความบังเอิญแต่อย่างใด ทั้งหมดทั้งสิ้นเกิดความ Passion ที่มีของแต่ละคน เป็นแรงผลักดันให้ท า ฝึกฝนทักษะ ความสามารถของตัวเองขึ้นไปอย่างมีวินัย และต่อเนื่อง และท้ายสุด ค้นหาทุกโอกาสที่เป็นไปได้ให้เจอ เมื่อนั้นความฝันที่จะเห็นหนังสือของตัวเองอยู่บนแผงหนังสือนั้น ไม่ยากเกินเอื้อม อุดหนุนผลงานจากนักเขียนคุณภาพคนนี้ได้ตามร้านหนังสือชั้นน าทั่วประเทศ…

เครดิต: http://www.ewritor.com/panda-smile.php