Pengantar Hubungan Internasional (Pre Westphalia - Post Cold War)
สงครามเย็น [ Cold War ]
Transcript of สงครามเย็น [ Cold War ]
วิชา ส33102 เรื่อง สงครามเย็น
เสนออ.ปรางค์สุวรรณ ศักดิ์โสภณกุล
จัดท าโดยนางสาวพิชญา ชนะกิจเสรี ม.6.1 เลขที่ 18นางสาวอภิรดี อิทธกิมลเลิศ ม.6.1 เลขที่ 38
ปกีารศึกษา 2557 โรงเรียนสตรีวิทยา
ความหมายของสงครามเย็น
สงครามเย็น หมายถึง ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ทางการเมืองระหว่างสองอภิมหาอ านาจ คือ อุดมการณ์ทางการเมืองแบบประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกากับอุดมการณ์ทางการเมืองแบบคอมมิวนิสต์ของสหภาพโซเวียต ซึ่งเกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
สงครามเย็นเป็นการช่วงชิงกันในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการโฆษณาชวนเชื่ อ โดยไม่ ได้ ใช้ ก าลั งทหารและอาวุ ธมาประหัตประหารกัน
สาเหตขุองสงครามเย็น
สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ท าลายสถานะทางอ านาจของมหาอ านาจเดิมคือ เยอรมนีและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้แพ้สงคราม ส่วนอังกฤษกับฝรั่งเศสเป็นชาติพันธมิตรที่ชนะสงคราม แต่อังกฤษก็ได้รับความบอบช้ าทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจตกต่ า ส่วนฝรั่งเศสถูกเยอรมนียึดครองประเทศเป็นเวลานาน4ปี
1.การเปลี่ยนแปลงดุลทางอ านาจของโลก
ช่วงหลั งสงครามสหรัฐอเมริกาจึ งกลายเป็นชาติมหาอ านาจที่มั่งคั่งที่สุดในโลก ส่วนสหภาพโซเวียตถึงแม้จะได้รับความบอบช้ าแต่ก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว สหภาพโซเวียตจึงก้าวขึ้นมาเป็นชาติมหาอ านาจคู่กับสหรัฐอเมริกาแทนชาติยุโรปตะวันตกและญี่ปุ่น
สหรัฐอเมริกา ยึดหลักลัทธิเสรีประชาธิปไตย การเมืองแบบเสรีนิยม ระบบเศรษฐกิจเป็นแบบระบบทุนนิยม ให้สิทธิเสรีภาพในการด าเนินชีวิตของประชาชน
2.อุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน
สหภาพโซเวียต ยึดถืออุดมการณ์สังคมนิยมมาร์กซิสต์ระบอบการปกครองแบบเผด็จการ หลักการสังคมนิยม เน้นในวัฒนธรรมชนชั้นกรรมาชีพหรือผลประโยชน์ของผู้ใช้แรงงาน
ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ แฮร์รี่ เอส. ทรูแมน นายกรัฐมนตรีวินสตัน เชอร์ชิลล์ของอังกฤษ ซึ่งเป็นชาติพันธมิตรชนะสงครามที่ส าคัญก็มีท่าทีต่อต้านสหภาพโซเวียตด้วยเช่นกัน
3.ความขัดแย้งของผู้น าของชาติอภิมหาอ านาจ
ผู้น าของสหภาพโซเวียต ได้แก่ จอมพล โจเซฟ สตาลินเป็นผู้น าเผด็จการ สตาลินมีความหวาดระแวงในท่าทีของฝ่ายพันธมิตรตะวันตกในด้านต่างๆ ท าให้สหภาพโซเวียตไม่ ไว้วางใจประเทศตะวันตก เห็นว่าประเทศตะวันตกจ้องจะท าลายลัทธิคอมมิวนิสต์
การเกิดสงครามเย็นเริ่มต้นตั้งแต่ ค.ศ. 1945
- สหภาพโซเวียตได้จัดต้ังรัฐบาลคอมมิวนิสต์
- ฝ่ายสหรัฐอเมริกากับอังกฤษก็ได้จัดต้ังรัฐบาลประชาธิปไตยขึ้นในประเทศที่อยู่ในอารักขาของตนที่มีพรมแดนติดต่อกับเขตยึดครองของสหภาพโซเวียต
- ช่วงเวลานั้น สหรัฐอเมริกาได้เข้าไปช่วยเหลอืรัฐบาลกรีซและรัฐบาลตุรกีต่อต้านอ านาจลัทธิคอมมิวนิสต์
ประธานาธิบดีทรูแมนได้ประกาศหลักทรูแมน (Truman Doctrine)
มีสาระส าคัญว่า “สหรัฐอเมริกาจะให้ความช่วยเหลือรัฐบาลในระบอบเสรีประชาธิปไตยและต่อต้านการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์”
ความจริงแล้วสหภาพโซเวียตต้องการที่จะเป็นผู้น าของยุโรปตะวันออก และยังต้องการเผยแพร่อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ไปทั่วโลกด้วย สหรัฐอเมริกาก็ได้ประกาศใช้แผนมาร์แชลล์(Marshall Plan) เพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูประเทศต่างๆที่ประสบภัยจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ท าให้ประเทศเหล่านั้นต้องอยู่ภายใต้อิทธิพลของสหรัฐอเมริกาไปโดยปริยาย
ปัญหาความขัดแย้งในสงครามเย็น
ในช่วงที่เกิดสงครามเย็นระหว่าง ค.ศ. 1945-1991 ประเทศต่างๆแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย
- ฝ่ายเสรีประชาธิปไตยภายใต้การน าของสหรัฐอเมริกา
- ฝ่ายสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ภายใต้การน าของสหภาพโซเวียต
ซึ่งทั้งสองฝ่ายตั้งตนเป็นศัตรูแข่งขันกันทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ ทหาร และอุดมการณ์ สงครามในระยะนี้ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างชาติมหาอ านาจ แต่เป็นสงครามตัวแทน(proxy war)
กรณีความขัดแย้งของชาติมหาอ านาจ
1.1)กรณีปัญหาในยุโรปตะวันออก
เมื่อตอนปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 สหภาพโซเวียตเข้ามาปลดปล่อยประเทศต่างๆในยุโรปตะวันออกจากการยึดครองของกองทัพเยอรมัน เมื่อสิ้นสุดสงครามกองทัพสหภาพโซเวียตยังคงประจ าการและสนับสนุนกลุ่มนิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ ท าการยึดอ านาจการปกครองประเทศ และเปลี่ยนแปลงกลายเป็นประเทศที่ปกครองในระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ท าให้บางประเทศเกิดข้อขัดแย้งระหว่างชาติตะวันตกกับสหภาพโซเวียต
1.กรณีความขัดแย้งในยุโรป
1.2)กรณีปัญหาเรื่องเยอรมนี
หลังสิ้นสดุสงครามโลกครั้งที ่2 วันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 ประเทศเยอรมนีได้ถูกยึดครองแบ่งออกเปน็ 4 ส่วนภายใต้การปกครองของสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส และสหภาพโซเวียตส่วนกรุงเบอร์ลินก็ถูกแบ่งแยกด้วยเช่นกัน
สหภาพโซเวียตพยายามเรียกร้องค่าปฏิกรรมสงครามจากเยอรมนีเป็นจ านวนมาก แต่สหรัฐอเมริกาพยายามบ่ายเบี่ยงท าให้สหภาพโซเวียตไม่พอใจ
รูปแสดงพื้นที่ในเยอรมนีที่ถูกครอบครองเมื่อ ค.ศ. 1945 เยอรมนีตะวันตก ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส แล ะ เ ย อ ร มนี ต ะ วั น อ อ กที่ปกครองโดยสหภาพโซเวียต
ความขัดแย้งในเยอรมนีมาถึงจุดสูงสุดในกลาง ค.ศ.1948 สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศสปฏิรูปเงินตราในเขตยึดครองของตนเพื่อฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจให้มั่นคง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายให้สหภาพโซเวียตมาก สหภาพโซเวียตจึงปิดล้อมกรุงเบอร์ลิน บีบคั้นมหาอ านาจตะวันตกให้ละทิ้งเบอร์ลินตะวันตก
ชาติตะวันตกได้เสนอปัญหานี้ต่อประชาชาติและแก้ปัญหาด้วยการส่งเสบียงอาหารทางอากาศให้กับชาวเบอร์ลินตะวันตก ท าให้การปิดล้อมไม่ได้ผล สหภาพโซเวียตได้ยกเลิกการปิดล้อม แต่ความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายก็ไม่ได้ยุติ
ปัญหาเยอรมนีน ามาซึ่ งการแบ่งแยกเยอรมนีในค.ศ.1949
ชาติตะวันตกอันมีสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ได้รวมเขตยึดครองข อ ง ต น จั ด ตั้ ง ป ร ะ เ ท ศ ส ห พั น ธ์สาธารณรัฐ เยอรมันหรื อ เยอรมนีตะวันตก
ฝ่ายสหภาพโซเวียต จึงจัดตั้งเขตยึ ดครองของตน เป็ นสาธารณรั ฐประชาธิปไตยเยอรมันหรือเยอรมนีตะวันออก
เยอรมนีตะวันตกได้พัฒนาเศรษฐกิจจนกลายเป็นประเทศที่มั่งคั่ง ท าให้ประชาชนเยอรมนีตะวันออกพยายามหลบหนีมาเยอรมนีตะวันตกเป็นจ านวนมาก รัฐบาลเยอรมนีตะวันออกได้สร้างก าแพงเบอร์ลนิใน ค.ศ. 1961 เพื่อสกัดกั้นชาวเยอรมันตะวันออกหลบหนีมายังเยอรมนีตะวันตก
ก าแพงเบอร์ลินจึงเป็นสัญลักษณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงสงครามเย็น ในช่วงค.ศ. 1989 รัฐบาลใหม่มีแนวนโยบายเป็นเสรีนิยมเปิดเส้นพรมแดนกับเยอรมนีตะวันตก ประชาชนและรัฐบาลของเยอรมนีตะวันออกและตะวันตกจึงท าลายก าแพงเบอร์ลินลงเมื่อ ค.ศ. 1990 รวมประเทศเป็นผลส าเร็จเมื่อ ค.ศ. 1991
ความขัดแย้งทางการเมืองท าให้ประเทศยุโรปตะวันตกและสหรัฐอเมริกาจัดตั้งองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือองค์การนาโตขึ้นเพื่อต่อต้านสหภาพโซเวียตใน ค.ศ. 1949
ต่อมาใน ค.ศ. 1955 สหภาพโซเวียตกับประเทศคอมมิวนิสต์ยุโรปตะวันตกได้รวมกลุ่มจัดตั้งองค์การสนธิสัญญาวอร์ซอขึ้นเผชิญหน้ากับองค์การนาโต ทั้งสองฝ่ายได้เผชิญหน้ากันตลอดมาในยุคสงครามเย็น
ปัญหาเรื่องการยึดครองญี่ปุ่น มี 2 กรณี
กรณีแรก คือ ค่าปฏิกรรมสงครามซึ่งสหภาพโซเวียตพยายามเรียกร้องค่าปฏิกรรมสงครามเป็นจ านวนมากจากญี่ปุ่น แต่สหรัฐอเมริกาพยายามบ่ายเบี่ยง
กรณีที่ 2 คือ การท าสนธิสัญญาสันติภาพกับญี่ปุ่น ทั้งสองฝ่ายต่างมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน สหภาพโซเวียตยังโจมตีสหรัฐอเมริกาเรื่องการปกครองญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาก็โจมตีสหภาพโซเวียตในกรณีที่สหภาพโซเวียตกักตัวเชลยศึกชาวญี่ปุ่นไม่ให้กลับประเทศ
2)กรณีปัญหาในทวีปเอเชีย
ภาวะสงครามเย็น
จุดเริ่มต้นของสงครามเย็นคือกรณีความขัดแย้งระหว่างชาติมหาอ านาจในช่วง ค.ศ.1945-1948 หลังจาก ค.ศ. 1948 โลกเข้าสู่ภาวะสงครามเย็นอย่างแท้จริงทุกภูมิภาคถูกครอบง าโดยการแข่งขันทางด้านอุดมการณ์ทางการเมือง การทหาร และเศรษฐกิจระหว่างสหภาพโซเวียตกับสหรัฐอเมริกา ทั้งสองสนับสนุนให้กลุ่มการเมทองภายในประเทศจงรักภักดีต่อตนและสูกับรัฐบาลตนเอง จนถึงให้ประเทศบริวารสู้รบกันเองเพ่ือขยายอิทธิพลของตน
ภูมิภาคยุโรปยุโรปถูกแบ่งออกเป็น2ฝ่ายอย่างชัดเจนโดยยุโรปตะวันออก
กลายเป็นปีะเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์โดยการควบคุมของสหภาพโซเวียต ยกเว้นประเทศยูโกสลาเวียที่เป็นคอมมิวนิสต์ที่ต่อต้านสหภาพโซเวียต
ต่อมายุโรปตะวันตกพยายามแทรกซึมเข้าไปในยุโรปตะวันออกโดยการให้ข่าวสารเกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรืองและสิทธิเสรีภาพของประชาชน ก่อให้เกิดการต่อสู้เพื่อเสรีภาพในยุโรปตะวันออกต่อมา
ภูมิภาคเอเชีย
• สงครามเกาหลี (ค.ศ.1950-1953) ญี่ปุ่นครอบครองคาบสมุทรเกาหลีแต่ต่อมาญี่ปุ่นกลายเป็นผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่2 ท าให้มหาอ านาจครอบครองคาบสมุทรเกาหลีไว้ โดยองค์การสหประชาชาติก าหนดให้เส้นขนานที่38องศาเหนือเป็นแนวแบ่ง ดินแดนส่วนเหนือเส้นเป็นเขตปลอดอาวุธทหารญี่ปุ่น อยู่ในความดูแลของสหภาพโซเวียต มีรัฐบาลปกครองด้วยแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์และดินแดนส่วนล่างอยู่ในความดูแลของสหรัฐอเมริกา ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
ในปี ค.ศ.1948มีการจัดการเลือกตั้งที่ไม่ได้รับการยินยอมจากสหภาพโซเวียตในการรวมเกาหลี และพรรคการเมืองที่นิยมสหรัฐอเมริกาชนะจึงถือเป็นการปิดหนทางรวมเกาหลีแบบถาวร
ในวันที2่5 มิถุนายน ค.ศ.1950, กองทัพเกาหลีเหนือที่ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียตได้บุกผ่านเส้นขนานที่38มาในดินแดนของเกาหลีใต้ ท าให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเรียกประชุมฉุกเฉินแต่สหภาพโซเวียตไม่เข้าประชุมและจีนคัดค้าน ประธานาธิบดีทรูแมนแห่งสหรัฐอเมริกาจึงเคลื่อนพลของตนเข้าช่วยเกาหลีใต้และขอความช่วยเหลือจากชาติพันธมิตร
สหรัฐอเมริกาไล่เกาหลเีหนือออกไปและยึดดินแดนบริเวณแม่น้ ายาลูของเกาหลีเหนือไว้แต่จีนให้ถอนก าลัง นายพลดักลาส แมกอาร์เทอร์ไม่ปฏิบัติตาม จีนจึงส่งก าลังมาแต่ไม่สามารถสู้กองทัพสหรัฐอเมริกาและพัยธมิตรไหวจึงถอยกลับไป
แตน่ายพลแมกอาร์เทอร์ต้องการก าจัดจีนออกจากสงครามจึงปิดล้อมชายฝั่งจีนและถล่มฐานทัพรัสเซียในแมนยจูเรีย แต่ประธานาธบดรทรูแมนไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่าสหภาพโซเวียตจะเข้าสู่สงครามจึงแต่งตั้งแมทธิว ริดจ์เวย์มาเป็นแทน จนกระทั่งนายพลดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ ได้เป็นประธานาธบดีคนต่อมาจึงได้ด าเนินนโยบายประนีประนอมมากขึ้น สหประชาชาติไกล่เกลี่ยคู่สงคราม จนในปี ค.ศ.1953สงครามจึงยุติลง
• กรณีขัดแย้งเรื่องเกาะไต้หวัน (ค.ศ.1950-ปัจจุบัน)
ใน ค.ศ.1949 เหมาเจ๋อตุง กองทัพคอมมิวนิสต์จีนได้จัดต้ังสาธารณรัฐประชาชนจีน และจอมพลเจียง ไคเชกและพรรคชาตินิยมกับปรพชาชนบางส่วนอพยพไปต้ังสาธารณรัฐจีนบนเกาไต้หวัน
ค.ศ.1954 รัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์มีนโยบายรวมเกาะไต้หวันกับจีน สหรัฐอเมริกาจึงส่งกองทัพเรือที7่มาลาดตระเวนที่ช่องแคบไต้หวัน จีนจึงระดมยิงเกาะคีมอยและเกาะมัทสุนอกชายฝั่งจีน ส่งผลให้สหรัฐอเมริกาลงนามสนธิสัญญาพันธะมิตรทางทหารกับไต้หวัน และออกกฎหมายคุ้มครองเกาะคีมอยและเกาะมัทสุ จีนจึงยอมยุติการโจมตี
• สงครามเวียดนาม (ค.ศ.1965-1975)เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที2่ ฝรั่งเศสพยายามที่จะยึดอ านาจ
การปกครองในเวียตนาม จึงเกิดขบวนการคอมมิวนิสต์เวียดมินห์ ภายใต้การน าของ โฮ จิ มินห์ ต่อต้านฝรั่งเศส โดยการสนับสนุนจากกลุ่มชาตินิยมทางเหนือของประเทศ ท าให้เกิดสงครามตั้งแต่ ค.ศ.1946 จนกระทั่ง ค.ศ. 1954 ฝรั่งเศสพ่ายแพ้ที่เดียนเบียนฟู โดยชาติมหาอ านาจอื่นๆรวมถึงชาติต่างๆในเอเชียและยุโรปจักให้มีการเจรจาสงบศึกที่นครเจนีวา ฝรั่งเศสจึงต้องให้เอกราชแก่เวียดนาม
เวียดนามแบ่งเป็น2ส่วนตามเส้นขนานที1่7องศาเหนือ โดยเวียดนามเหนืออยู่ภายใต้การปกครองของโฮ จิ มินห์ และเวียดนามใต้อยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิ บ๋าว ได่ การแบ่งอาณาเขตครั้งนี้เป็นการแบ่งช่ัวคราว ก าหนดให้รวมหลังการเลือกตั้งปี ค.ศ.1956 แต่ก็ไม่ได้จัดการเลือกตั้ง
ในเวียดนามใต้มีการเคลื่อนไหวของแนวร่วมปลดแอกแห่งชาติหรือเวียงกง เมื่อ โง ดินห์ เสี่ยม ด ารงต าแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ปราบเวียดกงโดยอาศัยการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา ต่อมา โง ดินห์ เสี่ยม โดนโค่นการเมืองในเวียดนามใต้ไร้เสถียรภาพ มีรัฐบาลทหารผลัดเปลี่ยนมาปกครอง โดยได้สหรัฐอเมริกาสนับสนุนการสู้รบกับเสียดนามเหนือและเวียดกง
สงครามครั้งนี้ท าให้สหรัฐอเมรกิาต้องกลายเป็นผู้แพ้สงคราม มีทหารเสียชีวิตถึง2ล้านกว่าคน ราษฎรเสียชีวิตกว่าล้านคน และยังเป็นสาเหตุให้เวียดนามใต้ต้องอพยพหนีออกนอกประเทศเป็นจ านวนมาก
กลุ่มประเทศละตินอเมริกาวิกฤตการณ์คิวบา ถือเป็นการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียตที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง เพราะเกือบน าไปสู่สงครามนิวเคลียร์ระหว่าง2ชาติมหาอ านาจคิวบาได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์รัฐบาลเผด็จการของนายพลฟูลเกนเซียว บาติสตา โดยการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา ต่อมาในปี ค.ศ.1959 ได้ถูกฟิเดล คัสโตรทีม่ีสหภาพโซเวียตเป็นผู้สนับสนุนโค่นล้ม โดยได้ด าเนินนโยบายการปกครองแบบสังคมนิยม
สหรัฐอเมริกาพยายามจะโค่นล้มรัฐบาลฟิเดล คัสโตร โดยการส่งกองก าลังคิวบาที่ลี้ภัยในสหรัฐอเมริกาเข้าโจมตีโดยการยกพลขึ้นบกที่อ่าวพิกซ์ ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1961 แต่ก็ถูกปราบปรามได้
ต่อมาในเดือนตุลาคม ค.ศ.1962 สหภาพโซเวียตได้สร้างฐานขีปนาวุธในคิวบาซึ่งถือเป็นการคุกคามสหรัฐอเมริกาอย่างยิ่ง ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ท าการปิดล้อมคิวบาและแจ้งเตือนสหภาพโซเวียตว่าพร้อมที่จะตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ นีกีตา ครุชชอฟ ผู้น าสหภาพโซเวียคุตยอมประนีประนอมโดยการถอนก าลังขีปนาวุธออกจากคิวบาแลกกับการที่สหรัฐอเมริกาไม่บุกคิวบา วิกฤตการณ์คิวบาจึงสิ้นสุดลง แต่การแข่งขันสะสมอาวุธทางยุธศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตยังด าเนินต่อไป
การเปลี่ยนแปลงของสภาวะสงครามเย็นเกิดจากความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศมหาอ านาจ เมื่อนีกีตา ครุชชอฟ ผู้น าของสหภาพโซเวียตประกาศนโยบายอยู่ร่วมกันโดยสันติใน ค.ศ.1956 โดยมีหลักการให้ทั้งสิงฝ่ายอยู่ร่วมกันโดยไม่แข่งขันด้านสงครามแต่อข่งขันกันในด้านอื่นแทน
การผ่อนคลายความตึงเครียด
นโยบายนี้ท าให้สหภาพโซเวียตได้ขยายความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆมากขึ้นโดยเฉพาะประเทศก าลังพัฒนาและผ่อนความเข้มงวดกับกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกมากขึ้น ถือเป็นการขยายอิทธิพลแทนการขยายอ านาจ
ส่วนสหรัฐอเมริกาเปลี่ยนนโยบายทางการทหารมาเป็นการทูตแทนเพราะหวั่นเกรงต่อภัยสงครามนิวเคลียร์ นโยบายปิดล้อมประเทศคอมมิวนิสต์ใช้ไม่ได้ผลและชาวอเมริกันรู้เกี่ยวกับประเทศสังคมนิยมมากขึ้น เช่นการให้การสนับสนุนทางการทหารและเศรษฐกิจต่อประเทศก าลังพัฒนา
แตอ่ย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างชาติมหาอ านาจทั้งสองเสื่อมลงเมื่อสหภาพโซเวียตขยายอิทธิพลไปในแองโกลา เอธิโอเปียและแทรงแซงทางการเมืองในอัฟกานิสถานใน ค.ศ.1979 ซึ่งท าให้สหนัฐอเมริการท าการคว่ าบาตรทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ๆ เทคโนโลยีระดับสูง และไม่เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิคที่สหภาพโซเวียตเป็นเจ้าภาพในปี ค.ศ.1980 จึงท าให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศกลับมาตรึงเครียดอีกครั้ง
การสิ้นสุดสงครามเย็น
สภาวะสงครามเย็นเริม่คลี่คลายลง เมื่อมีมฮิาอิล กอร์บาชอฟ เลขานุการพรรคคอมมิวนิสต์และผู้น าสหภาพโซเวียต ใน ค.ศ. 1985 กอร์บาชอฟได้ประกาศนโยบายเปิด-ปรับ หรือกลาสนอสต์-เปเรสตรอยกา (Glasnost-Perestroika) ปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ ให้เป็นเสรีนยิมประชาธิปไตยมากขึ้น สร้างความสัมพนัธ์กับชาติต่างๆ ถอนก าลังทหารออกจากอัฟกานิสถาน เจรจากับสหรัฐอเมริกาและจีนเพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนร่วมกัน
นโยบายกลาสนอสต์-เปเรสตรอยกาท าให้สภาวะสงครามเย็นยุติเร็วขึ้น รัฐบาลสหภาพโซเวียตประกาศว่าจะไม่เข้ายุ่งเก่ียวกับกิจการภายในของกลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์ในภูมิภาคยุโรปตะวันออก
จุดเริ่มต้นของการสิ้นสดุสภาวะสงครามเย็น เริ่มต้นจากประชาชนชาวเยอรมนีตะวันออกเรียกร้องเสรภีาพทางการเมือง ก าแพงเบอร์ลินซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งแยกฝ่ายเสรีประชาธิปไตยกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ได้ถูกประชาชนท าลายลงใน ค.ศ. 1990
เหตุการณ์ท าลายก าแพงเบอร์ลินนับว่าเป็นเหตุการณ์ส าคัญอันมีความหมายว่า สภาวะสงครามเย็นใกล้ถึงกาลอวสานแล้ว
ความเปลี่ยนแปลงที่ เกิดขึ้นในยุโรปตะวันออกท าให้ประเทศในค่ายยุโรปตะวันออกต่างถอนตัวจากสมาชิกกลุ่มกติกาสนธิสัญญาวอร์ซอ และการถอนทหารออกจากภูมิภาคนี้ท าให้องค์การกลุ่มกติกาสนธิสัญญาวอร์ซอต้องล่มสลายลง
สหภาพโซเวียตต้องเผชิญกลับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองอย่างรุนแรง ต้องขอความช่วยเหลือจากชาติตะวันตก อีกทั้งยังประสบกับปัญหาการเมืองภายใน พวกอนุรักษนิยมได้ท าการรัฐประหารโค่นล้มกอร์บาชอฟ แต่ประชาชนต่อต้าน จึงท าให้ล้มเหลวลง
ผลจากการรัฐประหารคือ พรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตล่มสลายลง และสาธารณรัฐต่างๆในสหภาพโซเวียตร่วมกันจัดตั้งเครือรัฐเอกราช ประเทศสหภาพโซเวียตจึงล่มสลายลง สงครามเย็นที่ด าเนินมานานถึง 45ปี ยุติลงในที่สุด
นางสาวพิชญา ชนะกิจเสรี ม.6.1 เลขที1่8
นางสาวอภิรดี อิทธิกมลเลิศ ม.6.1 เลขที่ 38
สมาชิก