ความรู้เรื่อง เพชร

10
1 Natdanaj เพชร เป็นอัญมณีรูปแบบหนึ่งของคาร์บอน จัดเรียงตัวเป็นทรงแปดหน้า เป็น แร่ ที่แข็งที่สุดตาม * สเกลของโมส์ (Moh's scale) มีค่าความแข็งเท่ากับ 10 สเกลของโมส์ เป็นมาตราความแข็ง ของ แร่ ตามที่นักวิทยาแร่ชาวเยอรมัน ชื่อ ฟรีดริช โมส์ (Friedrich Mohs) กำหนดขึ้นเมื่อ . . 1812 ประกอบด้วยแร่มาตรฐาน 10 ชนิด เรียงลำดับตั้งแต่แร่ที่ทนทานต่อการขูดขีดน้อย ที่สุด จนถึงมากที่สุด ดังนีความแข็ง 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 แร่ ทัลก์ ยิปซัม แคลไซต์ ฟลูออไรต์ อะพาไทต์ ออโทเคลสฯ ควอตซ์ บุษราคัม คอรันดัม เพชร ความแข็งสัมบูรณ์ 1 2 9 21 48 72 100 200 400 1500 คุณสมบัติ ผิวลื่นเหมือนสบู่ใช้เล็บขูดเป็นรอยได้อย่างง่ายดาย ใช้เล็บขูดเป็นรอย ขูดยิปซัมเป็นรอย ใช้แก้วขูดเป็นรอย ใช้มีดขูดเป็นรอย ขูดแก้วเป็นรอย ขูดแก้วเป็นรอย และไม่เป็นรอยเมื่อใช้มีดขูด ขูดแร่ที่อ่อนกว่าเป็นรอย ขูดแร่ที่อ่อนกว่าเป็นรอย ทำให้เป็นรอยได้ด้วยเพชรเท่านั้น ออร์โทเคลส เฟลสปาร์ -เรียกเต็ม คำว่า เพชร ในภาษาไทย มาจาก वज्र ( วชฺร ) ในภาษาสันสกฤต หมายถึง สายฟ้า หรืออัญมณีชนิดนี้ก็ได้ ส่วนในภาษาอังกฤษ "diamond" มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกโบราณ αδάμας (adámas) ซึ่งมีความหมายว่า " สมบูรณ์ " " เปลี่ยนแปลงไม่ได้ " " แข็งแกร่ง " " กล้าหาญ " เพชรมีหลายสี สีที่นิยมที่สุดคือสีขาวบริสุทธิสีที่หายากคือสีแดง ฟ้า เขียว ส้ม ชมพู เรียก " แฟนซีไดมอนด์ " มีราคาสูงมาก การเจียระไนเป็น 52 เหลี่ยมนับว่าสวยที่สุด เพชรเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ ความแข็งแกร่ง แหล่งของเพชรมีอยู่ทั่วโลก ส่วนมากพบที่บราซิลและแอฟริกาใต้ เพชรขาวบริสุทธิเพชรแฟนซี ( Color Diamonds)

description

ความรู้เกี่ยวกับการดูเพชร

Transcript of ความรู้เรื่อง เพชร

Page 1: ความรู้เรื่อง เพชร

1

Natdanaj

เพชร เป็นอัญมณีรูปแบบหนึ่งของคาร์บอน จัดเรียงตัวเป็นทรงแปดหน้า เป็นแร่ที่แข็งที่สุดตาม*สเกลของโมส์ (Moh's scale) มีค่าความแข็งเท่ากับ 10

สเกลของโมส์ เป็นมาตราความแข็งของแร่ตามที่นักวิทยาแร่ชาวเยอรมัน ชื่อ ฟรีดริช โมส์ (Friedrich Mohs) กำหนดขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1812 ประกอบด้วยแร่มาตรฐาน 10 ชนิด เรียงลำดับตั้งแต่แร่ที่ทนทานต่อการขูดขีดน้อยที่สุด จนถึงมากที่สุด ดังนี้ ความแข็ง

123456789

10

แร่ทัลก์ยิปซัม แคลไซต์

ฟลูออไรต์ อะพาไทต์ออโทเคลสฯ

ควอตซ์ บุษราคัมคอรันดัม เพชร

ความแข็งสัมบูรณ์129

214872

100200400

1500

คุณสมบัติผิวลื่นเหมือนสบู่ใช้เล็บขูดเป็นรอยได้อย่างง่ายดาย

ใช้เล็บขูดเป็นรอยขูดยิปซัมเป็นรอยใช้แก้วขูดเป็นรอยใช้มีดขูดเป็นรอยขูดแก้วเป็นรอย

ขูดแก้วเป็นรอย และไม่เป็นรอยเมื่อใช้มีดขูดขูดแร่ที่อ่อนกว่าเป็นรอยขูดแร่ที่อ่อนกว่าเป็นรอย

ทำให้เป็นรอยได้ด้วยเพชรเท่านั้น

ออร์โทเคลส เฟลสปาร์ -เรียกเต็ม คำว่า เพชร ในภาษาไทย มาจาก वज्र (วชฺร) ในภาษาสันสกฤต หมายถึง สายฟ้า หรืออัญมณีชนิดนี้ก็ได้ ส่วนในภาษาอังกฤษ "diamond" มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกโบราณαδάμας (adámas) ซึ่งมีความหมายว่า "สมบูรณ์" "เปลี่ยนแปลงไม่ได้" "แข็งแกร่ง" "กล้าหาญ"

เพชรมีหลายสี สีที่นิยมที่สุดคือสีขาวบริสุทธิ์ สีที่หายากคือสีแดง ฟ้า เขียว ส้ม ชมพู เรียก "แฟนซีไดมอนด์" มีราคาสูงมาก การเจียระไนเป็น 52 เหลี่ยมนับว่าสวยที่สุด เพชรเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ ความแข็งแกร่ง แหล่งของเพชรมีอยู่ทั่วโลก ส่วนมากพบที่บราซิลและแอฟริกาใต้

เพชรขาวบริสุทธิ์ เพชรแฟนซี( Color Diamonds)

Page 2: ความรู้เรื่อง เพชร

2

Natdanaj ำหน้ำหนักของเพชรจะวัดเป็นกะรัต หนึ่งกะรัตแบ่งออกเป็น 100 สตางค์ ดังนั้นเพชรขนาด 75 สตางค์ จึงมีน้ำหนักเท่ากับ 0.75 กะรัต ขนาดกะรัตเป็นตัวตัดสินมูลค่าของเพชรที่เด่นชัดที่สุด (เพชร 1 กระรัต จะมีน้ำหนักที่ 0.22 กรัม )

แต่สิ่งที่ควรระลึกไว้เสมอก็คือ เพชรสองเม็ดที่มีขนาดกะรัตเท่ากัน อาจมีมูลค่าแตกต่างกันอย่างมากก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเจียระไน สี และความบริสุทธิ์

วิธีดูเพชรเบื้องต้น1.ดูน้ำหนัก(Carat weight) น้ำหนักและขนาดเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก2.ความบริสุธิ์(Clarity) เพชรส่วนมากจะมีสินแร่ต่างๆเล็กน้อยภายใน ซึ่งเปรียบเสมือนลายนิ้วมือธรรมชาติ สรรสร้างเอกลักษณ์ของเพชรแต่ละเม็ด กระนั้นก็มิได้ทำให้เพชรด้อยความงามหรือลดความแข็งแกร่งลง แต่อย่างใด แต่ทว่ายิ่งมีสินแร่น้อยเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้แสงผ่านได้มากขึ้น ทำให้เพชรทอประกายเจิดจ้า ระยิบระยับยิ่งขึ้น เพชรเหนือกว่าอัญมณีอื่นใด สามารถทอประกายแสงได้สุกใสงดงามที่สุด3.สี(Color) เพชรจะมีสีธรรมชาติหลากหลายเฉด มีตั้งแต่ขาวใสไร้สี ซึ่งหายากและมีค่าที่สุด ไปถึงสี เหลืองจางๆ โดยมีเฉดสีอ่อน แก่ ในระหว่างกลางมากมาย เพชรยิ่งสีน้อยเท่าไร ก็ยิ่งอำนวยให้แสงสีขาว สามารถวิ่งผ่านเนื้อภายในได้สะดวก และจะสะท้อนประกายไฟสีรุ้ง บนผิวหน้าเพชรได้สวยงามมากขึ้น เท่านั้น แต่กระนั้น สีเป็นเรื่องของรสนิยมส่วนตัวของแต่ละบุคคล ดังนั้นเมื่อคุณเลือกสีของเพชร ก็ควรเลือกเฉดสีที่คุณชอบเป็นสำคัญ4.การเจียรไน(Cut) ความเจิดจรัสของเพชร ขึ้นอยู่กับการสะท้อน และหักเหของแสงการเจียระไนจะช่วยให้เพชรเล่นแสงได้อย่างไร

1. เจียระไนตื้นเกินไป - แสงจะลอดออกทางด้านล่าง2. เจียระไนลึกเกินไป - แสงจะลอดออกทางด้านข้าง3. เจียระไนอย่างถูกสัดส่วน - แสงจะสะท้อนแพรวพราวเป็นประกายมากขึ้นทางด้านบนของเพชร

Page 3: ความรู้เรื่อง เพชร

3

Natdanaj

เทคนิคการตรวจสอบคุณภาพเพชร1. ดูความแข็ง เพราะเพชร มีอะตอมที่อยู่ใกล้กันมาก ซึ่งผลจากการที่อะตอมอยู่ใกล้กัน เวลาช่างนำ มาเจียระไน ขอบที่ได้ก็จะมีความคมเฉียบ เทียบง่ายๆ ได้กับพลาสติก ซึ่งเป็นโพลีเมอร์( Polymer) จะมีอะตอมจะอยู่ห่างกัน ต่อให้ช่างเจียระไนเก่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางได้ขอบที่คม เพราะขอบพลาสติก จะยืดหยุ่น นอกจากนี้การเจียระไนเพชรนั้นจะปรากฎขอบบริเวณรอยเจียระไน ของเพชร หรือเกิลเดิล (girdle) ลักษณะเป็นเส้นๆ ที่ศัพท์เทคนิคเรียกว่า “หนวดเพชร”2. เหลี่ยมเพชรไม่พบเส้นซ้อน หรือขอบเหลี่ยมเพชรนั้น เมื่อใช้กล่องส่องแล้ว จะเห็นได้ว่าทุกด้าน เป็นเหลี่ยมเป็นมุม ไม่พบเส้นซ้อน ดังนั้นหากเราส่องเข้าไปใกล้ๆ ที่มุมใดมุมหนึ่ง แล้วเห็นเป็นลักษณะ โค้งๆ แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่เพชร ข้อควรจำอีกอย่างเวลาดูเพชรจะต้องไม่ส่องดูแค่มุมเดียว ต้องส่องดูหลายๆ มุมไปจนรอบ3.การประเมินความสะอาดของเพชร (clarity) - การประเมินความสะอาดต้องดูภายใต้กล้องขยาย10 เท่า โดยต้องใช้โคม daylight ช่วยส่องสว่าง กรณีที่ไม่แน่ใจว่าเป็นฝุ่น หรือมลทินที่อยู่ในเพชร ให้สังเกตว่าอยู่ บริเวณผิว หรืออยู่ในเนื้อเพชร และให้ใช้ผ้าเช็ดดู เมื่อเช็ดแล้ว ถ้าเป็นฝุ่นก็จะหลุดออก ถ้ายังเห็นก็น่าจะเป็น มลทินในเนื้อเพชร เวลาส่องดูให้พลิกเพชรมองดูหลายๆมุม บางครั้งมุมนึงอาจมองไม่เห็น แต่พอมองอีกมุมกลับเห็น● กรณีที่ส่องดูจนทั่วใช้เวลากว่านาทีแล้วยังไม่พบอะไร เพชรเม็ดนั้นน่าจะเป็น IF (Internal Flawless)● กรณีที่ต้องใช้เวลาค้นหา นานประมาณ ครึ่งนาที หรือมากกว่า(ขึ้นอยู่กับความชำนาญ)

ถึงจะพบตำหนิขนาดเล็กมากมาก ลักษณะคล้ายรูเข็ม (pinpoint) หรือผลึกขนาดเล็กมากๆ เหมือนรูป สรุปได้ว่าเพชรเม็ดนั้น มีความสะอาดระดับ VVS (Very Very Small Included)

● กรณีที่ต้องใช้เวลาค้นหา นานประมาณ 10 วินาที หรือมากกว่าถึงจะพบตำหนิขนาดเล็กมาก ซึ่งมีขนาดใหญ่และจำนวนมากกว่าความสะอาด VVS ตามรูปกลาง สรุปได้ว่าเพชรเม็ดนั้น มีความสะอาดระดับ VS (Very Small Included) สำหรับเพชรความสะอาดระดับ VS มลทินหรือตำ หนิจะมีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถเห็นได้ด้วย ตาเปล่า และไม่ขัดขวางการเดินทางของแสง จึงไม่ มีผลใดๆต่อความสวยงามของเพชร

● กรณีที่ส่องกล้องแล้วเห็นตำหนิทันที โดยไม่ต้องค้นหา และตำหนิขนาดเล็ก ซึ่งมีขนาดใหญ่และ จำนวนมากกว่าความสะอาด VS สรุปได้ว่าเพชรเม็ดนั้น มีความสะอาดระดับ SI (Small Included) สำหรับความสะอาดระดับ SI ถ้ามลทินมีขนาดใหญ่ หรือมีสี หรืออยู่กลางหน้าเพชร อาจขัดขวาง การเดินทางของแสงและมีผลต่อความสวยงามของเพชรโดยรวม

● กรณีที่สามารถมองเห็นตำหนิด้วยตาเปล่า เพชรเม็ดนั้นมีความสะอาดระดับ I (Imperfect) ตำหนิมีขนาดใหญ่ มีผลต่อความสวยงามและความคงทนของเพชรครับ แนะนำให้หลีกเลี่ยงทุกกรณี

Page 4: ความรู้เรื่อง เพชร

4

Natdanaj

4. การประเมินสีเพชร (color) - วิธีแรกคือการประเมินสี โดยที่มีเพชรต้นแบบ (master stone กรณีนี้ยกตัวอย่างว่าสีต้นแบบเป็นสี G น้ำ 97) ไว้เปรียบเทียบ ให้วางเพชรต้นแบบและ เพชรทีต้อง การเทียบสี คว่ำลงครับ โดยให้มองที่ก้นเพชรเฉียงๆ มุม 45 องศา โดยให้วางเพชรต้นแบบ ไว้ตรงกลาง และให้วางเพชรที่ต้องการเทียบไว้ทางซ้าย สังเกตว่าสีอ่อนกว่า (ขาวกว่า) หรือเข้มกว่า (เหลืองกว่า) เสร็จแล้วให้เปลี่ยนเพชรที่ต้องการเทียบมาไว้ด้านขวาและเปรียบเทียบอีกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยง master eye effect (การประเมินสีต้องดูเพชรภายใต้แสงอาทิตย์ หรือแสงสีขาว-Daylight)● ถ้าผลสรุปว่า วางด้านนึงอ่อนกว่า อีกด้านนึงสีเข้มกว่า

สรุปได้ว่าเพชรที่นำมาเทียบสีเดียวกันกับเพชรต้นแบบ คือ น้ำ 97● ถ้าด้านนึงเข้มกว่า อีกด้านเท่ากัน สรุปว่าเพชรที่นำมาเทียบสีต่ำกว่าเพชรต้นแบบ 1 ขั้น กรณีนี้คือ

เพชรเม็ดนี้น้ำ 96

Page 5: ความรู้เรื่อง เพชร

5

Natdanaj ● ถ้าด้านนึงอ่อนกว่า อีกด้านเท่ากัน สรุปว่าเพชรที่นำมาเทียบสีสูงกว่าเพชรต้นแบบ 1 ขั้น กรณีนี้คือ

เพชรเม็ดนี้น้ำ 98● ถ้าด้านนึงอ่อนกว่า อีกด้านนึงก็อ่อนกว่า สรุปว่าเพชรที่นำมาเทียบสีสูงกว่าเพชรต้นแบบอย่างน้อย 2 ขั้น

กรณีนี้คือ เพชรเม็ดนี้น้ำ 99 ขึ้นไป● และถ้าด้านนึงเข้มกว่า อีกด้านนึงก็เข้มกว่า สรุปว่าเพชรที่นำมาเทียบสีต่ำกว่าเพชรต้นแบบอย่างน้อย 2

ขั้น กรณีนี้คือ เพชรเม็ดนี้น้ำต่ำกว่าหรือเท่ากับ 95 ลงมา

● สี D-F = เพชรปราศจากสี● สี G-J = เพชรเกือบปราศจากสี● สี K-M = เพชรเริ่มมีสีเหลืองอ่อนมาก● สี N-R = เพชรสีเหลืองอ่อนมาก● สี S-Z = เพชรสีเหลืองอ่อน ถึง เหลือง

การประเมินสีเพชรโดยไม่มีเพชรต้นแบบ - กรณีที่ไม่มีเพชรต้นแบบไว้ใช้เปรียบเทียบ ให้ลองดู เพชรจากด้านหน้า ถ้าเป็นสีขาว ไร้สี และลองมองจากก้นเพชร มองมุม 45 องศา ถ้าเป็นสีขาวไร้สี เช่นกัน เพชรเม็ดนั้นเป็นเพชรเกรด ไร้สี (Colorless) น้ำสูงกว่า 98 (F) ขึ้นไป ในกรณีทีมองจากด้านหน้า เป็นสีขาว ไร้สี และมองจากก้นเพชรเป็นสีนวล แสดงว่าเพชรเม็ดนั้น สีประมาณ 97-96 (G-H) ถ้ามองจากด้านหน้าเป็นสีนวล ด้านก้นเพชรเป็นสีนวล เพชรเม็ดนั้นเป็นสี 95-94 (I-J) กรณีที่มองจากด้านหน้าเห็นสีเหลืองชัดเจนเป็นสี 93 (K) หรือต่ำกว่า

Page 6: ความรู้เรื่อง เพชร

6

Natdanaj การประเมินคุณภาพการเจียรไน - คุณภาพในการเจียรไน ถือว่ามีผลต่อความสวยงามของเพชรมาก ต่อให้เพชรคุณภาพ D/IF หากเจียรไน ไม่ดี ก็จะไม่สามารถเปล่งประกายสวยงามได้อย่างที่ควรที่จะเป็น และคุณภาพการเจียรไน เป็นเรื่องที่มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะมาก ก่อนที่จะสามารถประเมินคุณภาพของการเจียรไนเพชรได้อย่างคร่าวๆ เราต้องทราบก่อนว่าเหลี่ยมต่างๆของเพชร เรียกว่าอะไรกันมั่ง หลังจากนั้นค่อยมาเริ่มวิธีการดูเหลี่ยม

เอกลักษณ์ของเพชร คือ การเล่นแสง เพชรที่ดีจะก่อให้เกิดประกายที่สวยงาม ที่เราเรียกว่า "น้ำ" เพชรน้ำดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับ การเล่นแสงของเพชร ยิ่งเพชรสะท้อนแสงได้มากเท่าไหร่ เพชรยิ่งสวย งามมากขึ้นเท่านั้นสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ ของเพชรนั้นส่งผลต่อการกระจายแสงของเพชร โดยเพชรที่เจียระไน ตื้นและมีหน้ากว้างไป หรือเจียรไนลึกและแคบไปนั้นจะทำให้แสงออกด้านข้าง และด้านล่างของเพชร ทำให้เพชรเสีย ความสุกสว่าง และการส่องประกาย

ชนิดของเพชรชนิด Ia (Type Ia) : ประมาณ 98% ของเพชรทั้งหมดที่พบในธรรมชาติ มีธาตุไนโตรเจนแทรกเป็น หย่อมๆเล็กน้อย สีที่เห็นจะเป็นใสไม่มีสี-สีออกเหลืองอ่อนๆ เรียกว่า "Cape diamomd" ชนิด Ib (Type Ib) : น้อยกว่า 1% ของเพชรทั้งหมดที่พบในธรรมชาติ มีธาตุไนโตรเจน และสีเหลืองเข้ม ชนิด IIa (Type IIa) : พบยากมากในธรรมชาติ มีธาตุคาร์บอน 100% บริสุทธิ์ ใส ไม่มีสี ชนิด IIb (Type IIb) : พบยากมากในธรรมชาติ มีธาตุโบรอนปนอยู่ ทำให้นำไฟฟ้าได้ดี มีสีฟ้า-เทา บางครั้งใสเกือบไม่มีสี ซึ่งหายากมาก

Page 7: ความรู้เรื่อง เพชร

7

Natdanaj

ชื่อเรียกเหลี่ยมต่างๆของเพชร จากมุมมองด้านข้าง1.เหลี่ยมเทเบิ้ล (Table)

2.เหลี่ยมสตาร์ (Star)

3.เหลี่ยมเบเซิล หรือเหลี่ยมไคท์(Kite)

Page 8: ความรู้เรื่อง เพชร

8

Natdanaj

4. เหลี่ยมอัพเพอร์เกิลเดิล (Upper girdle)

5.เหลี่ยมโลเวอร์เกิลเดิล (Lower girdle)

6.เหลี่ยมพาวิลเลียนเมน (Pavilion main)

Page 9: ความรู้เรื่อง เพชร

9

Natdanaj 7.คิวเลท (Culet) เมื่อมองเพชรจากด้านข้าง ส่วนด้านบนของเพชรเรียกว่า "คราวน์" (Crown) ส่วนด้านล่างของเพชรเรียกว่า "พาวิลเลี่ยน" (Pavillion) และ ส่วนกลางของเพชร หรือขอบเพชร เรียกว่า "Girdle

"พาวิลเลี่ยน" (Pavillion)

มีต่อตอนที่2 เรื่องเหลี่ยมเพชร1) เหลี่ยมรัสเชี่ยน 2) เหลี่ยมเบลเยี่ยม 3) เหลี่ยมซูเปอร์อินเดีย 4) เหลี่ยมกุหลาบ 5) เหลี่ยมเดี่ยว

Russian diamonds

Page 10: ความรู้เรื่อง เพชร

10

Natdanaj