ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต )...

56
~ 1 ~

description

นิยายธรรมะเพื่อการหลุดพ้นวัฏฏะแห่งความเหงา เข้าสู่นิพพานความเบิกบานใจ บันเทิงนิโรธแห่งความสุขสมได้อย่างที่คุณไม่เคยรู้สึกมาก่อน

Transcript of ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต )...

Page 1: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 1 ~

Page 2: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 2 ~

ธรรมนิยาย “ใต้แสงจันทร์” เป็นเรื่องราวที่อุดมไปด้วยจินตนาการที่เล่าผ่านถึงวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนแห่งหนึ่งซ่ึงมีความเกี่ยวพันกันกับพระพุทธศาสนา โดยมีพระสงฆ์องค์เจ้า และหลักธรรมคําสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นกาวใจเช่ือมโยงถึงกันและกัน ในเนื้อหาธรรมะที่เข้มข้นหลากหลายเรื่องราวให้ได้สัมผัสรับรู้ กับเหตุการณ์ในเรื่องภูตผีปีศาจ , ขนบธรรมเนียมความเชื่อ , เวทมนต์คาถา, วิญญาณอาถรรพ,์ ปรากฏการณ์ที่เหนือธรรมชาติ, ปาฏิหาริย์อันเกิดจากฤทธิ์อํานาจแห่งพระกรรมฐานกับการผจญภัย มีบางช่วงตอนในการดําเนินเรื่องจะใช้พรรณนาโวหารที่จะนําพาคุณผู้อ่านเริงร่ืนชื่นบานในโลกของสํานวนกวี ธรรมนิยาย“ใต้แสงจันทร”์ คงมีส่วนหล่อหลอมใจในหนึ่งร้อยส่วนพันที่จะทําให้คุณผู้อ่านนั้น มีดวงจิตที่สว่างไสวด้วยสาระแห่งธรรมที่ได้สอดแทรกไว้ในหนังสือเล่มนี้ ทั้งหมดที่กล่าวมา ผมคาดหวังอยู่ทุกวินาทีคือปรารถนาให้คุณผู้อ่านทุกท่านมีความสุขจน หลุดพ้นวัฏฏะความเหงา เข้าสู่นิพพานความเบิกบานใจ บันเทิงนิโรธแห่งความสุขสมได้ในที่สุด

บรรพชา บุณยรัตพันธุ์

Page 3: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

หมู่บ้านศศะ ( หมู่บ้านกระต่าย ) ในนิคมสุวรรณโปดกชนบท แห่งขุนเขารัตนกรัณฑ์ เมื่อครั้งในอดีตหลายร้อยปีก่อน เคยเป็นดินแดนแห่งอาถรรพ์เวทมนต์ น้อยคนนักที่จะก้าวล่วงเข้ามาถึงที่นี้ได้ กาลเวลาผ่านไป ณ ที่แห่งนี้ได้แปรสภาพเป็นชุมชนเกษตรเชิงเขาขนาดเล็ก บนพื้นท่ีป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีผู้คนอาศัยตั้งบ้านเรือนอยู่ไม่มากนัก ที่เรียกกันว่าหมู่บ้านดงป่าช้าแตก ซึ่งมีสํานักสงฆ์เขาวงกตเป็นจุดศูนย์รวมแห่งขวัญและกําลังใจ และมีหลวงพี่เชียรหรือท่านอาจารย์เชียรที่ชาวบ้านรู้จักกันดี ดีกรีเปรียญธรรม 9 ประโยค และเป็นพระผู้ทรงอภิญญาจัดได้ว่าท่านนั้นดีพร้อมทั้งสองด้านคือ คันถะธุระก็เชี่ยวชาญ วิปัสสนาญาณก็เยี่ยมยอด ได้พํานักอาศัยร่วมกันกับสามเณรน้อยเจ้าปัญญานามว่าจ่อย และมีหลวงพ่ออุ่นเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทย์วิทยาคมเป็นเจ้าสํานัก มีกุฏิอยู่ใกล้ ๆ กันด้วยสภาพภูมิประเทศท่ีแวดล้อมไปด้วย แมกไม้ สายธาราและป่าเขา จัดได้ว่าเป็นแดนแห่งสับปายะ ซึ่งเป็นรมณียสถานที่เอื้ออํานวยต่อความสงบของจิตใจ ให้เข้าถึงธรรมได้โดยง่าย และเหมาะแก่การประกาศอมตะธรรมขององค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าสู่มวลชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี หลวงพี่เชียรกําลังก้มหน้าก้มตา รวบรวมเนื้อหาข้อมูลเพื่อเตรียมตัวสําหรับทําตํารายาโบราณสูตรพิเศษ ที่หลวงพ่ออุ่นท่านได้เห็นชัดแจ้งในสมาธิจิตนิมิตญาณจากหมอชีวกโกมารภัจจ์ ( ช-ีวะ-กะ-โก-มาน-ระ-พัด ) และได้สั่งกําชับหลวงพี่เชียรเอาไว้ว่า “สิ่งนี้เป็นสิ่งสําคัญที่จะช่วยเหลือชาวบ้านในยามเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะที่นี่ห่างไกลโรงหมอพอสมควร เราเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของพวกเขาเหล่านั้น มีอะไร

Page 4: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 2 ~

เดือดร้อนเขาจะมาขอพึ่งใบบุญเราก่อนเป็นอันดับแรก ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมโดยที่เราสามารถให้เขาพึ่งพาได้ในทุกกรณ”ี หลวงพี่เชียรท่านน้อมรับคําสั่งด้วยความเคารพและได้ปฏิบัติงานทันทีไม่มีรีรอด้วยความขยันขันแข็งในกิจที่ได้รับหมอบหมาย และเห็นซึ้งในปฏิปทาอันมุ่งมั่นในการอนุเคราะห์สัตว์โลกผู้ทุกข์ยากเดือดร้อนของหลวงพ่อท่านได้เป็นอย่างดี ขณะที่ปฏิบัติสมณกิจเสร็จแล้วหลวงพี่เชียรชอบออกไปเดินจงกรมตรงลานธรรมและผ่อนคลายอิริยาบถ ค่ําคืนนี้พระจันทร์ทรงกลดงดงามยิ่งนักลมหนาวโชยพัดเข้ามาทักทายแสงแห่งศศิธร คงจะเหนื่อยอ่อนตอนกลางวันที่ไล่แจกความเย็นเป็นของกํานัลรางวัลจากธรรมชาติแก่ผู้คนมากจนเกินไป มีผลทําให้พลังแรงลมและปริมาณความหนาวแลดูแผ่วเบา ไม่โดดเด่นเท่าวิถีโคจรของดวงดาว ลานธรรมที่กว้างใหญ่ไร้หลังคา ท้าทายฟ้าบนผาชัน บรรยากาศนั้นเงียบสงบ จนกระทั่งว่าได้ยินเสียงร้องของหัวใจที่บอกว่ามีความสุขได้อย่างชัดเจน ทันใดนั้นนั่นเองสามเณรผู้มีคําถามมากมายอยู่ในใจและต้องการคําตอบไปพร้อมกันด้วยเสมอ ก็ผุดคําถามขึ้นท้าทายภูมิปัญญาของหลวงพี่เชียรมหาเปรียญผู้ยิ่งใหญ่ ตรงม้านั่งไม้ใต้แสงจันทร์ที่ลานธรรมแห่งนี้ว่า “หลวงพี่ครับ....คืนนี้พระจันทร์สวยดีนะครับ เหมาะแก่การสนทนาธรรมเป็นที่สุด หลวงพี่พอจะเมตตาอนุเคราะห์ผมได้หรือไม่ครับ ” “ ไอ้ได้มันได้อยู่หรอก แต่เณรรู้ไหมไม่มีใครบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ด้วยการพูดคุยหรอกนะ หลวงพี่ว่าเรามานั่งทําภาวนากันดีกว่าไหม ปิดตานอกเปิดตาในให้ใจใสสว่างโชติจนเกิดญาณทัสสนะ เดี๋ยวอะไรที่สงสัยมันก็จะมีคําตอบขึ้นมากระจ่างแจ้งแก่ใจของเราเอง อวิชชาความไม่รู้ทั้งหลายต่าง ๆ บรรดามีเมื่อถูก

Page 5: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 3 ~

ดับลงเสียสิ้นแล้ว ปัญญาของเราก็จะสว่างโพลงรู้แจ้งเห็นจริงไปทุกสิ่งทุกอย่าง รู้จํารู้จริงมันไม่เท่ากับการรู้แจ้งหรอกนะน้องเณร ขืนเรายังมัวยังดีแต่พูดไม่ลงมือปฏิบัติอรหัตมรรคอรหัตผลจะเกิดกับเราได้อย่างไร ” “ ก็ได้ขอรับหลวงพี่ งั้นเรานั่งปฏิบัติธรรมกันตรงลานธรรมอันโล่งกว้างกันเลยนะขอรับ ” “ มันต้องให้ได้อย่างนี้สิว่าที่สามเณรอรหันต์ ” หลวงพี่เชียรกล่าวชมสามเณรจ่อย ทําให้เณรน้อยกระดากอายเล็กน้อยในถ้อยคําที่ให้มา แสงจันทร์ยังเจิดจรัสจ้าท้าทายฟ้าภูผาชัน พุทธบุตรแห่งพุทธองค์ยังคงหลับตานิ่ง กายตั้งตรงดํารงสติมั่นไม่หวั่นไหวต่อสายลมที่พัดผ่านกระทบกับอังสะจนพลิ้วไหว ลานธรรมในค่ําคืนนี้ที่เงียบสงบ การรบในส่วนละเอียดท่ีต้องใช้การหยุดนิ่งอย่างแผ่วเบาและนิ่มนวล ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายนักสําหรับผู้กระทําความเพียร แสงกระพริบของหมู่ดาวที่พร่างพราวบนฟ้าคล้าย ๆ จะบอกว่าอย่าเลิกล้มความเพียรมุ่งสู่ความสําเร็จแบบเบ็ดเสร็จในคืนนี้ แสงดาวยังคงกระพริบถี่เหมือนให้แรงใจแก่พระคุณเจ้าและสามเณร จนเวลาล่วงเลยผ่านไปนานพอสมควร หลวงพี่เชียรนําน้องเณรออกจากสมาธิกลับเข้าสู่กุฏิท่ามกลางอารมณ์ที่เบิกบานแจ่มใส หนทางแห่งมรรคผลนิพพานคงอีกไม่ไกลถ้าตั้งใจจะไปให้ถึงด้วยกําลังแห่งความเพียรก่อนกลับเข้ากุฏิ เณรจ่อยยกมือสาธุยิ้มรับธรรมปฏิบัติที่หลวงพี่เชียรมอบให้มาภายใต้แสงจันทรากลางลานธรรมบนสํานักสงฆ์เขาวงกตแห่งนี้ นับว่าทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง “ น้องเณรไปจําวัดได้แล้วนะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ หลวงพี่ต้องขอตัวไปทําภาวนาต่อ ” “หลวงพี่เก่งจังเลย นําผมนั่งสมาธิจนจิตดิ่งเข้าสู่ภาวะอันละเอียดลึกซึ้งถึงปานนี้ได้ ประดุจพระวิปัสนาจารย์ชั้นยอดหาผู้ใดเทียบได้ เป็นผู้ชี้ทางสว่าง

Page 6: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 4 ~

แก่ผู้หลงทางในความมืด หงายของที่คว่ํา และนําพาผมให้หลุดพ้นจากกรอบของอวิชชาแห่งปัญหาที่สงสัยได”้ เณรน้อยกล่าวพร้อมกับส่งสายตาถึงจันทร์ที่ลอยเด่นเป็นพยาน เปล่งแสงเจิดจรัสจ้าท้าทายลมหนาวแห่งห้วงรัตติกาลอันมืดมิด “สิ่งนี้จะเป็นประสบการณ์ของเณรเองที่จะนําไปใช้ได้ร่วมกันกับการเรียนรู้ครั้งใหม่ในอนาคตที่จะมีมาถึง” “หลวงพี่สุดยอดเลยครับ ความเป็นพหูสูตของหลวงพี่บริบูรณ์โดยแท”้ “ขอบใจนะท่ีชมเณรนอนเถอะดึกแล้ว เก็บคําถามที่เหลือของเณรที่มีอยู่ รอให้ถึงอรุณรุ่งของพรุ่งนี้เราค่อยมาฝึกปฏิบัติธรรมกันใหม่ หรือจะรอเวลาที่ดาวพราวระยับตา อ้อนออดฟ้ายามราตรี แสงหิ่งห้อยค่อยๆกระพริบถี่แอบกระซิบท่ีหินผาภายใต้แสงจันทราอันอบอุ่น เป็นกําลังใจหนุนส่งบุญบารมีที่เรานี้หยิบยื่นให้ต่อกัน ” หลวงพี่เชียรมองดูหมู่มวลดาราห้อยระย้ากลางเวหาหาว นั่งทบทวนเรื่องราวที่ได้แนะนําธรรมปฏิบัติโปรดน้องเณรในค่ําคืนนี้อย่างภาคภูมิใจ ก่อนเดินไปส่งสามเณรน้อยที่กุฏิ แล้วปลดปล่อยวางทุกสิ่งด้วยใจท่ีเบิกบานปีติสุข พร้อมบอกกับตัวเองว่า ตีสามของวันใหม่จะลุกขึ้นมาทําความเพียรเผาผลาญกิเลสในใจให้มอดไหม้ได้อีกสักกองหนึ่งก็ยังดี ผู้คนยังคงหลับใหลภายใต้มนต์สะกดของความดึกสงัดแห่งรัตติกาล แต่มีพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งที่ไม่ยอมตกอยู่ในอํานาจนั้น ได้รักษาสัตย์ปฏิญาณที่ให้ไว้กับตัวเอง นั่นคือหลวงพี่เชียรท่านลุกนั่งทําภาวนาตั้งแต่ตีสามตามสัญญา โดยตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่า หากตะวันไม่ส่องหน้าหรือไก่ป่าไม่โก่งขันฉันก็จะไม่ลุกจากที่ แล้วก็เจริญพระกรรมฐานของท่านเรื่อยไป ท่าทางการนั่งสมาธิที่ดูสงบนิ่งของหลวงพี่เชียร ช่างองอาจสง่างาม ประดุจนักรบกล้าแห่งกองทัพธรรมที่ออกไปกรําศึกสู้รบ

Page 7: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 5 ~

กับกิเลส และฟาดฟันเหล่าพญามารด้วยธรรมาวุธภายใน อย่างทระนง เอ๊กอี้เอ๊กเอ๊ก.....เสียงไก่ป่าขันเจื้อยแจ้วแน่นอนแล้วคือเช้าวันใหม่ หลวงพี่เชียรลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ใบหน้าดูผุดผ่องใสพร้อมยกมือขึ้นพนมก้มลงกราบพระปฏิมากรองค์น้อย แล้วลุกไปทําภารกิจส่วนตัวก่อนที่จะได้เวลาออกไปบิณฑบาตโปรดญาติโยมสาธุชนต่อไป เณรจ่อยก็ตื่นตามรีบทําหน้าที่ในส่วนของตน พร้อมก้าวตามหลวงพี่และหลวงพ่ออุ่นเดินลงเขา มุ่งตรงเข้าสู่หมู่บ้าน ณ เบื้องล่าง ภาพพระภิกษุ 2 รูป กับเณร 1 องค์ ออกเดินบิณฑบาตลัดเลาะไหล่เขาในยามเช้าที่สดใส ผ่านมวลแมกไม้พฤกษานานาพรรณที่ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล คละเคล้าไปด้วยไอดินกลิ่นหญ้าภายใต้อ้อมกอดแห่งความกรุณาของชะง่อนผาและป่าใหญ่ เสียงวิหคนกไพรกับลําธารน้อยที่ไหลใสเย็น ช่วยแต่งแต้มสีสันให้สองข้างทาง ที่ได้เดินผ่านเบิกบานใจยิ่งขึ้น ผ้ากาสาวพัสตร์สีเหลืองนวลผ่านดงกล้วยไม้ป่าเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก จนมาถึงกลางลานหมู่บ้านดงป่าช้าแตก ซึ่งมีผู้ใหญ่แจ้และลูกบ้านนั่งรอใส่บาตรอยู่ก่อนแล้ว เป็นแถวเป็นแนวเป็นระเบียบเรียบร้อย “นิมนต์ขอรับพระคุณเจ้า”หลวงพ่ออุ่นเดินรับบาตรเรื่อยไปจนเกือบสุดแถวแล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าโยมเอี่ยมหลับตาสักพัก พร้อมกําหมัดขึ้นมาตรงปากของท่าน จากนั้นก็บริกรรมคาถา และลูบลงไปบนหัวตบสามทีเบาๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โยมจะไม่นอนสะดุ้งหวาดผวาว่าวิญญาณผีป่าโขมดไพรจะมาทําอะไรโยมได้อีกแล้ว เจริญสุขนะโยมเอี่ยม ขออํานาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยจงค้ําจุนบุญรักษาโยมก็แล้วกันนะ” นายเอี่ยมก้มกราบลงแทบเท้าหลวงพ่ออุ่น ความศรัทธาผุดขึ้นท่วมท้นหัวใจก่อนเอ่ยคําด้วย

Page 8: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 6 ~

น้ําเสียงระคนความแปลกใจว่า “หลวงพ่อทราบได้อย่างไรขอรับว่าผมนี้มีวิญาณมาหลอกหลอน ผมไม่เคยบอกให้ใครรู้เลยกลัวจะแตกตื่นกัน หลวงพ่อขอรับผมนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว พอกําลังเคลิ้มได้ท่ีก็จะเห็นวิญญาณตนหนึ่งหน้าตาหน้าเกลียดหน้ากลัวมายืนอยู่ปลายเท้าของผม แล้วก็เอื้อมมือมาจับขาแล้วก็กระตุกปลุกผมให้ตื่นไม่ยอมให้หลับให้นอน จนผมอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมดแล้วขอรับ” ชาวบ้านต่างตกตะลึงในคําตอบของนายเอี่ยม ส่งเสียงอื้ออึงไปทั่ว รวมไปถึงเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้สองสามท่านที่มาเยือนผู้ใหญ่แจ้ ต่างก็แปลกใจในเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน หลวงพ่อกล่าวว่า “คืนนี้โยมไปหาอาตมาที่กุฏิ จะได้ทําพิธีให้อีกครั้งหนึ่ง และนอนค้างเสียที่นั่นเลย ท่านเชียรมีที่ว่างพอให้โยมเอี่ยมนอนไหม ” “ มีขอรับหลวงพ่อ ” จากนั้นหลวงพี่เชียรก็หันไปพูดกับนายเอี่ยมว่า “โยมเอี่ยมไม่ต้องกังวลนะอาตมาจะเป็นธุระจัดการให”้ “ขอบพระคุณมาก ๆ ขอรับ ” “ไม่เป็นไรโยม ไม่เป็นไร” หลวงพี่เชียรยิ้มให้อย่างเมตตา หลวงพ่ออุ่นเดินฝ่าวงล้อมของชาวบ้านที่กรูกันเข้ามารับรู้เรื่องราวของนายเอี่ยม มีหลวงพี่เชียรและสามเณรน้อยเดินตามไปติดๆจนถึงสํานักสงฆ์บนเขา ก็พบกับกลุ่มทหารพราน ที่เดินออกลาดตระเวนจากฐานที่ตั้งมาจนถึงที่นี่ ได้นั่งพักรออยู่ก่อนแล้ว หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการลาดตระเวน ก็นําทหารหาญทั้งหมดทําความเคารพหลวงพ่อและหลวงพี่เชียรรวมถึงสามเณรด้วย ก่อนคลานเข้าไปกราบแทบเท้าหลวงพ่อท่านเป็นกรณีพิเศษ นั่งพนมมือแล้วกล่าวว่า “ กราบนมัสการขอรับหลวงพ่อ พวกกระผมได้ออกลาดตระเวนผ่านมาทางนี้ ก็เลยตั้งใจเอาไว้ว่าจะมาให้หลวงพ่อเป่าหัวให้หน่อยขอรับ และขอวัตถุมงคลเอาไว้ติด

Page 9: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 7 ~

ตัวเพื่อเป็นขวัญกําลังใจในการปฏิบัติหน้าท่ีต่อไปด้วยนะขอรับ” “ เจริญพรโยม นั่งพักกินน้ํากินท่ากันให้หายเหนื่อยก่อนเถิด แล้วค่อยว่ากัน” จากนั้นหลวงพ่อก็ขอตัวไปปฏิบัติสมณะกิจของท่าน เหล่าบรรดารั้วของชาติก็ได้เอนกายยืดเส้นยืดสาย นั่งกินลมชมวิวบนลานธรรมอันร่มรื่น ลมพัดเย็นสบาย ซึ่งเป็นจุดท่ีสามารถมองเห็นทัศนียภาพเบื้องล่าง ได้อย่างชัดเจน ทันใดนั้นหลวงพี่เชียรก็ได้นําอาหารหวานคาวที่บิณฑบาตมาได้ นํามามอบให้แก่เหล่าบรรดาทหารได้รับประทานกันอย่างอิ่มหนําสําราญ เนื่องจากเห็นว่าบุคคลกลุ่มนี้ทํางานด้วยความเสียสละ กล้าหาญ เสี่ยงอันตรายและต้องใช้ความอดทนอดกลั้นต่อสภาพการที่ไร้ความสุขสะดวกสบายในชีวิตประจําวัน เลยอยากจะอนุเคราะห์อาหารและเพิ่มพูนกําลังใจไห้บ้าง ทหารทุกนาย ต่างรู้สึกซาบซึ้ง ถึงความเมตตาของพระคุณเจ้าแห่งสํานักสงฆ์เขาวงกตในครั้งนี้เป็นอย่างมาก หลังจากที่รับประทานอาหารจนเป็นที่เรียบร้อยแล้วผู้นําหน่วยก็สั่งบรรดาทหารลูกทีมจัดแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง เพื่อรอหลวงพ่ออุ่นที่กําลังย่างเท้าออกมาจากกุฏิของท่าน พอหลวงพ่อมาถึง ทหารทุกนายต่างนั่งพนมมือคุกเข่า หลวงพ่อปะพรมน้ําพระพุทธมนต์แล้วเป่าหัวพร้อมกับยื่นพระเครื่องให้คนละองค์จนครบหมดทุกนาย พร้อมให้สัมโมทนียกถาว่า “ขอให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายอันตรายทั้งปวง หมดทุกข์พบสุขทุก ๆ นายนะ ” “ สาธุ ” เสียงที่หนักแน่นของเหล่านักรบท้ังหลายดังกังวานสะท้านขุนเขา ต่างพากันกราบอําลาหลวงพ่อ เดินเรียงแถวจากไปด้วยใจท่ีเปี่ยมสุข หลวงพ่ออุ่นพาอายุ 65 ปี พรรษาที่ 44 เดินออกมาส่งทหารตรง

Page 10: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 8 ~

เนินบันไดเขา ก่อนยืนหลับตานิ่งไปชั่วครู่ เพื่อแผ่บารมีคุ้มครองให้พวกเขาเหล่านั้นสวัสดีมีชัย อยู่รอดปลอดภัยตลอดไปตลอดกาล

จากเช้าเข้าสู่สาย เที่ยงล่วงกลายเป็นบ่ายคล้อย พ้นเย็นเห็นจันทร์ลอย คู่ดาวน้อยยามราตรี

เวลาในแต่ละวันนั้นผ่านไปไวเหลือเกิน ความมืดแผ่ปกคลุมทุกสิ่ง เสียงหริ่งเรไร ประกาศก้องยึดครองผืนป่า นายเอี่ยมเดินถือไฟฉายส่องทางมากับผู้ใหญ่แจ้ และท่านสุรัตน์หัวหน้าวนอุทยานป่าไม้ห้วยทรายขาว จนถึงกุฏิหลวงพ่อ ท่านทําพิธีเฉพาะให้ตามสัญญาที่ได้กล่าวไว้เมื่อเช้านี้จนครบถ้วนตามหลักพิธี สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับผู้ใหญ่แจ้และหัวหน้าวิรัตน์เป็นอย่างมาก ในช่วงตอนที่หลวงพ่อระเบิดเทียนน้ํามนต์ และเป่าพ่นไปที่ตาของนายเอี่ยมจนชักดิ้นชักงอพร้อมส่งเสียงร้องโหยหวนชวนให้น่าขนลุกขนพองสยองเกล้าเป็นยิ่งนัก “ยอมแล้วเจ้าข้า หลวงพ่อเจ้าขา อิฉันยอมแล้ว ” เสียงนายเอี่ยมกลายเป็นเสียงผู้หญิง “ ไปเถอะโยมปิ่น อย่าสร้างเวรสร้างกรรมอย่างนี้เลย อาตมาเคยเอ่ยเตือนโยมหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่า อย่าผูกอาฆาตพยาบาทใคร อดีตรักข้ามภพมันจบไปแล้วปล่อยวางเสียเถอะ โยมเอี่ยมเขาจําอะไรไม่ได้หรอก ให้อภัยกันนะ หลวงพ่อจะทําพิธีส่งดวงวิญญาณโยมเองให้ไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น” สภาพของนายเอี่ยมหลังจากที่โดนน้ํามนต์หลวงพ่อก็เปลี่ยนไป ทําท่าทําทางประดุจสตรีโบราณ ยิ่งตอนนี้จะเห็นภาพชัดนั่งพับเพียบเรียบร้อย ร่ําไห้สะอึกสะอื้นพร่ําแต่คําว่า... อิฉันทราบเจ้าค่ะๆๆๆ อยู่ตลอดเวลา หลวงพ่ออุ่นเดินไปลูบหัวนายเอี่ยมที่มีวิญญาณอื่นสิงอยู่ พร้อมบริกรรมคาถาแล้วเป่าพรวดทีเดียว นายเอี่ยมสะดุ้งเฮือกฟุบลงตรงแทบเท้า

Page 11: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 9 ~

หลวงพ่อ ท่านสั่งให้ผู้ใหญ่แจ้และหัวหน้าสุรัตน์ช่วยกันอุ้มนายเอี่ยมมานอนใกล้ๆท่านตรงหน้าพระประธานในกุฏ ิ หลวงพ่อมัดด้ายสายสิญจน์ให้ในขณะที่นายเอี่ยมยังสลบไม่ได้สติ หลวงพ่ออุ่นจึงกล่าวว่า “ ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยให้นอนพักสักประเดี๋ยวก็จะดีขึ้นเอง คุณโยมสุรัตน์ไปยังไงมายังไงถึงมาถึงที่นี่ได้ ” “ กระผมมาสํารวจพื้นที่ป่า เลยถือโอกาสมาเยี่ยมผู้ใหญ่แจ้และตั้งใจมากราบนมัสการหลวงพ่อด้วยขอรับ พอดีนายเอี่ยมชวนมาดูหลวงพ่อทําพิธี ก็เลยอยากเห็นเป็นบุญตาว่าเป็นพิธีอะไรอย่างไร พอได้เห็นสิ่งเมื่อสักครู่นี้น่ากลัวเหมือนกันนะขอรับหลวงพ่อ” “ คืนนี้ก็ค้างเสียที่นี่เลยก็แล้วกันนะทั้งสองท่าน เอาล่ะเข้ามาใกล้ๆหน่อย มาๆๆจะเป่ากระหม่อมให”้ หัวหน้าสุรัตน์และผู้ใหญ่แจ้ ต่างคลานเข้าไปหมอบกราบหลวงพ่อ ท่านหลับตานิ่งไปสักพักแล้วก็เป่าเบาๆแถมด้วยการเคาะหัวอีกสองสามที ก่อนหยิบพระเครื่องมาให้คนละองค์พร้อมกับเอ่ยว่า “ เจริญสุขนะลูกนะ ขอให้โชคดีมีชัยปลอดภัยแคล้วคลาด เอานี่ของดีพกพาติดตัวไว้ภยันตรายใดๆก็ทําอะไรเราไม่ได้ เก็บรักษาเอาไว้ให้ดี ของวิเศษถึงปานนี้ มีโอกาสเกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิต ” ทั้งสองท่านน้อมรับพระเครื่ององค์น้อยกับมือหลวงพ่อด้วยอาการตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด “เรื่องพระเครื่องนี้นะครับท่านสุรัตน์ เคยมีเรื่องเล่าขานโจษจันกันไปทั่วว่า ครั้งหนึ่งเคยมีกกลุ่มเซียนพระอุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงจากกรุงไกลมากราบนมัสการหลวงพ่ออุ่นถึงสํานักสงฆ์เขาวงกต เพื่อขอเช่าบูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่อ โดยเสนอราคาเป็นเรือนแสนกับท่าน แต่ท่านไม่ยอมให้และได้ตอบปฏิเสธไปว่า “ อะไรกันโยมให้ราคาเป็นแสนเชียวหรือ? พระของอาตมามีคุณค่าก็จริงอยู่...แต่ไร้ราคา ที่นี่แจกฟรีไม่ต้องเสียสตางค์

Page 12: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 10 ~

แม้แต่แดงเดียว โยมมาช้าไปเสียแล้ว พระทุกองค์มีเจ้าของจับจองกันหมดแล้ว ไม่เหลือเลยแม้แต่องค์เดียว” ทําให้เซียนพระคนนั้นถึงกับหน้าถอดสี จากนั้นก็ทําท่าทีไม่พอใจ คนที่ติดตามมาด้วยถึงกับแสดงอาการดูหมิ่นท่าน โดยกล่าวคําว่า “ พวกผมอุตส่าห์เดินทางมาไกล กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ก็แทบแย่ หลวงพ่อจะไม่มีเมตตาให้อะไรติดไม้ติดมือไปบ้างเลยหรือ ราคาผมพอสู้ถ้าเป็นพระที่ตลาดต้องการ” หลวงพ่อท่านนั่งยิ้มอย่างเย็นใจก่อนตอบคนเหล่านั้นไปว่า “ อยากได้อะไรติดไม้ติดมือไปบ้างอย่างนั้นหรือ ได้สิอาตมาจะให้....เอาคําอํานวยพรไปก็แล้วกันนะขอให้เดินทางกลับบ้านโดยปลอดภัย ช้าหน่อยไม่เป็นไรยังไงก็ถึง ” เซียนพระกับพวกก็พากันกลับ ลุกจากที่นั่นไปโดยไม่แสดงความเคารพท่านสักนิดเดียว มีคนๆหนึ่งในกลุ่มนั้น บ่นว่าเสียเวลามาจริงๆไม่ได้เรื่อง รู้อย่างนี้นอนเล่นอยู่บ้านดีกว่า ไกลก็ไกลรถก็เข้าไปไม่ถึง ต้องเดินเท้าออกไปอีก ซวยจริงๆ ” จากคําพูดนี้นี่เองทําให้พวกเขาเดินหลงป่าหาทางออกไม่เจอ เดินวกไปเวียนมา แม้จะมีพรานป่านําทาง,เข็มทิศ,อุปกรณ์เดินป่าครบครัน มันก็ช่วยอะไรพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องเดินย้อนกลับมาท่ีกุฏิของหลวงพ่อเหมือนเดิม และมากราบขอขมาท่าน ซึ่งหลวงพ่อท่านเองก็ไม่ได้ถือโทษอันใดเพียงแต่กล่าวคําว่า “ ก็ที่นี่มันเขาวงกต แต่งวดนี้เดินทางกลับไปกันเถอะ ยังไงก็ถึง ” คราวนี้ทุกคนก้มกราบหลวงพ่อ ไม่มีใครกล้าที่จะแสดงอาการเช่นครั้งก่อนที่ทํามา ต่างเดินหุบปากเงียบจากไปด้วยความสงบ ในท่ีสุดก็ออกจากป่านั้นได้ เป็นไปตามวาจาที่หลวงพ่ออุ่นท่านกล่าวไว้จริงๆว่างวดนี้ยังไงก็ถึง นี่คือเรื่องที่ผมได้ยินมาจากปากของพรานดําคนนําทางพวกเซียนพระในครั้งนั้นเองเลยทีเดียว พรานดํา

Page 13: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 11 ~

ก็ยืนยันขันแข็งว่าเป็นเรื่องจริง” ผู้ใหญ่แจ้กล่าวอย่างชื่นชมในบารมีหลวงพ่อ “ ผมก็เคยได้ยินเจ้าหน้าที่ป่าไม้พูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน ตอนที่ผมเข้ามารับตําแหน่งที่นี่ใหม่ๆ ลูกน้องผมแนะนําให้มากราบหลวงพ่ออุ่น ผมถามว่าท่านอยู่ที่ไหนดีอย่างไรก็ได้คําตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้มา ผมว่าเราไปถามเรื่องนี้กับท่านดีกว่า” และแล้วสองท่านนั้นก็คลานเข้าไปกราบหลวงพ่อและถามขึ้นว่า “ หลวงพ่อขอรับ เรื่องเซียนพระที่มาจากเมืองกรุง อุตส่าห์มาหาหลวงพ่อถึงที่นี่ ทําไมถึงไม่ให้พระแก่พวกเขาเหล่านั้นไปล่ะขอรับ ทั้งๆที่ตอนนั้นหลวงพ่อก็มีพระอยู่ตั้งหลายองค์ แต่กลับบอกว่าไม่มีเหลือแล้ว มีคนจองหมดแล้ว อย่างนี้ไม่เป็นการมุสาหรือขอรับกระผมขอความกระจ่างหน่อย ” ท่านสุรัตน์เอ่ยถามด้วยความสงสัย หลวงพ่ออุ่น ท่านยังคงนั่งจิบน้ําชาอย่างใจเย็น แล้วก็หันมายิ้มพร้อมกับตอบว่า “ พระเครื่องเขามีเอาไว้เพื่อเตือนใจให้เราทําความดี เป็นพุทธานุสติ และพึ่งพาอาศัยพุทธคุณได้บ้างในยามคับขัน ถ้าหากวัตถุมงคลนั้นดีจริงนะ พูดง่ายๆมีไว้ใช้เตือนใจ ไม่ใช่เกร็งกําไร องค์พระไม่ใช่สินค้าที่นําไปใช้แลกเปลี่ยนเป็นเงินตรา เป็นสิ่งที่ทรงคุณค่ามากกว่านั้น มันอยู่ที่มุมมองและใจของคนที่ครอบครองพระองค์นั้นด้วย คนกลุ่มนี้ที่มาขอเช่าพระกับอาตมาในครั้งนั้น มาด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ มองเห็นองค์พระเป็นเพียงวัตถุสินค้า ต้องการได้มาเพื่อเกร็งกําไร อาตมาไม่ใช่พ่อค้าวัตถุมงคลที่เล็งเห็นผลประโยชน์อันพึงมีพึงได ้ อาตมาจะมอบให้แก่บุคคลที่อาตมาเห็นแล้วว่าเขาเป็นคนดีมีคุณธรรมเท่านั้น ดังที่ให้กับโยมนี่แหละขอให้รักษาความดีที่มีอยู่นี้เอาไว้นะแล้วทําให้มันงอกงามยิ่งๆขึ้นไป และที่อาตมาบอกกับคนเหล่านั้นไปว่าพระเครื่องเหล่านี้มีคนจองหมดแล้วไม่เหลือเลยสัก

Page 14: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 12 ~

องค์เดียว ก็เป็นกุศโลบายไม่ใช่มุสาวาทคนที่จองพระเครื่องเหล่านั้นทั้งหมดก็คืออาตมาเอง จองเก็บไว้ทั้งหมดไม่มีเหลือไว้เลยสักองค์เดียว เพื่อรอเวลาสําหรับการมาของคนดีผู้มีบุญซึ่งคือเจ้าของที่แท้จริง อาตมาจองเผื่อพวกเขาเหล่านั้น เป็นการป้องกันรักษาสิ่งที่มีค่าไม่ให้ตกไปอยู่ในความครอบครองของคนไม่ดี อาตมาจึงไม่ได้ล่วงมุสาวาทแต่ประการใด เข้าใจไหมโยม” “เข้าใจแล้วขอรับหลวงพ่อ” หัวหน้าสุรัตน์กล่าว...... แต่ผู้ใหญ่แจ้ยังสงสัยเรื่องการหลงป่าของเซียนพระกับพวกว่าทําไมถึงเป็นเช่นนั้น ทั้งๆที่มีพรานดําผู้ชํานานป่าที่เก่งที่สุดเป็นคนนําทางให้ ก็ยังหลงทางได้ หลวงพ่อแสดงปาฏิหาริย์ทรมานให้สํานึกหรือเปล่าขอรับ” “มันไม่ใช่ปาฏิหงปาฏิหาริย์อะไรหรอกผู้ใหญ่ อาตมาไม่ต้องไปทําอะไรพวกเขาหรอก คนไม่ดีมาถึงที่นี่เจ้าป่าเจ้าเขาก็แกล้งเทวดาก็แช่งให้วิบัติ ทําให้หลงทางจะได้สํานึก ทีหน้าทีหลังจะพูดจะจาอะไรต้องสํารวมให้มากกว่านี้ อย่าอวดเก่งปากพร่อย ต่อให้ร้อยพรานดําผู้ชํานาญป่าก็เอาไม่อยู่ เลยติดร่างแหไปกับเขาด้วย เล่นอะไรไม่เล่น ไปเล่นกับสิ่งที่มองไม่เห็น ก็เลยซวยจริงๆตามปากที่เขาพูดออกมา นี่มันก็เป็นแบบนี้แจ่มแจ้งหรือยัง”สิ้นเสียงหลวงพ่อนายเอี่ยมก็ฟื้นขึ้นมา หลวงพ่อท่านเรียกให้เข้าไปใกล้ๆ เป่ากระหม่อมอีกครั้งแล้วมอบพระให้หนึ่งองค์แล้วกล่าวว่า “ หมดเคราะห์หมดโศกเสียทีลูกเอ๊ย ต่อนี้ไปทําอะไรก็เจริญ เอาพระไปห้อยคอติดตัวไว้ด้วยจะได้แคล้วคลาดปลอดภัยนะลูกนะ ”นายเอี่ยมสํานึกถึงพระคุณอันเปี่ยมไปด้วยเมตตาของท่านเป็นอย่างมาก ถึงกับปวารณาว่าขอเป็นโยมอุปัฏฐากรับใช้หลวงพ่อตลอดไป จนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง และน้อมรับเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดไปจนตลอดชีวิต

Page 15: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 13 ~

“ ผมด้วยขอรับ ” ท่านหัวหน้าสุรัตน์กล่าว “ ผมก็ด้วยเช่นกันขอรับหลวงพ่อ” หลวงพ่ออุ่นท่านยิ้มเล็กน้อยพอสมควรแก่กาละ ตบหลังให้กําลังใจทุกคนซึ่งนับแต่นี้ต่อไปต้องเรียกโยมอุปัฏฐากใหม่ท้ังหลายเหล่านี้ว่า “ อุบาสก” ท่านสั่งให้ไปอาบน้ําอาบท่าพักผ่อนตามอัธยาศัยกันได้ทุกๆคน หลวงพี่เชียรนําชุดขาวพร้อมของใช้ส่วนตัวมาให้อุบาสกทุกท่าน แล้วเอ่ยทักว่า “ยินดีต้อนรับอุบาสกใหม่นะ จะอยู่ที่นี่เพื่อศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรมกันสักกี่วันดีล่ะ ” “ เดือนหนึ่งครับท่านอาจารย์ ” อุบาสกเอี่ยมตอบด้วยสีหน้าท่ีเขินอายนิด ๆ เพราะไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะมีคํานําหน้าอะไรเหมือนกับเขาได้ “แล้วอีกสองท่านที่เหลือล่ะว่าไง” หลวงพี่เชียรเอ่ยถามความตั้งใจ “ผมกับผู้ใหญ่แจ้ขอแค่อาทิตย์เดียวครับท่านอาจารย์ ” หลวงพี่เชียรได้ฟังดังนั้นถึงกับกล่าวอนุโมทนาในกุศลเจตนาที่ตั้งใจจะมาฝึกฝนอบรมตน เพื่อประพฤติปฏิบัติธรรมและอยู่รับใช้หลวงพ่อของอุบาสกทั้งสามท่าน ท่ีทีแรกคิดว่าจะอยู่ค้างแค่คืนเดียวเท่านั้น หลวงพี่เชียรกล่าวต่อไปว่า “ ความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างยิ่ง การปฏิบัติตัวของเราที่ต่างไปจากวิถีชีวิตเดิม ๆ ในทางโลกที่เราได้กระทํามาตลอดชีวิต แล้วเข้ามาสัมผัสกับวิถีแห่งธรรม บนเส้นทางแห่งการสร้างบารมี มันก็ย่อมจะต้องมีความไม่สะดวกสบาย ไร้ความสนุกสนานแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ต้องอาศัยการปรับตัวและใช้เวลาสักพักเดี๋ยวก็คุ้นไปเอง และเราจะมีความรู้สึกว่าอยู่ได้อย่างสบาย ๆ ไม่อึดอัด ร้อนรนกระวนกระวายใจ ขอให้เชื่ออาตมาเถอะ 1 อาทิตย์สําหรับท้ังสองท่านและอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ไปของอุบาสกเอี่ยมจะได้อะไรกลับไปมากมายและเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่ายิ่ง สําหรับการเกิดมาครั้งหนึ่งในชีวิตนี้ ไปอาบน้ําอาบท่าให้สบายใจเถอะ

Page 16: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 14 ~

แล้วมาพบกันที่กุฏิของอาตมา มีน้ําปาณะให้ด่ืมแก่หิว เชิญตามสบายนะ ” “ครับพระอาจารย์ ” อุบาสกทั้งสามท่านกล่าวอย่างนอบน้อมและได้ขอตัวเพื่อไปอาบน้ําชําระร่างกาย ณ ภายในกุฏิหลังน้อย ๆ ของหลวงพี่เชียรยังคงสว่างไสว ด้วยแสงเทียนพรรษาเจิดจรัสจ้าประดุจกลางวัน เณรจ่อยอุ่นน้ําปาณะ ( น้ําเต้าหู้ ) จนร้อนแล้วรินใส่แก้วยกมาถวายหลวงพี่เชียร ซึ่งกําลังจัดเตรียมที่หลับที่นอนให้กับอุบาสกทั้งสามอยู่ “ หลวงพี่ขอรับน้ําปาณะร้อน ๆนิมนต์ดื่มได้เลยขอรับ ” “ขอบใจนะน้องเณร แต่เอ.....น้ําเต้าหู้นี้มาจากไหนเหรอ ทุกวันไม่เคยเห็นมีนี่นา ” หลวงพี่เชียรเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ก็โยมแม่บ้านของอุบาสกเอี่ยมนั่นแหล่ะขอรับทํามาถวาย ตั้งแต่หัวค่ําแล้ว ทราบมาว่าชาวบ้านช่วยกันต้มช่วยกันทําอย่างสุดฝีมือเชียวนะขอรับ ” จังหวะนั้นอุบาสกเอี่ยม,ผู้ใหญ่แจ้และท่านสุรัตน์ก็เดินเข้ามาในกุฏิ แสงไฟจากเทียนพรรษาเล่มใหญ่ทําให้เห็นใบหน้าของอุบาสกทุกท่านได้อย่างถนัดถนี่ ที่มาในภาพลักษณ์ใหม่ใส่ชุดขาวไร้หนวดเคราที่รกรุงรัง หวีผมเรียบแปล้ ปะแป้งจนหน้าขาวนวล ทําให้หลวงพี่เชียรกับเณรจ่อยต้องเหลียวไปดูด้วยความแปลกใจแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ที่กลับกลายมาเป็นคนใหม่ในเวลานี้ “โอ้โหท่านทั้งหลายหรือนี่ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ ” เณรจ่อยกล่าวออกมาด้วยความชื่นชม “ พ่อเณรอย่าแซวพวกกระผมสิขอรับพวกผมอาย” หลวงพี่เชียรได้ทีเลยเรียกให้มาดื่มน้ําปาณะกัน อุบาสกเอี่ยมรับเสื่อแล้วนําไปปู พร้อมกราบนิมนต์เชิญหลวงพี่เชียรกับเณรจ่อยมานั่งสนทนาด้วย หลวงพี่เชียรบอกว่าไปที่ลานธรรมดีกว่า เพราะว่าที่นั่นเป็นที่โล่ง ,กว้างขวาง นั่งสบายภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลอดช่องเมฆาทะลุฟ้า

Page 17: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 15 ~

มาเยือน ทุกคนจึงไปรวมตัวกันที่นั่น ทันใดนั้นเณรน้อยก็เอ่ยคําว่า “ ชนแก้วต้อนรับอุบาสกใหม่หน่อย น้ําเต้าหู้สู่นิพพาน ” อุบาสกใหม่ตกตลึงทําอะไรไม่ถูก จนหลวงพี่เชียรต้องออกปากห้ามปรามความไร้เดียงสาของเณรน้อยองค์นี้ว่า“เณรสํารวมหน่อย อย่ากล่าวล่วงวาจาแบบนี้มันไม่เหมาะ ไม่ถูกกาละจะว่าทําแบบนี้ผิดไหม มันก็ไม่ผิดอะไรหรอกแต่มันเสียสมณะสารูป เป็นโลกะวัชชะโลกติเตียน มันไม่งาม เข้าใจไหม ” “ ขอประทานอภัยด้วยขอรับหลวงพี่ คือผมดีใจท่ีได้เพื่อนใหม่ตั้งหลายคน จึงเผอเรอไปหน่อย คราวหน้าคราวหลังผมจะสํารวมให้มากกว่านี้ การสนทนาธรรมภายใต้แสงจันทร์เริ่มอุบัติขึ้นจากการเริ่มต้นของเณรจ่อย แม้จะเรืองปัญญาชอบถามปัญหาธรรมได้ละเอียดลึกซึ้งก็ตามที แต่ด้วยความเป็นเด็กวุฒิภาวะในเรื่องที่ว่าอะไรควรไม่ควร ยังคงต้องได้รับการอบรมสั่งสอนจากหลวงพี่เชียร ผู้เป็นทั้งพระอาจารย์ พระพี่เลี้ยง สหธรรมิก ที่สามเณรจ่อยเคารพนับถือมาก อุบาสกเอี่ยมเอ่ยถามหลวงพี่เชียรว่า “ พระอาจารย์ขอรับ เราจะมีวิธีทําบุญได้อย่างไรบ้างขอรับ”“ เป็นคําถามที่ดีมากนะอุบาสกเอี่ยม สําหรับการเริ่มต้นสนทนาธรรมในค่ําคืนนี้ วิธีทําบุญในพระพุทธศาสนาโดยย่อแล้วมี 3 วิธีด้วยกันคือ 1.ให้ทาน ได้แก่ แบ่งปันทรัพย์สิ่งของที่เป็นประโยชน์ให้แก่บุคคลที่สมควร โดยไม่ถึงกับทําให้ตัวเองเดือดร้อน ซึ่งโดยท่ัวไปแล้วชาวพุทธก็นิยมทําบุญด้วยการให้กับพระภิกษุบ้าง, ผู้มีศีลบ้าง เป็นประจําสม่ําเสมอ 2. รักษาศีลคือ การสํารวมกาย วาจา ไม่ให้ทําความเดือดร้อนทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นอย่างน้อยก็รักษาศีล 5 เป็นประจําทุกวัน หากมีโอกาสในวันโกนวันพระหรือวันธรรมสวนะก็นิยมรักษาศีล 8 เพื่อให้ได้บุญเพิ่มขึ้นมา

Page 18: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 16 ~

อีกหรือบางท่านอาจจะปรับให้เหมาะสมกับกิจการงานที่ทํา โดยรักษาศีล 8 เป็นประจําในวันใดวันหนึ่งทุก ๆ 7 วัน 3. เจริญภาวนา ได้แก่ การทําบุญด้วยการฝึกใจให้เป็นสมาธิ ศึกษาธรรมะสวดมนต์ไหว้พระ เพื่อทําให้ใจมั่นคงผ่องแผ้วปลอดโปร่งแจ่มใสชื่นบาน ซึ่งนิยมทํากันเป็นประจําทุก ๆ คืน ก่อนนอน อย่างน้อยคืนละ 15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง โดยท่ัวไปแล้วการทําบุญทั้ง 3 วิธีนี้ ชาวพุทธถือหลักปฏิบัติง่าย ๆ ว่า เช้าใดถ้ายังไม่ได้ให้ทาน เช้านั้นก็จะยังไม่รับประทานอาหาร วันใดถ้ายังไม่ได้ตั้งใจรักษาศีลวันนั้นก็จะยังไม่ออกไปนอกบ้าน คืนใดถ้ายังไม่สวดมนต์เจริญสมาธิภาวนา คืนนั้นก็จะยังไม่เข้านอน เมื่อใดได้สร้างบุญเป็นประจําอย่างนี้แล้ว เป็นอันหวังได้ว่าชีวิตจะไม่มีวันตกต่ํา อนาคตจะมีแต่ความก้าวหน้า สิ่งใดที่ตนปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้นมาโดยง่ายดาย ด้วยอํานาจของบุญท่ีทํามาดีแล้วทั้ง 3 ประการนี้ ” “พระอาจารย์ขอรับพวกผมได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอุบาสกแล้ว อยากจะทราบว่าคุณสมบัติของการเป็นอุบาสกนั้นมีอะไรบ้างขอรับ” อุบาสกสุรัตน์กล่าวถามด้วยความใฝ่รู้ หลวงพี่เชียรได้สรุปคําจํากัดความให้จําได้ง่าย ๆ เพื่อไขข้อข้องใจท่านทั้งหลาย โดยขอยืมสํานวนของพระมหากําจัด เอกจารีที่ท่านให้คําจํากัดความของคําว่าอุบาสกได้ดีดังนี้ว่า อุบาสกยกว่าดีมีธรรมห้า มีศรัทธาตั้งมั่นมิหวั่นไหว มีศีลสัตย์ฝึกหัดกายและใจ หูตาใสไม่ตื่นข่าวเล่าลือมา แสวงบุญนิวาสในศาสน์นี้ ขวนขวายดีในพุทธศาสนา เมื่อมีครบจบงามตามกล่าวมา ท่านเรียกว่าอุบาสกรัตนัง

Page 19: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 17 ~

“หลวงพี่ขอรับ มีหมวดธรรมข้อไหนบ้างครับที่จะทําให้กิจการงานนั้นสําเร็จสมความประสงค์ได้เป็นอย่างดี ขอความกรุณาหลวงพี่ช่วยสรุปย่อให้ผมทราบหน่อยเถิดครับ เอาแบบจําได้ง่าย ๆ หน่อยนะครับไอ้ผมมันความจําสั้น” อุบาสกผู้ใหญ่แจ้ถามบ้าง “นี่ก็เป็นคําถามที่ดีมากอีกคําถามหนึ่งคือผู้ใหญ่เป็นผู้นําชุมชนมีกิจการงานมากมายหลาย ๆ อย่างที่ต้องกระทําเพื่อส่วนรวม ให้ถือหลักอิทธิบาท 4 นี่แหละ ซึ่งเป็นธรรมให้สําเร็จความประสงค์จําไว้สั้น ๆ มี 4 ข้อดังนี้นะ

1. ฉันทะ พอใจในสิ่งนั้น 2. วิริยะ บากบั่นขยันกล้า 3. จิตตะ เอาใจใส่ไม่ร้างรา 4. วิมังสา ตรวจสอบรอบคอบจริง

หรือท่องเป็นสโลแกนอย่างนี้ก็ได้ว่า 1. พอใจมัน 2. ขยันไว้ 3. เอาใจใส่ 4. ใช้ความคิด ถ้าอุบาสกผู้ใหญ่ยึดหลักนี้เอาไปใช้ อาตมารับรองได้ว่างานของผู้ใหญ่ที่ได้รับมอบหมายมานั้น ก็จะรุดหน้าไม่มีกองค้างไว้ให้รกหูรกตา ชาวประชาก็ยินดีปรีดา หลวงพี่ย่อเนื้อหาสาธยายสั้นเกินไปหรือเปล่า เข้าใจกันไหมทุกท่าน ” “เข้าใจครับ” อุบาสกใหม่กล่าวตอบพระอาจารย์เชียรพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย จากนั้นอุบาสกเอี่ยมก็มีคําถามที่สงสัยมานานว่าห่วงที่มีอยู่ในใจของเรา ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลายทางพระพุทธศาสนาได้กล่าวเรื่องนี้ไว้อย่างไรบ้างโดยกราบเรียนถามหลวงพี่เชียรด้วยความใคร่รู้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งท่านก็ให้คําตอบมาดังนี้ว่า “ห่วงหรือเครื่องจองจําของคนเรานะท่านอุบาสก โดยเฉพาะเครื่องจองจําที่เห็นง่าย และเป็นการจองจําชนิดติดกับ

Page 20: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 18 ~

ตัวเองเลยเช่น ตํารวจเขาใส่กุญแจมือหรือผู้คุมเขาใส่โซ่ตรวน ดูแล้วมันเหมือนมัดเราจนแน่น พวกนี้มันเป็นเครื่องจองจําทางกาย ถึงเวลาเขาก็ต้องปลดออก แต่มีเครื่องจองจําชนิดหนึ่งมันไม่ได้ติดอยู่กับตัวหรอก แต่มันสลัดไม่หลุด มันไม่ได้ติดตัวแต่มันติดใจสลัดอย่างไรก็ไม่หลุดเช่นอะไรบ้าง ก็อย่างที่ท่านอุบาสกถามนั่นแหล่ะคือ สามีภรรยา ยามคิดถึงอุตส่าห์ข้ามน้ําข้ามทะเลไปหา คิดถึงอยู่นั่นแหละ จะตายเสียให้ได้ พอมีลูกขึ้นมามันให้ห่วงลูกต่อ ห่วงอันนี้จัดเป็นเครื่องจองจําทีเดียว บางคนห่วงสามี บางคนห่วงภรรยา ห่วงกันจนกระทั่งกินไม่ได้นอนไม่หลับ และห่วงอีกอันหนึ่งก็คือ ห่วงสมบัติ ห่วงทั้ง 3 นี้ ( สามีภรรยา ,ลูก,สมบัติ ) เป็นเครื่องพันธนาการทางใจท่ีดิ้นหลุดยากเหลือเกิน เพราะมันทําให้ห่วงมันผูกพัน ยกตัวอย่างเช่น เรากําลังเจริญพระกรรมฐานอยู่ดี ๆ แท้ ๆ อุบาสกเอี่ยมอาจจะเห็นหน้าลูกโผล่ออกมา พอสงบใจลงได้ เอ๊า...หน้าเมียโผล่มาอีกแล้ว เรื่องเงินเรื่องทองสมบัติพัสถานแซงขึ้นมาอีกจนได้ ที่นั่งปฏิบัติธรรมกันไม่ค่อยจะได้ผลก็ตรงนี้แหละ มันติดกันอยู่อย่างนี้ อย่าสงสัยเลยอุบาสกเอี่ยม ” “อุบาสกเชิญดื่มน้ําชาร้อน ๆ ก่อนนะ ตามสบายจะได้ชุ่มคอมีแรงไว้ถามธรรมะกันต่อ อ้าว...ใครเข้ามาน่ะ โยมเจิดมีกิจอันใดรึ เข้ามา ๆ มาฟังธรรมะใต้แสงจันทร์กัน ” โยมเจิดคลานเข้ามากราบหลวงพี่เชียรแล้วกล่าวว่า“พระอาจารย์ขอรับ ผมขอนอนที่นี่ด้วยคนไม่อยากอยู่บ้านรําคาญใครบางคนขอรับ บ่นจู้จี้น่ารําคาญ ไม่รู้อะไรกันนักกันหนาไร้สาระจริง ๆ ” พระอาจารย์เชียรยกน้ําชาขึ้นดื่มแก้กระหาย หลังจากที่ได้สาธยายธรรมโปรดสามเณรจ่อย และอุบาสกใหม่เป็นเวลาพอสมควร ก่อนจะกล่าวกับโยมหมายว่า “ใจเย็นๆโยม ไอ้ที่รําคาญน่ะ

Page 21: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 19 ~

หมายถึงเมียใช่ไหม เอ้อ....ไปฟัดกับห่วงมาหรือยังไง ทั้งโดนรัดท้ังโดนฟัดอย่างนี้ หนีเข้าวัดก็ยังถือว่าใช้ได้นะ ดีกว่าหนีไปกินเหล้าเมายา เห็นไหม...เล่าเรื่องนี้ยังไม่ทันไร มีตัวอย่างมาให้เห็นเสียแล้ว นี่คือโทษภัยของห่วงใหญ่ทั้ง 3 ที่ได้เล่ามา แล้วโยมเจิดจะค้างที่นี่จริง ๆ หรือ” “จริงขอรับพระอาจารย์ ผมเองก็อยากมาเยี่ยมไอ้เอี่ยมด้วย” “ก็ได้ นอนเบียด ๆ กันหน่อยก็แล้วกัน แต่ขอติงโยมเจิดนิดหนึ่ง อย่าว่ากันนะขอความกรุณาเรียกท่านเอี่ยมว่า อุบาสกเอี่ยมด้วยก็จะดีมาก เป็นการให้เกียรติผู้ที่ตั้งใจมาฝึกฝนอบรมตนให้เป็นคนดี คําว่าอุบาสกเป็นคําที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ใครต่อใครก็จะมีสิทธิ์ใช้กันได้ง่าย ๆ ดังนั้นให้ความเคารพกันหน่อยนะ ” “ได้ขอรับพระอาจารย์ ผมต้องขอกราบประทานโทษด้วยเพราะเคยเรียกกันจนชินแบบนี้” “ดีแล้วล่ะที่เข้าใจ เอาชาร้อน ๆ สักถ้วยไหม แก้หนาวได้นะ แล้วนี่มาคนเดียวมีใครอยู่ข้างนอกอีกหรือเปล่า” “ไม่มีแล้วขอรับ ผมมาคนเดียว ฝ่าดงความมืดมา เสียวสันหลังวาบ มันหวิว ๆ ยังไงชอบกล แก่ตัวมาทําไมมันดันมากลัวผีได้ไม่รู้สิขอรับท่านอาจารย์”หลวงพี่เชียรยิ้มรับเรื่องราวของโยมเจิดที่เล่ามาแล้วกล่าวว่า “สิ่งแวดล้อมในยามค่ําคืนมันหล่อหลอมความรู้สึกของเราให้คิดไปต่าง ๆ นานา เพราะว่าความมืดทําให้เรามองเห็นสรรพสิ่งรอบข้างได้ไม่ชัด เมื่อไม่ชัดก็ไม่เห็นเมื่อไม่เห็นว่าอะไรเป็นอะไร ก็คิดหวาดระแวงขึ้นมา แล้วก็จินตนาการไปตามความรู้สึกนึกคิดนั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะคิดกันไปในเรื่องของโลกวิญญาณ จึงทําให้เกิดอาการผวาหวาดกลัว เสียวสันหลัง อย่างที่โยมเจิดได้สัมผัสมาก่อนจะมาถึงที่นี่นั่นแหล่ะ มันก็เป็นเช่นนี้นี่เองอย่าไปคิดอะไรมากเลย” พระอาจารย์เชียรกล่าว “ มีใครจะเติมน้ําเต้าหู้บ้างไหมในหม้อกําลัง

Page 22: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 20 ~

ร้อน ๆ เลยนะ แล้วอุบาสกเอี่ยมล่ะเห็นตาปรือ ๆ ง่วงนอนแล้วหรือ น้องเณรรินน้ําชาให้หลวงพี่หน่อย ดูสิเอาตั้งไว้เสียไกลเชียว.....เอาล่ะยื่นมาคิดว่าเอาบุญหยาบไปต่อยอดกับบุญละเอียดก็แล้วกันนะ” “ท่านอาจารย์ครับ ผมสังเกตเห็นว่าวัดที่เน้นเรื่องการรักษาญาติโยมผู้ป่วยที่มาขอพึ่งพระ เพื่อมารับการรักษานั้นจะต้องมีรูปท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์เกือบทุกวัดไปโดยให้ผู้ป่วยนําดอกไม้ธูปเทียนไปกราบไหว้ท่านก่อน แม้แต่ที่นี่ท่ีสํานักสงฆ์เขาวงกตของเราผมเดินผ่านมาข้าง ๆ กุฏิหลวงพ่อก็เห็นมีรูปปั้นของท่านหมอชีวกฯตั้งอยู่ ได้ข่าวว่ามีชาวบ้านมากราบไหว้กันมาก ก่อนจะเข้ารับการรักษาและรับยาไปทานจากหลวงพ่อ ที่สําคัญคือหายกันทุกราย ท่านอาจารย์จะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไรขอรับ หมอชีวกโกมารภัจจ์เป็นใคร มีประวัติความเป็นมาอย่างไร แล้วหลวงพ่ออุ่นสร้างรูปจําลองท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ ไว้เพื่อเหตุผลอันใดอีก นอกเหนือจากการให้ผู้ป่วยได้เคารพกราบไหว”้ “ เป็นคําถามที่ดีมากนะท่านอุบาสกสุรัตน์ อาตมาขอชี้แจงเป็นข้อๆไปก็แล้วกัน ที่ถามว่าวัดส่วนใหญ่ที่เน้นเรื่องการรักษาคนนั้นจะมีรูปหล่อจําลองท่านหมอชีวกฯก็ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ1.เพื่อต้องการให้ผู้ป่วยมีขวัญกําลังใจในเบื้องต้นก่อนเป็นอันดับแรก พอผู้ป่วยที่มาเข้ารับการรักษาได้จุดธูปเทียนบูชากราบไหว้ขอพรท่าน ที่รูปหล่อจําลองแล้ว ก็เกิดกําลังใจขึ้นมาพร้อมที่จะเข้ารับการรักษาในลําดับต่อไป ถือได้ว่าเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งก็ว่าได้โดยอาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเครื่องนําพาจิตใจให้คลายต่อความวิตกกังวลและส่งผลในด้านปลอบขวัญให้มีแรงฮึดสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่อไปนั่นเอง ประการที่ 2. นี้ว่ากันตามส่วนละเอียดนะ คืออาศัยอานุภาพแห่งความศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์บารมีของท่านหมอชีวกฯโดยตรง

Page 23: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 21 ~

ให้ช่วยแผ่ลงมาถึงผู้ป่วย แต่อันนี้อาตมาไม่กล้ายืนยันรับรองว่า ทุกคนจะได้รับการแผ่นบารมีจากท่านหมอชีวกฯ ให้หายจากโรคร้ายได้ท่ัวหน้ากันหรือไม่ อยู่ที่จิตที่มีศรัทธาเชื่อมั่นของผู้ป่วยเป็นสําคัญ และเป็นเรื่องของบุญกรรมที่เข้ามาเสริมด้วย อาตมาคิดว่ารูปหล่อจําลองที่ทางวัดต่าง ๆ สร้างขึ้นจุดประสงค์ของผู้สร้างโดยส่วนตัวแล้ว ก็น่าจะเป็นการน้อมระลึกถึงพระคุณของท่านหมอชีวกฯอย่างใดอย่างหนึ่ง ท่ีผู้สร้างได้ประสบมากับตัวนั่นเองยกตัวอย่างง่าย ๆ ใกล้ ๆ ตัวของเรานี่แหละเห็นรูปหล่อหมอชีวกฯ ข้าง ๆ กุฏิหลวงพ่อใช่ไหม ท่านสร้างขึ้นไว้ทําไม เอ่อ...เข้าใจถามมันต้องมีที่มาที่ไปส ินอกเหนือจากจุดประสงค์ที่เหมืนกันกับวัดท่ัว ๆ ไปอย่างที่อาตมาบอกนั้นก็มีเหตุผลอีกข้อหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจกอาตมาคือหลวงพ่ออุ่นท่านได้เล่าให้ฟังว่า ตอนที่ท่านบวชสร้างบารมีใหม่ ๆ ในพรรษาที่ 7 ท่านกําลังเดินธุดงค์อยู่ดีๆ แล้วเกิดเป็นลมล้มฟุบลงไป อัฐบริขารกลิ้งหล่นกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง หลวงพ่ออุ่นท่านนอนสลบไม่ได้สติอยู่ข้างทางลูกรัง วิญญาณท่านออกจากร่างแล้วเดินตรงไปยังต้นไทรที่ใหญ่มาก ขนาดเอาคนร้อยคนไปนั่ง ที่ก็ยังเหลือ ท่านเล่าความรู้สึกในตอนนั้นว่า มันเคว้งคว้างทําอะไรไม่ถูก ยืนใจหายอยู่ใต้ต้นไทรนั้น ขณะที่กําลังเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อหาใครสักคนจะได้ถามเขาได้ว่าท่ีนี่คือที่ไหน ทันใดนั้นท่านหมอชีวกฯก็ได้ปรากฏกายมาหาท่านแล้วกล่าวว่า “ นิมนต์นั่งพักตรงนี้เถิดพระคุณเจ้า ดื่มโอสถทิพย์ถ้วยนี้ก่อน เพื่อยังอาการป่วยของท่านให้สิ้นไป หลวงพ่ออุ่นท่านก็น้อมรับโอสถถ้วยนั้นด้วยความยินดี แล้วดื่มลงไปเกิด ความรู้สึกปีติแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย เบาเนื้อเบาตัวอารมณ์ปลอดโปล่งแจ่มใส อย่างที่

Page 24: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 22 ~

ไม่เคยเป็นมาก่อน กับมีพละกําลังและความแข็งแรงของร่างกายมากขึ้น ตอนนั้นหลวงพ่ออุ่นท่านไม่รู้ว่าดาบสผู้นี้เป็นใคร จึงถามชื่อเสียงเรียงนามและได้ถามว่าที่นี่คือที่ไหน เพราะมันดูแปลก ๆ ไม่เหมือนกับบ้านเมืองเราก็ได้รับคําตอบว่าท่านผู้มีอายุท่านนี้คือ หมอชีวกโกมารภัจจ์และดินแดนแห่งนี้คือ เมืองเวสาลีแคว้นวัชชีพร้อมกับแนะหนทางออกไปจากที่นี่ให้เดินวนรอบต้นไทร 3 รอบ แล้วหันหน้ามุ่งสู่ทิศอุดรให้เดินตรงไปอีก 3 ก้าวก็จะถึงจุดหมายตามที่จิตใจของท่านต้องการ หลวงพ่ออุ่นท่านก็ได้ทําตามนั้นจิตก็ถูกดูดวูบกลืนเข้าไปกับชั้นบรรยากาศ ความจําได้หมายรู้หายไปหมดสิ้นมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ลืมตาเห็นตัวเองนอนอยู่ตรงเชิงบันไดเขา ซึ่งต่อมาก็คือสํานักสงฆ์เขาวงกตของเรานี่เอง หลังจากวันนั้นมาท่านก็ได้สื่อญาณวิเศษเชื่อมต่อวิชาทางการแพทย์จากท่านหมอชีวกฯ โดยตรง ได้เรียนรู้สรรพวิชาต่างๆเพิ่มขึ้นอีกมากมายมีข้อสงสัยอันใดก็กําหนดจิตสื่อกับท่านได้ตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นท่านไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยอีกเลยตั้งแต่วันที่ท่านได้ดื่มโอสถทิพย์คราวนั้น สุขภาพร่างกายของท่านนับวันยิ่งแข็งแรงแกร่งทั้งกายและใจทําให้ท่านสามารถปฏิบัติสมณะกิจ สร้างบุญบารมีได้อย่างเต็มที ่ ด้วยเล็งเห็นพระคุณอันยิ่งใหญ่อันไม่มีประมาณประดุจพระอาจารย์ผู้ให้ชีวิตใหม่ หลวงพ่ออุ่นท่านจึงสร้างรูปหล่อจําลองของท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ขึ้น เพื่อให้สาธุชนได้เคารพกราบไหว ้ และเป็นเครื่องระลึกถึงพระคุณที่หลวงพ่อได้รับมา....เรื่องราวก็เป็นมาแบบนี้พักคั่นเวลาสักเดี๋ยวก่อนก็แล้วกันนะ อุบาสกเอี่ยมช่วยรับบุญด้วยการไปปูที่หลับที่นอน ต้อนรับอาคันตุกะผู้มาเยือนเหล่านี้หน่อย” “ ได้ขอรับพระอาจารย์” ทันใดนั้นโยมเจิดก็เอ่ยอาสาว่า “งั้น

Page 25: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 23 ~

ผมขอรับบุญตรงนี้ด้วยคนนะขอรับ ท่านเอี่ยมเดี๋ยวผมช่วยท่านอีกแรง ” “เออ...โยมเจิดพูดเพาะได้แล้วนี่ เรียนรู้ได้เร็วจัง การกล่าวมธุรสวาจาให้ซึ่งกันและกันนํามาซึ่งกําลังใจอันไม่มีประมาณ กิจการงานที่ทําก็สําเร็จโดยง่าย ไปช่วยกันหาท่ีหลับท่ีนอนกันเถอะ เดี๋ยวค่อยมาฟังธรรมกันใหม่ ” ยามนี้ ข้างนอกสว่างด้วยแสงจันทร์ข้างในสว่างด้วยแสงธรรม หลวงพี่เชียรสามเณรจ่อย,อุบาสกเอี่ยม,นายเจิด,อุบาสกผู้ใหญ่แจ้และท่านอุบาสกสุรัตน์ ยังคงนั่งผ่อนคลายอิริยาบถเล่นตรงลานธรรม คืนนี้มีพระจันทร์ยิ้มพริ้มพราย เห็นทะเลดวงดาวมากมายเรียงรายเต็มฟ้า สายตาของทุกคู่จ้องมองดู จินตนาการเปิดอารมณ์เตลิดรับรู้ สู่ความรู้สึกนึกคิด ไร้ซึ่งบรรทัดฐานของความถูกผิดท่ีปกปิดมานาน สายลมพลิ้วผ่าน...จิตใจแตกกระสานซ่านเซ็น หลวงพ่ออุ่นเดินตรงมาที่ลานธรรมแล้วกล่าวทักว่า “ไม่มีใครเป็นพระอรหันต์ได้ด้วยการพูดคุย” แล้วก็ยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆให้แผ่นหนึ่ง ในนั้นเขียนข้อความเอาไว้ว่า ธรรมใดก็ไร้ค่า ถ้าหากว่าได้แค่จํา เพียงเราเข้าถึงธรรม สุขเลิศล้ํากว่าสิ่งใด รู้จบครบทุกสิ่ง ไม่ต้องอิงตําราใด หรือท่านนั้นภูมิใจ ตําแหน่งใหม่ “ ใบลานเปล่า ” หลวงพี่เชียร พออ่านจบก็ยืนสงบนิ่ง อึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง เรียกทุกคนให้กลับเข้ากุฏิโดยด่วน ยังความแปลกใจให้เกิดขึ้นเป็นอันมาก พอถึงกุฏิก็รีบดับไฟจากเทียนพรรษาเล่มนั้นแล้วกล่าวว่า คฤหัสถ์จงเข้านอน บรรพชิตขอตัวก่อนจะไปทําความเพียร เสียงหัวเราะเบาๆดังฝ่าเงามืด สามเณรจ่อยเอ่ยถามหลวงพี่เชียรถึงเหตุผลที่รีบกลับเข้ากุฏิดับไฟไม่แสดงธรรมต่อ ก็ได้คําตอบว่า

Page 26: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 24 ~

หลวงปู่ท่านทิ้งปริศนาธรรม ซึ่งทําให้เราได้คิดและคิดได้ว่า ให้พูดน้อยๆลงหน่อย แล้วหันมาสนใจการปฏิบัติธรรมให้มากๆ รู้จํา รู้จริง แต่ไม่รู้แจ้ง จะมีประโยชน์อันใด คืนนี้น้องเณรก็นั่งทําภาวนาเสียด้วยกันเลยนะ” “ ได้ขอรับหลวงพี่ ” “ ดีมาก ถ้าเช่นนั้นเราเริ่มปฏิบัติธรรมกันเลย ” ส่วนท่านใดจะปฏิบัติธรรมด้วยก็เชิญ ไปพบกันที่กุฏิหลวงพ่อนะ” ภายในกุฏิหลวงพ่อตรงหน้าโต๊ะหมู่บูชา หลวงพ่ออุ่นท่านนั่งทําภาวนารอท่าอยู่ก่อนแล้ว หลวงพี่เชียรเข้าไปก่อนเป็นคนแรก ตามด้วยสามเณรจ่อยและอุบาสกทั้งสามท่าน รวมนายเจิดด้วยอีกคนตามติดกันเข้ามา ทุกคนก้มกราบพระประธาน แล้วก็สํารวมกายวาจาใจ เพื่อนั่งกัมมัฏฐาน หลวงพ่ออุ่นท่านค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วก็หันหน้ากลับมาทางด้านกลุ่มคณะศิษย์ มากันแล้วหรือท่านนักปราชญ์ราชบัณฑิต สว่างข้างนอกมันจะไปได้เรื่องอะไร ต้องสว่างที่ข้างในจึงจะใช้ได้ มาเถิดมาทําใจของเราให้สว่างกัน ” จากนั้นหลวงพ่ออุ่นก็กล่าวกับทุก ๆ คน ว่า “ เรามาฝึกปฏิบัติธรรมกันก่อนเถอะ ยังไม่ต้องถามอะไรให้มากความหรอกว่าดีอย่างไร ฝึกแล้วจะได้อะไร ตอนนี้ทําตามที่หลวงพ่อบอกก็พอ เอาล่ะทุกท่านกราบพระประธานพร้อมกันแล้วกล่าวคําสมาทานกัมมัฏฐานตามหลวงพ่อดังนี้...ยะมะหัง สัมมาสัมพุทธังฯ หลวงพ่อท่านนํากล่าวสมาทานกัมมัฏฐานจนจบ แล้วเอ่ยสําทับด้วยคํานี้ที่ว่า รอบนี้จะนั่ง 30 นาทีพยายามอดทนนั่งให้มันผ่านพ้นไปให้ได้ ถ้าหากใครปวดเมื่อยขึ้นมาเสียก่อน ก็ให้เปลี่ยนท่านั่งได้ แต่ห้ามลืมตาโดยเด็ดขาดนะ ” แล้วหลวงพ่ออุ่นก็แนะวิธีปฏิบัติภาวนาให้แก่ท่านทั้งหลายจนเข้าใจแจ่มแจ้งก่อนเอ่ยคําว่า “เมื่อเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ แล้วก็ตั้งใจกันให้ดีนะลูกนะ ต่างคน

Page 27: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 25 ~

ต่างทําไปเงียบ ๆ ก็แล้วกัน ” ทุกท่านน้อมรับคําสอนและได้ลงมือปฏิบัติตามทันที ด้วยบรรยากาศท่ีสงบวิเวก เหมาะแก่การบําเพ็ญเพียรภาวนา บวกกับอํานาจแห่งบุญบารมี ตลอดจนความเชี่ยวชาญทางสมาธิจิต ที่แผ่คลุมบุญให้แก่ลูกศิษย์ของหลวงพ่ออุ่นในท่ีนี้ ก่อให้เกิดประสบการณ์ภายในในรูปแบบต่างๆกัน ผู้ที่โดนสอบพระกรรมฐานก่อนเป็นคนแรกคือหลวงพี่เชียร เสียงหลวงพ่อเอ่ยถามท่ามกลางความเงียบสงบว่า “ท่านเชียร...อย่าลืมแบ่งบุญพระกรรมฐานที่นั่งได้ในรอบนี ้ ให้กับเทวดา , พรหม , อรูปพรหมและจักรพรรดิกายสิทธิ์ประจําตัวของท่านด้วยนะ ต่างพากันมาร่วมอนุโมทนากับท่านกันมากมายทีเดียว” “ ขอรับหลวงพ่อ ” “ท่านเชียร..ท่านเอาใจเข้ากลางทําใจหยุดใจนิ่งดับหยาบไปหาละเอียดซ้อนสับทับทวีนี้เข้าไปเรื่อย ๆ ทั้งอนุโลมและปฏิโลม แล้วรายงานสิ่งที่ท่านเห็นในส่วนละเอียดเกี่ยวกับความสะอาดของธาตุธรรมในตัวของท่านแก่หลวงพ่อด้วย โดยใช้จิตบอกผ่านมาก็แล้วกัน ” “ทําได้ดีมากท่านเชียร ขอให้รักษาใจให้ใสสะอาดบริสุทธิ์หยุดนิ่งของกายธรรมในกายธรรมเอาไว้ให้ดี ท่านปฏิบัติได้ถูกต้องแล้ว” หลวงพ่ออุ่นปลื้มปีติใจ ที่เห็นศิษย์เอกของท่านนี้ปฏิบัติธรรมได้ผลเป็นที่น่าพอใจ นี่คือความอัศจรรย์ที่อยู่เหนือโลก หลวงพ่ออุ่นท่านฝึกปฏิบัติให้ทุกท่านที่เข้ามาหาท่านในคืนนี้อันได้แก่ หลวงพี่เชียร,สามเณรจ่อย,อุบาสกเอี่ยม,ท่านอุบาสกสุรัตน์,ท่านอุบาสกผู้ใหญ่แจ้, และท่านเจิดนั่งปฏิบัติธรรมกันทั้งคืนจนจิตใจสงบเข้าถึงธรรมะภายในได้ในครั้งนี้ ได้พบเห็นสิ่งท่ีไม่เคยเห็น ได้สัมผัสในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้พบมาก่อน ทุก ๆ คนที่รู้ได้เห็นในคราวนี้เพราะผลแห่งการชี้แนะพระกรรมฐานของหลวงพ่ออุ่นนั่นเอง ซึ่งหลวงพ่อท่านจะตรวจสอบ

Page 28: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 26 ~

ญาณทัสสนะของทุก ๆ คนว่าได้รู้ได้เห็นถูกค้องตามความเป็นจริงหรือไม่ ก่อนที่ตะวันจะโผล่พ้นขอบฟ้าสื่อสัญญาของวันใหม่ หลวงพ่อบอกให้ทุกคนตั้งใจปฏิบัติต่อไปเรื่อย ๆ อย่าหยุดอย่าขาดอย่าประมาทอย่าละความเพียร กว่าจะทําได้ก็ว่ายากแล้วนะแต่รักษาให้อยู่กับเราได้นาน ๆ โดยไม่เสื่อมยิ่งยากกว่าหลวงพ่อท่านว่าไว้อย่างนั้น ทุกคนก้มกราบหลวงพ่อ ด้วยสํานึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ท่ีท่านได้มอบให้ในครั้งนี้ ซึ่งมีคุณค่ามากมายมหาศาลสุดจะพรรณนาออกมาได้เลยจริง ๆ บางท่านถึงกับหลั่งน้ําตาออกมาด้วยความปลื้มปีติดีใจโดยไม่คิดว่าตนเองนั้นจะมีบุญบารมีมาสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ได้.....หลวงพ่ออุ่นและคณะศิษย์ของท่านยังคงนั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันต่อ ลมหนาวจากช่องเขาพัดโชยมาอย่างแผ่วเบา ใจของทุกคนก็เบาสบายไม่แพ้กัน จนแสงสีทองเริ่มจับขอบฟ้าขับไล่ความมืดมิดแห่งห้วงรัตติกาลให้พลันมลายหายไป ฟ้าสางสว่างแล้วแต่ใจคนสว่างกว่าเป็นไหน ๆ สว่างทั้งนอกสว่างทั้งใน ใจใสสะอาดสงบพบธรรม หลวงพ่อสั่งให้ทุกท่านแยกย้ายกันไปทําภารกิจส่วนตัว แล้วมาพบกันที่หน้ากุฏิของท่านในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า และแล้วก็ถึงช่วงเวลาออกไปบิณฑบาตโปรดสัตว์ของนักสร้างบารมี....... หลวงพ่ออุ่น..หลวงพี่เชียรและสามเณรน้อยในชุดห่มดองซึ่งเป็นชุดนักรบของพระพร้อมเหล่าบรรดาอุบาสกทั้งหลายได้เดินเรียงรายย่างกรายลงจากเขา ลดเลี้ยวลัดเลาะรื่นเริงบันเทิงนิโรธ มาตามชะง่อนผามุ่งหน้าสู่ชุมชนเบื้องล่างอย่างเบิกบานอารมณ์ เสียงวิหคนกไพรส่งสําเนียงเสียงใสไพเราะน่าฟัง เสียงสายลําธารน้อย ๆ ที่ไหลอ่อยบรรจบกระทบโขดหินได้ยินเบา ๆ ภายใต้ร่มเงาของทิวไม้ ตะวันนั้นทําเป็นหลบซบไหล่เข า จนถึงทาง

Page 29: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 27 ~

แยกตัดเข้าหมู่บ้าน หลวงพ่ออุ่นซึ่งเดินนําหน้าหมู่คณะในขณะนี้ ได้มาพบกับเสือลายพาดกลอนเข้าตัวหนึ่งยืนขวางทางเดินอยู่ ต่างฝ่ายต่างจ้องมองซึ่งกันและกัน หลวงพ่อสั่งให้ทุกคนอยู่ในอาการสงบ ท่านเดินเข้าไปหาเสือในระยะประชิดแล้วหลับตาบริกรรมคาถาสักประมาณนาทีหนึ่ง จากนั้นท่านก็เอามือลูบศีรษะเสือลายพาดกลอนลงไปเบาๆ มันทรุดตัวลงหมอบกราบแทบเท้าหลวงพ่อท่าทางดูเชื่องๆประดุจลูกแมว สร้างความอัศจรรย์ใจแก่เหล่าบรรดาลุกศิษย์ที่ติดสอยห้อยตามเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกลุ่มอุบาสกทั้งหลาย จากนั้นหลวงพ่ออุ่นก็กล่าวกับเสือลายพาดกลอนตัวนั้นไปว่า “เจ้าจงกลับไปอยู่ในที่ท่ีเจ้าอยู่เถิด” เสือตัวนั้นก็พลันลุกขึ้นสายตาจับจ้องมองมาที่หลวงพ่อแล้วก็เดินหนีเข้าป่าไป ทุกคนต่างโล่งอกโล่งใจ โดยเฉพาะเหล่านักบุญน้องใหม่ที่อยู่ด้านหลังหลวงพ่อ ทุกคนนั้นมีระบบการเต้นของหัวใจที่ดังไม่เป็นจังหวะ และหายใจไม่ทั่วท้องส่อถึงอาการของการหวาดกลัวต่อมรณภัยอันเกิดจากเสือที่ปรากฏอยู่ ณ เบื้องหน้า แต่สําหรับหลวงพี่เชียรและสามรเณรจ่อยแล้ว เหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยธรรมดา เพราะว่าเจ้าเสือตัวนี้จะมาดักรอพบหลวงพ่อเป็นประจําทุกวันเพียงแต่ท่านอุบาสกทั้งหลาย ไม่เคยทราบเรื่องนี้กันมาก่อนเท่านั้นเอง หลวงพ่ออุ่นนําพาคณะศิษย์มุ่งลงสู่ชุมชนเบื้องล่างกลางหมู่บ้านดงป่าช้าแตก ซึ่งมีกลุ่มพุทธศาสนิกชนรอใส่บาตรอยู่จํานวนหนึ่ง ณ ที่ตรงนั้นมีเหล่าบรรดาแม่บ้านและเพื่อนสนิทมิตรสหายของอุบาสกใหม่มารอพบหน้าว่าหนึ่งคืนที่ผ่านมาเป็นอย่างไรกันบ้าง พอเห็นอุบาสกใหม่ในชุดขาวสะอาดตา ใบหน้าดูผุดผ่องใสไร้หนวดเคราและผมเผ้าที่ยาวรุงรังดุจดั่งก่อน แถมคําพูดคําจาก็เอื้อนเอ่ยได้อย่างไพเราะเสนาะหู ยัง

Page 30: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 28 ~

ความรู้สึกแปลกใจแก่บรรดาชาวบ้านดงป่าช้าแตกเป็นยิ่งนัก ถึงขนาดผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคือนายแสงต้องอุทานออกมาด้วยคํานี้ที่ว่า “ ไปอยู่วัดแค่คืนเดียวคนเราเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือนี ่ ” นางมะลิภรรยาอุบาสกเอี่ยมเอ่ยทักว่า “ นี่พี่เอี่ยมหรือจ๊ะ จากเคหาไปราตรีเดียวดูหล่อเฟี้ยวขึ้นเป็นกอง” “ เล่นแซวกันตรง ๆ อย่างนี้ ฉันก็อายแย่สิจ๊ะแม่มะลิ ใส่บาตรก่อนเถิดจ๊ะหลวงพ่อรออยู่ ” “ จ๊ะพี่ ” เสียงแม่มะลิตอบขานออกไปด้วยน้ําเสียงที่หวานจับใจถึงสามีของนางจากนั้นนายแสงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านดงป่าช้าแตก ได้นิมนต์หลวงพ่อเพื่อรับบาตรแก่บรรดาลูกบ้านของตน ประจวบเหมาะพอดีกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ลูกน้องท่านอุบาสกสุรัตน์ ก็เข้ามาสมทบด้วยทําให้ลานชุมชนแห่งนี้ดูครึกครื้นรื่นเริงบันเทิงบุญกันทั่วหน้า ในขณะที่หลวงพ่ออุ่น ,หลวงพี่เชียร , สามเณรจ่อย รวมถึงอุบาสกอีก 4 ท่านกําลังเดินทางกลับขึ้นสู่สํานักสงฆ์ ทันใดนั้นนั่นเอง......พรานดําได้วิ่งหน้าตั้งกระหืดกระหอบมาที่หลวงพ่ออุ่นแล้วกราบแทบเท้าพร้อมกับเอ่ยว่า “ หลวงพ่อขอรับมีหมอผีกลุ่มหนึ่งมันมาทําพิธีอะไรไม่รู้ในป่าท้ายเขา เมื่อคืนผมออกไปหาของป่าแอบไปพบเข้า โดนมันจับตัวพร้อมขู่กําชับมาว่าให้ชาวบ้านเลิกนับถือพระ ให้มานับถือผี และพรรคพวกของมัน หากใครดื้อดึงไม่ฟังคําที่มันใช้ให้ผมมาบอกป่าวประกาศนี้ รับรองได้ว่าต้องเจอดีกันทุกคน มันจะใช้อํานาจไสยเวทย์มนต์ดําทําให้ทุกคนต้องได้รับผลแห่งความทุกข์ยากนานาประการ หากใครเข้าร่วมและฝากตัวเป็นลูกศิษย์ก็รอดตัวไป มีอะไรเดือดร้อนมันก็จะช่วยได้ทุกอย่างทุกเรื่อง เห็นพวกชาวบ้านดอนมะเดื่อไปหลงเชื่อกันหมดแล้วขอรับ เพราะมีความกลัวและอยากได้ผลประโยชน์ที่มันจะหยิบยื่นให้ หมู่บ้านต่อไปก็คือ

Page 31: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 29 ~

หมู่บ้านดงป่าช้าแตกของเรานี่ละครับเป็นรายต่อไป แล้วเราจะทําอย่างไรกันดีล่ะขอรับหลวงพ่อ” หลวงพ่ออุ่นรับทราบปัญหาจากพรานดําแล้วท่านยืนนิ่งหลับตาสักครู่ก็ลืมตาก่อนตอบพรานดําไปว่า “ อย่าตกใจไปเลยพรานดํา อํานาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณ ศักดิ์สิทธิ์ทรงฤทธิ์อํานาจที่สามารถจะชนะอํานาจฝ่ายต่ําได้ ตราบใดท่ีอาตมายังอยู่ขอให้ทุกคนได้โปรดรับรู้ไว้ด้วยเถิดว่า ชุมชนของเราและชุมชนที่อยู่อาณาบริเวณโดยรอบจะต้องสงบร่มเย็นและอยู่อย่างเป็นสุขกันทุกผู้ทุกนาม เดี๋ยวขอเรียนเชิญเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทุกนาย รวมถึงผู้ช่วยผู้ใหญ ่ และชาวบ้านทั้งหลายให้ไปรวมกลุ่มกันที่สํานักสงฆ์ของเราตรงลานธรรมนะ อาตมามีเรื่องที่ต้องชี้แจงและทําพิธีป้องกันคุณไสยให้พวกเราเพื่อป้องกันตัวเอาไว้ก่อน เอาล่ะตามอาตมาไปที่สํานักสงฆ์กันเดี๋ยวนี้เลย ” หลวงพ่ออุ่นเดินนําหน้าสาธุชนทั้งหลายขึ้นสู่ภูเขาชัน ชาวบ้านดงป่าช้าแตกต่างหอบลูกจูงหลานมารวมกัน ที่ลานธรรมบนสํานักสงฆ์เขาวงกตกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา หลวงพ่ออุ่นและหลวงพี่เชียรยังอยู่ภายในกุฏิกันเพียงสองรูปมีเหล่าบรรดาอุบาสกและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ยืนรออยู่ข้างนอก ด้วยความใคร่รู้ว่าท่านทําพิธีอะไรกัน 15 นาทีผ่านไป หลวงพ่ออุ่นเดินออกจากกุฏิในมือของท่านมีด้ายสายสิญจน์ถืออยู่เป็นจํานวนมาก ติดตามมาด้วยหลวงพี่เชียรที่ตะโกนบอกให้เหล่าอุบาสก ช่วยกันยกอ่างน้ําพระพุทธมนต์ขนาดใหญ่มาตั้งตรงลานธรรม หลวงพ่ออุ่นท่านเจริญพระคาถาหลับตาภาวนาสักครู่ก็หยดเทียนลงไปในน้ํา เกิดสิ่งอัศจรรย์คือหยดเทียนวิ่งเข้าหากันตรงจุดศูนย์กลาง แล้วแตกออกเป็นดอกพิกุลขนาดใหญ่ หลวงพ่ออุ่นลืม

Page 32: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 30 ~

ตาขึ้นช้า ๆ ยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อยประหนึ่งเหมือนว่าท่านชนะแล้ว ซึ่งอํานาจฝ่ายต่ํา ท่านประพรมน้ําพระพุทธมนต์ให้แก่บรรดาสาธุชนทั้งหลายกันอย่างทั่วหน้า พร้อมแจกด้ายสายสิญจน์ให้ทุกคนผูกติดมือไว้หญิงติดมือซ้าย ชายติดมือขวา แล้วให้ท่องพระคาถานี้ในใจอยู่เสมอ ๆ ว่า “ พุทธังสรนังคัจฉามิ ธัมมังสรนังคัจฉามิ สังฆังสรนังคัจฉามิ ” ก็จะแคล้วคลาดปลอดภัยจากอํานาจมนต์ดําฝ่ายต่ําได้ ในส่วนละเอียดที่เกี่ยวข้องกับวิชาของหมอผีที่ส่งมาสู้กับท่านนั้น เป็นกิจธุระที่ไม่ได้สร้างความหนักอกหนักใจแต่ประการใดให้กับหลวงพ่อเลย เพราะท่านกล่าวมาคําหนึ่งว่า “ ไม่ต้องเป็นห่วงนะลูกหลานทั้งหลาย ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย ” จากนั้นท่านก็บอกให้ชาวบ้านกลับไปใช้ชีวิตตามปกติดั่งที่เคยเป็นมา เสมือนหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ภายในสํานักสงฆ์เขาวงกตหลวงพ่ออุ่นยังคงรียกประชุมอุบาสกผู้ใหญ่แจ้ ผู้ช่วยผู้ใหญ่แสงท่านอุบาสกสุรัตน์ และลูกน้องที่เป็นเจ้าหน้าท่ีป่าไม้ว่าจะดําเนินการทางกฎหมายบ้านเมืองอย่างไรต่อไป กับพวกที่บุกรุกป่าและโฆษณาชวนเชื่อ พร้อมขู่บังคับหลอกลวงชาวบ้านของบรรดาหมอผีกับพวก ซึ่งท่านอุบาสก สุรัตน์ขอรับอาสาทําหน้าที่ดําเนินการจับกุมผู้ที่กระทําการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติด้วยตนเอง โดยวางแผนงานร่วมกับผู้ใหญ่และเจ้าหน้าที่ท่ีเกี่ยวข้อง หลวงพ่ออุ่นได้กล่าวว่า “ การบําบัดทุกข์บํารุงสุขให้เหล่าบรรดาชาวบ้านที่ไร้ที่พึ่ง และห่างไกลความเจริญของพวกเรานี้เป็นหน้าท่ีของคนทุกคน ที่ต้องร่วมมือกันปล่อยทิ้งไว้เนิ่นนานไม่ได้ ความเสียหายใหญ่จะบังเกิดขึ้น ขวัญและกําลังใจเป็นสิ่งสําคัญ อาตมาถึงเรียกประชุมชาวบ้านมาทําพิธี ก็เพื่อเรียกขวัญสร้างกําลังใจในเบื้องต้นให้ก่อน

Page 33: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 31 ~

ส่วนที่เหลือก็ขอให้พวกท่านช่วยกันทําให้สําเร็จ กําจัดคนพาลอภิบาลคนดี ส่วนอาตมาจะดับวิชาทั้งหมดของเจ้าหมอผีเอง ไปทํางานกันเถิดไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวอาตมาจะถอนวิชาคุณไสยของเขาเอง ” เจ้าหน้าที่ท้ังหลายน้อมรับคําสั่งหลวงพ่อแยกย้ายออกไปปฏิบัติการทันที นกน้อยบินกลับรัง ตะวันสั่งลาขอบฟ้า ความมืดมิดก็มา เยือนนภาเกิดราตรี กระท่อมที่ท้ายเขา แหล่งรวมเหล่าพวกหมอผ ี กําลังทําพิธ ี คุณไสยนี้เพื่อฆ่าคน กระท่อมร้างกลางป่าเวลานี้บรรยากาศดูเงียบสงัดวังเวงยิ่งนัก หมอผีผู้มีวิชาเวทย์อาคมอันแก่กล้าด้วยมหามนตราฝ่ายต่ํา และลูกศิษย์กําลังประกอบพิธีกรรมเพื่อทําอะไรบางอย่าง ท่ามกลางชาวบ้านที่เคารพนับถือ ส่วนใหญ่มาจากหมู่บ้านดอนมะเดื่อและละแวกถัดไป ซึ่งคือหมู่บ้านห้วยนางหลง ทุกคนนั่งอยู่ภายในอาณาบริเวณ ที่ล้อมไปด้วยด้ายสายสิญจน์ตามที่หมอผีกําหนดให้ หมอผีหลับตาร่ายเวทย์อาคมเรียกผีป่าทั้งหลายให้มาปรากฏกายขึ้น กลิ่นสาบสางเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณพิธี ยามนี้ไม่มีแม้แต่เสียงของเหล่าบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้ยินแม้แต่น้อย แต่อยู่ ๆ ก็เกิดมีเสียงของหมาป่าหอนดังโหยหวนทําให้จิตประสาทของผู้คนที่นั่งอยู่ต่างหลอนไปตาม ๆ กัน ทันใดนั้นผีเปรตและอสูรกายมากมายหลายชนิดมายืนรอรับฟังคําสั่งของผู้ที่ปลุกวิญญาณมันขึ้นมา เพื่อใช้ให้ไปออกอาละวาดหลอกหลอนผู้คนที่หมู่บ้านดงป่าช้าแตก ที่อาจหาญขัดคําสั่งในการไม่ยอมรับนับถือตนและพวกพ้องก็ต้องเจอดีอย่างนี้ แล้วออกคําสั่งว่า “ พวกเจ้าจงออกไปสร้างความตื่น

Page 34: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 32 ~

กลัวให้เกิดโกลาหลกันทั้งหมู่บ้านดงป่าช้าแตก ให้พวกมันทั้งหลายได้ขวัญหนีดีฝ่อ จนคุมสติไม่อยู่จะได้หันมานับถือข้าและจะได้รู้ว่าหลวงพ่อที่มันนับถือก็ไม่อาจช่วยอะไรพวกมันได้ ส่วนพวกพระเณรแห่งเขาวงกตมันต้องเจอไอ้นี่ของข้า ” พูดจบหมอผีก็ได้หยิบควายธนูขึ้นมาบริกรรมคาถาร่ายเวทย์อาคม เพื่อทําให้มันมีชีวิตก่อนปล่อยมันพุ่งกระโจนกลางอากาศหายวับไปกับตา รวมถึงเสกหนังควายเข้าท้องหลวงพ่ออุ่นเป็นลําดับไป ส่วนหลวงพี่เชียรถูกหมอผีทําหุ่นฟางขึ้นมาแล้วตอกตรึงด้วยตะปูมัดติดกันกับหุ่นฟางตัวเล็กคาดว่าคือสามเณรจ่อยนั่นเอง เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้เจ้าควายธนูหล่นลงตรงเบื้องหน้าหมอผีแบบไม่มีหัว ลําตัวถูกทุบตีจนฟกช้ําหมดฤทธิ์เดช หมอผีเห็นแล้วใจหายอุทานออกมาด้วยน้ําเสียงระส่ําว่า “ พระองค์นี้มันแน่กว่าที่ข้าคิด เราประมาทมันเกินไปถึงขนาดจัดการควายธนูของข้าได้ ไม่ธรรมดา ” หมอผีพูดไม่ทันขาดคําหุ่นฟางที่เพิ่งทําเสร็จก็เกิดไฟลุกไหม้เสียหายไปหมดรวมถึงบรรดาผีลูกสมุนที่ส่งไปก็พ่ายกลับมาในสภาพที่ย่ําแย่กันทุกตัวเลยทีเดียว เจ้าผีตัวหนึ่งรายงานความคืบหน้าให้ฟังว่า “ พวกข้ากําลังจะเข้าไปในหมู่บ้านได้อยู่แล้ว อยู่ ๆ ก็มีกระแสไฟฟ้าฟาดเปรี้ยงมาใส่พวกข้าทุกคน เจ็บแสบแทบจะทนไม่ไหวไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ทุกหลังคาเรือนมันเหมือนมีเกราะคุ้มกันเอาไว้แบบเดียวกันหมด คาดว่าคงเป็นเพราะเวทย์วิทยาคมแห่งสายสิญจน์ของหลวงพ่ออุ่นที่ให้ไว้กับพวกมันเป็นแน่ พวกข้าทําอะไรไม่ได้เลยนาย รอดมาได้ก็บุญโขแล้ว ” “ อะไรกันวะ ข้าแพ้ราบคาบขนาดนี้เชียวหรือ คนอย่างข้าไม่เคยแพ้ใคร เดี๋ยวเอ็งคอยดูข้าจะใช้ยาสั่งสูตรพิเศษปล่อยลมเพลมพัดซัดพวกมันให้หมอบราบคาบแก้ว พวกเอ็งอย่าเพิ่ง

Page 35: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 33 ~

ลุกหนีไปไหนนั่งดูกันให้เห็นเป็นบุญตาว่าข้าจะทําได้หรือไม่ ” หมอผีกล่าวจบก็นั่งบริกรรมคาถาเสกนู้นเป่านี่ตามพิธีกรรมของตน ซึ่งมีชาวบ้านทั้งสองหมู่นั่งดูอย่างใจจดใจจ่อ ว่าอาจารย์ของตนจะเก่งกาจสามารถสักปานใด น้ําตาเทียนที่ปักอยู่บนหัวกะโหลกของหมอผีไหลเป็นทางยาว อยู่ ๆ ก็มีลมพัดกรรโชกใหญ่เครื่องเซ่นสังเวยทั้งหลายบนแท่นพิธีถูกพัดกระจัดกระจายหกหล่นระเนระนาดไปทุกทิศทุกทาง และแล้วภาพที่ปรากฏอยู่ ณ เบื้องหน้าเหล่าบรรดาสานุศิษย์ของหมอผีจอมอหังการก็คือ เลือดท่ีไหลทะลักออกจากปากจนแดงฉานของหมอผีและลิ่วล้อทั้งหลาย สร้างความสยดสยองหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ผู้คนก็แตกตื่นวิ่งหนีกันอย่างอลหม่านตัวใครตัวมัน.บ้านใครบ้านมัน เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ามาถึงพอดีได้ทําการบอกให้ชาวบ้านอยู่ในความสงบ แล้วก็พบภาพของหมอผีที่นอนร้องครวญครางโอดโอยไปมา ดูแล้วช่างน่าเวทนาเป็นยิ่งนักจึงได้ควบคุมตัวออกไปจากพื้นที่นั้นให้หมดเพื่อดําเนินการตามกฎหมายบ้านเมืองต่อไป ส่วนชาวบ้านก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหลายที่เกิดขึ้น ให้กับท่านอุบาสกสุรัตน์และอุบาสกผู้ใหญ่แจ้ จนถึงเจ้าหน้าที่ท่ีเกี่ยวข้องฟังอย่างละเอียด ท้ังสองฝ่ายต่างบอกเหตุผลของกันและกัน ทําให้กิตติศัพท์ความดีงามของพระเกจิอาจารย์นามว่าหลวงพ่ออุ่น เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะชาวบ้านดอนมะเดื่อที่มี 30 หลังคาเรือน และหมู่บ้านห้วยนางหลงอีก 20 หลังคาเรือน ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าจะพากันมากราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อถึงสํานักสงฆ์เขาวงกตกันให้ได้เลยทีเดียว ยังความศรัทธาให้บังเกิดขึ้นมากล้นพ้นทวีแก่อุบาสกทั้งหลายของหลวงพ่ออุ่น และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทุก

Page 36: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 34 ~

คน ค่ําคืนอันเลวร้ายของการพ่ายอย่างหมดรูปของเหล่หมอผีก็ได้ผ่านพ้นไป ทุกอย่างกลับคืนเข้าสู่ภาวะปกติ

ณ ที่หมู่บ้านดงป่าช้าแตก หากกล่าวถึงราตรีที่ผ่านมาทุกคนต่างนอนหลับใหลอยู่สุขสบายกันทั่วหน้า ไม่มีใครทราบเลยว่ามีสิ่งใดบังเกิดขึ้นแก่พวกเขาเหล่านั้น ยามนี้ฟ้าสางสว่างแล้ว เสียงไก่ป่ายังขันเจื้อยแจ้ว สิงสาราสัตว์ยังยืนหยัดอยู่คู่ความสงัดกลางดงพงพนา ตะวันค่อย ๆ โผล่พ้นช่องเขาลอยเข้าสู่ม่านฟ้า เหล่าวิหคนกกาบินถลาออกจากรัง ชาวบ้านดงป่าช้าแตกต่างนั่งรอใส่บาตรพระท่ามกลางสายลมที่ปะทะมาแผ่วเบา ผู้คนต่างเย้าแหย่หยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนานกลางลานชุมชน แต่เมื่อคืนจะมีใครสักกี่คนบ้างจะรู้ว่าหลวงพ่ออุ่นที่เป็นที่เคารพนับถือของทุกคนนี้กําลังต่อสู้กับเดรัจฉานวิชาจนค่อนคืน เพื่อความสุขสงบปลอดภัยของทุกคนที่นี่ นี่คือพระผู้เป็นที่พึ่งของชาวบ้านโดยแท้ ภายในกุฏิหลวงพ่ออุ่นบนสํานักสงฆ์เขาวงกต ท่านออกจากการเดินวิชาด้วยอารมณ์ที่เบิกบานแจ่มใสในชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อคุณไสยมนต์ดําของค่ําคืนที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ที่นั่งทําภาวนา ปล่อยให้เหล่าอุบาสกทั้งหลายมานั่งรอท่านอกกุฏิตรงม้านั่งใกล้ลานธรรมแต่เช้ามืด ทั้งหมดได้สนทนากันไปเพื่อคั่นเวลา ก่อนการบิณฑบาตของหลวงพ่อจะมาถึง ( นี่คือตัวอย่างเรื่องราวของธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ บทสรุปของเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นอย่างไรต่อไป คุณผู้อ่านสามารถติดตามตอนต่อไปได้ โดยอ่านข้อความข้างล่างดังต่อไปนี้จนจบ จะพบกับขั้นตอนในการสั่งซ้ือเพ่ือเพ่ิมเติมอรรถรสในการติดตามเนื้อหาของธรรมนิยายได้จนจบครับ )

Page 37: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 35 ~

วาทะเด่นในธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ “ค่ําคืนนี้พระจันทร์ทรงกลดงดงามยิ่งนัก ลมหนาวโชยพัดเข้ามาทักทายแสงแห่งศศิธร คงจะเหนื่อยอ่อนตอนกลางวันที่ไล่แจกความเย็นเป็นของกํานัลรางวัลจากธรรมชาติแก่ผู้คนมากจนเกินไป มีผลทําให้พลังแรงลมและปริมาณความหนาวแลดูแผ่วเบา ไม่โดดเด่นเท่าวิถีโคจรของดวงดาว ลานธรรมที่กว้างใหญ่ไร้หลังคา ท้าทายฟ้าบนผาชัน บรรยากาศนั้นเงียบสงบจนกระทั่งว่าได้ยินเสียงร้องของหัวใจที่บอกว่ามีความสุขได้อย่างชัดเจน”

“ เวลาที่ดาวพราวระยับตา อ้อนออดฟ้ายามราตรี แสงหิ่งห้อยค่อยๆกระพริบถี่แอบกระซิบท่ีหินผาภายใต้แสงจันทราอันอบอุ่นเป็นกําลังใจหนุนส่งปัญญาบารมีที่เรานี้หยิบยื่นให้ต่อกัน” หลวงพี่เชียรมองดูหมู่มวลดารา ห้อยระย้ากลางเวหาหาว”

“ผู้คนยังคงหลับใหลภายใต้มนต์สะกดของความดึกสงัดแห่งรัตติกาล แต่มีพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งที่ไม่ยอมตกอยู่ในอํานาจนั้น ได้รักษาสัตย์ปฏิญาณที่ให้ไว้กับตัวเอง นั่นคือหลวงพี่เชียรท่านลุกนั่งทําภาวนา ตั้งแต่ตีสามตามสัญญา โดยตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่า หากตะวันไม่ส่องหน้าหรือไก่ป่าไม่โก่งขันฉันก็จะไม่ลุกจากที่ แล้วก็เจริญพระกรรมฐานของท่านเรื่อยไป ท่าทางการนั่งสมาธิที่ดูสงบนิ่งของหลวงพี่เชียร ช่างองอาจสง่างาม ประดุจนักรบกล้า

Page 38: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 36 ~

แห่งกองทัพธรรมที่ออกไปกรําศึกสู้รบกับกิเลส และฟาดฟันเหล่าพญามารด้วยธรรมาวุธภายในอย่างทระนง ”

“ภาพพระภิกษุ 2 รูป กับเณร 1 องค์ ออกเดินบิณฑบาตลัดเลาะไหล่เขาในยามเช้าที่สดใส ผ่านมวลแมกไม้พฤกษานานาพรรณที่ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล คละเคล้าไปด้วยไอดินกลิ่นหญ้าภายใต้อ้อมกอดแห่งความกรุณาของชะง่อนผาและป่าใหญ่ เสียงวิหคนกไพรกับลําธารน้อยที่ไหลใสเย็น ช่วยแต่งแต้มสีสันให้สองข้างทาง ที่ได้เดินผ่านเบิกบานใจยิ่งขึ้น ผ้ากาสาวพัสตร์สีเหลืองนวลผ่านดงกล้วยไม้ป่าเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก”

“ จากเช้าเข้าสู่สาย เที่ยงล่วงกลายเป็นบ่ายคล้อย พ้นเย็นเห็นจันทร์ลอย คู่ดาวน้อยยามราตรี ”

“ คืนนี้พระจันทร์ทรงกลดงดงามยิ่งนัก ลมหนาวพัดมาทักทายเบาๆก่อนเข้านอน คงจะเหนื่อยอ่อนตอนกลางวันที่ไล่แจกความเย็นเป็นของกํานัลรางวัลจากธรรมชาติแก่ผู้คนมากจนเกินไป มีผลทําให้พลังแรงลมและปริมาณความหนาวแลดูแผ่วเบา ไม่โดดเด่นเท่าวิถีโคจรของดวงดาว ลานธรรมที่กว้างใหญ่ไร้หลังคา ท้าทายฟ้าบนผาชัน บรรยากาศนั้นเงียบสงบ ได้ยินเสียงร้องของหัวใจบอกว่ามีความสุข ได้อย่างชัดเจน หลวงพ่ออุ่นเดินตรงมาที่

Page 39: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 37 ~

ลานธรรมแล้วกล่าวทักว่า “ไม่มีใครเป็นพระอรหันต์ได้ด้วยการพูดคุย”แล้วก็ยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆให้แผ่นหนึ่ง ในนั้นเขียนข้อความเอาไว้ว่า ธรรมใดก็ไร้ค่า ถ้าหากว่าได้แค่จํา เพียงเราเข้าถึงธรรม สุขเลิศล้ํากว่าสิ่งใด รู้จบครบทุกสิ่ง ไม่ต้องอิงตําราใด หรือท่านนั้นภูมิใจ ตําแหน่งใหม่ “ ใบลานเปล่า ”

“สว่างข้างนอกมันจะไปได้เรื่องอะไร ต้องสว่างที่ใจข้างในจึงจะใช้ได้ มาเถิดมาทําใจของเราให้สว่างกัน ”

“ลมหนาวจากช่องเขาพัดโชยมาอย่างแผ่วเบา ใจของทุกคนก็เบาสบายไม่แพ้กัน จนแสงสีทองเริ่มจับขอบฟ้าขับไล่ความมืดมิดแห่งห้วงรัตติกาลให้พลันมลายหายไป ฟ้าสางสว่างแล้วแต่ใจคนสว่างกว่าเป็นไหน ๆ สว่างทั้งนอกสว่างทั้งใน ใจใสสะอาดสงบพบธรรม ”

“เหล่าบรรดาอุบาสกทั้งหลายได้เดินเรียงรายย่างกรายลงจากเขา ลดเลี้ยวลัดเลาะรื่นเริงบันเทิงนิโรธ มาตามชะง่อนผามุ่งหน้าสู่ชุมชนเบื้องล่างอย่างเบิกบานอารมณ์ เสียงวิหคนกไพรส่งสําเนียงเสียงใสไพเราะน่าฟัง สายลําธาร

Page 40: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 38 ~

น้อย ๆ ที่ไหลอ่อยบรรจบกระทบโขดหินได้ยินเบา ๆ ภายใต้ร่มเงาของทิวไม้ ตะวันนั้นทําเป็นหลบซบไหล่เขา จนถึงทางแยกตัดเข้าหมู่บ้าน ”

“นกน้อยบินกลับรัง ตะวันสั่งลาขอบฟ้า ความมืดมิดก็มา เยือนนภาเกิดราตร”ี “ยามนี้ฟ้าสางสว่างแล้ว เสียงไก่ป่ายังขันเจื้อยแจ้ว สิงสาราสัตว์ยังยืนหยัดอยู่คู่ความสงัดกลางดงพงพนา ตะวันค่อย ๆ โผล่พ้นช่องเขาลอยเข้าสู่ม่านฟ้า เหล่าวิหคนกกาบินถลาออกจากรัง ชาวบ้านดงป่าช้าแตกต่างนั่งรอใส่บาตรพระท่ามกลางสายลมที่ปะทะมาแผ่วเบา”

“เมื่อความคิดเปลี่ยนจิตใจก็เปลี่ยนชีวิตเราก็เปลี่ยนไปตามความคิดและจิตใจนั้นอยู่ที่ว่าจะเปลี่ยนเป็นลบหรือบวกขาวหรือดํามืดหรือสว่างดีหรือร้ายก็เท่านั้นเอง”

“เวลาผ่านพ้นสู่สนธยา วิหคนกกาบินถลากลับรัง ตะวันลดตัวลงต่ําหายไปข้างหลังถ้ําลําน้ําวน ความมืดมิดแผ่คลุมทั่วทิศ เป็นเพื่อนสนิทมิตรแห่งรัตติกาล” “ตรงลานธรรมอันโล่งกว้าง คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงดาวติดบ่วงฟ้า เจิดจรัสจ้าท้าทายสายลม ที่พัดถล่มความรู้สึกนึกคิดของใครบางคน จนต้องแหงน

Page 41: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 39 ~

มองขึ้นไปบนฟ้า พร่ําพรรณนาสิ่งที่เห็นนั้นว่า “จิตรกรรมธรรมชาติที่วาดโดยสวรรค์”

“ลานธรรมอันโล่งกว้าง ที่มีท้องฟ้าแทนหลังคาดวงจันทราแทนแสงไฟนีออน ดาวน้อยที่หยุดโคจรชั่วคราวกระพริบพร่างพราวคู่ลมหนาวในค่ําคืนนี”้

“ประตูแห่งฟ้ายามราตรีนี้จะถูกเปิดออก ให้เห็นพระจันทร์ยิ้มและทะเลดวงดาวกับลมหนาวที่พัดผ่านในช่วงแห่งรัตติกาลอันยาวนาน”

“ภาพของสาธุชน 2 ข้างทางที่นั่งคุกเข่าพนมมือยาวเป็นแถวเป็นแนวต่างพร้อมใจกันมากราบชื่นชมบารมีของพระคุณเจ้าที่ตนเคารพนับถือ เป็นภาพแห่งความประทับใจท่ีตราตรึงไว้ในความทรงจําของพระนักเทศน์แห่งเมืองหลวงองค์นี้ไปอีกนาน”

“ต้นไม้ตบะและวิริยะแห่งความเพียร ถูกพญามารตัดโค่นเผาทําลายจนโล่งเตียนไปไม่มีเหลือ ทางแห่งมรรคผลถูกสกัดด้วยอํานาจแห่งความหวาดกลัว ความมืดสลัวแห่งปัญญา ในจิตใจของมหาเปรียญผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองหลวง ส่วนสามเณรน้อยและมิ่งมงคล สองคนที่ติดร่างแหของความแพ้พ่ายไปด้วยกัน สําหรับคืนที่จันทร์ถูกบังแสงลมกรรโชกแรงเสียงหมาป่า ที่สร้างความหวาดระแวงหอนโหยหวนเสียดแทงความรู้สึกได้รุนแรงดีเหลือเกิน”

Page 42: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 40 ~

“ฟืนสุมไฟขับไล่ความหนาวใต้แสงดาวที่ริบหรี่ พระจันทร์ยังอวบอั๋นกลมโต ความง่วงพากันเฮโลขับกล่อมเพลง “โอ้ละเห่”เทความหลับใหลสู่ใจคน ตราบจนรัตติกาลได้ผ่านพ้นไปสู่เช้าวันใหม่ท่ีสดใสรื่นรมย์เสียงไก่ป่าโก่งคอขันในขณะที่เงาจันทร์ยังไม่ทันจากลา สิ้นเสียงนาฬิกาปลุกจากธรรมชาติ ทุกสรรพชีวิตก็พ้นจากอํานาจแห่งความหลับใหล ตื่นขึ้นมาต้อนรับชีวิตใหม่กับการก้าวไปของการดํารงอยู”่ “ตะวันบอกลาฟ้าดวงจันทราเข้ามาแทนท่ี ความมืดมิดปิดบังทัศนียภาพอันสวยงามของน้ําตกสาริกาไปจนหมดสิ้น เหลือไว้แค่เพียงสียงน้ําตกที่ไหลเอี่อย ๆ และสายลมที่พัดเฉื่อยฉิวกับท้องฟ้าที่ไส้กิ่วหิวดาวห่ิงห้อยตัวน้อยปลดปล่อยแสง แต่งแต้มสีสันอันโสภาประดับราตรี เสียงหริ่งเรไรระงมไพรพนาร้องได้เพราะพริ้งจริงๆหนาเมื่อเอียงหูฟัง ความวังเวงยังแสดงบทบาทร่วมกับความอ้างว้างอย่างไม่เกรงใจใคร ความเงียบสงบทําให้กบภูเขาเขย่าลูกคอร้องอ๊บ ๆ ขอความเห็นใจ เหล่าคณะศิษย์หลับสนิทด้วยความอิดโรย ละอองของน้ําตกที่หล่นจากบนผาพัดพาความชุ่มฉ่ําสร้างแรงจูงใจอันเลิศล้ําให้พระคุณเจ้ากระทําความเพียร” “ตะวันส่องแสงกระจ่างฟ้า ตะวันธรรมเจิดจรัสจ้ากระจ่างใจ ”

Page 43: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 41 ~

“เวลาผ่านไปเนิ่นนานพอสมควรพรานดําเห็นลําแสงแห่งตะวันเปลี่ยนทิศทางทอดยาวไปอีกด้านหนึ่งก็รู้แจ้งแก่ใจทันทีว่า นี่ใกล้เวลาสนธยาจะมาเยือน” “ศศิธรอ่อนแสงเพราะพูดแข่งกับดาวนั่งหาวมาทั้งคืน จนตะวันนั้นตื่นหยิบยื่นเช้าวันใหม่ที่สดใสเริงร่า หมู่นกกาบินถลาออกจากรัง ดอกไม้บานสะพรั่งที่หลังเขา ทะเลหมอกบ่งบอกความงามเหนือคําบรรยาย สายลมพัดทิวไม้ให้ได้เริงระบําสัตว์ป่าออกหากินแวะถ้ําลําธาร ทุกสรรพสิ่งล้วนสอดประสานกันได้อย่างลงตัว” “ฆราวาสปลดระวางสัมภาระส่วนพระละอัฐบริขาร” “ ตะวันลาลับทิวไม้หล่นหายตกร่องไปตรงช่องเขา เงามืดยืดขยายปกคลุมไปทั่ว ท้องฟ้ามีดาวสลัวๆอยู่ 2-3 ดวง จันทร์ครึ่งเสี้ยวลอยเกี่ยวแขนแดนสวรรค์ ท่ามกลางเสียงจักจั่นเรไรที่ร้องกล่อมไพรในยามราตร”ี “ภาพและเสียงอันไม่พึงปรารถนามลายหายไปสิ้น คงเหลือไว้แค่เพียงสายลมผสมความเงียบ กับความเรียบง่ายของธรรมชาติผืนป่าในช่วงราตรีฟ้านี้ไม่มีดาว”

Page 44: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 42 ~

“พระคุณเจ้าทั้งสามรูปยังคงต่อวิชา”อาสวขยญาณใหญ่”ให้ซึ่งกันและกัน ต่อรู้ต่อญาณ,สืบรู้สืบญาณไปสุดหยาบสุดละเอียด บารมีแผ่ไพศาลไปทั่วแสนโกฎิจักรวาลจรดนิพานกายธรรมและนิพานเป็น องค์จุลจักร,มหาจักร,บรมจักร,อุดมบรมจักร ครบสี,ครบสาย,ครบกาย,ครบองค์,ครบวงศ์,ครบชั้น,ครบตอน,ครบธาตุ,ครบธรรมแห่งธรรมภาคขาวทั้งปวง นับพระองค์ไม่ถ้วน มาร่วมอนุโมทนา”

“ ตะวันนั้นสิ้นแสง จันทร์ตะแคงแย่งขอบฟ้า แข่งคู่หมู่ดารา ส่องแสงจ้าท้าอารมณ”์ “มหาเมฆตั้งขึ้นบดบังแสงอาทิตย์ จนเกิดเป็นร่มฉัตรเงาขนาดใหญ่ลอยหมุนเวียนเป็นทักษิณาวรรตเหนือลานผาหน้าถ้ําและมีลําแสงสีทองที่ลอดช่องฟ้ามาปรากฏเป็นดวงสว่างส่องลงมาตรงเหล่าพระคุณเจ้าพอดี ประหนึ่งเทพเทวาเนรมิตให้ อัศจรรย์แห่งบุญญาฟ้าเปิดแล้ว....แสงแห่งตะวันส่องสว่างจ้า แต่ใจคนสว่างกว่าเป็นไหนๆ” “เหล่าพระคุณเจ้านั้นท่านยังคงนั่งหลับตานิ่งทําวิชชาแก้ไขวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสทองของทุกคนกายตั้งตรงดํารงจิตมั่นไม่หวั่นไหว ภายใต้ศศิธรที่ป้อนแสงนวลใย ให้มีพลังใจท่ีจะสู้กับมหันตภัยครั้งใหญ่ท่ีจะอุบัติขึ้นในวันพรุ่งนี้ และดูเหมือนว่าเวลานี้ทุกเข็มชองนาฬิกาเดินช้าเสียเหลือเกิน ”

Page 45: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 43 ~

“บรรยากาศธรรมชาติที่นี่ยังดูสดใสบริสุทธิ์ แมกไม้สายธาราและป่าเขายังงดงามน่าอภิรมย์ สายลมยังเฉื่อยฉิว ทิวไผ่ยังไหวเอน วิถีกฎเกณฑ์การดํารงอยู่ของเหล่าสิงสาราสัตว์ทั้งหลาย ยังอยู่ดีมีสุขสบายย่างกรายไปตามหินผาหน้าถ้ําน้ําตก ไร้ความตื่นตระหนกกังวลว่าตนนั้นจะเป็นเช่นไร ไอดินและกลิ่นหญ้ายังมีเสน่ห์มนต์มายาน่าใหลหลง ยามนี้ยังคงเป็นเช่นนั้น แต่ป่าดงพงพนาในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าที่เคยถูกสถาปนาให้เป็นเขตอภัยทาน กําลังจะกลายเป็นแดนประหารผลาญชีวิต....ทุกชีวิต ไม่มีสิทธิ์แม้แค่คิดที่จะอุทธรณ์ แดดอ่อน ๆ ในยามเช้าสาดส่องผ่านเขาปรากฏเงาตรงชะง่อนผา เหล่าวิหคนกไพรกู่ก้องร้องเสียงใสไร้ความหวาดผวาระแวง มรณะภัยที่กําลังจะเกิดขึ้นเบื้องหน้ากับจิตใจที่ไร้การปรุงแต่ง ของทุกชีวิตในผืนป่าเวลานี้ ต้องจับตาดูให้ดีว่าใครจะยิ่งใหญ่กว่ากัน เพราะมันไม่อาจวัดกันได้ด้วยความรู้สึกและสามัญสํานึกใด ๆ” “การต่อสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็นเพราะเป็นจุดดําเล็ก ๆ ของพญามารที่ซ่อนไว้ในเหตุลับ – เหตุหาย มันไม่ง่ายเลยกับวิชาฝ่ายต่ําที่ทําเป็นปิฏกธาตุปิฏกธรรมเคลือบไว้ด้วยคําสาปแห่งมนต์มายาอันละเอียดลึกซื้ง ซึ่งมีน้อยคนนักที่จะสาวถึงต้นเหตุที่แท้จริงที่พญามารเขากํากับบังคับบัญชาเอาไว้ได”้ “พระคุณเจ้าทั้ง 3 รูปก็ลืมตาด้วยใบหน้าท่ีเปื้อนรอยยิ้มที่พร่างพราย ประกายตาที่สดใสบ่งบอกถึงความในใจท่ีเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข แสงตะวันอัน

Page 46: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 44 ~

เรืองรองสีทองอร่ามส่องมายังร่างของพระคุณเจ้าทั้ง 3 ตรงปากทางเข้าสู่ถ้ํา เพื่อต้อนรับนักรบกล้าแห่งกองทัพธรรม” “คฤหัสถ์จงเข้านอน บรรพชิตขอตัวก่อนจะไปทําความเพียร” “ หลวงพ่ออุ่นท่านเจริญพระคาถาหลับตาภาวนาสักครู่ก็หยดเทียนลงไปในน้ํา เกิดสิ่งอัศจรรย์คือหยดเทียนวิ่งเข้าหากันตรงจุดศูนย์กลาง แล้วแตกออกเป็นดอกพิกุลขนาดใหญ่ หลวงพ่ออุ่นลืมตาขึ้นช้า ๆ ยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อยประหนึ่งเหมือนว่าท่านชนะแล้ว” “การกล่าวมธุรสวาจาให้ซึ่งกันและกันนํามาซึ่งกําลังใจอันไม่มีประมาณ กิจการงานที่ทําก็สําเร็จโดยง่าย” “ยามนี้ ข้างนอกสว่างด้วยแสงจันทร์ข้างในสว่างด้วยแสงธรรม” “หลวงพี่เชียรเพียงรูปเดียว ท่ีเดินตรงไปจนติดขอบท่ีกั้นกันคนตกจากหน้าผาตรงลานธรรม ยืนแผ่เมตตาถึงเหล่าบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้อยู่ดีมีสุข จากนั้นท่านก็เดินจงกลมด้วยการมีสติจําได้หมายรู้อย่างเท่าทันอารมณ์กระทบในภาวะปัจจุบันหลวงพี่เชียรเพียงรูปเดียว ที่เดินตรงไปจนติดขอบท่ีกั้นกันคนตกจากหน้าผาตรงลานธรรม ยืนแผ่เมตตาถึงเหล่าบรรดาสรรพ

Page 47: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 45 ~

สัตว์ทั้งหลาย ให้อยู่ดีมีสุข จากนั้นท่านก็เดินจงกลมด้วยการมีสติจําได้หมายรู้อย่างเท่าทันอารมณ์กระทบในภาวะปัจจุบันอยู่ทุกขณะจิต เป็นเวลานานเท่าใดไม่มีใครทราบได้ จนรปภ.พิเศษในเขตป่าหลายตัวรวมหัวกันโก่งคอขันขยันแต่เช้า แม้ไม่มีเงินเดือนเงินดาวน์เหมือนอย่างคน แต่ก็ทําหน้าที่เวรปลุกให้คนได้ลุกขึ้น ได้อย่างดี” “บุญสถานแห่งนี้ในยามเช้าที่อากาศเป็นใจ พัดลมตัวใหญ่คือไอเย็นจากลมตรงช่องเขา นําพาโฮโซนบริสุทธิ์มาวิ่งเล่นเข้าๆออกๆอยู่ตลอดในปอดของทุกคน” “หลวงพี่เชียรออกมาเดินจงกลมตรงลานธรรม ผ้ากาสายะสั่นพลิ้วไหวเล็กน้อยตามแรงลม แต่จิตใจของท่านนั้นกลับสงบน่ิงมิสั่นไหวไปตามสายลมนั้น” “หลวงพี่เชียรพาพระมหาเจียกสหธรรมมิกจากแดนไกล ออกมากินลมชมวิวตรงลานธรรมอันโล่งกว้างเพื่อดูซันเซ็ตหรือพระอาทิตย์ตกดิน ภาพที่ปรากฏอยู่ ณ เบื้องหน้า เป็นภาพมหัศจรรย์ของขวัญกํานัลจากธรรมชาติอันวิจิตร งดงามตระการตา นภาอร่ามเรืองรองเป็นสีทองปนแดง ตะวันตะแครงจูบลาฟ้าค่อย ๆ เคลื่อนเลื่อนคล้อยย้อยตัวลงมา ซบหน้ากับภูผาหายวับไปกับตา ต่อหน้าพระมหาเจียก”

Page 48: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 46 ~

ม้านั่งใต้ต้นทองกวาวซึ่งมีข้อความหนึ่งเขียนติดไว้ว่า “ ไม่มีใครบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ด้วยการพูดคุย ” “สภาพของชุมชนที่ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขาและป่าใหญ่ ทําให้ภูมิอากาศของที่นี่ค่อนข้างเย็น ยิ่งดึกยิ่งหนาว มีแต่ความเงียบสงัดท่ามกลางรัตติกาลอันมืดมิดที่ร่ายมนตราประกาศิต แห่งความหลับใหลแผ่คลุมไปทั่วทุกหัวระแหง” “ความงามที่นี่ถูกจัดสรรโดยธรรมชาติ มันช่างเหมาะสมกลมกลืนสวยงามไม่มีท่ีติ เห็นแล้วรื่นเริงบันเทิงใจดีเหลือเกิน พวกเราดูนั่นสิดวงตะวันกําลังโผล่ขึ้นสู่ขอบฟ้า แสงสีทองของวันใหม่กําลังจะปรากฏช่างงดงามเสียนี่กระไร” “ หลวงพ่อและคณะศิษย์ที่ติดตามออกจากป่าท้ายหมู่บ้านเยื้องกรายผ่านลําธารน้อยใหญ่ ลัดเลาะสุมทุมพุ่มไม้ไหล่เขาเข้าสู่หมู่บ้านดอนมะเดื่อได้อย่างง่ายดาย ท่ามกลางสายลมที่พลิ้วพรมแผ่วเบาพัดพาความสบายตลอดเส้นสายของการเดินทาง”

Page 49: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 47 ~

“อ่างมโนราห์ ที่มีน้ําใสเย็นเป็นธรรมชาติจัดสรรที่แม้แต่ชาวสวรรค์ก็ต้องหันมามอง บรรยากาศดูเงียบสงบไร้เสียงรบกวน แต่หอมตลบอบอวลด้วยมวลแมกไม้ ร่มเงาที่แผ่คลุมอ่างน้ําที่เกิดจากพนังถ้ําสร้างความสุขเลิศล้ําเหนือคําบรรยาย” “มุ้งกลดได้แขวนไว้กับเส้นเชือกที่ผูกตรึงกับต้นไม้สั่นตามแรงลม แต่ใจของสมณะหนุ่มรูปนี้หาได้สั่นไหวไปตามไม่นั่งนิ่งแน่น........ด้วยสภาวธรรมที่นิ่มนวล” “ จนแสงสีทองของวันใหม่ทาบทาขอบฟ้า เหนือยอดเขาภูลาทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านดอนมะเดื่อ หากมองลงมาจากยอดเขาจะเห็นทะเลหมอกที่บอกได้คําเดียวว่าสวยงามเหลือเกิน” “พระนั้นชอบสงบจึงนิยมอยู่ในที่สงัด ส่วนคฤหัสถ์บอกว่าอึดอัดไม่ค่อยสันทัดเรื่องธุดงค์” “วงสนทนาดําเนินไปท่ามกลางเรื่องราวอันหลากหลาย ที่ถูกนํามาถ่ายทอดเล่าสู่กันฟัง จนอากาศเริ่มทวีความหนาวเย็นมากขึ้นไปทุกขณะ ความง่วงชนะสังขารร่างกายที่อ่อนล้าหนังตาเริ่มจะปิด ทุกคนจึงแยกย้ายกันข้าสู่ที่พักเพื่อทักทายนิทราราตรีต้อนรับฝันดีที่มาเยือน”

Page 50: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 48 ~

“ไก่ป่าโก่งคอขัน เพี่อรับขวัญเช้าวันใหม ่ ปลุกคนพ้นหลับใหล พบฟ้าใสตะวันงาม ” “พระโยคาวจรทั้งหลายผู้ได้พระนิพพานนั้นเป็นผู้ทําความเพียรเวียนหาความพ้นทุกข์ ไม่ติดสุขอะไรทั้งนั้น” “ ความงดงามแห่งธรรมชาติบนภูสูง ,ทะเลหมอก ที่มีอยู่ทุกชุมชนที่ผ่านมา แต่หาที่ไหนจะงดงามเท่าที่นี่ สีขาวอมเทาเงาทะเลหมอกบ่งบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกในส่วนลึกให้นึกถึงภาพวาดสีน้ํามันจากปลายพู่กันของจิตรกรจีน” “อาศรมของพระดาบสตั้งอยู่กลางธรรมชาติของผืนป่าที่สงบร่มรื่นด้วยเงาไม้ใหญ่บนลานกว้างที่สะอาด มีลําธารน้ําใสไหลผ่านด้านหลังอาศรม พืชผักผลไม้ล้วนอุดมสมบูรณ์ แสงสูรย์บริบูรณ์ความสว่างให้มิสร่างซา หยาดพิรุณก็หล่นมายามเวลาที่พฤกษาปรารถนาให้มาเยือน ดวงจันทร์กลมโตสว่างจ้าลอยอยู่เหนือหลังคาอาศรมพระดาบสให้ได้ชมใกล้ ๆ จวบจนศศิธรเริ่มอ่อนแสงคนก็อ่อนแรงร่างกายก็อ่อนล้าตาก็เริ่มปิด จิตก็ล่องลอยเข้าสู่ภวังค์ของความฝันบนภพภูมิอันละเอียดที่ซ้อนกันอยู่กับภพภูมิหยาบที่ไร้ขีดคั่นของกาลเวลา”

Page 51: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 49 ~

“สภาพผืนป่ายังอุดมไปด้วยดอกไม้นานาพรรณสีสันงามตาสัตว์ป่ายังเริงร่าออกหากินทิวทัศน์ยังคงมนต์ขลัง มีพลังที่จะดึงดูดผู้ท่ีมาเยือนให้หยุดอยู่กับที่ ทะเลหมอกประตูออกของตะวันที่ขยันโผล่ออกมาทุกเช้าก่อนลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ายังสะกดจิตใจของผู้ที่ได้พบเห็นได้อย่างน่าอัศจรรย์” “เหล่าสมณะปลดระวางอัฐบริขาร แยกย้ายสู่สถานที่พักของตนบนสํานักสงฆ์ที่ยังคงสงบร่มรื่น ,ร่มเย็น ทัศนียภาพที่เห็นยังสวยงามท่ามกลางกลิ่นไอธรรมชาติที่สะอาดบริสุทธิ์ ดอกไม้ป่าฉุดกระชากลากอารมณ์ให้น่าอภิรมย์เสน่หา เสียงน้ําตกนกร้องดังลอดช่องหน้าต่างเข้ามา ในช่วงตะวันหล่นฟ้าเวลาเย็น ช่างเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกของใครหลายๆคน ชาวบ้านที่ดิ้นรนบนความเรียบง่ายตามบาทวิถีแห่งความพอเพียง จิตวิญญาณร้อยเรียงผ่านลําธาร,ขุนเขา,เงาไม้ท่ีไม่ปรุงแต่ง ยามราตรีมีจันทร์ส่องแสงแข่งหมู่ดาวตรงราวฟ้า อวดทุกคู่สายตาที่ยังไม่ปรารถนาเข้านอน สายลมเย็นพัดโชยอ่อนช่วยดับร้อนผ่อนคลายสลายความเหงา เสียงหริ่งเรไรว่ายังไงกันล่ะเจ้า ยังคงเฝ้าร่ําร้องระงมไพรสไตล์ไทยเดิม ความมืดเข้าเสริมความอ้างว้างโดดเด่ียวสรรพสัตว์ยังวนเวียนท่องเที่ยวในสังสารวัฏ แบบไม่จํากัดเวลา เรื่องราวต่างๆนานาก็ยังคงอุบัติขึ้นมาไม่ขาดสาย ประดุจธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ท่ีเล่าผ่านไดอารี่แห่งความทรงจํา ที่ตอกย้ําด้วยจินตนาการกับการร้อยเรียงผ่านลําธารแห่งธรรมอันอมตะของพระพุทธองค”์

Page 52: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 50 ~

“แสงจันทร์ยังเจิดจรัสจ้าท้าทายฟ้าภูผาชัน พุทธบุตรแห่งพุทธองค์ยังคงหลับตานิ่ง กายตั้งตรงดํารงสติมั่นไม่หวั่นไหวต่อสายลมที่พัดผ่านกระทบกับอังสะจนพลิ้วไหว ลานธรรมในค่ําคืนนี้ที่เงียบสงบ การรบในส่วนละเอียดท่ีต้องใช้การหยุดนิ่งอย่างแผ่วเบาและนิ่มนวล ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายนักสําหรับผู้กระทําความเพียร แสงกระพริบของหมู่ดาวที่พร่างพราวบนฟ้าคล้าย ๆ จะบอกว่าอย่าเลิกล้มความเพียรมุ่งสู่ความสําเร็จแบบเบ็ดเสร็จในคืนนี้ แสงดาวยังคงกระพริบถี่เหมือนให้แรงใจแก่พระคุณเจ้าและสามเณร จนเวลาล่วงเลยผ่านไปนานพอสมควร หลวงพี่เชียรนําน้องเณรออกจากสมาธิกลับเข้าสู่กุฏิท่ามกลางอารมณ์ที่เบิกบานแจ่มใสหนทางแห่งมรรคผลนิพพานคงอีกไม่ไกลถ้าตั้งใจจะไปให้ถึงด้วยกําลังแห่งความเพียร”

“คืนนี้มีพระจันทร์ยิ้มพริ้มพราย เห็นทะเลดวงดาวมากมายเรียงรายเต็มฟ้า สายตาของทุกคู่จ้องมองดู จินตนาการเปิดอารมณ์เตลิดรับรู้ สู่ความรู้สึกนึกคิด ไร้ซึ่งบรรทัดฐานของความถูกผิดที่ปกปิดมานาน สายลมพลิ้วผ่าน จิตใจแตกกระสานซ่านเซ็น ” “หลวงพี่เชียรพาพระมหาเจียกสหธรรมมิกจากแดนไกล ออกมากินลมชมวิวตรงลานธรรมอันโล่งกว้างเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน ภาพที่ปรากฏอยู่ ณ เบื้องหน้า เป็นภาพมหัศจรรย์ของขวัญกํานัลจากธรรมชาติอันวิจิตร งดงาม

Page 53: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 51 ~

ตระการตา นภาอร่ามเรืองรองเป็นสีทองปนแดง ตะวันตะแครงจูบลาฟ้าค่อย ๆ เคลื่อนเลื่อนคล้อยย้อยตัวลงมา ซบหน้ากับภูผาหายวับไปกับตา ต่อหน้าพระมหาเจียก” “สภาพของชุมชนที่ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขาและป่าใหญ่ ทําให้ภูมิอากาศของที่นี่ค่อนข้างเย็น ยิ่งดึกยิ่งหนาว มีแต่ความเงียบสงัดท่ามกลางรัตติกาลอันมืดมิดที่ร่ายมนตราประกาศิตแห่งความหลับใหลแผ่คลุมไปทั่วทุกหัวระแหง ” “ทัศนียภาพที่เห็นยังสวยงามท่ามกลางกลิ่นไอธรรมชาติที่สะอาดบริสุทธิ์ ดอกไม้ป่าฉุดกระชากลากอารมณ์ให้น่าอภิรมย์เสน่หา เสียงน้ําตกนกร้องดังลอดช่องหน้าต่างเข้ามาในช่วงตะวันหล่นฟ้าเวลาเย็น ช่างเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกของใครหลายๆคน ชาวบ้านท่ีดิ้นรนบนความเรียบง่ายตามบาทวิถีแห่งความพอเพียง จิตวิญญาณร้อยเรียงผ่านลําธาร,ขุนเขา,เงาไม้ท่ีไม่ปรุงแต่ง ยามราตรีมีจันทร์ส่องแสงแข่งหมู่ดาวตรงราวฟ้า อวดทุกคู่สายตาที่ยังไม่ปรารถนาเข้านอน สายลมเย็นพัดโชยอ่อนช่วยดับร้อนผ่อนคลายสลายความเหงา เสียงหริ่งเรไรว่ายังไงกันล่ะเจ้า ยังคงเฝ้าร่ําร้องระงมไพรสไตล์ไทยเดิมความมืดเข้าเสริมความอ้างว้างโดดเด่ียว สรรพสัตว์ยังวนเวียนท่องเที่ยวในสังสารวัฏแบบไม่จํากัดเวลา เรื่องราวต่าง ๆ นานาก็ยังคงอุบัติขึ้นมาไม่ขาดสาย”

Page 54: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 52 ~

สนใจลิ้งค์หนังสืออิเล็คทรอนิคเรื่อง ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ฉบับสมบูรณ์สามารถสั่งซื้อได้ท่ี

สํานักพิมพ์หลักศิลา เลขที่ 123/13 ซอยคันธมาศ 5หมู่ 5 ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ ์53000

โทร. 084-5050607 , 087-1959317

หรือที ่E-mail: BB-

[email protected] , [email protected] , [email protected]

[email protected] ชื่อบัญชีนายบรรพชา บุณยรัตพันธุ ์

ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนศรีอุตรา ประเภทออมทรัพย ์

บัญชีเลขที่ 297-0-00803-3

หรือที ่ธนาคารกรุงเทพ สาขาอุตรดิตถ ์ ประเภทสะสมทรัพย์

บัญชีเลขที่ 293-4-46663-8

Page 55: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 53 ~

Page 56: ธรรมนิยายใต้แสงจันทร์ ( เขาวงกต ) ชุดที่ 2 แบบตัวอย่าง

~ 54 ~