Roman Empire and Christianity in the Middle Ages (Thai language)

Post on 18-Jul-2015

191 views 4 download

Transcript of Roman Empire and Christianity in the Middle Ages (Thai language)

Roman Empireอารยธรรมโรมนั

• ก าเนดิบริเวณคาบสมทุรอิตาลี ทางตอนใตข้องยโุรป ลกัษณะเป็น

แหลมยื่นลงไปในทะเลเมดเิตอรเ์รเนยีน ท าใหก้ารเดนิเรือไปคา้ขาย

ท าไดอ้ย่างสะดวก

• ลกัษณะภมูปิระเทศสว่นใหญ่เป็นภเูขาและเนนิเขา ไดแ้ก ่เทือกเขา

แอลป์ ทางทิศเหนอื และเทือกเขาแอเพนไนน์ ซ่ึงเป็นแกนกลางของ

คาบสมทุร

• บริเวณที่ราบมนีอ้ย เชน่ ท่ีราบชายฝัง่เมดเิตอรเ์รเนยีน ที่ราบลุม่น า้

โป และที่ราบลุม่น า้ไทเบอร์

• ที่ราบลุม่น า้ไทเบอร ์เป็นท่ีตัง้ของกรงุโรม ในปัจจบุัน

ปัจจยัทางภมูศิาสตรก์บัการตัง้ถ่ินาาน

• คาบสมทุรอิตาลีมภีมูอิากาศแบบเมดเิตอรเ์รเนยีน สภาพอากาศ

อบอุ่น มฝีนตกในฤดหูนาว และอากาศแหง้แลง้ในฤดแูลง้

• บริเวณตอนกลางของคาบสมทุรเป็นท่ีราบเล็กๆ ท าใหพ้ื้นที่เกษตร

มไีมม่ากนกั เกิดการแย่งชงิกบัชนกลุม่อื่นๆที่อยู่ในดนิแดนแถบนี้

• ปัจจยัทางภมูศิาสตรส์ง่ผลใหช้าวโรมนัเป็นคนที่ขยนั อดทน มี

ระเบียบวินยั ปฏิบตัติามกฎอย่างเคร่งครดั

ปัจจยัทางภมูศิาสตรก์บัการตัง้ถ่ินาาน

ต ำนำนกำรกอ่ตัง้กรงุโรม

ต านานเร่ืองฝาแฝด รอมิวลสุ และ เรมสุ พวกเขาถกูแม่ทิ้ง แต่

ไดร้ับการช่วยเหลือและเลี้ยงดจูากหมาป่า เมื่อฝาแฝดเติบโตขึ้นพวก

เขาไดแ้ย่งชิงสถานที่ตัง้กรงุโรม รอมิวลสุไดฆ้า่นอ้งชายของเขาและได้

ลากเสน้ขอบเขตของกรงุโรมรอบเนนิเขา Palatine

อารยธรรมโรมนัสมยัประวตัศิาสตร์

Palatine Hill รอ่งรอยกำรตัง้ถ่ินฐำน นบัตัง้แต่ประมำณ 1,000 ปี กอ่น ค.ศ.

• บริเวณที่ตั้งของกรุงโรมในปัจจุบัน มีพวกอีทรัสคัน จาก

ภาคเหนอืของอิตาลี อยู่ครอบครองมากอ่น

• 509 ปี ก่อนคริสต์ศักราช พวกละตินไดโ้ค่นลม้กษัตริย์ชาว

อีทรสัคนั จดัตัง้กรงุโรม และกอ่รปูแบบสาธารณราั

• พวกละตินไดส้รา้งกรงุโรมที่เนินเขาลาดชัน 7 ลกู โดยในเวลา

กลางวัน พวกเขาจะท าไร่ไถนา บนพื้นที่ราบอดุมสมบรูณ์ที่เชิง

เขา ในเวลากลางคืน พวกเขากลบัไปยงับา้นที่อยู่บนยอดเขา เพื่อ

ปกป้องตวัเองจากการโจมตี

อารยธรรมโรมนัสมยัประวตัศิาสตร์

• ในขณะที่กรงุโรมพัฒนาเป็นอารยธรรมที่ซับซอ้น ก็มีชนชั้นสอง

จ าพวกเกิดขึน้

• อ านาจการปกครองเป็นของชนชัน้สงูที่เรียกว่า พวกพาทริเชยีน

• ราษฎรสามญัหรือประชาชนส่วนใหญ่ เรียกว่า เพลเบียน

• ความไม่เท่าเทียมกนัระหว่างพวกเขา น าไปสู่ ความขดัแยง้ ในที่สดุ

พวกเพลเบียนไดม้ีสิทธิออกกฎหมายร่วมกบัพวกพาทริเชียน เป็น

ประมวลกฎหมายที่ เป็นลายลักษณ์อักษรฉบับแรก เรียกว่า

“กฎหมำยสิบสองโตะ๊”

อารยธรรมโรมนัสมยัประวตัศิาสตร์

สงครำมพิวนิค

264-146 ปี กอ่นคริสตศ์ักราช โรมนัท าสงครามพิวนคิ 3 ครัง้

กบัพวกคารเ์ทจ ที่อยู่บริเวณทางตอนเหนอืของทวีปแอฟริกา สาเหตุ

มาจากการแย่งผลประโยชนใ์นเกาะซิซิลี

โรมไดร้ับชัยชนะสงครามพิวนิคทกุครั้ง ในที่สดุโรมก็ยึดและ

ท าลายเมืองคารเ์ทจได ้พลเมือง 50,000 คนที่ อาศัยอยู่ในเมืองก็ถกู

ขายไปเป็นทาส ดินแดนแห่งเมืองคารเ์ธจถกูสรา้งขึน้เป็นจังหวัดของ

โรมนั

อารยธรรมโรมนัสมยัประวตัศิาสตร์

• ในขณะที่โรมขยายอาณาเขต ชาวโรมนัผูม้ัง่คัง่คิดถึงแต่อ านาจและ

ความมัง่คัง่มากขึน้ สิ่งนีเ้พ่ิมระยะห่างระหว่างคนรวยและจน ส่งผล

ใหเ้กิดความไมพ่อใจของสามญัชนมากขึน้เร่ือย ๆ

• ในที่สดุ เมื่อ 27 ปี กอ่นคริสตศ์ักราช ชาวโรมนัไดย้ตุิการปกครอง

ในระบอบสาธารณรัา มาเป็นการการปกครองแบบจักรวรรด ิ

อย่างเป็นทางการ

• ออคเทเวียน ไดร้ับสมญานามว่า ออกัสตัส ไดถ้กูยกย่องให้เป็น

จกัรพรรดพิระองคแ์รกของจกัรวรรดิโรมนั

อารยธรรมโรมนัสมยัประวตัศิาสตร์

• รัาที่เร่ิมภายใตก้ารปกครองของออกัสตัส มีประสิทธิภาพมากใน

คริสต์ศตวรรษที่ 1 กินเนื้อที่จากสเปนไปถึงเมโสโปเตเมีย จาก

แอฟริกาเหนือไปถึงเกาะบริเตน (สหราชอาณาจักร) มีผูค้นจาก

หลายภาษาวัฒนธรรมและประเพณีรวมอยู่ ในภูมิภาคของ

จกัรวรรดิ

• เกษตรกรรม เป็นกิจกรรมทางเศรษากิจที่ส าคญัที่สดุในจักรวรรด ิ

เป็นพื้นาานของเศรษากิจโรมัน ส่วนใหญ่ชาวโรมันมีชีวิตอยู่รอด

ดว้ยผลิตผลจากพ้ืนท่ีในทอ้งถ่ินของพวกเขา

อารยธรรมโรมนัสมยัประวตัศิาสตร์

• อตุสาหกรรม มีการขยายตัว มีการผลิตเคร่ืองป้ันดินเผา สินคา้

โลหะและกระจก เพิ่มขึ้น การผลิตไวนแ์ละน า้มันมะกอก ตลอดจน

ผลิตภณัฑอ์าหารอ่ืน ๆ ก็เพ่ิมขึน้เชน่กนั

• พาณิชยกรรม จักรวรรดิไดส้่งเสริมการใชเ้สน้ทางการคา้ขาย

พ่อคา้แล่นเรือขา้มทะเลเมดิเตอรเ์รเนยีนไปสเปน แอฟริกาและเอเชีย

ตะวนัตก และพวกเขายงัเดนิทางโดยทางบกไปยงักอลและสว่นอ่ืน ๆ

ของยโุรป

อารยธรรมโรมนัสมยัประวัตศิาสตร์

• เงนิตรา ในยคุของออกสัตสั เหรียญเงนิที่เรียกว่า Denarius ถกู

น ามาใชท้ัว่จกัรวรรดิ รปูแบบทัว่ไปของเงนิท าใหก้ารคา้ขายระหว่าง

ส่วนต่าง ๆ ของจักรวรรดิงา่ยมากขึ้น เหล่าพ่อคา้สามารถซ้ือและ

ขายโดยไมต่อ้งเปลี่ยนเงนิของพวกเขาเป็นเงนิตราอีกสกลุหนึง่

อารยธรรมโรมนัสมยัประวัตศิาสตร์

• ความเชื่อของชาวโรมันได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอ่ืนๆ

โดยเฉพาะอย่างย่ิง ชาวอีทรสัคนัและชาวกรีก

• ชาวโรมันไดร้ับความคิดของชาวอีทรัสคัน เกี่ยวกับพระเจา้อยู่ใน

ร่างมนษุย ์และพวกเขายังไดร้ับพิธีกรรมการท านายอนาคต ของ

ชาวอินทรสักนัมาดว้ย

• ชาวโรมันไดยื้มเทพเจา้จ านวนมากมาจากชาวกรีก เช่น เทพเจา้

โรมัน ชื่อ จปิูเตอร์ ซ่ึงเป็นบิดาของเทพเจา้ทั้งหลาย มีลักษณะ

คลา้ยเทพเจา้ซสุ ของกรีกหลายประการ

อารยธรรมโรมนัสมยัประวัตศิาสตร์

• ในคริสตศ์ตวรรษที่ 1 ศาสนาคริสต์

แผ่ขยายไปทางทิศตะวันตกของ

ปาเลสไตน์ ซ่ึงขณะนั้นอยู่ ใต ้ก าร

ปกครองของโรม จักรวรรดิโรมัน

ตอ่ตา้นคริสตศ์าสนาอย่างรนุแรง

• จนกระทัง่ ค.ศ.313 จักรพรรดิ

คอนสแตนติน ประกาศกฤษฎีกาให้

เสรีภาพในการนบัถือศาสนาคริสต์

อารยธรรมโรมนัสมยัประวัตศิาสตร์

• ในปลายคริสตศ์ตวรรษท่ี 4 ถึงคริสตศ์ตวรรษที่ 5 จกัรวรรดิโรมนั

อ่อนแอลงตามล าดับ จนในที่สดุกรงุโรมถูกพวกอนารยชนเผ่า

เยอรมนั หรือเผากอท เขา้รกุราน

• จกัรพรรดิโรมนัองคส์ดุทา้ย ถกูพวกอนารยชนขบัออกจากบัลลงัก์

ใน ค.ศ. 476 จึงถือว่าเป็นการสิ้นสดุของจกัรวรรดโิรมนั

อารยธรรมโรมนัสมยัประวัตศิาสตร์

มรดกของอารยธรรมโรมนั

กฎหมำย 12 โตะ๊

เนน้ความเสมอภาค

จกัรพรรดจิสัตเินยีนแห่งโรมนัตะวนัออกไดร้วบรวมและจดั

หมวดหมู ่เป็นประมาลกฎหมายจสัตเินยีน

มรดกของอารยธรรมโรมนั

อำคำรเพ่ือประโยชนส์ำธำรณะ

1. สนามกีฬาโคลอสเซียม

มรดกของอารยธรรมโรมนั

อำคำรเพ่ือประโยชนส์ำธำรณะ

2. สนามแขง่รถมา้ เซอรค์สั แมกซิมสั

มรดกของอารยธรรมโรมนั

อำคำรเพ่ือประโยชนส์ำธำรณะ

3. ประตชูยั

มรดกของอารยธรรมโรมนั

อำคำรเพ่ือประโยชนส์ำธำรณะ

4. ที่อาบน า้สาธารณะ

มรดกของอารยธรรมโรมนั

อำคำรเพ่ือประโยชนส์ำธำรณะ

5. ถนน สะพาน ท่อล าเลียงน า้

มรดกของอารยธรรมโรมนั

วิหำรแพนธีออน

อิทธิพลของครสิตศ์ำสนำ

ในยโุรปสมยักลำง

เริม่ตน้ยคุกลำง

ยคุกลางเร่ิมเมื่อ

โรมนัตะวนัออกล่มสลาย

หรือ

โคลมับสัพบทวีปอเมริกา

โรมนัตะวันตก

ลม่สลาย

ควำมเป็นมำ

คริสตศ์าสนาไดก้ าเนดิขึน้ในชว่งตน้ของสมยัจกัรวรรดโิรมนั

แตเ่ดมิคริสตศ์าสนาเป็นศาสนาตอ้งหา้มของจกัรวรรดโิรมนั และ

ถกูทางการปราบปรามอย่างรนุแรง

ตอนตน้คริสตศ์ตวรรษที่ 4 จกัรพรรดิคอนสแตนตนิที่ 1

(ค .ศ . 306-337) ไดท้รงประกาศให้เสรีภาพในการนับถือ

คริสตศ์าสนา ตอ่มาจกัรพรรดธิีโอโดซสุทรงประกาศให้

คริสตศ์าสนาเป็นศาสนาประจ าจกัรวรรดิโรมนั

ควำมเป็นมำ

เมื่อจักรวรรดิ โรมันล่มสลาย ยุโรปแตกเป็น

อาณาจักรมากมายและมีแต่ความปั่นป่วน ศาสนาจึง

เขา้มามีบทบาทเป็นเคร่ืองยึดเหนีย่วจิตใจ จนบางครั้ง

ยคุกลางถกูเรียกว่า “สมยัแห่งศรทัธา

ควำมเป็นมำ

ควำมเป็นมำ

บทบาทของคริสตศ์าสนาในยคุกลาง

ศาสนจกัรไดอ้า้งอ านาจเหนอืกษตัริย ์โดยสนัตะปาปาจะ

เป็นผูส้ถาปนาจักรพรรดิของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธ ์

ซ่ึงน าไปสู่การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างศาสนจักรกับ

จกัรพรรดเิยอรมนัในยคุกลางระยะกลาง

บทบำทของครสิตศ์ำสนำในยคุกลำง

ชาวยโุรปในสมยักลางมคีวามเชือ่ในศาสนาอย่างมาก และ

จะตอ้งปฏิบัติตามค าสอนอย่างเคร่งครัด ถา้ผูใ้ดมีความเห็น

ขดัแยง้กบัศาสนจกัรจะตอ้งถกูไตส่วนและลงโทษ เชน่

1. บพัพาชนยีกรรม (excommunication)

2. ตดัขาดจากศาสนาทัง้ชมุชน (interdiction)

บทบำทของครสิตศ์ำสนำในยคุกลำง

คริสตจักรเป็นผูก้ าหนด

ด้ า น ก า ร ศึ ก ษ า โ ด ย ใ ห้

โรงเรียนสอนเทวนิยมและใช ้

ภาษาละติน สอนใหเ้ชื่อว่าโลก

แบน และโลกเป็นศนูย์กลาง

ข อ ง จั ก ร ว า ล โ ด ย มี ก ร ุ ง

เยรซูาเล็มเป็นศนูยก์ลางโลก

บทบำทของครสิตศ์ำสนำในยคุกลำง

ศาสนจกัรเป็นแหลง่รวมความมัง่คัง่ในสมยักลาง

โบสถจ์ดัการเก็บภาษโีดยตรงจากประชาชน เรียกวา่

tithe นอกจากนีย้งัมรีายไดอ่ื้นๆ เชน่ เงนิบ ารงุศาสนา

เงนิบริจาค

บทบำทของครสิตศ์ำสนำในยคุกลำง

คริสตจกัรใหค้นออกรบเพ่ือศาสนา โดยท าสงคราม

ครเูสดกบัชาวมสุลิมเพ่ือแย่งชงิดนิแดนศักดิส์ิทธ์ิ หรือ

กรงุเยรซูาเล็ม

บทบำทของครสิตศ์ำสนำในยคุกลำง

อีกปัจจัยหนึ่งที่ท าให้ศาสนจักรมีอ านาจใน

สมัยกลาง คือ การจัดการอ านาจแบบรวมศนูย์

โดยเลียนแบบการบริหารของจักรวรรดิโรมนั ท า

ใหค้ริสตจกัรมกีฎระเบียบและเป้าหมายชดัเจน

บทบำทของครสิตศ์ำสนำในยคุกลำง

ขอบคณุค่ะ